คลังเก็บป้ายกำกับ: ล้างเครื่อง

ล้างเครื่อง Reset PC เหมือนได้คอมใหม่ ง่าย ทำได้ไว ไม่ต้องลงวินโดว์ฉบับปี 2023

ล้างเครื่องใหม่อัพเดต 2023 Reset PC ไม่ต้องลงวินโดว์ใหม่ ทำงาน เล่นเกมลื่นไหล

ล้างเครื่อง

ล้างเครื่อง Reset PC ในโอกาสใดบ้าง ทำไมถึงต้องทำ? วิธีการนี้ เป็นทำให้คอมเครื่องเก่าหรือเครื่องที่ใช้อยู่นั้นกลับมาทำงานได้ตามปกติ เหมือนกับตอนที่ลงวินโดว์ใหม่ๆ รวมถึงทำให้คนที่อาจเจอปัญหากับการใช้ซอฟต์แวร์ หรือไฟล์ระบบทำงานไม่ปกติ การแก้ปัญหาในเบื้องต้นอาจยังไม่พอ ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเช่น คุณอาจได้คอมมือสอง ที่เป็นมรดกตกทอดจากพี่ หรือซื้อคอมมือสองมา แล้วอยากจะทำให้เหมือนเครื่องใหม่ พร้อมเคลียร์พื้นที่ในระบบให้พร้อมสำหรับใช้งาน หรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น บางครั้งก็จอฟ้า BSOD รวมไปถึงเมื่อต้องการจะขายโน๊ตบุ๊ค หรือเปลี่ยนมือให้คนอื่นใช้ จำเป็นต้องเคลียร์ข้อมูล เพื่อความปลอดภัย นอกจากวิธีการ Recovery แล้ว การ Reset PC ก็ทำให้คอมของคุณกลับมาเหมือนลงวินโดว์ใหม่แบบ Clean ได้เช่นกัน ให้คอมกลับมาทำงานลื่นไหล เหมือนได้คอมเครื่องใหม่ โดยที่ไม่ต้องใช้แฟลชไดรฟ์ มาบูทเครื่องเพื่อลงวินโดว์ใหม่ให้เสียเวลาแล้ว ด้วยขั้นตอนเหล่านี้ คุณสามารถทำด้วยวิธีนี้ทั้งบนโน๊ตบุ๊คหรือพีซีของคุณ


ล้างเครื่อง Reset PC เหมือนได้คอมใหม่

เงื่อนไขและสิ่งที่ต้องเตรียม

  • มีวินโดว์ที่ติดตั้งเอาไว้ก่อนแล้ว หรือเป็นระบบจากเครื่องเก่า (แต่วิธีอาจต่างกันไปใน Windows แต่ละเวอร์ชั่น)
  • จะเป็นวินโดว์แท้ หรือยังไม่ได้ Activate อย่างเป็นทางการ ก็ทำได้ แต่ผลที่ได้อาจไม่เหมือนกัน 100% ถ้าไม่ใช่วินโดว์แท้ติดเครื่อง ก็อาจจะต้อง Activate ใหม่ด้วยคีย์เดิม
  • ต้องมีอแดปเตอร์หรือที่ชาร์จ ที่เสียบชาร์จไฟเอาไว้ได้ กรณีที่เป็นโน๊ตบุ๊ค และชาร์จเอาไว้จนกว่าจะเสร็จสิ้นขั้นตอน
  • ไม่จำเป็นต้องมีแฟลชไดรฟ์ในการบูต ไม่ต้องอาศัยแผ่นติดตั้ง Windows ง่ายและสะดวกกว่าเยอะ
  • ย้ำอีกครั้ง หากคุณมีข้อมูลสำคัญ ให้โยกย้าย สำรองเอาไว้ เช่น Document, Photo, Video, Download หรืออื่นๆ ใส่เอาไว้ใน External Drive เอาไว้ก่อนดีที่สุด

Backup สำรองข้อมูลในส่วนใดบ้าง?

ล้างเครื่อง
  • Desktop: เป็นอีกที่หนึ่งที่หลายคนใช้ในการเก็บไฟล์และจัดวางโฟลเดอร์งาน เพื่อให้เปิดใช้งานได้สะดวก ซึ่งบางครั้งต้องเช็คให้ถี่ถ้วนว่านำมาครบหรือไม่
  • Document: ส่วนใหญ่จะใช้ในการเก็บไฟล์งาน และเอกสาร ข้อมูลต่างๆ ภายในนี้ ซึ่งอาจจะเป็นโฟลเดอร์ซับซ้อน ให้เริ่มเก็บจากโฟลเดอร์หลักมาให้ครบ
  • Pictures: ไฟล์ภาพ และไฟล์ที่ได้จากการ Capture อาจเข้าไปอยู่ในโฟลเดอร์ Screenshot หากยังต้องใช้ ก็ไม่ควรลืมสำรองเอาไว้ด้วย
  • Videos: โฟลเดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์วีดีโอต่างๆ รวมไฟล์ที่ Capture มาเป็นวีดีโอ ก็จะอยู่ในนี้ด้วยเช่นกัน
  • Downloads: อาจจะเลือกเก็บเป็นบางไฟล์ หรือบางโปรแกรมที่นำมาใช้ โดยใช้เป็นไฟล์ที่มีการอัพเดตใหม่ หรืออาจจะสำรองเอาไว้ทั้งหมด เพื่อนำไปแยกการใช้งานอีกครั้ง
  • Music: เพลง เสียง และอื่นๆ ถ้ามีสิ่งสำคัญให้สำรองเอาไว้ก่อน
  • นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องของ Sticker note หรืออื่นๆ ให้ลองดูว่าเราเพิ่มเติมการใช้งานอื่นใดเข้าไปบ้าง เพราะบางอย่างไม่ต้องสำรองไฟล์ แค่ใช้ Log-in เดิม เช่น Google account หรือ Microsoft account สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็พร้อมให้คุณใช้งานได้ทันที

ประโยชน์ และข้อควรระวังในการล้างเครื่อง Reset PC

  1. การ Reset PC ช่วยให้คุณได้คอมเหมือนเครื่องที่เพิ่งลงวินโดว์มาใหม่ๆ แต่อาจจะมีแตกต่างกันไปบ้าง ตามเวอร์ชั่น รวมถึงควรต้องเตรียมไดรเวอร์หรือแหล่งดาวน์โหลด เพื่อการอัพเดตได้อย่างรวดเร็ว
  2. แต่การ Reset จะทำให้โปรแกรม และข้อมูลของคุณหายไปทั้งหมด ยกเว้นว่า คุณจะสำรองข้อมูลเอาไว้แล้ว หรือจะเลือกเป็นแบบ Keep Data
  3. การ Reset PC เช่นนี้ อาจไม่ได้ส่งผลให้การเล่นเกม เฟรมเรตพุ่ง โดยตรง แต่ก็ช่วยให้การเล่นเกมโดยรวมดีขึ้น เพราะมีการ Clear Cache, ลบไฟล์ขยะ และกำจัดสิ่งที่เป็น Process ของซีพียู แรม เป็นต้น
  4. ข้อควรระวัง สำรองข้อมูล ต่ออแดปเตอร์จ่ายไฟไว้ตลอด โปรแกรมกับไดรเวอร์ต้องหามาเตรียมเอาไว้ กรณีที่อุปกรณ์บางอย่าง ใช้ไดรเวอร์เฉพาะ

ขั้นตอนในการ Reset PC

ล้างเครื่อง

สำหรับใครที่ใช้ Windows 10 และ Windows 11 กดปุ่ม Start เลือก Settings แล้วไปที่ Update & Security ในหน้านี้จะมีตัวเลือกค่อนข้างเยอะ ควรเลือกให้ถูกต้องตามขั้นตอน

