คลังเก็บป้ายกำกับ: จัดโต๊ะคอม

รีวิว HyperX Alloy Origins PBT 2023 และ Pulsefire Mat RGB สวยเร้าใจ ไฟ RGB ปรับแต่งสนุก

HyperX Alloy Origins PBT 2023 เล่นเกมสนุก ทนทาน ปรับแต่งง่าย คีย์ไทย ไฟ RGB เล่นได้ทุกเกม

HyperX Alloy Origins PBT

HyperX Alloy Origins PBT จัดเป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ด RGB ในสายของ Alloy ที่ได้รับการพัฒนามาต่อเนื่อง จากรุ่นพี่ที่เป็น Alloy Origins ก่อนหน้านี้ ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก กับเอกลักษณ์ที่ดูเรียบง่าย แต่ใส่ฟีเจอร์มาแน่น กับคีย์สวิทช์เฉพาะของทาง HyperX และแสงไฟ RGB ที่ปรับแต่งได้สวยสดใส และในรุ่นใหม่นี้ ทาง HyperX เพิ่มปุ่มที่เป็นภาษาไทย ยิงเลเซอร์มาให้พร้อมใช้ เอาใจเกมเมอร์คนไทย ที่บางครั้งก็ต้องใช้ในการพิมพ์งาน หรือแชตส่งงาน ทำได้ง่ายกว่าเดิม และยังคงโครงสร้างอะลูมิเนียมที่หนักแน่น ปรับระยะลาดเอียงได้ 3 ระดับ และต่อสายสะดวกในแบบ USB-C เป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดที่มาพร้อม Game Mode ปรับแต่งมาโครคีย์ได้ และมีทั้ง Anti-Ghostng และ N-Key rollover เป็นฟีเจอร์พื้นฐาน ที่ให้คุณกดรัวๆ บนการเล่นเกมได้ ไม่มีการแจ้งเตือน และกันการกดผิดปุ่ม ปิดการทำงานของปุ่ม Win ได้อีกด้วย เพื่อการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลนั่นเอง


HyperX Alloy Origins PBT & Pulsefire Mat RGB


Specification

Description
Switch: HyperX Red – Linear
Actuation Point: Mechanical
Backlight: RGB (16,777,216 colors)
Light Effects: Per key RGB lighting and 5 brightness levels
Onboard Memory: 3 profile
Polling Rate: 1000Hz
USB 2.0 Pass-through: No
Anti-ghosting: 100% anti-ghosting
Rollover: N-key
Acceleration: Yes
Game Mode: Yes
USB Specification: USB 2.0 (full-speed)
OS Compatibility: Windows® 10, 8.1, 8, 7
Dimension: 442.5 x 132.5 x 36.39mm
Weight: w/ cable 1.07Kg.
Cable Length: xxm
Operating Force: 45g, 45g, 50g
Actuation Point: 1.8mm
Total Travel Distance: 3.8mm
Price: 3,790 Baht

ข้อมูลเพิ่มเติม: HyperX

Advertisementavw

Unbox

HyperX Alloy Origins PBT

HyperX Alloy Origins PBT มาในกล่องสีแดงสด ตัดกับลวดลายสีขาวและดำ ด้านหน้าเป็นกราฟิกรูปตัวคีย์บอร์ดอย่างชัดเจน และใส่ข้อมูลฟีเจอร์มาในแต่ละจุด เช่น การเป็น Double shot PBT, Red switch และรองรับการเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นคอนโซล เช่น PS4/ PS5 หรือ XBox เป็นต้น

HyperX Alloy Origins PBT

ด้านหลังเพิ่มเติมมาทั้งในส่วนของซอฟต์แวร์ NGENUITY, RGB รวมถึงในแพ๊คเกจ มีสิ่งใดเพิ่มเติมมาให้บ้าง เอาไว้สำหรับเช็คอุปกรณ์ดูได้เลย ว่าได้ครบมั้ย

HyperX Alloy Origins PBT

ชอบในความดีไซน์ของค่ายนี้ เพราะยังคงมีเอกลักษณ์ชัดเจน ทั้งในเรื่องของสีสันและตัวอักษร แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย ในหลายปีที่ผ่านมา และในนี้ก็ระบุชื่อรุ่นและฟีเจอร์มาได้สะดุดตา

HyperX Alloy Origins PBT

เมื่อเปิดกล่องออกมา นอกจากจะมีตัวคีย์บอร์ดที่ใส่มาในกล่องแบบพอดีๆ แล้วยังมีคู่มือ เอกสารแนะนำมาให้ตามมาตรฐาน สำหรับคนที่ต้องการปรับแต่งแสงสี โหมดแสงไฟในเบื้องต้น รวมถึงการตั้งมาโครปุ่ม แนะนำเลยครับ ช่วยได้เยอะ

HyperX Alloy Origins PBT

และสิ่งที่มาให้เซอร์ไพรซ์ กับคีย์แคปที่ทาง HyperX เพิ่มเติมมาให้ ทั้งที่เป็นปุ่ม Esc สีแดงสดใส และปุ่ม Spacebar ขนาดใหญ่สีดำ มีลวดลายที่คล้ายกับหิมะ หรือดาวตกอะไรประมาณนั้นครับ

