พรีวิว vivo V27 5G กับเฉดสีใหม่ ‘เขียวหยก – Emerald Green’ พร้อมชูจุดเด่น Aura Light Portrait System

พรีวิว vivo V27 5G กับเฉดสีใหม่ ‘เขียวหยก – Emerald Green’ พร้อมชูจุดเด่น Aura Light Portrait System
Appdisqus Team

vivo V27 5G สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดที่เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมีกำหนดจัดงานในวันที่ 27 มีนาคมที่จะถึงนี้ แฟนวีโว่และใครที่สนใจสามารถติดตามกันได้ในทุกช่องทาง โดยจะมีการประกาศราคา รายละเอียด และโปรโมชั่น จากทางวีโว่ประเทศไทยออกมาอย่างแน่นอน โดยในบทความนี้เราจะพามารู้จักรายละเอียดคร่าวๆ และพามาเห็นหน้าสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ตัวนี้กันซะก่อน เพราะมาในสีใหม่ สวย พรีเมียม และไม่ซ้ำใคร

vivo V27 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่เน้นมาในด้านการถ่ายภาพแน่นอนครับ ด้วยจุดเด่นใหม่ ‘Aura Light Portrait System’ หรือระบบแสงออร่าพอร์ตเทรต เป็นการทำงานของไฟแฟลชวงแหวนออร่าด้านหลังที่ติดตั้งมาในรูปทรงกลม ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับระบบกล้องถ่ายภาพของตัวเครื่อง ใช้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยตรวจจับสภาวะแสงโดยรอบ และเพิ่มความคมชัดในการถ่ายภาพพอร์ตเทรต ช่วยเพิ่มมิติและความคมชัดในยามที่ต้องการเก็บภาพบุคคลในช่วงเวลากลางคืน

กล้องที่ให้มาเป็นกล้องคุณภาพระดับสูงทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยกล้องหน้าให้มาเป็นกล้องออโต้โฟกัสที่มีความคมชัดสูงถึง 50MP และกล้องหลังสามตัว ซึ่งมีเลนส์หลักเป็นเซ็นเซอร์ใหญ่พิเศษ Sony IMX766V เพิ่มขนาดพิกเซลให้ใหญ่มากขึ้นกว่าปกติถึง 104% เป็นเซนเซอร์ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับใช้งานกับอุปกรณ์จากทาง vivo โดยเฉพาะ พร้อมติดตั้งกันสั่น OIS ที่ทำงานร่วมกับระบบกันสั่นของตัวกล้อง EIS แอบกระซิบว่ารุ่นนี้จัดเต็มเรื่องฟังก์ชั่นการถ่ายภาพมากๆ ครับ ติดตามกันในรีวิวเต็มๆ จากทาง Appdisqus ^^

แต่เดิมสมาร์ตโฟน vivo ในตระกูล V Series ก็มีจุดแข็งในเรื่องการถ่ายภาพอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องภาพพอร์ตเทรตทั้งจากกล้องหน้าและกล้องหลัง รุ่นนี้ก็ได้ผสานการทำงานรวมกับเทคโนโลยีใหม่เข้ามา ช่วยให้ภาพถ่ายมีความสมบูรณ์มากขึ้นในจุดอ่อนของกล้องสมาร์ตโฟน นั้นคือการถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อย

และในรุ่นนี้ยังมีการออกแบบตัวเครื่องที่งดงามมาก ด้านหลังโค้ง 3D บรรจบกับหน้าจอ ดีไซน์บางเฉียบ ขอบหน้าจอแทบไม่มี พื้นที่ด้านหน้าแทบจะเป็นหน้าจอแสดงผลทั้งหมด มีจอขนาดใหญ่ถึง 6.78 นิ้ว บางเพียง 7.36 มม. และน้ำหนักเพียง 180 กรัม

มาในสีใหม่ไม่เหมือนใคร “Emerald Green” หรือสีเขียวหยก อัญมณีตัวแทนสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์สดชื่น ไล่เฉดสีเหมือนเนื้ออัญมณี มีลวดลาย จากสีเขียวอ่อนไปเป็นสีเขียวเข้ม สะท้อนเงาและเปลี่ยนระดับความเข้มของสีไปตามแสงที่มากระทบ และไม่ใช่แค่สีสันเท่านั้น เพราะแม้แต่ผิวสัมผัสก็ให้ความรู้สึกเย็นและเรียบเนียนแบบหินอัญมณีด้วยเช่นกัน

ใครชอบหินหยก ชอบผิวสัมผัสที่เรียบเนียน มีความเย็น และมีเงาสะท้อนเหมือนกึ่งเซรามิค ตัวนี้สวยครับ และเคลือบมาได้ดีเพราะแม้จะเป็นผิวสัมผัสแบบมันเงา แต่ว่ากลับไม่ค่อยเกิดรอยนิ้วมือขึ้นมาให้ต้องเห็นเลยครับ

อีกหนึ่งสีที่สวยโดนใจ คือสีทอง “Flowing Gold” สีทองที่แปรเปลี่ยนได้หลากหลายสีสัน โดยทาง vivo ใช้เทคโนโลยีการเคลือบแบบ 3D Light Spot Color Gradient ทำให้แต่ละมุมมอบสีสันที่แตกต่างกันตามการถือจับ เล่นกับเหลือบแสงได้เหมือนสีรุ้ง มีความหวาน ดูทันสมัย และให้ผิวสัมผัสแบบกึ่งด้าน ลูบไล้ละมุนมือ และไม่เกิดคราบรอยนิ้วมือขึ้นมาเลยในการถือใช้งาน

โมดูลกล้องหลังยกล้อมด้วยกรอบผิวโลหะ เป็นระบบกล้องหลังสามตัว (50MP OIS + 8MP wide-angle + 2MP macro) และติดตั้งไฟวงกลม Aura Light Portrait ซึ่งจะเปิดปิดการทำงานได้เองตามโหมดกล้องที่ออกแบบมาใช้คู่กันกับดวงไฟ

อุปกรณ์ภายในกล่องมีเคสใสซิลิโคน พร้อมกับสายชาร์จ USB Type C และหัวชาร์จ 66W FlashCharge ซึ่งเป็นระบบชาร์จไวสำหรับใช้ในรุ่นนี้นั่นเองครับ

vivo V27 5G เตรียมเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศรายละเอียดต่างๆ ภายในงานวันที่ 27 มีนาคม 2566 แต่ในขณะนี้มีการเปิดจองรอบพิเศษสำหรับแฟนตัวจริง สามารถสั่งจอง vivo V27 5G ล่วงหน้าในรอบ Blind Booking โดยจะได้รับโปรโมชันพิเศษ เป็นของแถมที่คุ้มมากๆ!

• จอง V27 5G รุ่นขนาดความจุ 8GB + 256GB รับส่วนลด 500 บาท หรือ เลือกอัปเกรด RAM จากรุ่น 8GB เป็น 12GB พร้อมรับ Limited Boxset ของสมนาคุณพิเศษ (มูลค่าของแถมรวมกว่า 11,298 บาท)
• หรือจอง V27 5G ขนาดความจุ 12GB + 256GB รับส่วนลด 500 บาท พร้อมรับหูฟัง TWS Air และ Limited Boxset ของสมนาคุณสุดพิเศษ (มูลค่าของแถมรวมกว่า 13,297 บาท)

สามารถจองสินค้ารอบ Blind Booking ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 26 มีนาคม 2566 ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ

รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://vivo.com/th/

ข่าว: พรีวิว vivo V27 5G กับเฉดสีใหม่ ‘เขียวหยก – Emerald Green’ พร้อมชูจุดเด่น Aura Light Portrait System มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/preivew-vivo-v27-5g-aura-portrait/

Advertisement

แกะกล่องพรีวิว OPPO Find N2 Flip สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่ “พับที่ดีกว่า”

แกะกล่องพรีวิว OPPO Find N2 Flip สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่ “พับที่ดีกว่า”
Noppinij

OPPO Find N2 Flip เป็นสมาร์ทโฟนจอพับแนวตั้งรุ่นแรกของแบรนด์ OPPO ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว โดยในรุ่นนี้มีการนิยามตัวอุปกรณ์ด้วยสโลแกนที่ว่า “พับที่ดีกว่า” เรียกว่ามากับความมั่นใจเต็มเปี่ยม  เพราะพวกเขาเชื่อว่าจะมอบสิ่งที่ดีกว่าของที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันให้กับลูกค้าได้นั้นเองครับ