Advertisementavw
ล้างเครื่อง

เลือกที่ Recovery ที่อยู่ในแถบซ้ายมือ บริเวณใกล้กับ Activation จากนั้น ไปที่หัวข้อ Reset this PC ทางด้านขวา กดปุ่ม Get started

ล้างเครื่อง

จากนั้นจะเข้าสู่หน้าที่ให้เราเลือกว่าจะทำการ Reinstall Windows แบบใด จะมีให้เลือก 2 แบบ ที่มีการใช้งานต่างกันคือ

ล้างเครื่อง
  • Keep my files: จะเป็นการ Reset ระบบ พร้อมเก็บข้อมูลส่วนตัวของคุณไว้ เช่น ภาพ วีดีโอ Document และอื่นๆ รวมถึงโปรแกรมที่คุณใช้) ข้อดีคือ คุณไม่ต้องไปโปรแกรมเดิมมาลงใหม่ ไฟล์ข้อมูลของคุณจะไม่หายไปไหน แต่คุณจะต้องรอนานมากในขั้นตอนนี้ นานชนิดบางทีคุณลงวินโดว์ใหม่ เร็วกว่า
  • Remove Everything: เป็นแบบที่เหมาะกับคนที่ต้องการความเร็ว และเคลียร์ไฟล์ รวมถึงซอฟต์แวร์ที่มีปัญหาต่างๆ ออกทั้งหมด ในส่วนนี้จะใช้เวลาไม่มาก และได้ผลค่อนข้างดี เพราะจะแก้ปัญหาบางอย่างที่อาจจะไม่สามารถทำได้ใน Error checking หรือการ Uninstall Program เพียงอย่างเดียว

ซึ่งถ้าคุณสำรองไฟล์ข้อมูลต่างๆ เอาไว้ตั้งแต่ต้นเรียบร้อยแล้ว ให้เลือกที่ Remove everything ได้เลยครับ ให้คลิ๊กตรงนี้

ล้างเครื่อง

เมื่อเข้ามาที่ Additional settings หรือการตั้งค่าพื้นฐาน สามารถเลือก Change settings ได้

ล้างเครื่อง

ให้ตั้งเป็นค่าเดิมไว้ คือ Off ตรงนี้ถ้าเลือก On ก็จะเข้าเงื่อนไขของระบบ เช่น ลบได้ไว แต่ไม่ปลอดภัย รวมถึงเฉพาะข้อมูลที่อยู่ในไดรฟ์นี้ จะหายไปเมื่อติดตั้งวินโดว์ จากนั้นกด Confirm จากนั้นคลิ๊ก Next ต่อไป

ล้างเครื่อง

มาถึงตรงนี้ หากเป็นโน๊ตบุ๊ค ระบบจะแจ้งเลยว่า ให้ต่อสายอแดปเตอร์เข้ากับเครื่อง เพื่อทำการชาร์จไฟ ซึ่งอาจเกิดปัญหาได้ หากไฟดับ แบตหมดขณะที่กำลัง Reset อยู่ หากของใครไม่ยอม Reset ให้ ลองเสียบสายชาร์จดูครับ

ล้างเครื่อง

เมื่อเข้าหน้า Ready to reset this pc ระบบบอกว่าพร้อมแล้ว สำหรับการ Reset เลือกที่ Reset ได้เลย

ล้างเครื่อง

ให้รอสักครู่ ระบบกำลังทำการ Preparing หรือจัดเตรียมลำดับสักครู่ ก่อนจะทำการ Reset จะนานหรือไม่ขึ้นอยู่กับความแรงของโน๊ตบุ๊ค

Reset PC Cleanup 2023 31

ระหว่างขึ้นหน้าจอสีดำ อย่าเพิ่งทำอะไร หรือไปถอดปลั๊ก ให้รอกระบวนการ Reset ไปสักระยะ จากนั้นระบบจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการติดตั้ง Windows อีกครั้งหนึ่ง บนหน้าจอสีฟ้าๆ ให้รอจนกว่าจะเสร็จสิ้น

เสร็จแล้วระบบจะให้เราทำการตั้งค่าต่างๆ ก่อนจะใช้งาน Windows ซึ่งตรงนี้ จะคล้ายกับที่เราติดตั้ง Windows ใหม่นั่นเอง ใครที่อยากดูรายละเอียดตรงนี้ให้ครบๆ สามารถคลิ๊กดูบทความ สอนลงวินโดว์ ฉบับเต็ม ได้เลยครับ

ล้างเครื่อง

ขั้นแรก เลือก Region ตรงนี้จะเลือก Thailand หรือจะคลิ๊ก Yes ไปก่อน แล้วค่อยตั้งค่า เมื่อเข้าสู่ Windows แล้ว ก็ได้

ล้างเครื่อง

ต่อมา Keyboard layout เลือก US จากนั้น Language ให้เลือก ภาษาไทย แล้ว Next เลือก Thai Kedmanee

ล้างเครื่อง

เมื่อเข้ามาหน้าการเชื่อมต่อเครือข่าย ตรงนี้แนะนำว่าให้กด I don’t have internet ไปก่อนครับ เพราะไม่อย่างนั้น คุณจะต้อง Log-in Microsoft account ก่อน ซึ่งจะใช้เวลาค่อนข้างนาน

ล้างเครื่อง

ต่อมาระบบจะถามว่า ใครจะเป็นคนที่ใช้เครื่องนี้ ใส่ชื่อเราที่เป็นเจ้าของเครื่องก็ได้ครับ แล้วกด Next

ล้างเครื่อง

ส่วนของ Password หรือรหัส ใครจะตั้งเลยก็ได้ หากใช้เครื่องคนเดียว แต่ถ้าใช้กันหลายคน อาจจะเอาไว้ตั้งทีหลังก็ได้ครับ กด Next

ล้างเครื่อง

ในหัวข้อ Choose Privacy Settings นี้ จะให้คุณเลือกเปิดใช้งานความเป็นส่วนตัวของคุณ ตัวอย่างเช่น Location เพื่อให้ระบบรายงานเส้นทาง สภาพอากาศ รวมถึงการบริการต่างๆ จากไมโครซอฟท์ เมื่ออยู่ในพื้นที่นั้นๆ หรือไม่ หรือจะเป็น Find my device ในการเปิดให้ค้นหาอุปกรณ์ของคุณ กรณีที่เกิดการสูญหาย รวมถึง Diagnostic data จะส่งข้อมูลบางส่วนให้กับเว็บไซต์จากเบราว์เซอร์ที่คุณใช้ เพื่อให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์และเปิดใช้งานฟีเจอร์เกี่ยวกับ Activity และอื่นๆ เพื่อรายงานความผิดพลาด ที่เกิดขึ้นเมื่อใช้งาน หรือจะเป็น Inking & Typing เป็นต้น

ล้างเครื่อง

รอจนกว่าระบบจะบูตเข้าสู่หน้า Desktop ตรงนี้ถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คแบรนด์ต่างๆ อาจจะมีขั้นตอนที่เพิ่มเติมเข้ามา รวมถึงแอพพลิเคชั่นที่จะติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามาในระบบ ไม่ต้องตกใจ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปได้เลย นั่นคือการอัพเดตสิ่งต่างๆ ให้พร้อมสำหรับการใช้งาน

ล้างเครื่อง

สิ่งที่คุณจะต้องทำต่อไปคือ ต่ออินเทอร์เน็ต จะใช้ WiFi หรือสาย LAN ก็ตามสะดวกครับ ตรงนี้ผมแนะนำว่า หากคุณจะเครือข่ายนี้ที่บ้านเป็นค่าปกติ ก็เชื่อมต่ออัตโนมัติได้เลย เพราะจะต้องใช้อินเทอร์เน็ตอีกพอสมควรในการอัพเดตและติดตั้งสิ่งต่างๆ ภายในเครื่อง

ล้างเครื่อง

ให้ทำการ Update Windows, ลงโปรแกรม และย้ายไฟล์ของคุณกลับมาวางเอาไว้ที่เดิม เป็นอันเสร็จสิ้น