HyperX Alloy Origins PBT

ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนคีย์แคปเองได้ เพราะเค้าให้อุปกรณ์เสริมมาถอดปุ่มได้แบบง่ายๆ ถ้าอยากได้ความแปลกใหม่ หรือต้องการสีสัน ลูกเล่นไปจากคีย์แคปแบบเดิมๆ ก็ถอดออกมาตรงๆ แล้วเปลี่ยนได้เลยครับ

สายสัญญาณเป็นแบบสายถักแบบถอดได้ ยาวประมาณ 1.5m ด้วยพอร์ตแบบ USB-C to USB-A ต่อเข้ากับคีย์บอร์ดด้วยหัว USB-C และปลายสายเข้าคอมพีซี หรือโน๊ตบุ๊คด้วย USB-A ใช้ง่าย เก็บสายได้ค่อนข้างง่าย ดูเรียบร้อยขึ้นไม่น้อยเลย


Design

HyperX Alloy Origins PBT

HyperX Alloy Origins PBT นี้ มาในแบบที่เรียกว่า Compact Design ประหยัดพื้นที่เหมือนเดิม เล็กกว่าในคีย์บอร์ดระดับเดียวกันพอสมควร สังเกตได้จากขอบแต่ละด้านที่กระชับเข้ามา จนชิดปุ่ม จึงประหยัดพื้นที่จัดวาง เหลือพื้นที่บนโต๊ะคอมของคุณอีกเพียบ สำหรับการเลื่อนเมาส์ได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น แม้จะใช้โต๊ะเล็กก็ตาม

ปุ่มมาในโทนสีออกเทาเข้ม-ดำ ตัดกับตัวอักษรสีขาวบนคีย์แคปได้อย่างชัดเจน แต่ฟอนต์จะดูต่างกัน Alloy Origins ตัวเดิมอยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านี้อาจจะดูเด่นขึ้นนิดหน่อย เพราะใช้คีย์แคปต่างจาก PBT แต่ที่เจอคือ Origins เดิมจะเริ่มมันวาว เมื่อใช้ไปนานๆ แต่ Origins PBT จะมีพื้นผิว ที่ทำให้ไม่เกิดเงาได้ง่าย

HyperX Alloy Origins PBT

มาถึงบอดี้ของคีย์บอร์ดกันบ้าง ขนาดจัดว่าเล็กในแบบ Compact size ที่เป็นจุดขาย เพราะถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด Alloy Origins PBT รุ่นนี้ทำได้กระชับ ไม่เปลืองพื้นที่ แต่ให้ฟีเจอร์สำคัญมาครบถ้วน

ถ้าดูจากเลย์เอาท์ ก็เรียกว่าแทบจะถอดแบบมาเกือบทุกจุด ยกเว้นตรงที่คีย์แคปบางตัวของ PBT ทำเป็นแบบ 2 หน้า มีพิมพ์ 2 ส่วน ได้ลูกเล่นการปรับแต่งง่ายขึ้น แต่ในเรื่องขนาดปุ่ม การจัดวางก็คล้ายกันมาก

HyperX Alloy Origins PBT

ด้านหลังหรือด้านใต้ของคีย์บอร์ด มาแบบเรียบๆ ไม่ได้มีสิ่งใดโดดเด่น แต่มีขาพับปรับระดับได้ 3 step เพื่อให้เอียงตามมุมการใช้งานได้

HyperX Alloy Origins PBT

พอร์ตที่มีให้เป็น USB-C ในการต่อสายสัญญาณเข้ากับพีซีหรือโน๊ตบุ๊ค เป็นแบบเรียบง่าย ไม่ได้เป็นแบบตัวล็อคเสริมเพิ่มความแน่นมาให้เหมือนกับเกมมิ่งคีย์บอร์ดบางค่ายนำมาใช้กัน

และการปรับระดับเทียบกันระหว่างด้านซ้ายเป็นการปรับชันสุด 11 องศา ส่วนถ้าพับขาตั้งเข้าไป จะอยู่ที่ประมาณ 3 องศา อยู่ที่มุมการวางคีย์กับความสูง รวมถึงเก้าอี้นั่งของคุณจะเข้ากันในแบบใด

HyperX Alloy Origins PBT

ส่วนตัวมองว่า HyperX ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ดี แต่เสริมในบางจุดที่คิดว่าจำเป็นเข้ามา แต่พยายามไม่ให้เสียภาพของจำของผู้ใช้ไปมากนัก


Keycap & Switch

HyperX Alloy Origins PBT

ตัวปุ่มถูกปรับให้มีความทนทาน ในแบบที่เรียกว่า PBT keycap ซึ่งมักจะพบกันในเกมมิ่งคีย์บอร์ดคุณภาพสูง และให้พื้นผิวในแบบพ่นทราย เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าเกมเมอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ถ้าผู้ใช้จะใช้งานปุ่มแบบนี้ ส่วนใหญ่จะต้องซื้อเพิ่มเพื่อมาเปลี่ยน แต่ HyperX จัดมาให้พร้อมใช้แล้วในรุ่นนี้

HyperX Alloy Origins PBT

นอกจากนี้ยังให้คีย์แคปตกแต่งมาเพิ่มอีก 2 ปุ่ม ประกอบด้วยปุ่ม Esc ที่ใส่เป็นปุ่มแดงโลโก้ HyperX ได้เลย แสงไฟลอดจากปุ่มดูสวยไม่ใช่เล่น