แต่รุ่นนี้จะมีอะไรบ้างที่ทำให้จอพับรุ่นนี้แตกต่างออกไป ผมจะพามารู้จักเจ้าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้กันคร่าวๆ กัน ในบทความแกะกล่องนี้ครับ และได้ฝากข้อมูลโปรโมชั่น ราคา และของแถมสำหรับเมืองไทยเอาไว้ในท้ายบทความด้วยครับ

แม้จะบอกว่า OPPO Find N2 Flip เป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกของ OPPO แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาได้เริ่มพัฒนาสมาร์ทโฟนจอพับมาตั้งแต่เมื่อปี 2018 เลยครับ และได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรก OPPO Find N ที่สามารถทำให้รอยพับกลางจอแทบไม่มองไม่เห็นได้สำเร็จ ด้วยการออกแบบบานพับกลางจอที่เป็นเอกสิทธิ์ของเขาเอง ที่ชื่อว่า “Flexion Hinge”

และต่อมากับรุ่น Find N2 (เปิดตัวเมื่อปี 2022) ก็เป็นสมาร์ทโฟนจอพับแนวนอนที่สามารถทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบามากที่สุดในโลก

และรุ่นล่าสุดก็คือ OPPO Find N2 Flip รุ่นนี้นั้นเอง ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนจอพับแนวตั้งรุ่นแรก และก็ยังเป็นรุ่นแรกที่มีการเปิดจำหน่ายนอกประเทศจีนอีกด้วย

บานพับ Flexion Hinge รุ่นล่าสุด

OPPO Find N2 Flip ยังคงคอนเซปสมาร์ทโฟนจอพับที่แทบไม่เห็นรอยพับบนกลางจอ ด้วยการใช้บานพับ Flexion Hinge รุ่นล่าสุด ที่นอกจากจะมีรอยพับให้เห็นบนจอน้อยมากๆ แล้ว ก็ยังเป็นบานพับที่สามารถพับเครื่องได้แนบสนิท ไม่เกิดช่องว่างระหว่างตัวเครื่อง ส่วนบนและส่วนล่างของเครื่องแนบเป็นระนาบเดียวกัน ไม่มีช่องว่างให้ฝุ่นเข้าไปติดได้ง่ายๆ

และก็ยังมีความทนทานสูงด้วย เพราะออกแบบให้รองรับการพับได้มากกว่า 400,000 ครั้ง จากการรับรองจาก TÜV Rheinland โดยเป็นค่าเฉลี่ยการใช้งานที่สูงมาก เพราะถึงแม้เราจะพับเข้าพับออกวันละเป็นร้อยครั้ง ก็ยังสามารถใช้งานได้นานกว่า 10 ปีอยู่ดีสำหรับกลไกตัวนี้ ด้วยบานพับพิเศษและดีไซน์ที่ทำมาได้บางเบา โดยมีน้ำหนักเพียง 191 กรัมและมีความบางเพียง 7.45 มม.  ทำให้เมื่อเราพับ OPPO Find N2 Flip ก็สามารถพกใส่กระเป๋าได้สบายมากๆ ครับ

หน้าจอด้านนอก แนวตั้ง 3.26นิ้ว ใหญ่สุดของวงการ

OPPO Find N2 Flip ยังติดตั้งหน้าจอด้านนอกให้มีขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นหน้าจอสารพัดประโยชน์ในขนาด 3.26 นิ้ว AMOLED ความสว่างสูงสุด 900nits ใช้กระจกจอเป็น Gorilla Glass 5 ซึ่งถือว่าเป็นจอด้านนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟนจอพับที่เคยทำกันมาเลย และยังออกแบบให้เป็นหน้าจอแนวตั้งอีกด้วย ซึ่งเป็นข้อดีมากๆ เพราะการใช้งานเช่นการถ่ายภาพ เราก็จะเห็นภาพตัวอย่างเหมือนจอด้านในที่เป็นทรงเดียวกันนั้นเอง

การใช้จอภาพด้านนอกที่เป็นทรงเดียวกันกับจอด้านใน ก็ยังทำให้เราเห็นภาพตัวอย่างในสัดส่วนที่ไม่หลอกตาไปด้วยนั้นเอง ออกแบบฉลาดมาก ใช้เป็นจอภาพให้เราสามารถเห็นภาพผู้ถูกถ่าย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพตัวเองหรือถ่ายให้ผู้อื่น ก็จะเป็นการหยิบเอาคุณภาพของกล้องหลักด้านหลังเครื่องให้กลายมาเป็นกล้องหน้าสำหรับการเซลฟี่ได้ด้วย

ถ้านำมาวางบนโต๊ะ ก็ใช้เป็นกล้องถ่าย VLOG ได้เลยแบบไม่ต้องมีขาตั้ง ^^

จอที่มีขนาดใหญ่ ความคมชัดดี แสงสว่างสูง มันจึงใช้งานได้ถนัด และทาง OPPO ไม่ใช่ใส่ไว้เป็นแค่ของประดับ แต่ใส่ประโยชน์ในการทำงานไว้หลายๆ อย่างเลย เช่นใช้อ่านและดูการแจ้งเตือนต่างๆ โดยไม่ต้องเปิดจอด้านใน และยังมีลูกเล่นอีกมากมาย เช่นตัวละครสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ ที่เราสามารถเล่นด้วยได้ ^^ ทัชเพื่อเปลี่ยนท่าทาง และยังนั่งฟังเพลงเป็นเพื่อนเราในยามที่เปิดแอปฟังเพลง

สเปคที่ให้มากกว่า ในราคาเข้าถึงง่ายขึ้น

OPPO Find N2 Flip จัดสเปคมาไม่เลวเลยครับ ชิปเซ็ตใช้ Dimensity 9000+ เทคโนโลยีระดับ 4นาโนเมตร ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อ 5G ได้พร้อมกันทั้งสองสล็อตซิม ให้ RAM 8GB ที่ขยายได้อีก 8GB และหน่วยความจำภายใน 256GB ซึ่งจะมีขนาดความจุเดียวเข้ามาจำหน่าย

ในส่วนของแบตเตอรี่ถือว่าโดดเด่น เพราะใส่แบตขนาด 4,300mAh ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าในตลาดสมาร์ทโฟนกลุ่มเดียวกัน และยังรองรับระบบชาร์จ 44W SUPERVOOC ของ OPPO อีกด้วย ระบบแบตเตอรี่ของ OPPO Find N2 Flip จึงดีงามที่สุดในตลาดตอนนี้ครับ โดยตัวชาร์ต 44W SUPERVOOC ก็จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่แถมมาให้ภายในกล่องครับ และยังมีเคสใสแบบแยกส่วนแถมมาให้ด้วยภายในกล่องอีกเช่นกัน

หน้าจอด้านในเมื่อกางออกแล้วมีขนาดใหญ่มากครับ 6.8นิ้ว ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 32MP  เป็นหน้าจอ E6 AMOLED ความละเอียด FullHD+ อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz ใช้ได้เต็มตาเพราะจอใหญ่ และรอยพับกลางจอแทบมองไม่เห็นเลยครับ ใช้ดูหนังเต็มตาอลังการได้เลย เพราะติดตั้ลำโพงคู่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos มาให้ด้วย

ด้านหลังเป็นกล้องคู่คุณภาพสูงจาก Hesselbald และภายในยังติดตั้งชิป NPU MariSilicon X ซึ่งเป็นตัวประมวลผลด้านภาพโดยเฉพาะของทาง OPPO ใส่เข้ามาให้ด้วย ใช้กล้องหลักเป็นตัว IMX890 ความละเอียด 50MP ทำงานคู่กับกล้อง Ultra-wide 8MP และเมื่อเราสามารถใช้จอด้านนอก เพื่อพลิกเอากล้องหลังมาใช้เป็นกล้องหน้าเพื่อเซลฟี่ได้ด้วยแล้ว ฉะนั้นในเรื่องของคุณภาพการถ่ายเซลฟี่หรือถ่ายวีดีโอ VLOG หายห่วงครับ สวยขาด!