ทั้งหมดนี้ จะใช้เวลาอยู่ที่ราวๆ 10 กว่านาที ถามว่าเร็วกว่าลง Windows ใหม่มั้ย บอกเลยว่าใกล้เคียงกัน แต่…ไม่ต้องเตรียมแฟลชไดรฟ์ ไม่ต้องใช้แผ่นลง ลดเวลาไปไม่น้อยเลย


ข้อสังเกตหลังการ Reset

  • Windows หลักตัวเดิมของคุณเป็นเวอร์ชั่นใด เมื่อ Reset จะกลับไปเป็นแบบเดิมคือ ระบบตั้งต้น
  • ต้องอัพเดตไดรเวอร์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต เมนบอร์ด การ์ดจอ และอื่นๆ
  • ต้องเตรียมโปรแกรมและซอฟต์แวร์ใหม่ให้พร้อม เมื่อติดตั้งเสร็จให้ Activate ใหม่อีกครั้ง
  • อย่าลืม หากใครใช้ระบบ 2 ภาษา แล้วต้องใช้งานปุ่ม “Grave Accent” หรือปุ่มตัวหนอนในการสลับภาษา สามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย สำหรับคนที่ใช้ Windows 11

วิธีสลับภาษาด้วยปุ่ม Grave Accent

ล้างเครื่อง
  1. คลิ๊กขวาที่ปุ่ม Win แล้วเลือก Settings
  2. เลือกที่ Time & Language ที่อยู่ทางแถบด้านซ้าย
  3. จากนั้นเลือก Language & Region
  4. เลื่อนลงมาด้านล่าง แล้วเลือก Typing
  5. ในหน้า Typing ให้เลือก Advance keyboard settings
  6. หน้านี้ ให้เลื่อนลงมาด้านล่าง ดูในหัวข้อ Switch input methods ให้คลิ๊กที่หัวข้อ Input language hot keys
  7. เลือกที่ between input languages
  8. แล้วเลือก Change key sequence…
  9. หน้าต่างที่ปรากฏขึ้น ให้เลือกใส่เครื่องหมาย Grave Accent แล้ว Ok
  10. เท่านี้เป็นอันเสร็จสิ้น การสลับภาษาด้วยปุ่มตัวหนอน

สรุปการล้างเครื่อง

ล้างเครื่อง

โดยสรุปกับขั้นตอนการล้างเครื่อง Reset PC ไม่ได้ยุ่งยากใช่มั้ยครับ ด้วยการทำไม่กี่ขั้นตอนนี้ สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบ ในกรณีที่เกิดสิ่งผิดปกติในการใช้งาน เช่น ไดรเวอร์ ซอฟต์แวร์ และยูทิลิตี้ต่างๆ ที่ลงไปในเครื่อง แล้วทำให้ระบบทำงานผิดเพี้ยน หรือใช้งานมานาน แล้วอยากจะล้างระบบ เพื่อเคลียร์สิ่งต่างๆ ให้ระบบกลับมาเฟรชเหมือนใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญ ที่อยากจะย้ำในทุกครั้งที่ต้องทำสิ่งใดเกี่ยวกับระบบ แนะนำว่าให้สำรองข้อมูลต่างๆ เอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย รวมถึงเตรียมสายชาร์จ ในกรณีที่ใช้โน๊ตบุ๊ค และมีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อ จากนั้นทำทีละขั้นตอนแบบไม่ต้องรีบร้อน และหลังจากที่ล้างเครื่องเรียบร้อยแล้ว ใครที่ไม่แน่ใจ ผมอยากให้ดูในแต่ละขั้นตอนให้ครบถ้วน ก่อนจะลงมือทำจะดีที่สุดครับ ย้ำว่า การเตรียม สำรองข้อมูล และโปรแกรมบางส่วนไว้ ช่วยให้หลัง Reset ง่ายขึ้น ส่วนถ้ามีติดตรงจุดใด สามารถคอมเมนต์กันเอาไว้ได้เลยครับ สุดท้ายนี้ ปปป

from:https://notebookspec.com/web/683632-reset-pc-windows-11-2023

Advertisement

7 วิธีล้างเครื่องโน๊ตบุ๊ค สะอาดเหมือนซื้อมาใหม่ ฉบับปี 2021

โน๊ตบุ๊คใช้มาสักพักก็มีช้าลงบ้าง มีปัญหานี้เมื่อไหร่ล้างเครื่องโน๊ตบุ๊คสักรอบน่าจะดี

clean laptop cover

ยุคนี้ที่เราทำงานกับพีซีและโน๊ตบุ๊คกันเป็นปกติแล้วและลดการใช้กระดาษไปมาก แต่บางคนที่ใช้งานจริง ๆ ก็อาจจะลืมล้างเครื่องโน๊ตบุ๊คหรือพีซีของตัวเองได้เช่นกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วผู้เขียนอยากให้มองว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นของเราก็เหมือนโต๊ะทำงานอีกโต๊ะหนึ่งของเรา เวลาหยิบอะไรมาวางมาเขียน ประมวลผลกันทุกวี่วันแต่ไม่ได้เคลียร์ให้เอกสารเป็นระเบียบ เวลาเครื่องจะหาไฟล์อะไรมาทำงานให้เราก็ย่อมช้าเป็นธรรมดา

ซึ่งการล้างเครื่องโน๊ตบุ๊คสักเครื่องให้สะอาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คส่วนตัวที่ใช้งานมาราวปีหนึ่งแล้ว หรือจะเป็นโน๊ตบุ๊คมือสองที่เพิ่งซื้อมาก็ตาม ผู้เขียนก็ขอแนะนำให้ทำเป็นระยะ ๆ อาจจะตั้งเวลาแจ้งเตือนในมือถือเอาไว้ก็ได้ว่าควรทำเดือนละครั้ง เพื่อให้เครื่องของเราทำงานได้ดีอยู่เสมอ ซึ่งไม่ได้ใช้เวลานานมากอีกด้วย

ล้างเครื่องโน๊ตบุ๊ค

ล้างเครื่องไม่ใช่เอาน้ำชุบแล้วล้างแบบนี้นะ มีขิตกันบ้างล่ะ!

7 ขั้นตอนล้างเครื่องโน๊ตบุ๊ค เคลียร์เครื่องให้ใหม่ ทำงานไวทันใจ!

สำหรับคนที่ไม่อยากล้างเครื่องโน๊ตบุ๊คแล้วลง Windows ใหม่ ก็สามารถใช้วิธีที่แนะนำเอาไว้ในบทความนี้ แล้วจัดการเคลียร์ไฟล์ขยะต่าง ๆ รวมทั้งตั้งค่าเครื่องให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งผู้ใช้สามารถทำตามทั้ง 7 ขั้นตอนนี้ได้เลย

  1. ลบโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ทิ้งบ้าง
  2. ลดปริมาณโปรแกรมที่รันตัวเองตอนเปิดเครื่องหน่อย
  3. Defragment เป็นระยะ ๆ (แต่ SSD ห้ามทำนะ!)
  4. Disk Clean-up เป็นระยะ ๆ ล้างไฟล์ขยะออกจากเครื่อง
  5. สแกนไวรัสแบบละเอียดด้วย อย่ากดแต่ Quick Scan
  6. ใช้โปรแกรมเคลียร์ไฟล์ทิ้งไปเลย
  7. เริ่มต้นกันใหม่ด้วย Reset this PC
1. ลบโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ทิ้งบ้าง

programs

 