HyperX Alloy Origins PBT

เราสามารถแกะปุ่มคีย์แคปเพื่อเปลี่ยนได้ และด้านใต้ปุ่มเป็นสวิทช์ของทาง HyperX ในรุ่น Red สีแดง ซึ่งคาแรคเตอร์ของปุ่มจะเป็นแบบ Linear ซึ่งมีความนุ่มนวล แต่ให้การตอบสนองได้ดี จะคล้ายกับที่ใช้ใน Origins ก่อนหน้านี้ กับน้ำหนักในการกดประมาณ 45 กรัม ระยะตอบสนอง 1.8mm ใช้งานได้นานระดับ 80 ล้านคลิ๊กเลยทีเดียว

คีย์สวิทช์ของทาง HyperX

HyperX Aqua – Tactile

HyperX Blue – Tactile
HyperX Red – Linear
HyperX Silver – Linear

HyperX Alloy Origins PBT

แต่จุดที่ถือเป็นไฮไลต์ของ Alloy Origins PBT รุ่นนี้ก็คือ การเป็นปุ่มแบบพิมพ์ 2 ด้าน เพราะเมื่อสังเกตจากตรงนี้ จะเห็นว่ามีการพิมพ์ตัวสัญลักษณ์มาตั้งแต่ F1, F3 และ F3 ไปจนถึงปุ่ม RW/ Play/Pause และ FW เรื่อยไปจนถึงปุ่ม F9-F12 สำหรับการ Mute, Volume down/ Up และ Game Mode นั่นเอง

HyperX Alloy Origins PBT

แสงไฟลอดผ่านได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ดังนั้นผู้ใช้ทั้งที่เป็นเกมเมอร์ และคนทำงาน ใช้คีย์บอร์ดบ่อย ก็ไม่ต้องกังวล เพราะคุณจะเห็นฟอนต์ได้ชัด ทั้งตอนที่เปิดหรือปิดแสงไฟนั่นเอง

HyperX Alloy Origins PBT

จุดสำคัญของคีย์บอร์ดรุ่นนี้ อยู่ที่การใช้ Side-Printing ที่เพิ่มเข้ามาในส่วนของด้านข้างคีย์แคป ทำให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ดูสบายตา แต่ยังใช้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการตั้งมาโคร หรือเปลี่ยนโหมด แสงไฟ หรือใช้ฟังก์ชั่นด้านมัลติมีเดียก็ตาม


Backlit

HyperX Alloy Origins

สำหรับแสงไฟ Backlit เป็นแบบไฟ RGB ปรับแต่งได้ทั้งบนปุ่มคีย์บอร์ด ตามโพล์ไฟล์ที่จัดเก็บเอาไว้ หรือจะใช้ซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY ในการปรับแต่งก็ได้เช่นกัน โดยแสงไฟสว่างจากบนคีย์สวิทช์ ที่อยู่ด้านบน ซึ่งสว่างมากพอ ที่จะทำให้ฟอนต์ชัดเจนทั้งไทยและอังกฤษบนคีย์แคป

ความสว่างปรับได้ถึง 5 ระดับด้วยกัน ด้วยการกดที่ปุ่มลูกศร ที่อยู่ด้านข้าง NumberPad โดยดูจาก Side-printing บนปุ่มได้เลย แสงไฟให้ความสว่างได้ดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อใช้ในที่มืด เรียกว่าทะลุปุ่มออกมาได้ชัดเจน

HyperX Alloy Origins

HyperX ngenuity

การปรับแสงไฟ RGB ในโหมดต่างๆ สามารถทำได้ 2 วิธีคือ ปรับจากปุ่มโพรไฟล์บนคีย์บอร์ดได้โดยตรง ใช้ปุ่ม F1, F2 และ F3 ซึ่งจะใช้ปรับโหมดสีและเอฟเฟกต์ ตามที่เราได้ตั้งเอาไว้ในซอฟต์แวร์อย่าง HyperX ngenuity ได้อีกด้วย

HyperX Alloy Origins

แบบที่สอง นั่นคือ การปรับในซอฟต์แวร์ HyperX ngenuity ซึ่งทำได้ค่อนข้างสะดวกทีเดียว เพราะเลือกเอฟเฟกต์ แสง สี แล้ว Apply ดูตามรูปแบบแสงไฟได้ตามต้องการ


Software

ไม่ว่าคุณจะใช้เกมมิ่งเกียร์จาก HyperX ชิ้นเดียวหรือหลายชิ้นร่วมกันก็ตาม ซอฟต์แวร์ HyperX ngenuity จะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด ให้คุณใช้งาน คีย์บอร์ด เมาส์ หูฟัง ไมโครโฟน และอื่นๆ ที่ง่ายกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่ง เพิ่มมาโคร หรือเปลี่ยนเอฟเฟกต์แสงไฟ ก็ทำได้จากซอฟต์แวร์นี้เลย อย่างเช่น ชุดเกมมิ่งคีย์บอร์ด และเมาส์แพดที่เราได้รับมาทดสอบนี้ ไปชมกันครับว่าจะสามารถปรับแต่งส่วนใดได้บ้าง