ตัวเครื่องยังคงสวยงามตามสไตล์ของ OPPO เช่นเคย กรอบเครื่องใช้อะลูมิเนียมขัดเงาโดยใช้สีที่เข้ากับฝาหลังตัวเครื่อง ผิวฝาหลังเป็นผิวสัมผัสด้าน ใช้งานไม่เกิดคราบรอยนิ้วมือ บานพับด้านในก็ยังใส่รายละเอียด เราจะเห็นโลโก้ OPPO ที่ออกแบบไว้สวยมาก โชว์ลวดลายเหมือนคลื่นเวลาสะท้อนแสง ดูพรีเมียมขึ้นเมื่อพับเครื่องเก็บ

OPPO Find N2 Flip มีเข้ามาจำหน่ายสองสีคือ สีม่วง Moonlit Purple และสีดำ Astral Black ซึ่งเห็นในพรีวิวบทความนี้

OPPO Find N2 Flip ประกาศราคาไทยออกมาในรุ่น 8+256GB อยู่ที่ 29,990 บาท  โดยจะเริ่มเปิดให้สั่งซื้อสินค้าตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2566 เวลา 19.00น. ไปถึงวันที่ 23 มีนาคมเวลา 24.00น.

ลูกค้าที่สั่งซื้อในเวลาดังกล่าวจะได้รับของสมนาคุณมูลค่า 21,198 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

• E-VIP CARD มูลค่า 17,000 บาท ลูกค้าจะได้รับการรับประกันจอแตก (ประกันให้ทั้งหน้าจอด้านนอกและหน้าจอด้านใน) ภายในระยะเวลา 1 ปี (**E-VIP CARD เป็นสิทธิพิเศษที่สามารถกดรับสิทธิ์ได้จากภายในแอปพลิเคชั่น My OPPO)
• OPPO Band 2 สายรัดข้อมืออัจฉริยะ มูลค่า 2,999 บาท
• OPPO Find N2 Flip Portable PU case มูลค่า 1,199 บาท

OPPO Find N2 Flip Portable PU case เป็นของแถมที่สวยทีเดียว เคสกันกระแทกที่มาพร้อมหูหิ้ว ออกแบบมาให้เป็นที่คล้องนิ้วหรือเป็นขาตั้งได้ในตัว น่ารัก

สำหรับรีวิวเต็มของสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นนี้จาก OPPO ก็สามารถติดตามได้ที่ Appdisqus เช่นเดิมนะครับ แล้วพบกันในบทความต่อไป ขอบคุณและสวัสดีครับ ^^

 

ข่าว: แกะกล่องพรีวิว OPPO Find N2 Flip สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่ “พับที่ดีกว่า” มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/oppo-find-n2-flip-preview-launch-promotion/

พรีวิว OPPO Enco Air3 หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุด ดีไซน์เด่นด้วยเคสชาร์จโปร่งใส ดีไซน์แบบตลับแป้ง

พรีวิว OPPO Enco Air3 หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุด ดีไซน์เด่นด้วยเคสชาร์จโปร่งใส ดีไซน์แบบตลับแป้ง
Noppinij

OPPO วันนี้จัดงานใหญ่ เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ OPPO Reno8 T 5G และหูฟังไร้สายรุ่นล่าสุด OPPO Enco Air3 หูฟังที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ด้วยเคสชาร์จโปร่งแสง ที่เปิดได้ 110 องศา เพื่อสะดวกต่อการหยิบใช้งานและจัดเก็บได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็นหูฟังไร้สายรุ่นแรกในช่วงราคาเดียวกันที่มาพร้อมระบบประมวลผลด้านเสียง DSP ประสิทธิภาพสูงอีกด้วย

OPPO Enco Air3 เป็นหูฟังตัวเล็กครับ พกง่าย น้ำหนักเบา แต่มากับระบบเสียงคุณภาพสูง รองรับ AAC และมาพร้อม DSP (digital signal processor) โดยทาง OPPO ให้สโลแกนเอาไว้สำหรับรุ่นนี้ว่า “Music All Around”

สิ่งที่โดดเด่นแรกเห็นคือเคสชาร์จที่ทำฝาผิดด้านหน้าแบบกึ่งโปร่งแสง มองเห็นตัวหูฟังภายใน ออกแบบฝาปิดแบบตลับแป้ง ทำให้เราสามารถเปิดปิดฝาได้ในมุมที่กว้างได้ถึง 110 องศา หยิบตัวหูฟังเข้าออกทำได้ง่ายกว่าครับ จัดเก็บสะดวกไม่ต้องเสี่ยงตกเพราะออกแบบช่องวางหูฟังในร่องแนวนอน ฉลาดในการออกแบบ

 

ตัวหูฟังมีน้ำหนักเบามาก เพียง 3.7 กรัม ลดภาระของใบหูให้สวมใส่ได้ทั้งวัน และผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำ IP54 โดนน้ำกระเซ็นหรือโดนเหงื่อไม่เป็นไร และยังมีลักษณะพิเศษที่บริเวณฐานก้านของหูฟังจะใช้วัสดุโปร่งใส ทำดูคล้ายหยาดน้ำ

หูฟังรุ่นนี้ตัวเล็กแต่ไดรเวอร์ใหญ่มากครับ ใส่ไดรเวอร์ไดนามิกไว้ด้านในมาให้ในขนาดใหญ่พิเศษ 13.4 มม. ด้วยไดรเวอร์ไซด์พิเศษนี้จะสามารถผลักดันอากาศสร้างพลังเสียงหนักๆ ได้มากเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับไดอะแฟรมที่มีขนาดประมาณ 12 มม. ซึ่งเป็นมาตรฐานไดรเวอร์ที่ใหญ่แล้วซึ่งพบในหูฟังไร้สายตัวอื่นๆ และยังมีจุดเด่นที่เป็นหูฟังไร้สายรุ่นแรกในช่วงราคาไม่ถึงสองพัน ที่มาพร้อมกับ DSP (digital signal processor) การประมวลผลด้านเสียงที่ทรงพลังมากกว่า ซึ่งจะเข้ามาช่วยให้การถอดรหัสต่างๆ ทำได้แม่นยำมากขึ้น และยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วยครับ

OPPO Enco Air3 เป็นหูฟังในยุคล่าสุดที่อาศัยการเชื่อมต่อผ่านสัญญาณบลูทูธใหม่ Bluetooth 5.3 สร้างค่าความหน่วงได้ต่ำโดยไม่สูญเสียความเสถียรของสัญญาณ ทำความเร็วในการรับส่งข้อมูล 94ms low-latency และแน่นอนว่ากินพลังงานน้อยด้วย รองรับการชาร์จด้วยพอร์ต USB Type C ด้านใต้ตัวเคส

ทำให้ตามสเปคของหูฟังรุ่นนี้จะมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่เมื่อรวมเคสชาร์จอยู่ที่ 25 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ แม้ตัวจะเล็กจิ๋วเท่ากล่องไม้ขีดก็ตาม

OPPO Enco Air3 จะมีเปิดจำหน่ายในประเทศไทยเพียงสีเดียวคือสีขาว Glaze White ในราคา 1,999 บาท เตรียมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 นี้เป็นต้นไป เจอตัวจริงหรือไปจับจองลองเป็นเจ้าของได้ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทุกสาขาครับ

อ่านต่อ : รีวิว OPPO Reno8 T 5G 

 

ข่าว: พรีวิว OPPO Enco Air3 หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุด ดีไซน์เด่นด้วยเคสชาร์จโปร่งใส ดีไซน์แบบตลับแป้ง มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/preview-oppo-enco-air3-tws/

พรีวิว แกะกล่อง OPPO Find N2 จอพับใหม่ เบาลง น่าใช้ ขนาดเกือบเท่ามือถือทั่วไป!!