ถ้ามีโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ค้างอยู่ในเครื่องก็ลบทิ้งบ้าง หรือถ้าใช้อยู่เป็นระยะ ๆ ก็ควรอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นใหม่เสมอ สาเหตุเป็นเพราะว่าหลาย ๆ โปรแกรมในยุคนี้จะเปิดตัวเองขึ้นมาทำงานโดยอัตโนมัติในระบบเบื้องหลังและไม่แสดงขึ้นมาให้เราเห็น โดยเฉพาะโปรแกรมประเภทแอนตี้ไวรัสต่าง ๆ ซึ่งข้อดีคือเราจะสามารถเปิดโปรแกรมเหล่านี้ได้เร็วมาก แต่พีซีของเราจะโดนดึงทรัพยากรในเครื่องไปใช้กับโปรแกรมเหล่านี้ด้วย เครื่องเลยทำงานได้ช้าลงนั่นเอง

ดังนั้นถ้าเราติดตั้งโปรแกรมอะไรเอาไว้ในเครื่อง เพราะคิดเอาไว้ว่าอาจจะได้ใช้ก็ควรลบทิ้งจากเครื่องไปเลยแล้วถ้าโปรแกรมไหนมีเวอร์ชั่น Portable ที่เอาใส่แฟลชไดรฟ์ได้ก็เปลี่ยนไปใช้เวอร์ชั่นนั้นแทนก็ได้

ส่วนวิธีการสังเกตว่าโปรแกรมไหนของเราไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน ๆ จะยังไม่มีคำสั่ง Sort หรือเปิดหา Recent app ติดตั้งมาให้ใน Windows 10 แต่ต้องใช้วิธีการสังเกตโดยเปิดแล้วไล่ดูภายใน Apps & features เพื่อดูว่าในเครื่องเรามีโปรแกรมไหนติดตั้งอยู่บ้าง แล้วอยู่ในเครื่องมานานหรือยังแล้วค่อยไล่ลบก็ได้

วิธีการที่ผู้เขียนแนะนำคือให้เปิดดูใน Apps & features โดยกดปุ่ม Windows บนคีย์บอร์ดแล้วพิมพ์คำว่า Apps จากนั้นกด Enter เมื่อเลื่อนลงมาจะเห็นรายชื่อโปรแกรมทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง จากนั้นตั้งค่าฟิลเตอร์ให้เรียงตามวันที่ติดตั้งโปรแกรม แล้วไล่ดูว่ามีโปรแกรมไหนติดตั้งมานานแล้วไม่ได้เปิดใช้หรือไม่คุ้นเลย ก็ลบทิ้งได้เพื่อประหยัดพื้นที่และทรัพยากรในเครื่องเรา

2. ลดปริมาณโปรแกรมที่รันตัวเองตอนเปิดเครื่องหน่อย

startup programs

ก่อนหน้านี้ในยุค Windows 7, Windows 8.1 การเข้ามาปิดโปรแกรมที่รันตัวเองขึ้นมาทันทีเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาทำงานจะมีขั้นตอนยุ่งยากกว่านี้ แต่ใน Windows 10 จะมีส่วนของ Startup Program แยกออกมาให้โดยเฉพาะ

โดยวิธีการเปิดเหมือนกับในข้อที่แล้วแต่ให้เลื่อนลงมากดตรงคำว่า Startup จากนั้น Windows จะแสดงโปรแกรมทั้งหมดที่รันขึ้นมาตอนเปิดเครื่อง ซึ่งถ้ามีโปรแกรมไหนที่เราไม่ได้ใช้งานก็ปล่อยให้โปรแกรมนั้นเปิด (On) เอาไว้ก็ได้ ถ้าโปรแกรมไหนไม่ได้ใช้งานก็กดสลับให้ปิด (Off) แทน จะทำให้เครื่องของเราเปิดขึ้นมาแล้วพร้อมใช้งานได้เร็วยิ่งขึ้น

3. Defragment เป็นระยะ ๆ (แต่ SSD ห้ามทำนะ!)

defragment

เชื่อว่าหลายคนรู้ว่าเราควร Defragment ฮาร์ดดิสก์ของตัวเองเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์จัดเรียงข้อมูลภายในตัวไดรฟ์ให้เข้าที่ ซึ่งควรทำสัปดาห์ละครั้งเพื่อให้ตัวไดรฟ์เรียกเปิดโปรแกรมและไฟล์ที่บันทึกเอาไว้ข้างในได้ดียิ่งขึ้น โดยให้เราคลิกขวาตรง Harddisk ลูกที่เราต้องการ Defragment จากนั้นกด Properties แล้วเลือกแท็บคำว่า Tools แล้วคลิกคำว่า Optimise and defragment drive 

defragment2

หน้าต่าง Optimise Drive จะเปิดขึ้นมาให้เราเลือกไดรฟ์ที่ต้องการแล้วคลิกคำว่า Optimise ได้เลย แต่ห้ามทำการ Optimise กับฮาร์ดดิสก์แบบ Solid state drive โดยเด็ดขาด เพราะเป็นการเพิ่มภาระให้กับ Controller ใน SSD และเปลือง TBW โดยไม่จำเป็น ทำให้ SSD ลูกนั้นเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น เพราะว่าตัว Controller จะคอยจัดการเรื่องพื้นที่และจุดเขียนไฟล์ลงชิปโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว

wd black dashboard

หากใครต้องการปรับแต่งให้ SSD ของตัวเองทำงานได้ดีขึ้น ควรโหลดโปรแกรม Dashboard เฉพาะแบรนด์หรือรุ่นนั้นโดยเฉพาะมาติดตั้งแทน เพราะโปรแกรมเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ SSD โดยเฉพาะอยู่แล้ว จะทำให้อายุของ SSD ยืนขึ้นและประสิทธิภาพดีอยู่เสมอ โดยหาส่วนที่เรียกว่า TRIM แล้วกด Run TRIM Now เพื่อให้โปรแกรมสแกนและลบไฟล์ไม่ได้ใช้ที่ตกค้างใน SSD ลูกนั้นทิ้งไป

4. Disk Clean-up เป็นระยะ ๆ ล้างไฟล์ขยะออกจากเครื่อง

การทำ Disk Clean-Up ก็เหมือนการล้างเครื่องโน๊ตบุ๊คแบบอ่อน ๆ วิธีหนึ่ง เพราะวิธีนี้จะเคลียร์ไฟล์ tmp และ cache ต่าง ๆ ที่โปรแกรมต่าง ๆ สร้างเอาไว้ในเครื่องออกไป ได้พื้นที่ฮาร์ดดิสก์กลับมาและเครื่องสะอาดยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าใครไม่ได้ทำเป็นระยะ ๆ ก็ควรทำจะช่วยให้เราได้พื้นที่ในเครื่องคืนมาเยอะพอควรทีเดียว

cleanup

โดย Disk Clean-up นั้นเป็นฟีเจอร์ที่ติดมากับ Windows 10 เลย โดยเราสามารถกดปุ่ม Windows แล้วพิมพ์คำว่า Clean แล้วกด Enter ได้เลย

cleanup2

หน้าต่าง Disk Clean-up จะเปิดขึ้นมาให้เราเลือกไดรฟ์ที่ต้องการล้างไฟล์ขยะทิ้ง ซึ่งเลือกได้ทุกไดรฟ์บนเครื่อง สามารถกดล้างไฟล์ขยะได้ทุกไดรฟ์ ทั้งฮาร์ดดิสก์ธรรมดาหรือ SSD ก็ได้ ซึ่งความถี่ที่ควรกดล้างไฟล์ขยะในเครื่องนั้น ผู้เขียนแนะนำว่าทำเดือนละครั้งก็เพียงพอแล้ว

5. สแกนไวรัสแบบละเอียดด้วย อย่ากดแต่ Quick Scan

เราไม่รู้หรอก ว่าใช้โน๊ตบุ๊คทำงาน เข้าเว็บไซต์ โหลดไฟล์ต่าง ๆ เข้ามาใช้ในเครื่องมากมาย ไม่มีทางรู้แน่นอนว่าไวรัสหรือมัลแวร์จะแทรกเข้ามาในเครื่อง ลอดผ่านระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ มาฝังเอาไว้ในเครื่องได้ด้วย