HyperX Alloy Origins

หน้าตาของเว็บไซต์เมื่อเข้าไปดาวน์โหลด จะใช้ช่องทางของ Microsoft store

HyperX Alloy Origins

เมื่อดาวน์โหลดมาติดตั้งเสร็จแล้ว จะมีหน้าตาเช่นนี้ ระบบจะรายงานเวอร์ชั่นของซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในเวลานั้น

HyperX Alloy Origins

หน้าตาของซอฟต์แวร์ เมื่อเปิดเข้าไปและเลือกในแต่ละอุปกรณ์ จะแสดงผลมาแบบนี้ ตัวอย่างที่เราติดตั้ง จะมีทั้งคีย์บอร์ด Alloy Origins PBT, เมาส์แพด Pulsefire Mat และ Armada 27 ที่เป็นจอเกมมิ่ง รวมถึงเมาส์เกมอย่าง Pulsefire Haste ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถเชื่อมต่อเข้ากับซอฟต์แวร์ได้

HyperX Alloy Origins

สำหรับ Pulsefire Mat XL รุ่นนี้มาพร้อมแสงไฟ RGB และยังปรับแต่งเพิ่มเติมได้ ด้วยการเพิ่มในช่อง Effect รวมถึงเพิ่มความสว่าง และจัดเก็บเป็นโพรไฟล์ได้

HyperX Alloy Origins

และคีย์บอร์ด HyperX Alloy Origins PBT นอกจากจะเพิ่มแสงไฟ ปรับแต่งเอฟเฟกต์ได้อย่างสนุกแล้ว ยังปรับใช้มาโครได้อีกด้วย โดยการกำหนดในช่อง Keys ของคีย์บอร์ด เลือกปุ่มแล้ว Assignments แล้ว Save to Keyboard


HyperX Pulsefire Mat RGB

เพิ่มเติมให้อีกอัน เหมือนของที่ต้องอยู่คู่กันบนโต๊ะของเกมเมอร์ เสริมให้โต๊ะคอมดูดีขึ้นอีก 30% กับเมาส์แพดจาก HyperX รุ่นนี้ ที่ไม่ใช่แค่เป็นแพดขนาดใหญ่ ให้คุณสไลด์เมาส์ได้อย่างสะใจเท่านั้น แต่ยังเสริมความหนักแน่น และแสงไฟ RGB มาในตัวอีกด้วย ที่สำคัญยังเชื่อมต่อเข้ากับซอฟต์แวร์ เพื่อปรับแต่งแสงไฟได้ เราไปชมรายละเอียดกัน

HyperX Alloy Origins PBT

HyperX Pulsefire Mat ที่เราได้รับมานี้ จัดว่าอยู่ในกลุ่มของไซส์ XL เพราะยาวถึง 90cm และกว้าง 42cm วางบนโต๊ะ 120-140cm ได้เกือบเต็ม เหมาะกับคนที่เน้นพื้นที่ใช้งานที่กว้าง สามารถวางของบน Mat ได้ และขยับเมาส์ได้แบบลดข้อจำกัด

HyperX Alloy Origins PBT

สำหรับตัวเมาส์แพดนี้ แกะกล่องออกมา ก็เห็นถึงความอลังการได้แล้ว เพราะยัดมาแน่นมาก ติดอยู่อย่างเดียวคือ คุณอาจจะต้องม้วนย้อนกลับไปอีกทางหนึ่ง ก่อนใช้งาน เพื่อให้ไม่เกิดเป็นคลื่นๆ จากการที่ม้วนอยู่ในกล่องมานานนั่นเอง

HyperX Alloy Origins PBT

โดยพื้นฐานของแผ่นด้านบนที่เป็นหน้าสัมผัส จัดว่าถักทอมาได้แน่น และมีความหนาพอสมควร ส่วนตัวรู้สึกว่าสัมผัสค่อนข้างดี และมีการทอมาได้เรียบ เน้นไปที่แนวของ Speed มากว่า Control แต่ก็มีพื้นผิวมาคอยให้คุณจัดตำแหน่งได้ง่ายขึ้น ให้ความนุ่มนวลในระดับหนึ่ง แต่ที่น่าทึ่งคือ ด้านใต้เป็นแบบกันลื่น Anti-slip ให้คุณวางบนโต๊ะและจับกับพื้นโต๊ะได้แน่นหนา ไม่สไลด์ขณะที่เล่นเกมแน่ๆ

HyperX Alloy Origins PBT

ด้านบนจะเป็นวงจรเล็กๆ และไฟแสดงสถานะของโพรไฟล์ ซึ่งจะบันทึกจากซอฟต์แวร์ HyperX ngenuity ได้ 3 โพรไฟล์ และคุณยังเปลี่ยนเอฟเฟกต์ได้ด้วยการสัมผัสอีกด้วย นับว่าทำออกมาได้แบบล้ำๆ เลยทีเดียว

HyperX Alloy Origins PBT

ขอบที่เป็นเส้นแสงไฟ RGB นี้ ถูกถักและรัดไว้อย่างหนาแน่น ติดกับขอบด้านข้างของเมาส์แพดตลอดทั้งผืน ซึ่งเป็นงานที่ค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว เมื่อเปิดไฟ RGB ก็ดูสวยงาม อย่างไรก็ดี พอให้รู้สึกสัมผัสกับข้อมือมากไปหน่อย เมื่อเลื่อนเมาส์ไปมาขณะเล่นเกม