พรีวิว แกะกล่อง OPPO Find N2 จอพับใหม่ เบาลง น่าใช้ ขนาดเกือบเท่ามือถือทั่วไป!!
Noppinij

คลิปวีดีโอนี้จะพามารู้จัก OPPO Find N2 สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รุ่นที่สองของซีรี่ส์ รุ่นนี้โชว์การพัฒนาด้านเทคโนโลยีการผลิตที่สามารถทำสมาร์ตโฟนหน้าจอพับให้มีหนักที่เบาขึ้น บางขึ้น แต่แข็งแรงมากขึ้น และยังมาพร้อมการร่วมมือกับ Hasselblad บริษัทชั้นนำด้านการถ่ายภาพมาช่วยพัฒนาด้านกล้องให้กับสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ครับ

OPPO Find N2 เป็นสมาร์ตโฟนที่ที่นำมาโชว์ตัวจริงกันในงาน OPPO INNO Day Thailand เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ทั้งด้านนวัตกรรมการผลิต ด้านการออกแบบ และสเปคภายใน รวมถึงระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับสมาร์ทโฟนหน้าจอพับอย่างรุ่นนี้โดยเฉพาะ

แต่น่าเสียดายที่ OPPO Find N2 ไม่มีการประกาศขายในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามทาง Appdisqus ได้นำบ็อกเซ็ตรุ่นนี้มาแกะกล่องให้ดูอุปกรณ์ภายในกล่อง และแนะนำจุดเด่นของรุ่นมาให้ทราบกันทั้งหมดในคลิปวีดีโอด้านล่างนี้แล้วครับ

ข่าว: พรีวิว แกะกล่อง OPPO Find N2 จอพับใหม่ เบาลง น่าใช้ ขนาดเกือบเท่ามือถือทั่วไป!! มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/preview-oppo-find-n2-smartphone/

Hands-On | ลองจับ iQOO 11 5G มือถือตัวท็อปแบรนด์ใหม่เมืองไทย สเปคแรงเขย่าวงการสมาร์ทโฟน

Hands-On | ลองจับ iQOO 11 5G มือถือตัวท็อปแบรนด์ใหม่เมืองไทย สเปคแรงเขย่าวงการสมาร์ทโฟน
Noppinij

เปิดตัวแล้วกับ iQOO 11 5G สมาร์ทโฟนตัวท็อปแบรนด์ใหม่ของเมืองไทย นำเข้ามาจำหน่ายเปิตตัวรุ่นแรกก็เอาตัวแรงสเปคจัดมาเปิดตัวกันเลยทีเดียวครับ

 

iQOO เป็นแบรนด์ที่ดำเนินการภายใต้ vivo ซึ่งเป็นแบรนด์หลักอีกชั้นหนึ่ง โดยมีจุดประสงค์ที่จะสร้างความจุดเด่นแตกต่างไปในเรื่องของสมาร์ทโฟนในสายเล่นเกมเป็นหลัก หมายถึงเครื่องเด่นสเปคแรงเป็นหลักนั้นเอง

โดยใน iQOO 11 5G ก็มากับสเปคแรงสมชื่อครับ และตัวเครื่องภายนอกก็โดดเด่นมากซะด้วย สเปคหลักของเครื่อง iQOO 11 5G คือการใช้หน้าจอความละเอียดสูง 2K ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ที่มีรีเฟรชเรทสูง 144Hz หน้าจอจริงภาพสวยคมชัดทีเดียวครับ ติดตั้งกล้องหน้า 16MP

ลำโพงเสียงดัง Dual Stereo Speakers ให้เสียงแบบรอบทิศทาง จากทีทดสอบฟังเสียงจากสภาพแวดล้อมภายนอกอาคาร ก็ได้ยินเสียงดังชัดเจนครับ ฉะนั้นรุ่นนี้ทั้งภาพและเสียงจัดมาเต็ม

หน้าจอปรับความละเอียดและระดับรีเฟรชได้เองถ้าเราต้องการที่จะถนอมพลังงาน

ด้านหลังตัวเครื่องโค้ง ผิวสัมผัสด้าน ใช้งานไม่มีลายนิ้วมือ ตัวเครื่องสีขาว Legend White การออกแบบสวยแบบสไตล์เรซซิ่ง ด้วยลายเอกลักษณ์ของ BMW M Motorsport ตัวเครื่องไม่ใหญ่แม้หน้าจอจะใหญ่ แบตเตอรี่ภายให้มาขนาดใหญ่ 5000mAh รองรับชาร์จไว 120W

การออกแบบได้มาตรฐานแบรนด์ดีครับ รู้สึกทนทานและงานประกอบแน่น

สเปคเครื่องภายในคือจุดเด่น เพราะมีสเปคที่แรงมากๆ ใช้ชิปประมวลผลตัวแรงของวงการ Snapdragon 8 Gen 2 ให้แรมขนาดใหญ่ที่สุดด้วยขนาด 16GB พร้อมรองรับการขยายแรมด้วยหน่วยความจำภายในได้เพิ่มอีกสูงสุด 8GB ทำงานร่วมกับ ROM ชนิดใหม่สุด UFS 4.0 ขนาด 256GB เรียกได้ว่าสเปคเครื่องแรงอย่างมากครับ การตอบสนองต่อการทัชมีความไหลลื่นสูงมาก

รันระบบ Funtouch OS 13 ครอบทับบน Android 13

 

ติดตั้งกล้องหลัง 50+16+8 ความสามารถของกล้องแม้จะไม่ใช่จุดขายของเครื่องแต่ฟังก์ชั่นที่รองรับการถ่ายก็ครบทุกโหมดนิยม ทั้งโหมดถ่ายภาพบุคคล ถ่ายภาพกลางคืน และมี AI ในการช่วยปรับแต่งแนวภาพให้เราได้อัตโนมัติเช่นกัน

iQOO 11 5G ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องสวย ดีไซน์ดี และสเปคภายในแรงมากๆ เป็นจุดขายสำคัญครับ เปิดตัวมาในราคาจำหน่าย 27,990 บาท เปิดขาย 16 ธันวาคมเป็นต้นไป ซื้อได้ที่ vivo Online Store และแพลตฟอร์มออนไลน์ Shopee, Lazada, TikTok Shop, This Shop และ JD Central โดยสมาร์ตโฟน iQOO 11 5G จะสามารถเข้ารับบริการหลังการขายได้ที่ศูนย์บริการ vivo ทั่วประเทศ

โดย iQOO 11 5G ได้เปิดตัวมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมสองตัวที่เน้นมาในด้านการเล่นเกมโดยเฉพาะอีกสองตัว

iQOO Cooling Back Clip Pro

อุปกรณ์ช่วยระบายความร้อนให้กับสมาร์ทโฟนอย่างรวดเร็ว มาพร้อมจอ LCD แสดงอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ รองรับการชาร์จไฟในขณะใช้งานได้ไปพร้อมกัน พื้นที่ช่วยกระจายความร้อนขนาดใหญ่ด้านหลังและแรงลมที่ให้มีพลังลมมากขึ้น ทำให้สามารถลดอุณหภูมิโทรศัพท์ลงได้ถึง 23 องศาไปจนต่ำกว่า 0 องศา รองรับการทำงานในโหมดพิเศษ Extreme Ice เพื่อการระบายความร้อนที่ทรงพลังสูง และโหมด Snow Whisper ที่จะปรับการทำงานให้มีเสียงรบกวนได้เบากว่า 27dB

หูฟัง iQOO Wireless Active

หูฟังเสียงเบสแน่น มาพร้อมกับไมโครโฟนความไวสูงที่รองรับระบบตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติ ออกแบบเพื่อใช้สื่อสารกับกัยเพื่อนร่วมทีมในขณะเล่นเกมได้อย่างชัดเจน ทำงานบนแบตเตอรี่ได้ต่อเนื่องนานถึง 12 ชั่วโมง ทนทานกันน้ำในมาตรฐาน IPX5 ไม่ต้องห่วงเรื่องเหงื่อหรือฝน

ข่าว: Hands-On | ลองจับ iQOO 11 5G มือถือตัวท็อปแบรนด์ใหม่เมืองไทย สเปคแรงเขย่าวงการสมาร์ทโฟน มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/hands-on-preview-iqoo-11-5g/

พรีวิว ROG Phone 6D, 6D Ultimate และ ROG Phone 6 Batman Edtion สมาร์ทโฟนตัวท็อปสาย Dimensity 9000+

พรีวิว ROG Phone 6D, 6D Ultimate และ ROG Phone 6 Batman Edtion สมาร์ทโฟนตัวท็อปสาย Dimensity 9000+
Noppinij

ASUS Republic of Gamers (ROG) เปิดตัว ROG Phone 6D Series เกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 9000+ ขึ้นแท่นเป็นตัวท็อปแรงสุดจากสายของ MediaTek โดยเปิดตัวมาพร้อมกันถึงสามรุ่น คือรุ่นราคาดี  ROG Phone 6d, และรุ่นพิเศษที่จับมือกับทางค่ายหนัง Warner Brother เปิดตัวสมาร์ทโฟน ROG Phone 6 Batman Edition ที่จะมากับอุปกรณ์เสริมลายแบทแมนครบเซ็ตภายในกล่อง และสุดท้ายคือรุ่นตัวท็อป ROG Phone 6D Ultimate

โดยครั้งนี้จะเป็นการเปิดตัวสินค้าและจัดจำหน่ายผ่านช่องทาง Exclusive ร่วมกับพาร์ทเนอร์ AIS 5G เพียงช่องทางเดียวเท่านั้นด้วยครับ