และการสั่งรันสแกนไวรัสแบบ Quick Scan นั้น จะรันสแกนได้ไม่ละเอียดมากนัก แนะนำให้สั่งสแกนเครื่องแบบ Full Scan ไปเลย แม้จะใช้เวลาสักหน่อยแต่ก็อุ่นใจกว่า ซึ่งถ้าใครใช้โปรแกรม Antivirus ตัวไหนอยู่ก็เปิดตัวนั้น ๆ ขึ้นมาจัดการได้เลย ส่วนคนที่พึ่งพา Windows Defender เป็นหลักก็ทำตามขั้นตอนข้างล่างนี้ได้เลย

virus scan

เริ่มต้นให้เรากดปุ่ม Windows บนคีย์บอร์ดแล้วพิมพ์คำว่า Virus เข้าไป จากนั้นกด Enter เครื่องจะเปิดส่วนที่ใช้จัดการไวรัสและมัลแวร์ในเครื่องขึ้นมา

scan2

ที่หน้า Virus & threat protection ให้เลือกคำว่า Scan options อย่าเพิ่งกดที่ Quick Scan จากนั้นตัวเครื่องจะเปิดตัวเลือกการสแกนออกมา

scan3

ให้กดเลือกที่คำสั่ง Full Scan แล้วกด Scan now ตัวเครื่องจะจัดการรันสแกนไวรัสทั้งเครื่องแบบเต็มระบบ ซึ่งอัพเดทล่าสุดนี้ จะมีตัวเลือกให้เราสั่งสแกนเครื่องแบบไม่ต้องต่อเน็ตก็ได้ โดยเลือกที่ตัวเลือก Microsoft Defender Offline Scan ได้เลย

ข้อดีของ Windows Defender คือ เป็นฟีเจอร์ที่ฝังมากับระบบปฏิบัติการเลย ฟรีและมีอัพเดทแพทช์มาอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนใช้ Windows Defender มาตลอดและไม่ติดตั้งโปรแกรม Antivirus มาหลายปีแล้ว ก็ไม่มีปัญหาไวรัสเข้ามาก่อกวนแต่อย่างใด

6. ใช้โปรแกรมเคลียร์ไฟล์ทิ้งไปเลย

diskwipe

กรณีที่มีฮาร์ดดิสก์ในพีซีหรือโน๊ตบุ๊คแล้วต้องการล้างไฟล์ในไดรฟ์นั้น ๆ ทิ้งไปเพราะไม่ได้ใช้งานเลย หรือต้องการเคลียร์ฮาร์ดดิสก์ทิ้งให้สะอาดเพื่อ Clone ตัว Windows ย้ายไปไดรฟ์นั้น ๆ ก็สามารถใช้โปรแกรมนี้จัดการได้เลย โดย Disk Wipe นั้นจะช่วยล้างเครื่องโน๊ตบุ๊คได้อย่างสะอาดรวมทั้งไม่ต้องติดตั้งในพีซีนั้น ๆ ด้วย เพียงแค่ใส่แฟลชไดรฟ์เอาไว้ก็ใช้งานได้ทันที สามารถใช้งานกับไดรฟ์ Windows ได้ทุกแบบไม่ว่าจะเป็น NTFS, Fat, Fat32 ก็ได้เช่นกัน

ข้อดีคือโปรแกรมนี้สามารถโหลดมาใช้งานได้ฟรีอีกด้วย ซึ่งถ้ามีประโยชน์และชื่นชอบก็สามารถกดบริจาคเงินช่วยเหลือผู้พัฒนาโปรแกรมนี้ก็ได้เช่นกัน ใครกำลังหาโปรแกรมประเภทนี้อยู่ก็กดดาวน์โหลด Disk Wipe ที่นี่

7. เริ่มต้นกันใหม่ด้วย Reset this PC

สำหรับคนที่ใช้งานโน๊ตบุ๊คมาราว 6 เดือนถึง 1 ปี การล้างเครื่องเริ่มต้นใหม่สักครั้งแล้วค่อยตั้งค่ากันใหม่ หรือคนที่ซื้อโน๊ตบุ๊คมือสองมาแล้วในเครื่องเป็น Windows 10 ติดมาด้วยก็แนะนำให้ล้างเครื่องโน๊ตบุ๊คของเราด้วยวิธีนี้ปีละ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว

แต่ก่อนจะล้างเครื่องทุกครั้ง ควรแบ็คอัพไฟล์งานสำคัญและโปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดเอาไว้ใน External Harddisk จนหมดก่อน แล้วค่อยเริ่มทำตามขั้นตอนในข้อนี้

reset this pc 1

วิธีการรีเซ็ตเครื่องให้เริ่มต้นโดยกดปุ่ม Windows จากนั้นพิมพ์คำว่า Reset ลงไปแล้วกด Enter เพื่อเปิดคำสั่งรีเซ็ตเครื่องขึ้นมาใช้งาน

reset this pc 2

Windows 10 จะเปิดหน้าต่าง Recovery ขึ้นมา ให้เรากดที่คำว่า Get started ใต้หัวข้อ Reset this PC เพื่อเริ่มรีเซ็ตเครื่อง

reset this pc 3

จากนั้นตัวเครื่องจะให้เราเลือกวิธีล้างเครื่องโน๊ตบุ๊คของเราได้ 2 แบบ คือ

  1. Keep my files : เครื่องจะล้างโปรแกรมและรีเซ็ตการตั้งค่าที่ผิดพลาดของเราออกไป แล้วย้อนกลับไปใช้ค่าตั้งต้นจากทาง Microsoft อีกครั้ง แต่ไม่ลบไฟล์งานของเราที่เก็บไว้ในเครื่อง
  2. Remove everything : วิธีนี้จะลบไฟล์และโปรแกรมทั้งหมดในเครื่องของเราออกไป เหมือนกับการลง Windows ใหม่ให้กับโน๊ตบุ๊คของเรา แต่ไม่ต้องเสียเวลาหา Windows Key มาใส่เครื่องหรือต้องทำ Flashdrive ที่เอาไว้ติดตั้ง Windows

ถ้าใครมีโน๊ตบุ๊คที่ติดตั้ง Windows 10 มาจากโรงงานแล้ว สามารถเลือกระดับของการรีเซ็ตเครื่องได้ตามความสะดวก ถ้าอยากแก้การตั้งค่าให้กลับไปเป็นค่ามาตรฐานจากทาง Microsoft ก็เลือกแบบแรก แต่ถ้าต้องการล้างทิ้งทั้งหมดจะเลือกเป็นแบบที่ 2 ก็ดีเช่นกัน

ส่วนการรีเซ็ตแบบล้างเครื่องในหัวข้อที่ 2 นั้น เราไม่จำเป็นกังวลว่าจะหา Windows Key จากไหนมาใส่ เพราะตัวเครื่องจะจัดการทั้งหมดให้โดยอัตโนมัติ เพียงรอเวลาที่โน๊ตบุ๊คจัดการตั้งค่าทั้งหมดให้เสร็จแล้วเราก็ติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็นทั้งหมดลงไปแล้วใช้งานได้ตามปกติเลย

สรุป – ล้างเครื่องกันบ่อยแค่ไหนดี?