HyperX Alloy Origins PBT

กางได้แบบเต็มที่ทีเดียว บนโต๊ะระดับ 180cm x 75cm เหลือพื้นที่สำหรับวางจอคอม และอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ ได้สบาย ใครที่ใช้โต๊ะคอมเล็ก แนะนำว่าขยับพื้นที่จัดวางดีๆ ก็ลงตัวแล้วครับ

HyperX Alloy Origins PBT

แสงไฟ RGB ก็จัดว่าเป็นไฮไลต์ของ Pulsefire MAT รุ่นนี้เลยครับ เอฟเฟกต์แสงที่ได้จัดว่าสวยงาม ตัดกับพื้นโต๊ะทั้งสีขาวและสีดำได้เป็นอย่างดีอย่างที่เห็นในตัวอย่างนี้ และจะโดดเด่นยิ่งขึ้น หากใช้งานในห้องที่มีแสงน้อย เหมาะกับเกมเมอร์อย่างแท้จริง

สังเกตว่าแถบแสงไฟเหล่านี้ ไม่ได้สว่างสดใสแค่เพียงด้านบนเท่านั้น เมื่อหงายด้านใต้ Mat ก็ยังสีสดใสไม่แพ้กัน รวมถึงเมื่อมองจากด้านข้าง จะทำให้คุณเล่นเกมได้อย่างสนุกมากขึ้น

HyperX Alloy Origins PBT

โดยความยาวของ HyperX Pulsefire Mat นี้ ไม่เพียงแค่พื้นที่เลื่อนเมาส์ได้อย่างเต็มที่เท่านั้น แต่ยังวางคีย์บอร์ด HyperX Alloy Origins PBT ได้สบาย และมีพื้นที่เหลือๆ สำหรับใช้งาน เมือแสงไฟจับคู่กันกับเมาส์ และคีย์บอร์ด ก็ดูล้ำๆ ยิ่งขึ้นอีกด้วย


Conclusion

HyperX Alloy Origins PBT 2023 use 16

สัมผัสแรกในการกดปุ่มคีย์บน Alloy Origins PBT มีความต่างจากที่เคยใช้บน Alloy Origins เดิมอยู่พอสมควร โดยเฉพาะพื้นผิวของปุ่ม ที่ไม่ได้เรียบลื่น PBT ให้ความสะดุด และนิ้วไปแตะได้หนักแน่นกว่า น้ำหนักการกดค่อนข้างใกล้กัน และระยะตอบสนองแทบไม่ได้ต่างกันเลย เพราะถ้าดูจากตัวเลขที่ระบุมาในสเปค ก็เรียกว่าเกือบจะเหมือนกัน ดังนั้นในการเล่นเกม แทบจะไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่ถ้ามองในแง่ของความต่อเนื่อง การกดของ PBT บางทีก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เล็กน้อย ถ้าคนเคยใช้คีย์บอร์ดแบบที่คีย์แคปเรียบๆ สัมผัสก็อาจจะลื่นไหล ไม่สะดุดนิ้ว แต่ก็ยอมรับว่าปุ่มมีโอกาสขึ้นเงาได้มากกว่าแบบ PBT พอสมควร แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อการเล่นเกมมากนัก เมื่อใช้ไปจนชิน

HyperX Alloy Origins PBT

การวางมือด้วยการเป็นคีย์บอร์ดไซส์คอมแพค จึงไม่ได้มีส่วนยื่นออกมา เผื่อไว้สำหรับการวางอุ้งมือ หรือไม่มี Hand rest ให้วาง ต้องไปหาเพิ่มเติม แต่ก็ทำให้คุณจัดโต๊ะได้แบบกระชับ ลดการใช้พื้นที่ และไม่เปลืองพื้นที่โต๊ะมาก โดยเฉพาะเกมเมอร์ที่มีโต๊ะจำกัดจริงๆ คีย์บอร์ดแนวนี้ช่วยได้เยอะ

แต่ความรู้สึกกับเสียงในการกด ด้วยฟิลลิ่งของ Red switch ก็อาจจะไม่ได้โบ๊ะบ๊ะ เสียงแบบ Clicky มาอย่างชัดเจนนัก แต่จังหวะและน้ำหนัก คนที่ใช้ Blue switch อาจจะรู้สึกว่าเสียงและจังหวะขาดๆ ไปบ้าง เพราะคาแรกเตอร์เค้าเป็นแบบ Linear แต่เพิ่มจังหวะการกดเข้ามานั่นเอง ข้อดีคือ คุณยังเล่นได้สนุก โดยที่ไม่ไปรบกวนคนอื่นมากนัก เมื่อต้องใช้พื้นที่ในห้องเดียวกัน