ROG Phone 6d, ROG Phone 6 Batman Edition และ ROG Phone 6D Ultimate จะมาพร้อมกับชิปเซ็ตเรือธงใหม่ล่าสุดจากทางค่าย MediaTek นั้นคือ Dimensity 9000+ แต่จะมีความแตกต่างกันอยู่ที่ขนาดแรมกับรอมเท่านั้นครับ

ROG Phone 6d และ ROG Phone 6 Batman Edition จะให้สเปคเดียวกันมาเลย คือการใช้ MediaTek Dimensity 9000+ ร่วมกันกับ RAM LPDDR5X  12GB และ ROM UFS3.1 ขนาด 256GB ส่วนตัวท็อป ROG Phone 6d Ultimate จะมีขนาดแรมและรอมที่ใหญ่กว่า อยู่ที่ RAM LPDDR5X 16GB และ ROM UFS3.1 ขนาด 512GB

สเปคในส่วนอื่นๆ จะเหมือนกันทั้งหมด หน้าจอขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2448 x 1080 เป็นจอที่มีอัตรา Refresh Rate สูงมาก 165 Hz, Touch Sampling 720 Hz, touch latency 23 ms ซึ่งเป็นจอ AMOLED ของ Samsung ที่ให้สีสันที่สดใส ความแม่นยำของสีระดับ 111.23% DCI-P3, 106.87% NTSC, 150.89% sRGB ค่า Delta E < 1 ผลิตกระจกจอมาด้วยกระจกที่มีความทนทานสูง Corning Gorilla Glass Victus และเป็นจอที่มีรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง

ระบบเสียง GameFX ลำโพงคู่แบบที่หันทิศทางเข้าหาผู้ใช้โดยตรง ได้เอฟเฟกต์เสียงแบบสเตอริโอที่สมดุล และยังได้รับการปรับจูนจาก Dirac และยังคงช่องเชื่อมต่อแบบ 3.5 มม. สำหรับหูฟังหรือชุดเครื่องเสียงเอาไว้ให้บนตัวเครื่องโดยตรงครับ

แบตเตอรี่ให้มาไซส์ใหญ่เช่นกัน ความจุ 6,000mAh โดยจะรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว ROG HyperCharge 65W สามารถชาร์จแบตได้ 60% ในเวลาเพียง 19 นาที และชาร์จเต็มได้ในเวลา 42 นาที พร้อมออกแบบเทคโนโลยีระบายความร้อน GameCool 6 เพื่อช่วยลดอุณหภูมิลงได้ในขณะที่ใช้งานหนักต่อเนื่อง

ROG Phone 6D และ ROG Phone 6D Ultimate มาในสเปคที่จัดเต็มและหน้าจอใหญ่ ฉะนั้นตัวเครื่องอาจจะหนาและมีน้ำหนักสักหน่อยครับ โดยมาในขนาดตัวเครื่อง 173 x 77x 10.4 mm และหนัก 239กรัม และ 247 กรัมตามลำดับ ทั้งคู่มาในตัวเครื่องสีเทาผิวเงาแต่สัมผัสด้าน ใช้งานไม่เกิดคราบรอยนิ้วมือ มาในชื่อสี Space Gray ผลิตมาในคุณสมบัติกันน้ำ IPX4 ซะด้วยครับ

ROG Phone 6D Series จะรองรับการเชื่อมต่อ 5G (SA) โดยได้ผ่านการทดสอบผ่านเครือข่ายที่ดีที่สุดจาก AIS ให้ความเร็วที่เหนือกว่า 4G สูงสุด 24 เท่า และมีค่าความหน่วงต่ำกว่า 10 มิลลิวินาที และยังรองรับ Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.2 ระบบเชื่อมต่อไร้สายเป็นเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด

ติดตั้งกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์เรือธง IMX766 จาก Sony และกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 13 ล้านพิกเชล และเลนส์ Macro ความละเอียดขนาด 5 ล้านพิกเชล ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล

ตัวเครื่องยังคงรองรับปุ่มฟังก์ชั่นและการควบคุมพิเศษทั้ง AirTrigger 6 ที่มีมาให้ทั้งหมด 2 จุดด้านบนตัวเครื่อง และสามารถตั้งค่าได้ทั้งหมด 9 รูปแบบตามความถนัด ทำงานร่วใมกับ motion control หรือการควบคุมการเล่นเกมโดยการเอียงเครื่อง ที่รองรับรูปแบบที่แตกต่างกัน 10 แบบ และแน่นอนรองรับกับอุปกรณ์เสริมตัวเก่งของ ROG ทั้ง AeroActive Cooler 6 และ Kunai 3 Gamepad อย่างแน่นอนครับ

ในความแตกต่างที่สำคัญของรุ่น Ultimate กับรุ่นอื่นๆ ในซี่รีส์คือหน้าจอด้านหลัง ROG Vision ที่จะมีเฉพาะในรุ่น 6D Ultimate เป็นหน้าจอแสดงผลที่เราสามารถปรับแต่งได้ผ่านโปรแกรม Armoury Crate ภายในตัวเครื่อง โดยจะสามารถแสดงการแจ้งเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า, สัญลักษณ์เวลาเริ่มเกม หรือสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ หรือแม้แต่จะใส่รูปภาพเข้าไปเองก็สามารถทำได้ อันนี้เป็นจุดแตกต่างที่สำคัญสำหรับรุ่น 6D Ultimate ในขณะที่รุ่นอื่น อย่าง 6d และ ROG Phone 6 Batman Edition จะเป็นแค่พืนที่แสดงไฟ LED สวยๆ เอาไว้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นหน้าจอที่สามารถปรับเปลียนการแสดงผลได้เหมือนรุ่น 6D Ultimate

และอีกจุดเด่นพิเศษของ ROG Phone 6D Ultimate ก็คือจะมาพร้อมกับช่องระบายความร้อนพิเศษ AeroActive Portal ที่สามารถเปิดพื้นที่ฝาหลังด้านบนเพิ่มช่องรับลมและหมุนเวียนการระบายอากาศ ที่จะช่วยระบายความร้อนให้ตัวเครื่องและ CPU ได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นช่องกลไกพิเศษที่จะเปิดปิดได้เองอัตโนมัติเมื่อเราทำการเชื่อมต่อกับ อุปกรณ์เสริม AeroActive Cooler 6 ซึ่งจะมีแถมมาให้ทันทีภายในกล่องเลยครับสำหรับอุปกรณ์เสริมตัวนี่ในแพ็กเกจของรุ่น ROG Phone 6D Ultimate 

โดยฝา AeroActive Portal จะเปิดขึ้นเพื่อรับลมเย็นจาก AeroActive Cooler 6 ให้ผ่านไปยังครีบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่อยู่ภายในตัวเครื่อง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้ดีมากขึ้นถึง 20% เลยทืเดียวครับ นับเป็นความพิเศษที่มีเพียงแค่ใน ROG Phone 6D Ultimate รุ่นเดียวเท่านั้นที่มีช่องระบายอากาศตัวนี้

รุ่นพิเศษจำนวนจำกัด: ROG Phone 6 Batman Edition เกมมิ่งสมาร์ทโฟนลิมิเต็ดเอดิชั่นและอุปกรณ์เสริมเข้าธีมกันของแบทแมน

ROG Phone 6 Batman Edition จะเป็นรุ่นที่สเปคเดียวกันกับ ROG Phone 6d ทุกอย่าง แตกต่างกันที่ลวดลายของตัวเครื่อง และสีที่เลือกใช้สีพิเศษ Night Black และอุปกรณ์เสริมที่มาให้ในกล่อง และใส่ UI พิเศษที่เอาใจแฟนๆ ของ Batman กันแบบเต็มพิกัดครับจากความร่วมมือกับ Warner Bros. และ DC

ROG Phone 6D BATMAN Edition มาในลวดลายตัวเครื่องแบบพิเศษที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศของมหานครก็อตแธม ตัวเครื่องมีผิวสัมผัสแบบกึ่งด้านในสี “Night Black” และแสงไฟ Aura RGB ที่จะเพิ่มความโดดเด่นให้กับโลโก้ของ Batman

พบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วยธีมและ UI (User Interface) จาก Batman เต็มรูปแบบ ทั้งภาพพื้นหลัง, กรอบไอคอนของแอปต่างๆ, เสียงเอฟเฟคพิเศษเมื่อเสียบสายชาร์จ, และแอนิเมชันองค์ประกอบอื่นๆในธีม รวมไปถึงไอคอนบริเวณเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่เป็นโลโก้แบทแมนสีเหลือง