สำหรับจุดเด่นและข้อสังเกตของแต่ละวิธีการนั้น ผู้เขียนขอสรุปเอาไว้เป็นตารางดังนี้

วิธีการ ข้อดี จุดสังเกต
ลบโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ ง่ายและทำได้เร็ว ไม่มีผลกระทบมาก และได้พื้นที่ในฮาร์ดดิสก์คืน เป็นวิธีการพื้นฐานเท่านั้น ไม่ได้แก้การตั้งค่าหรือลบไฟล์สำคัญใด ๆ
ลดปริมาณโปรแกรมที่รันตัวเองตอนเปิดเครื่อง เปิดเครื่องแล้วพร้อมใช้งานได้เร็วยิ่งขึ้น ไม่ต้องรอเครื่องโหลดทุกโปรแกรมให้พร้อมก่อนถึงจะใช้งานได้ เปิดขึ้นมาปรับแต่งได้ง่าย แต่ถ้าโปรแกรมไหนมีขนาดใหญ่แล้วจะใช้งานก็ต้องเสียเวลาโหลดบ้าง
Defragment ฮาร์ดดิสก์ ทำให้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนจัดเรียงไฟล์ได้เป็นระเบียบ เข้าถึงไฟล์ต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น ห้ามใช้กับ SSD โดยเด็ดขาด เพราะ Controller อาจทำงานหนักแล้วเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
Disk Clean-up ล้างไฟล์ขยะที่โปรแกรมและตัวเครื่องสร้างทิ้งเอาไว้ได้ทั้งหมด ได้พื้นที่กลับมาใช้มากขึ้น ถ้าโปรแกรมไหนสร้างไฟล์ tmp เอาไว้เพื่อโหลดตัวเองให้เร็วขึ้นหรือใช้บันทึกรหัสผ่าน เช่นเบราเซอร์ที่เราใช้เป็นประจำ ก็ต้องเสียเวลาล็อคอินใหม่อีกครั้ง
Windows Defender สแกนไวรัสและมัลแวร์ในเครื่องโดยละเอียด ทำให้เราใช้งานได้อย่างปลอดภัยและเร็วยิ่งขึ้น ต้องรอ Microsoft อัพเดทแพทช์รักษาความปลอดภัยใหม่ ๆ อาจจะช้ากว่าโปรแกรม Antivirus บางตัวที่สร้างมาเพื่องานนี้โดยตรง
ใช้โปรแกรมเคลียร์ไฟล์ ล้างไฟล์ได้สะอาดและกู้ไฟล์กลับมาไม่ได้ เหมาะกับการทำเป็นไดรฟ์ใหม่ในเครื่อง และโปรแกรมเล็กใส่แฟลชไดรฟ์ไปใช้งานได้เลย ควรดึงไฟล์ที่ต้องการใช้งานออกมาก่อนแล้วค่อยล้าง ไม่เช่นนั้นจะกู้ไฟล์กลับมาไม่ได้
Reset this PC ล้างเครื่องโน๊ตบุ๊คได้เหมือนกับการติดตั้ง Windows ใหม่ เลือกได้ทั้งเก็บไฟล์งานของเราไว้ในเครื่องหรือจะลบจนหมดก็ได้ ไม่ต้องหา Windows Key มาใส่เครื่อง ถ้าจะล้างเครื่องเหมือนลง Windows ใหม่ ควรแบ็คอัพไฟล์สำคัญให้เรียบร้อยก่อน

การล้างเครื่องโน๊ตบุ๊คสักครั้งนั้น ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ดีเช่นกัน เพราะช่วยให้เครื่องของเราสามารถทำงานได้ลื่นยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องระวังและควรแบ็คอัพเครื่องเอาไว้เสมอ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย รวมทั้งการแบ็คอัพไฟล์สำคัญเป็นประจำกับฝากข้อมูลเอาไว้ในบริการ Cloud ต่าง ๆ ก็ช่วยลดความกังวลเวลาต้องรีเซ็ตเครื่องได้อีกระดับหนึ่ง เพราะต่อให้เรารีเซ็ตเครื่องแล้วลงโปรแกรมใหม่ ไฟล์งานสำคัญของเราก็ไม่หายอยู่ดี เพราะเครื่องนั้นเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ใช้เข้าถึงข้อมูลสำคัญที่เราเซฟเอาไว้ในฐานข้อมูลออนไลน์ของเรานั่นเอง


บทความที่เกี่ยวข้อง

software cover

new laptop1

old laptop

windows cover

from:https://notebookspec.com/web/591238-7-way-to-clean-up-your-pc

วิธี Hard Reset, DFU Mode, Recovery Mode ของ iPhone ทุกรุ่น อัปเดต 2020

Iphone ค้าง Hard Reset 2020 Coverบทความนี้ขอรวมวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่ใช้บ่อยๆ ของ iPhone ไม่ว่าจะเป็นการบังคับรีสตาร์ท (Force Reboot) หรือที่อาจจะเรียกว่า Hard Reset, การเข้า Recovery Mode สำหรับการอัปเดตและรีสโตร์เครื่อง และสุดท้ายเป็นการเข้า DFU Mode เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการรีโตร์แก้ไขการลืมรหัส Passcode หรือลืม Apple ID เป็นต้น วิธี Hard Reset, DFU Mode, Recovery Mode ของ iPhone ทุกรุ่น อัปเดต 2020 1. Hard Reset (Force Reboot) บังคับรีสตาร์ท ใช้สำหรับบังคับให้รีสตาร์ท iPhone, iPad หรือ iPod touch เป็นทางเลือกสุดท้าย และทำเฉพาะกรณีที่อุปกรณ์ไม่ตอบสนอง เครื่องค้างกดอะไรไม่ได้, ลำโพงไม่ได้ยิน, ต่อเน็ตไม่ได้, 4G ไม่มา ฯลฯ ลองวิธีการนี้ดูก่อนนะ […]

from:https://www.iphonemod.net/hard-reset-dfu-mode-recovery-mode-iphone-update-2020.html

5 เทคนิคล้างเครื่องต้อนรับปี 2019

ไหนๆก็ปีใหม่แล้ว สิ่งหนึ่งที่น่าจะทำต้อนรับปีใหม่สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ก็คือการเคลียเครื่องต้อนรับปีใหม่สักหน่อยใช้เครื่องมาทั้งปีไฟล์สะสมก็เยอะ ยิ่งนานวันก็ยิ่งหนักเครื่อง และยิ่งเก็บไว้นานก็จะทำให้เครื่องอืดช้า หรือฮาร์ดดิสค์เต้มได้ วันนี้ทีมงานเลยมีเทคนิคเล็กๆน้อยๆมาแนะนำในการเคลียไฟล์ในเครื่อง

  • ลบไฟล์ เคลียถังขยะ สำรองไฟล์ไว้ที่อื่น

เทคนิคเบื่องต้นเลยคือลบไฟล์ที่ไม่ได้ใช้ออก ไม่ว่าจะเป็นไฟล์งาน หนัง เพลง โดยเฉพาะในโฟลเดอร์ดาวน์โหลดและ Desktop นี่ตัวดีเลย ลองเลือกลองลบออกไป และเมื่อลบแล้วอย่าลืมล้างถังขยะด้วยนะครับ เพราะต่อให้กด Delete ไปแล้ว แต่ไม่เคลียในถังขยะ ไฟล์เฟล่านั้นก็ยังกินพื้นที่หน่วยความจำอยู่ดี และถ้าไฟล์ไหนแม้ไม่ได้ใช้ แต่จำเป็นต้องเก็บไว้แนะนำว่าให้สำรองบนแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสค์ต่อภายนอก จัดหมวดหมูเก็บไว้ให้ดีๆ โดยเฉพาะท่านที่ใช้งานหน่วยความจำแบบ SSD ควรจะหมั่นสำรองข้อมูลบ่อยๆ เพราะนอกจากช่วยเพิ่มหน่วยความจำใน SSD อันน้อยนิดแล้ว ยังช่วยให้อุ่นใจหาก SSD เกิดเป็นอะไรไปก็จะได้มีข้อมูลที่สำรองไว้เอามาใช้งานได้