HyperX Alloy Origins PBT

ขยับมาที่ HyperX Pulsefire MAT กันบ้าง ส่วนตัวค่อนข้างชอบกับเมาส์แพดผืนใหญ่ๆ แบบนี้ ที่วางกันแบบเกือบคลุมได้ทั้งโต๊ะ วางได้ทั้งคีย์บอร์ด และยังเหลือที่เลื่อนเมาส์ได้กว้าง มีประโยชน์ทั้งการเล่นเกมและทำงาน แต่ในทางกลับกัน หลายคนอาจมองว่าการวางของบางส่วนก็ยากขึ้น หากพื้นที่โต๊ะจำกัด เช่น จอคอม หรือวางพรินเตอร์และอื่นๆ ที่วางได้ไม่เต็มหรือกลัวจะเป็นรอยบน Mat นั่นเอง

แต่ในแง่ของคุณภาพเต็ม 10 ผมไม่หักเลย โดยเฉพาะความลื่นไหล และเคลื่อนไหวได้แทบไม่สะดุด ได้เมาส์ดีๆ ก็แทบจะไม่ต้องยกมือขึ้นมาให้เสียจังหวะอีกด้วย การถักทอแน่นมาก ไม่ต้องกลัวจะเสียสภาพในเร็ววัน และแสงไฟที่ขอบโดยรอบนั้น ก็เพิ่มอรรถรสในการเล่นได้ไม่น้อย และที่ชอบสุดก็คือ แทบจะไม่ลื่นหลุดไปจากโต๊ะ เพราะพื้นด้านใต้ทำออกมาได้ดีทีเดียว

HyperX Alloy Origins PBT

คีย์แคปแบบ Side-printing จัดว่าเข้าท่าดี เพราะไม่เคยมีอยู่ใน Alloy Origins รุ่นก่อนหน้านี้ ก็ช่วยลดความตาลายดูสบายมากขึ้น แม้จะเป็นลูกเล่นเล็กๆ แต่ก็เหมาะกับการใช้งาน และการเล่นเกมอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่ยังสัมผัสไม่แม่น และต้องอาศัยดูแป้นพิมพ์อยู่เป็นระยะ

แต่สิ่งหนึ่งที่ดูแปลกตาไปบ้าง คือตัวฟอนต์บนคีย์แคปที่เปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นตัวพิมพ์หนาเหมือนในรุ่นก่อน ทำให้แสงไฟที่ลอดมา บางครั้งก็ไม่สว่างชัดมากนัก ซึ่งหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องมองแป้นพิมพ์บ่อยๆ แนะนำว่าให้เปิดความสว่างแบบสุด

HyperX Alloy Origins PBT

สุดท้ายนี้ก็อยากให้ได้ไปลองใช้งานกันครับ สำหรับคนที่จะเริ่มกับเกมมิ่งคีย์บอร์ด ในราคา 3,790 บาท ก็ถือว่า HyperX Alloy Origins PBT ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ปุ่มแน่น กดสนุก ไฟสวย ปรับแต่งได้ และใช้งานง่าย มีซอฟต์แวร์เสริม และ Pulsefire Mat RGB ที่จัดว่าให้พื้นที่ขนาดใหญ่ เลื่อนเมาส์ได้ลื่นไหล ถักทอแน่น พร้อมไฟ RGB ลิงก์กันกับเมาส์ คีย์บอร์ด และหูฟังจาก HyperX ได้ ซิงก์แสงไฟกันได้ต่อเนื่อง ราคาประมาณ 1,390 บาท เท่านั้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: HyperX


from:https://notebookspec.com/web/691460-hyperx-alloy-origins-pbt-keyboard

Advertisement

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย 10 รุ่น ปี 2023 ท่องเน็ต เทรดหุ้น ลื่นไหล ดีไซน์สวย แบตอึด

เมาส์ไร้สาย 10 รุ่น 2023 หลักร้อย สวย แบตอึด เล่นเน็ต ดูหนัง ทำงานในบ้านหรือที่ทำงานก็เพลิน

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย จัดว่าเป็นไอเทมยอดฮิตของคนทำงาน ที่ชอบความสะดวก ใช้งานง่าย พกพาไปใช้นอกสถานที่ก็แสนสบาย เพราะขนาดเล็ก และส่วนใหญ่ใช้ถ่านก้อนเดียว ก็ใช้กันจนลืมและปี 2023 นี้ เราก็ได้รวบรวมเมาส์ Wireless น่าใช้มาให้คุณได้เลือก 10 รุ่นด้วยกัน จากทั้งหมด 8 ค่าย มีทั้งมิติที่มีความกระทัดรัด แบตอึด ใช้ได้นาน หรือบางรุ่นก็เป็น 2 ระบบ ใช้ได้ทั้ง Wireless และ Bluetooth รวมถึงเน้นที่ดีไซน์ที่สวยงาม เพื่อให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่นำไปใช้ในโอกาสต่างๆ ได้ดีอีกด้วย ให้ความละเอียดมากพอสำหรับงานในบ้าน เช่น ทำเอกสาร ท่องเน็ตและเทรดหุ้น ไปจนถึงใช้ในสำนักงาน กับซอฟต์แวร์ออฟฟิศ การทำพรีเซนเทชั่น ไปจนถึงการนำเสนองาน มาชมกันครับว่า มีรุ่นใดที่ถูกใจคุณกันบ้าง

เมาส์ไร้สาย

  1. Philips SPK7344
  2. Anitech W226
  3. RAPOO M100
  4. Microsoft MBL 1850
  5. Logitech M190
  6. GENIUS NX-7015
  7. Logitech M221
  8. Xiaomi Mi Wireless
  9. Lenovo 530
  10. Logitech M331B