นอกจากตัวเครื่องแล้ว ในเซ็ตจะมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมในธีมที่เข้าคู่กัน ประกอบไปด้วย Bat-Signal Projector ที่สามารถฉายสัญลักษณ์ Batman ไปยังพื้นผิวในบริเวณใกล้เคียงได้, Batman Aero Case เคสที่มากับลวดลายและผิวสัมผัสแบบพิเศษที่สกรีนลายแบทแมนทั้งภายนอกและภายใน, Batman Ejector Pin เข็มจิ้มซิมสัญลักษณ์ Batman พร้อมฐานรองที่ถูกออกแบบให้เป็นมหานครก็อตแธม

ทั้งหมดนี้มาในกระเป๋าดีไซน์พิเศษเหมือนกระเป๋าเก็บอาวุธ โดยฝาด้านบนของกระเป๋าจะมีโลโก้ของ Batman และ ROG ที่ออกแบบมาให้ผสานรวมกัน ทำจากด้วยวัสดุ EPP หนาพิเศษ ทำให้ตัวกระเป๋ามีความทนทานและทนต่อแรงกระแทก นำไปใช้ประโยชน์ได้หรือเก็บสะสมได้คงทนยาวนานครับ

ราคาและช่องทางจำหน่าย  ROG Phone 6D Series

ASUS ROG Phone 6D ซีรีส์ และ ASUS ROG Phone 6 Batman Edition จะวางจำหน่ายแบบ Exclusive ผ่านทาง AIS เท่านั้นครับ เปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป มาพร้อมกับโปรโมชั่นราคาดีที่สุด เมื่อซื้อเครื่องพร้อมกับสมัครแพ็กเกจ AIS 5G โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ทั้งทางออนไลน์ของ AIS ที่มีทั้ง AIS Online Store และ Line@AISShop รวมถึงหน้าร้าน AIS Shop ทุกสาขาทั่วประเทศ

• ASUS ROG Phone 6D Ultimate (Space Gray): MediaTek Dimensity 9000+, RAM 16GB, ROM 512GB ราคา 42,990 บาท พร้อมส่วนลดสูงสุด 6,500 บาท เหลือเพียง 36,490 บาท เมื่อสมัครแพ็คเกจรายเดือนของ AIS ตามเงื่อนไขที่กำหนด
• ASUS ROG Phone 6D (สีเทา Space Gray): MediaTek Dimensity 9000+, RAM 12 GB, ROM 256GB ราคา 28,990 บาท พร้อมส่วนลดสูงสุด 6,500 บาท เหลือเพียง 22,490 บาท เมื่อสมัครแพ็คเกจรายเดือนของ AIS ตามเงื่อนไขที่กำหนด
• ASUS ROG Phone 6 Batman Edition (สีดำ Night Black): MediaTek Dimensity 9000+, RAM 12 GB, ROM 256GB ราคา 34,990 บาท พร้อมส่วนลดสูงสุด 6,500 บาท เหลือเพียง 28,490 บาท เมื่อสมัครแพ็คเกจรายเดือนของ AIS ตามเงื่อนไขที่กำหนด

โปรโมชั่นพิเศษเมื่อชื้อเครื่องจาก AIS รับฟรีของแถมหูฟัง ROG และโค๊ดไอเทมจากเกม Tower Of Fantasy และบริการใช้งาน AIS 5G Cloud Game นาน 90วัน มูลค่าของแถมรวม 5,527 บาท

ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม

ROG Phone 6D: 

ROG Phone 6D Ultimate:

ROG Phone 6 Batman Edition: 

 

ข่าว: พรีวิว ROG Phone 6D, 6D Ultimate และ ROG Phone 6 Batman Edtion สมาร์ทโฟนตัวท็อปสาย Dimensity 9000+ มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/asus-rog-phone-6d-ultimate-batman-edtion/

พรีวิว ACER Swift Edge โน๊ตบุ๊คจอใหญ่ 16 นิ้ว สเปคดี ราคาดี รุ่นนี้น่าใช้

พรีวิว ACER Swift Edge โน๊ตบุ๊คจอใหญ่ 16 นิ้ว สเปคดี ราคาดี รุ่นนี้น่าใช้
Noppinij

ACER Swift Edge โน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ 16 นิ้ว เรียกว่าเต็มตาที่สุดสำหรับโน๊ตบุ๊คขนาดพกพา และเป็นรุjนที่มีความบางและเบามากที่สุดในโลกฉะนั้นจอใหญ่แต่พกง่ายไม่เกะกะหรือเป็นภาระชีวิต และยังมีความแรงของสเปคที่ค่อนข้างสูงมากด้วย AMD Ryzen 6000U Series ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทั้งด้านความแรงและราคาจำหน่ายทั้งคู่เลยครับ

น่าสนใจมากสำหรับโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ๆ แบบเต็มตา เพราะรุ่นนี้ให้หน้าจอมาขนาดใหญ่ 16 นิ้ว สัดส่วน 16:10 และเป็นจอคุณภาพสูงครับ ความละเอียดระดับ 4K (3,840×2400 พิกเซล) OLED HDR สีสันสดใส ให้ค่าสีแม่นยำ DCI-P3 100% มีความสว่างสูง 400nits จอภาพคุณภาพดีเลยครับ แต่เป็นจอที่ไม่รองรับการทัชสกรีนหรือการใช้ปากกา

นอกจากจะให้หน้าจอใหญ่มากๆ แล้ว ก็ยังสามารถทำให้น้ำหนักตัวเครื่องโดยรวมทั้งหมดอยู่ที่ 1.17KG เท่านั้นเองครับ มีความบางแค่ 12.95mm. ขึ้นแท่นการเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 16 นิ้วที่เบาที่สุดในโลกไปเรียบร้อย

จากการลองสัมผัสตัวจริงของ ACER Swift Edge ออกแบบดีครับ อย่าลืมว่าน้ำหนัก 1.17 KG คือน้ำหนักเฉลี่ยทั้งตัวเครื่อง และเมื่อมันมีหน้าจอที่กว้าง ตัวเครื่องจึงมีความกว้างที่จะเฉลี่ยน้ำหนักออกไปได้อีกมาก เวลาถือใช้จึงรู้สึกว่าเครื่องมันน้ำหนักไม่น่าจะถึงหนึ่งกิโลด้วยซ้ำครับ

พกง่าย น้ำหนักเบา และมีความทนทาน เพราะตัวเครื่องผลิตด้วยแมกนีเซียม-อลูมิเรียม ที่มีคุณสมบัติของความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบานั้นเองครับ ตัวเครื่องจึงให้สัมผัสแบบโลหะ พื้นผิวแบบโลหะพ่นทรายทำให้ละมุนมือ มีเข้ามาจำหน่ายสองสี คือสีขาวอมฟ้า Flax White และสีดำ Olivine Black

สมดุลดี สามารถเปิดปิดหน้าจอได้ด้วยมือเดียว มาพร้อมกับที่สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่มพาวเวอร์ ใช้การออกแบบคีย์บอร์ด QWERTY ที่ไม่มี Numpad เพื่อให้ชุดคีย์บอร์ดอยู่กึ่งกลางตัวเครื่องตรงกับหน้าจอ เป็นสายการออกแบบเพื่องานพิมพ์และครีเอเตอร์ที่ไม่ได้เน้นใช้ปุ่มชุดตัวเลขกันบ่อยนัก

สเปคที่ให้มาถือว่าแรงมาก มาพร้อมกับ AMD Ryzen 6000U Series ที่เรียกได้ว่าเป็นชุดประมวลผลที่ดูจะเหมาะสมกับอุปกรณ์พกพาแบบโน๊ตบุ๊คมากที่สุดในขณะนี้ครับ เทคโนโลยีการผลิตระดับ 6 นาโนเมตร และสถาปัตยกรรมตัวช่วยด้านกราฟิก RDNA2 สเปคดีมาก สามารถนำมาเล่นเกม AAA ได้ระดับเฟรมเรท 40+ ได้เลยครับ  โดยจะมีมาในสองตัวเลือก คือ Ryzen 5 6600U และ Ryzen 7 68ooU ต่างกันแค่ CPU เพราะที่เหลือจะเหมือนกันหมด ทั้งตัว SSD NVMe 4 ขนาด  1TB และให้ RAM มาเป็น BUS 6300MHz ขนาด 16GB จะให้มาเท่ากันทั้งสองรุ่น