  • ลบโปรแกรม/เกม ที่ไม่ได้ใช้

บ่อยครั้งที่เรามักจะติดตั้งโปรแกรมโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะหลายๆท่านที่มักจะโหลดโปรแกรมมาลองติดตั้งใช้งานอยู่ ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วก็ไม่ได้ลบออกไป โปรแกรมบางตัวใช้พื้นที่ติดตั้งแค่ไม่กี่ MB แต่โปรแกรมบางตัวโดยเฉพาะเกมบางเกมที่ไม่ได้เล่นกินพื้นที่ระดับ 10 – 100 GB เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้เล่นไม่ได้ใช้ แนะนำว่าลบโปรแกรมพวกนั้นออกไปดีกว่า โดยสามารถเข้าไปได้ที่ Setting > App เลือกโปรแกรมกด Uninstall ได้เลย

  • ลดโปรแกรม Startup

เพื่อความรวดเร็วในการเปิดเครื่องผมจึงจะข้อแนะนำอีกหนึ่งเทคนิคคือลดโปรแกรมที่เปิดขึ้นมาพร้อมเครื่อง เพื่อช่วยให้เปิดเคร่องรวดเร็วยิ่งขึ้น ถ้านึกไม่ออกก็คือพวกโปรแกรม Line ,Steam etc ซึ่งบางโปรแกรมเราก็ไม่ได้ใช้งานทุกครั้งที่เปิดเครื่อง แต่ถึงปิดไปแล้วเวลาต้องการใช้งานก็สามารถเปิดใช้งานได้ปรกติ โดยสามารถไปปิดได้ที่ กด Ctrl + Alt + Delete เลือก Task Manager ไปที่แท็บ Startup จะมีลิสท์โปรแกรมที่เปิดขึ้นมาพร้อมเครื่อง โปรแกรมไหนไม่ต้องการก็สามารถคลิกขวา กด Disable ได้เลย หรือว่าต้องการให้กลับมาก็ย้อนวิธีเดิมแล้วคลิกขวาเปิดเป็น Enable ได้เช่นเดิม

  • Disk Cleanup

หลังจากลบไฟล์ ลบโปรแกรมเคลียถังยะแล้ว ก็ยังเหลืออีกหนึ่งวิธีที่ Windows จัดไว้ให้เคลียไฟลืขยะในเครื่องนั่นก็คือการทำ Disk Cleanup ซึ่งเป็นวิธีที่วินโดวส์จัดไว้ให้เคลียถึงขยะ ไฟล์ Temp หรือไฟล์อัพเดทวินโดวส์ ไฟล์ที่ตัววินโดวส์สร้างขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไฟล์ที่ใช้งานเพียงชั่วคราว ตัว Disk Cleanup จะเช็คแล้วก็เลือกขึ้นมาให้เราจัดการ โดยวิธีใช้งานง่ายๆ คลิกขวาที่ไดร์ฟ C เลือก Properties > แท็บแรก General จะมีปุ่ม Disk Cleanup จากนั้นจะมีปุ่มให้เราติ๊กเลือกว่าจะลบคลีนไฟล์ชนิดไหนบ้าง และความจุที่ไฟล์เหล่านั้นกินพื้นที่อยู่ ซึ่งสามารถคลิกเลือกได้หมดเลย แต่ถ้าอยากให้คลีนทีสุดแนะนำให้กด Clean up System file จะเข้าไปล้างไฟล์ระบบที่ไม่ได้ใช้ด้วยแค่นี้ก็เรียบร้อย โดยจะใช้เวลาในการคลีนช้าเร็วขึ้นอยู่กับความจุของไฟล์ทั้งหมดและชนิดของหน่วยความจำด้วยถ้าเป็น SSD ก็เร็วหน่อย ถ้าเป็น HDD ก็จะนานหน่อย โดยนอกจากไดร์ฟ C แล้ว ไดร์ฟอื่นก็ Disk Cleanup ได้ แต่จะเป็นการล้างถังขยะเป็นหลัก

  • Reset Windows

สำหรับท่านที่อยากจะเคลียเครื่องให้สุดไปเลยผมแนะนำไม่ต้องทำตามขั้นตอนด้านบนทั้งหมดแล้วไปที่รีเซ็ต Windows เลย รับรองเครื่องท่านจะคลีนเหมือนซื้อเครื่องใหม่เลย โดยวิธีนี้ผมจะแนะนำสำหรับเครื่องที่มาพร้อม Windows แท้ เพราะรีเซ็ตแล้วไดร์ฟเวอร์ต่างๆก็ยังครบไม่ต้องลงใหม่ทั้งหมด แต่ก็มีข้อควรระวัง

  •  Backup ข้อมูลสำคัญออกมาก่อน
  • ซิงค์ User ของ Web Browser เพื่อความสะดวก
  • ควรจะมีโปรแกรมต่างๆไว้เตรียมลงใหม่เช่น Office หรือโปรแกรมใช้งานต่างๆ

วิธีรีเซ็ต Windows ก็ไม่ยาก เพียงแค่เข้าไปที่ Setting > Update & Security > Recovery > Reset this PC กดปุ่ม Get Started โดยจะมี 2 เมนูให้เลือก

  • Keep my file เคลียลบไฟล์ แอพต่างๆ ไม่ได้เคลีย Windows ทั้งหมด
  • Remove everything อันนี้จะเคลียทุกอย่างเหมือนตอนเราซื้อเครื่องใหม่เลย จะเหลือเพียงวินโดวส์กับ ไดร์ฟเวอร์เท่านั้น

##แล้วเพื่อนๆมีสิธีอะไรแนะนำในการเคลียเครื่องต้อนรับปี 2019 อีกหรือไม่ครับ บอกกันหน่อย##

from:https://notebookspec.com/5-techniques-to-clean-your-pc-for-the-year-2019/466671/

วิธี Hard Reset, DFU Mode, Recovery Mode ของ iPhone ทุกรุ่น อัปเดต 2018

Hard Reset Recovery Dfu Mode Iphone Coverบทความนี้ขอรวมวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่ใช้บ่อยๆ ของ iPhone ไม่ว่าจะเป็นการบังคับรีสตาร์ท (Force Reboot) หรือที่อาจจะเรียกว่า Hard Reset, การเข้า Recovery Mode สำหรับการอัปเดตและรีสโตร์เครื่อง และสุดท้ายเป็นการเข้า DFU Mode เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการรีโตร์แก้ไขการลืมรหัส Passcode หรือลืม Apple ID เป็นต้น 1. Hard Reset (Force Reboot) ใช้สำหรับบังคับให้รีสตาร์ท iPhone, iPad หรือ iPod touch เป็นทางเลือกสุดท้าย และทำเฉพาะกรณีที่อุปกรณ์ไม่ตอบสนอง เครื่องค้างกดอะไรไม่ได้, ลำโพงไม่ได้ยิน, ต่อเน็ตไม่ได้, 4G ไม่มา ฯลฯ ลองวิธีการนี้ดูก่อนนะ 1.1 iPhone 2, 3G, 3G, 4, 4S, 5, 5C, 5S, 6, 6 Plus, […]

from:https://www.iphonemod.net/how-to-enter-dfu-mode-recover-mode-iphone-ipad.html

3 ขั้นตอน แก้ปัญหาพื้นฐานของ iPhone เช่น เครื่องค้าง ที่คุณต้องรู้

iPhone, iPad ที่ใช้งานอยู่เกิดปัญหาที่จู่ๆ ก็ใช้เครื่องได้ไม่ปกติ ไม่ต้องตกใจครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำ 3 ขั้นตอน ในการแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่เกิดขึ้นกับ iPhone, iPad ของคุณ โดยที่บางอาการนั้นเราสามารถแก้เองได้โดยไม่ต้องง้อช่างเลยทีเดียว จะมีอะไรบ้างไปชมกันครับ

iphone-basic-fix

3 ขั้นตอน แก้ปัญหาพื้นๆ iPhone iPad ที่คุณต้องรู้

ชมวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นของ iPhone iPad  แนะนำว่าให้ทำทีละขั้นตอนจาก 1 ไป 2 ไป 3 นะครับ