1.Philips SPK7344

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

ถ้ามองในแง่ของความเป็นเมาส์ไร้สายมินิมอล ราคาประหยัด จับกระชับมือ กับบอดี้ที่มาความโค้งไม่มากนัก ทำให้พกพาง่าย เหมาะกับคนที่ชอบจับแบบ Grip หรือ Claw เน้นปลายนิ้วกด ใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวา ให้ระยะการกดได้ประมาณ 3 ล้านครั้ง ปุ่มกดที่ตอบสนองไว วัสดุเป็น ABS ผิวเรียบลื่น จับสบายมือ แถมยังให้ความละเอียดมาถึง 1600DPI เมาส์ไร้สายรุ่นนี้ ตอบโจทย์ได้ดี เหมาะกับคนที่ชอบท่องเน็ต เล่นเกมออนไลน์เบาๆ ใช้ถ่านแบบ AA 1 ก้อน และรับประกัน 2 ปี ราคาประมาณ 219 บาทเท่านั้น

Advertisementavw
จุดเด่น ข้อสังเกต
ราคาประหยัด ดีไซน์ค่อนข้างเรียบง่าย
ให้ความละเอียดถึง 1600 DPI

ข้อมูลเพิ่มเติม: Philips


2.Anitech W226

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เป็นเมาส์ไร้สายในราคาเบา หลักร้อย ที่ออกแบบรูปทรงมาได้ทันสมัยเลยทีเดียว และยังรองรับได้ถึง 2 ระบบ ทั้ง Wireless และ Bluetooth ทำให้ใช้งานได้กับพีซี โน๊ตบุ๊คและสมาร์ทโฟน หรือแท็ปเล็ตกับรูปทรงกระทัดรัด ไซส์ขนาดกลาง รองรับการใช้งานทั้งมือซ้ายและขวา ทนทานต่อการคลิ๊กได้ถึง 5 ล้านครั้ง จุดเด่นอยู่ที่นอกจากปุ่มซ้าย-ขวา ที่ออกแบบมาให้มีเสียงที่เบา และ Scroll wheel ที่มีให้เป็นพื้นฐาน ยังเพิ่มปุ่มตั้งค่า DPI ได้ถึง 3 ระดับ ตั้งแต่ 800, 1200 และ 1600 DPI พร้อมปุ่มมาโครที่อยู่ด้านข้าง ใช้งานร่วมกับถ่าน AA 1 ก้อน ราคา 359 บาท กับการรับประกัน 2 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
ขนาดกระทัดรัด
ต่อได้ทั้ง WiFi และ Bluetooth

ข้อมูลเพิ่มเติม: Anitech


3.RAPOO M100

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์ไร้สายราคาดี แถมยังต่อได้ 2 ระบบ ทั้ง Bluetooth และ Wireless แบตใช้ได้ยาวถึง 9 เดือน ใครที่มองหาเมาส์กระทัดรัด ดีไซน์ทันสมัย จับกระชับมือรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว แม้จะมาในไซส์เล็กๆ เหมาะกับมือสาวๆ แต่ก็ปรับความสูง ให้เข้ากับอุ้งมือได้ดี ปุ่มคลิ๊กเสียงค่อนข้างเบา แต่กดได้หนักแน่น ให้การตอบสนองที่ 1300 DPI เป็นเซ็นเซอร์ในแบบออพติคอล โดยเลือกเชื่อมต่อได้ง่าย ระยะเวลาใช้งานได้ถึง 9 เดือนด้วยกัน ใช้ถ่านแบบ AA 1 ก้อนเท่านั้น พร้อมปุ่มสลับโหมดสัญญาณใต้เมาส์ ราคา 399 บาท รับประกัน 2 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
เชื่อมต่อได้ 2 ระบบ มิติค่อนข้างเล็ก
เซ็นเซอร์ 1300 DPI

ข้อมูลเพิ่มเติม: RAPOO


4.Microsoft MBL 1850

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์ Wireless ของไลฟ์สไตล์ ทำงาน และความบันเทิง ที่ค่อนข้างโดดเด่นมีให้เลือก 7 โทนสีด้วยกัน เน้นที่การพกพา กับขนาดกระทัดรัด แต่ออกแบบให้มีความโค้งด้านท้าย ลาดลงต่ำมายังด้านหน้า ทำให้การจับกระชับขึ้น ใช้งานได้ทั้งมือซ้ายและขวา กับพื้นผิวพลาสติกแบบลื่น แต่จับได้ถนัด ปุ่มคลิ๊ก 3 ปุ่ม ให้อารมณ์ในการคลิ๊กได้สนุก Scroll wheel เป็นจังหวะ ไม่ไหลฟรี เพราะมีระดับการกดไม่ลึกมาก เหมาะกับการท่องเน็ตและเช็คข้อมูล ใช้แบตจากถ่าน AA 1 ก้อน ระยะเวลาในการใช้งานได้นานถึง 6 เดือน เก็บตัวรับส่งสัญญาณด้านใต้ได้เลย พร้อมปุ่มเปิด-ปิด ราคา 430 บาท รับประกัน 3 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
ปุ่มกดตอบสนองไว แบตใช้นาน 6 เดือน
รับประกัน 3 ปี