พอร์ตเชื่อมต่อมาครบ HDMI 2.1, USB Type A, USB Type C 3.2 Gen 2 , Audio Jack และรองรับชาร์จไวผ่านพอร์ต Type C ได้ระดับ 45W สามารถชาร์จแบตเต็มได้ในเวลา 2 ชั่วโมง และสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมงสำหรับโหมดการทำงานแบบบาลานซ์

คุณสมบัติค่อนข้างลงตัว น่าใช้มากครับ โดยเฉพาะคนชอบโน๊ตบุ๊คจอใหญ่ที่มีหน้าจอคุณภาพดีๆ ไว้ใช้งาน ภาพสีตรง สวย และภาพคม ประสิทธิภาพการทำงานก็อยู่ในระดับ Topline Products ของ ACER เอาอยู่แน่นอนทั้งสามทำงานครีเอเตอร์หรือนำไปเล่นเกมก็ไม่ใช่ปัญหาของรุ่นนี้ครับ

และ ACER Swift Edge ยังเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นแรกที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ที่มีการใส่ Microsoft Pluton เข้ามาให้ด้วยครับ เป็นโปรเซสเซอร์เข้ารหัสลับที่ติดตั้งอยู่ใน CPU เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ปกป้องข้อมูลประจำตัว ข้อมูลส่วนบุคคล และคีย์เข้ารหัส โดยข้อมูลจะถูกดักลักลอบและถูกลบออกไปได้ยากกว่าเดิมอย่างมาก ซึ่งเป็นระบบที่ถูกใส่ไว้ปกป้องข้อมูลผู้ใช้ในเครื่อง Microsoft XBOX มาแล้วนั้นเองครับ โดยฟีเจอร์นี้ปัจจุบันมีโปรเซสเซอร์ไม่กี่ซีรี่ส์เท่านั้นที่ได้รับการบรรจุความสามารถในการปกป้องข้อมูลนี้เข้าไป แต่สำหรับ AMD Ryzen 6000 ที่นำมาใช้กับ ACER Swift Edge เป็นหนึ่งในโปรเซสเซอร์ที่รองรับการติดตั้ง Microsoft Pluton เข้าไปในระบบ และมีการติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วครับ

ACER Swift Edge ติดตั้งระบบ Windows 11  มาพร้อมกับ Microsoft Office Home and Student มาให้พร้อมใช้งาน และบริการซ่อมถึงหน้าบ้าน Onsite Service 1 ปี และประกันหลังการขายนาน 3 ปีเต็ม เปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนเป็นต้นไปครับ โดยจะมีรุ่นแยกจำหน่ายสองรุ่นดังนี้

• Acer Swift Edge รุ่น AMD RYZEN 5 6600U Ram 16 | 1 TB ราคา 45,990 บาท
• Acer Swift Edge รุ่น AMD RYZEN 7 6800U Ram 16 | 1 TB ราคา 49,990 บาท

ข่าว: พรีวิว ACER Swift Edge โน๊ตบุ๊คจอใหญ่ 16 นิ้ว สเปคดี ราคาดี รุ่นนี้น่าใช้ มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/preview-acer-swift-edge-16-amd-ryzen-6000u/

พรีวิว HONOR Magic4 Pro สมาร์ทโฟนแฟล็กชิปกล้องโปร ในดีไซน์พรีเมียม

พรีวิว HONOR Magic4 Pro สมาร์ทโฟนแฟล็กชิปกล้องโปร ในดีไซน์พรีเมียม
Noppinij

เปิดตัวออกมาแล้วครับสำหรับเรือธงแบรนด์ Honor ที่นำเข้า HONOR Magic4 Pro สมาร์ทโฟนแฟล็กชิปมาจำหน่ายในเมืองไทย โดยดูแลการจัดจำหน่ายและดูแลหลังการขายด้วยบริษัทซินเน็คเช่นเดิม

สเปคสูงและเทคโนโลยีสูงครับ ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 ชิปเซ็ตขนาด 4nm RAM 8GB และ ROM 256G จุดเด่นแรกอยู่ที่ชุดกล้องหลัง 3 ตัว ที่เป็นกล้องความละเอียดสูงทั้งหมด โดยจะเป็นเลนส์ 50MP+50MP Ultrawide 7ชั้นเลนส์ จับโฟกัสด้วยการวัดระยะแสง TOF 3D และเป็นกล้องที่มีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ถึง 1/1.56” และเลนส์สุดท้ายเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ Periscope ความละเอียดสูงถึง 64MP

ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถซูมภาพแบบออปติคอลได้ถึง 3.5X และซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดที่ 100Xเลยทีเดียวครับ เน้นความคมชัด และมีโหมดถ่ายภาพครบในระดับสมาร์ทโฟนเรือธง เรียกว่าทุกเลนส์คือระดับเทพทั้งหมดแล้วครับ

การออกแบบตัวเครื่อง HONOR Magic4 Pro แข็งแรง ดูทนทาน และมีความบางด้วยการออกแบบขอบโค้งมนทั้ง 4 ด้าน โครงเครื่องโลหะรู้สึกแข็งแกร่ง น้ำหนัก 215 กรัม

แบตเตอรี่ภายใน 4,600mAh และมาพร้่อมระบบชาร์จไว 100W HONOR SuperCharge ทั้งแบบใช้สายชาร์จและไร้สาย โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะสามารถชาร์จแบตได้ 50% โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้นเอง

ให้หน้าจอขนาดใหญ่ ในแบบ LTPO ที่ใช้เทคโนโลยี PWM Dimming ที่มีความถี่สูงถึง 1920Hz ซึ่งถือว่าสูงกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงทั่วๆ ไปถึง 5 เท่าเลยครับ ลดความเมื่อยล้าของสายตาในขณะใช้งานนานๆ หรือใช้งานในที่แสงน้อยได้ดีที่สุด

จอภาพ Flex OLED 6.81 นิ้ว ความละเอียด 2848 x 1312 พิกเซล ความแม่นยำของสี DCI-P3 100% 1.07 พันล้านสี รองรับ HDR10+ ความสว่างสูงสุด 1,000 nits รีเฟรชเรท 120Hz ที่สามารถปรับได้อัตโนมัติตั้งแต่ 1Hz ถึง 120Hz ช่วยประหยัดพลังงานได้ดียิ่งขึ้น ติดตั้งกล้องหน้า 12 ล้านพิกเซลรองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งานได้แบบละเอียดด้วยเซนเซอร์แสง TOF 3D ที่ติดตั้งไว้ที่กล้องหน้าด้วยเช่นกัน

HONOR Magic4 Pro ตัวเครื่องจริงค่อนข้างดูดีทีเดียวครับ และมากับโปรโมชั่นที่น่าสนใจด้วย

มีการเปิดจำหน่ายในไทย 2 สี คือสีเขียว Cyan และสีดำ Black ในราคา 35,990 บาท โปรโมชั่นพิเศษช่วงเปิดตัวสำหรับผู้ที่สั่งซื้อก่อน 10 พฤศจิกายน 2565 รับฟรีไม้กันสั่นสำหรับสมาร์ทโฟน  DJI Osmo OM4 SE มูลค่า 4,490 บาท และประกันหน้าจอแตกคุ้มครองนาน 90 วันมูลค่าสูงสุด 11,000 บาท รวมของมูลค่า 15,490 บาท เปิดจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี่เป็นต้นไปครับ

ข่าว: พรีวิว HONOR Magic4 Pro สมาร์ทโฟนแฟล็กชิปกล้องโปร ในดีไซน์พรีเมียม มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/preview-honor-magic4-pro/

พรีวิว พารู้จักโน๊ตบุ๊คจอพับได้ ASUS ZenBook17 Fold OLED มันทำอะไรได้บ้าง?