1. วิธีการบังคับให้รีสตาร์ท Force Restart

Apple ระบุเอาไว้ว่า

คุณควรใช้วิธีบังคับให้รีสตาร์ท iPhone, iPad หรือ iPod touch เป็นทางเลือกสุดท้าย และทำเฉพาะกรณีที่อุปกรณ์ไม่ตอบสนองเท่านั้น เมื่อต้องการบังคับให้รีสตาร์ทอุปกรณ์ของคุณ ให้กดปุ่ม พักเครื่อง/ปลุก และปุ่มโฮมค้างไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 10 วินาที จนกว่าคุณจะเห็นโลโก้ Apple

หรือบางคนอาจจะเรียกว่าการ Hard Reset เป็นต้น

การจะทำวิธีนี้ก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาแปลกๆ กับตัวเครื่องเช่น อยู่ดีๆ เสียงที่ลำโพงไม่ออก, เครื่องไม่สั่น, GPS ไม่ตรงหรือตัวเครื่องไม่ตอบสนองกดอะไรไม่ได้ ฯลฯ ดังนั้น แนะนำให้ทำวิธีการนี้ก่อนนะครับ ทำได้โดย

  • แบบที่ 1: กดปุ่ม Home และปุ่ม Power พร้อมกันค้างไว้ จนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple จึงปล่อยมือ (ใช้ได้กับ iPhone 2G – iPhone 6s
  • แบบที่ 2: กดปุ่มกดเสียงปุ่ม Power พร้อมกันค้างไว้ จนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple จึงปล่อยมือ (ใช้ได้กับ iPhone 7 – iPhone 8)
  • แบบที่ 3: กดปุ่มเพิ่มเสียงแล้วปล่อย, กดปุ่มลดเสียงแล้วปล่อย จากนั้นกดปุ่มด้านข้าง(ตำแหน่งปุ่ม Power) ค้างไว้ จนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple จึงปล่อยมือ (ใช้ได้กับ iPhone X)

hard reset iphone-1

การทำเช่นนี้พบว่าช่วยแก้ปัญหาพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์ได้ค่อนข้างเยอะครับ

ของแถมสำหรับข้อ 1

  • ถ้าชาร์จ iPhone  ไม่เข้าหรือชาร์จเข้าช้า ทำตามขั้นตอน 1 แล้ว ก็ไม่หาย ลองเปลี่ยนสายชาร์จ, ลองเอาแปรงสีฟันทำความสะอาดรูชาร์จ(เอาไฟฉายส่องดูที่พอร์ตชาร์จ เผื่อมีฝุ่นติดในนั้นอยู่ เอาออกมาให้หมดก่อนครับ), เปลี่ยนหัวชาร์จหรืออะแดปเตอร์ด้วยนะครับ
  • ถ้าเชื่อมต่อ WiFi จากเร้าเตอร์ที่บ้านไม่ได้ ให้ลองเชื่อมต่อที่อื่นหรือผ่าน Hotspot เพื่อดูว่า WiFi บน iPhone เราใช้ได้หรือไม่

2.  รีเซตการตั้งค่าทั้งหมด (Reset All Setting)

การรีเซตการตั้งค่าทั้งหมดของเครื่อง คือ การทำให้การตั้งค่าทุกอย่างในเครื่องกลับมาเป็นเหมือนออกมาจากโรงงาน (ข้อมูลไม่หาย) เช่น หลังทำการรีเซตการตั้งค่าทั้งหมดแล้วเสียงเรียกเข้าที่เคยตั้งไว้ จะกลับมาเป็นแบบโรงงาน, WiFi ที่เคยต่อไว้ จะไม่ถูกจำ ต้องเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง, รหัสผ่านที่เคยตั้งไว้ก็จะหายไปเช่นกัน ฯลฯ

การทำเช่นนี้เพื่อจะคืนค่าพื้นฐานโรงงานให้กับ iPhone, iPad ก่อน จะได้รู้ว่าปัญหาที่เกิดกับ iPhone อยู่นั้นสาเหตุมาจากการตั้งค่าที่ผิดพลาดหรือเปล่า

วิธีการ

  • การตั้งค่า> ทั่วไป> รีเซต> รีเซตการตั้งค่าทั้งหมด
  • Settings> General> Reset> Reset all setting

reset all setting iphone

3.  ล้างเครื่อง (Restore)

การล้างเครื่อง คือ การลบข้อมูลในหน่วยความจำและติตตั้งระบบปฏิบัติการ (OS) เข้าไปใหม่ ฝั่ง iOS จะเรียกกว่าการ Restore iOS ฝั่ง Android จะเรียกว่า Factory reset

ผลที่ได้คือ iPhone เครื่องดังกล่าวนั้นจะติดตั้ง iOS ใหม่เพียวๆ เหมือนแกะกล่องมาในตอนซื้อเลย ใหม่หมดจด มีแค่แอปที่ทาง Apple กำหนดไว้เท่านั้นที่ติดตั้งมาพร้อมและแอปเหล่านี้คุณก็ลบออกจากเครื่องไม่ได้ด้วย แน่นอนว่าข้อมูลทุกอย่างถูกลบออกจาก iPhone ดังนั้นคุณต้องสำรองข้อมูลเอาไว้เสียก่อน

restore-iphone

วิธีการล้างเครื่องผมแนะนำเอาไว้ 3 แบบครับได้แก่

  1. วิธีที่ 1 ล้างเครื่องทำผ่าน iPhone แบบนี้จะได้ iOS ปัจจุบันที่ติดตั้งอยู่
  2. วิธีที่ 2 ใช้ iTunes บนคอมผ่านโหมดปกติ จะได้ iOS ล่าสุดจาก Apple
  3. วิธีที่ 3 ใช้ iTunes บนคอมผ่าน DFU Mode  จะได้ iOS ล่าสุดจาก Apple

ทำความเข้าใจในแต่ละวิธีการได้เลยนะครับ แต่ใครไม่ยากเสียเวลาก็แนะนำว่าให้ทำตามวิธีที่  3 ได้เลย จะได้รู้กันไปเลยว่าเสียที่ตัวซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์กันแน่

สรุป

ขั้นตอนทั้ง 3 ที่แนะนำนั้น ทำเพื่อตัดปัญหาซอฟต์แวร์ออกจากฮาร์ดแวร์ครับ ถ้าทำ 3 ขั้นตอนแล้วหาย ก็แสดงว่า “ตัวเครื่องไม่เสีย” แต่หากปัญหาเดิมยังอยู่ก็แสดงว่าเครื่องเสียแล้วครับ แนะนำให้ติดต่อ AASP เพื่อปรึกษาเรื่องการเคลมได้เลยครับ

โดยประสบการ์แล้ว

  • 70%  ของปัญหา iPhone เกิดจากซอฟต์แวร์และข้อผิดพลาดจากผู้ใช้ (User Error)
  • 20% เกิดจากอุปกรณ์เสริม เช่น สาย USB, Adapter, คอมพิวเตอร์ที่ใช้จัดการ
  • 10% เสียที่ตัวเครื่อง ซึ่งอาการเสียจากตัวเครื่องที่เจอก็เช่น WiFi เชื่อมไม่ได้, จอทัชสกรีนไม่ได้, ปุ่ม Touch ID สแกนไม่ได้, กล้องเบลอ….

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านทุกคนแก้ปัญหาพื้นฐานของ iPhone, iPad และ iPod touch ได้ด้วยตัวเองนะครับ ก่อนที่จะปรึกษาร้านหรือ AASP ครับ

บทความนี้เขียนจากประสบการณ์ตรงจากทีมงาน  iPhoneMod อย่าลืมให้กำลังใจด้วยการกด Like & Share บทความนี้ให้พวกเราด้วยนะครับ

ขอบคุณและสวัสดี

 

from:https://www.iphonemod.net/3-step-fix-iphone-issues.html