พรีวิว พารู้จักโน๊ตบุ๊คจอพับได้ ASUS ZenBook17 Fold OLED มันทำอะไรได้บ้าง?
Noppinij

วีดีโอนี้จะมาพามาดูการใช้งานของ ASUS Zenbook 17 Fold OLED ที่ออกมาสร้างปรากฎการณ์ใหม่ด้วยโน้ตบุ๊กจอพับได้ ด้วยขนาดจอที่ใหญ่ถึง 17 นิ้ว แต่มาในรูปทรงขนาดเท่ากับโน๊ตบุ๊คจอ 13นิ้วทั่วไป พร้อมกับการทำงานพิเศษที่มีแต่รุ่นนี้เท่านั้นที่ทำได้

ASUS Zenbook 17 Fold OLED โน้ตบุ๊กหน้าจอพับได้ขนาด 17.3 นิ้วเครื่องแรกของโลก หน้าจอที่พับได้ยังเป็นจอคุณภาพสูงมาก ด้วยหน้าจอสัมผัส OLED ความละเอียดระดับ 2.5K (2560×1920)OLED หน้าจอใหญ่ขนาดนี้แต่มาในขนาดกะทัดรัดเทียบเท่านิตยสาร น้ำหนักรวมเพียง 1.5 KG โดยมีอุปกรณ์เสริมเป็นคีย์บอร์ด ASUS ErgoSense Bluetooth ใช้งานไร้สายหรือรวมร่วงกันได้อย่างอิสระ

สเปคเครื่องแรง เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้ CPU 12th Gen Intel Core i7, RAM 16 GB และหน่วยเก็บข้อมูลM.2 NVMe PCIe 4.0 ขนาด 1TB  ให้พอร์ต Thunderbolt 4 USB-C ความเร็วสูงสองพอร์ต

ชมความสามารถพิเศษและการทำงานของตัวเครื่องจริง ASUS Zenbook 17 Fold OLED กันได้ในคลิปวีดีโอด้านล่างนี้กันดีกว่าครับ

ASUS Zenbook 17 Fold OLED (UX9702) วางจำหน่ายแล้วในราคาเปิดตัว 129,990 บาท รับประกัน ASUS Exclusive Care ครอบคลุมการบริการซ่อมถึงที่ 3 ปี, ประกันระหว่างประเทศ 80 ประเทศทั่วโลก และประกันอุบัติเหตุ (Perfect Warranty กันน้ำหกใส่หรือตกแตกเสียหาย) 1 ปี

โปรโมชั่นพิเศษเมื่อสั่งซื้อ ASUS Zenbook 17 Fold OLED ภายในวันที่ 19 ตุลาคม 2565 – 13 พฤศจิกายน 2565 ลงทะเบียนรับฟรี  Microsoft Arc Mouse และ ROG Archer BP1505 มูลค่ารวม 6,780 บาท โดยลงทะเบียนได้ที่ https://th.asus.click/WmBrir

ข่าว: พรีวิว พารู้จักโน๊ตบุ๊คจอพับได้ ASUS ZenBook17 Fold OLED มันทำอะไรได้บ้าง? มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/preview-asus-zenbook17-fold-oled/

พรีวิว HUAWEI MateView SE จอมอนิเตอร์ IPS LCD 75Hz สีตรงราคาเบาๆ 4,990 บาท กับขนาด 23.8 นิ้ว

จอมอนิเตอร์ HUAWEI MateView SE เป็นจอ LCD ชนิด 75Hz ที่มาในราคาไม่แพงครับ มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่พอสมควร 23.8นิ้ว จุดเด่นคือขอบจอเล็ก ให้สีสันที่ตรง ในมาตรฐานขอบเขตสี P3 90% / sRGB 100% รองรับเทคโนโลยี AMD FreeSync และฟังก์ชั่นหน้าจอถนอมสายตา เปิดตัวมาในราคา 4,990บาท เอามาใช้เป็นจอทำงานหรือเล่นเกมก็ได้ สำหรับใครที่มองหาจอในงบประมาณนี้ก็ถือว่าน่าสนใจครับ

HUAWEI MateView SE ออกแบบมาในแนวเรียบๆ โชว์ได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นจอที่เน้นทำงานด้านภาพอย่างเดียวครับ ไม่มีลำโพงและไม่มีพอร์ต USB สำหรับการตัวเองให้เป็นฮับ ตามสไตล์ของหน้าจอมอนิเตอร์ที่ต้องการเน้นราคา นำมาใช้เป็นจอแสดงผลเพียงอย่างเดียว

ขอบจอเล็ก ทำให้ดูทันสมัย วัสดูส่วนใหญ่เป็นพลาสติก น้ำหนักประมาณ 3.3 กก. รองรับการเอียงจอไปด้านหลังได้ 3° และไปด้านหน้า 18° ไม่สามารถเลื่อนระดับสูงต่ำของจอได้  และใช้งานกับตัวขาตั้งเพียงอย่างเดียวไมสามารถถอดขาออกมาแขวนได้ครับ

ตัวพอร์ตหน้าจอ จะรองรับการเชื่อมต่อสองพอร์ต ทั้งแบบ DP และ HDMI สลับได้อัตโนมัติตามการเชื่อมต่อ หรือกดเลือกสลับใช้ในเมนูของตัวจอ

ให้รีเฟรชเรทมาระดับ 75Hz ไม่สูงมากแต่ไม่ธรรมดาซะทีเดียว นำมาใช้เล่นเกมได้ครับ เพราะรองรับเทคโนโลยี AMD FreeSync ด้วย และทาง HUAWEI ใส่ตัวเสริมสำหรับผู้เล่นเกมมาให้ในระบบตัวจอด้วยครับ

ตัวซอฟท์แวร์มีการใส่ความสามารถเสริมเข้ามาให้ด้วย รองรับโหมด e-Book สำหรับการใช้งานแบบถนอมสายตาหรือนักอ่าน ที่นิยมใช้หน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่เพื่ออ่านหนังสือเป็นเวลานานๆ และโหมดสีหลายโหมดในเลือกใช้ รวมถึงโหมด HDR สำหรับการจำลองภาพแสดงผลให้เราสามารถมองเห็นในส่วนที่มืดหรือสว่างมากเกินไป ให้เห็นรายละเอียดบนจอภาพมากขึ้น

โหมดช่วยเหลือสำหรับคนเล่นเกม เช่นการเพิ่มจุดเล็งยิงบนจอภาพเอาไว้ ช่วยเพิ่มความได้เปรียบสำหรับเกมลักษณะ Shooting FPS และสามารถให้จอภาพแสดงตัวเลข FPS บนหน้าจอได้แบบเรียลไทม์เหมือนจอเกมมิ่งได้ โหมดเมนูรองรับการตั้งค่าภาษาไทยเอาไว้ด้วยครับ การควบคุมคอนโทรลก็ใช้ปุ่มควบคุมใต้จอเพียงปุ่มเดียวจบ

ขอบจอเล็กทำให้ดูทันสมัย ความละเอียด 1920 × 1080 พิกเซล ข้อดีคือเป็นจอชนิด IPS LCD ให้สีสันที่ตรงในระดับ P3 90% / sRGB 100% นำมาใช้ทำงานด้านภาพหรือกราฟฟิคได้ครับ จอภาพไม่มัวและไม่จ้าเกินไป ไม่มีเงาสะท้อนรำคาญตา มุมมองใช้งานกว้าง 178 องศา ค่าความสว่าง 250 nits คอนทราส 1000:1 คุณสมบัติไม่หรูหราแต่ว่ากำลังดี โดยเฉพาะเมื่อดูจากราคา 4,990 บาท ก็ราคากำลังดีเช่นกันครับ

ตัวอะแดปเตอร์ของจอขนาดเล็กมาก ไม่เกะกะตัวปลั๊ก UPS

จอมอนิเตอร์ HUAWEI MateView SE ในเรทราคาปกติ 4,990 บาทเป็นจอจากแบรนด์ใหญ่แบรนด์ดี มาตรฐานงาน HUAWEI ถือว่าน่าใช้ครับ

เหมาะสำหรับนำมาใช้เป็นทั้งจอหลัก หรือจอเสริม กับ PC หรือโน๊ตบุ๊ค ได้หมดครับเกรดจอระดับนี้ หรือจะใช้เป็นจอมอนิเตอร์สำหรับงานสตูดิโอสำหรับต่อกล้องถ่ายภาพ เพราะด้วยชนิดหน้าจอ IPS และสีสันที่มีมาตรฐานค่าสีตรงมากพอ ผมเองก็นำมาใช้จัดการภาพและต่อกล้องเวลาถ่ายวีดีโออยู่ที่สตูดิโอเช่นกันครับ ได้ขนาดจอใหญ่กำลังดีสำหรับให้คนหน้ากล้องมองเห็นได้ชัดเจนอยู่ ในระยะไม่เกิน 2 เมตร

ข่าว: พรีวิว HUAWEI MateView SE จอมอนิเตอร์ IPS LCD 75Hz สีตรงราคาเบาๆ 4,990 บาท กับขนาด 23.8 นิ้ว มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/preview-huawei-mateview-se-lcd-75hz-amd-sync/