ข้อมูลเพิ่มเติม: Microsoft


5.Logitech M190

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์กึ่งเกมมิ่งสไตล์ ที่มีขนาดค่อนไปทางใหญ่ แต่ยังอยู่ในไซส์ของการพกพา ถือว่าเป็นรุ่นยอดฮิตอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งจับถือได้สบายมือ โดยทาง Logitech เลือกเทรนด์ของการใช้วัสดุรีไซเคิล แต่ก็ทำให้ดูทันสมัย จุดเด่นคือ แบตใช้งานได้ 18-24 เดือน ใช้ถ่านแบบ AA 1 ก้อน และปุ่มคลิ๊กที่ทนทาน กดตื้น ตอบสนองไว มีปุ่มเปิดปิด และซ่อนตัว USB รับส่งสัญญาณด้านใต้ได้ การรับประกัน 1 ปี ราคา 449 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์ทันสมัย จับถนัดมือ
แบตใช้งานได้นาน

ข้อมูลเพิ่มเติม: Logitech


6.GENIUS NX-7015

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์ไร้สาย ราคาหลักร้อยอีกรุ่นหนึ่ง ที่ดีไซน์ออกมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว กับความโค้งเว้า ให้จับถนัดมือ จุดโค้งรับอุ้งมือ ค่อนข้างสูง ความยาวเหมาะกับทั้งชายและหญิง และใช้ลวดลายมาเสริม ทำให้ดูน่าใช้ จุดขายไม่ได้อยู่ที่ฟังก์ชั่นเพียงอย่างเดียว แต่ยังเสริมลูกเล่นให้ปรับ DPI ผ่านซอฟต์แวร์ได้อีกด้วย ปรับเซ็นเซอร์ได้ถึง 1600 DPI มีเมาส์ฟีตด้านล่างขนาดใหญ่ ปุ่มคลิ๊กซ้ายขวามีขนาดใหญ่ กดได้แม่นยำ แต่จะมีระยะการกดที่ลึกลงหน่อย รวมถึง Scroll wheel ที่ดูใหญ่พอสมควร แต่ก็ใช้งานได้ดี ใช้ถ่านแบบ AA 1 ก้อน พร้อมปุ่มเปิดปิด เพื่อประหยัดแบต รับประกัน 3 ปี ราคา 499 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
เมาส์ขนาดกลาง จับกระชับมือ Scroll wheel ค่อนข้างใหญ่
ปรับ DPI ผ่านซอฟต์แวร์ได้

ข้อมูลเพิ่มเติม: GENIUS


7.Logitech M221

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เป็นเมาส์ไร้สายที่มีให้เลือกแบบวาไรตี้มาก กับดีไซน์ที่กระชับ กระทัดรัด พกพาสะดวก วัสดุถือว่าดีในราคาไม่ถึง 500 บาท Logitech ชูในเรื่องของการลดเสียงรบกวนในเวลาทำงานได้มากขึ้น กับความโค้งรับอุ้งมือได้ดี แต่อาจจะเหมาะกับมือสาวๆ ที่เล็ก เนื่องจากความยาวไม่มากนัก ปุ่มหลัก 3 ปุ่ม พื้นฐาน กับการตอบสนองที่ 1000DPI กับเซ็นเซอร์แบบออพติคอล ใช้พลังงานจากแบต AA เพียงก้อนเดียว สามารถใช้งานได้นานถึง 18 เดือนด้วยกัน สามารถเก็บตัวรับส่งสัญญาณได้ในตัวเมาส์อีกด้วย พร้อมสวิทช์เปิด-ปิด ตรงนี้ผมคิดว่าสำคัญมากๆ สำหรับเมาส์แบบพกพาเช่นนี้ เคาะราคาอยู่ที่ 499 บาท รับประกัน 3 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
มีปุ่มเปิด-ปิด มิติเมาส์ค่อนข้างเล็ก
ใช้ได้นาน 18 เดือน

ข้อมูลเพิ่มเติม: Logitech


8.Xiaomi Mi Wireless

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

เมาส์ไร้สายขนาดกลางที่ออกแบบมาสำหรับคนเอเซียโดยเฉพาะ สามารถจับได้ทั้งแบบ Claw และ Palm Grip ใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวา โดยมีปุ่มกดที่ให้ความหนักแน่น เสียงค่อนข้างเบา เหมาะกับสายทำงานเป็นหลัก เคลื่อนไหวได้ลื่นไหล กับเมาส์สเกตด้านใต้ขนาดใหญ่ จุดเด่นคือ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Wireless และ Bluetooth เช่นเดียวกับปุ่มกดด้านข้าง ที่เสริมเข้ามาให้ปรับใช้งานได้มากขึ้น ใช้ถ่านแบบ AAA จำนวน 2 ก้อน ให้การรับประกัน 1 ปี กับราคา 499 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ใช้ได้ทั้ง Wireless และ Bluetooth ขนาดค่อนข้างใหญ่
ใช้ถ่านแบบ AAA 2 ก้อน

ข้อมูลเพิ่มเติม: Xiaomi


9.Lenovo 530

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

ถ้าคุณมีงบสัก 500 นิดๆ คิดว่าเมาส์รุ่นนี้ มีดีให้คุณจับต้องได้ กับดีไซน์ที่จับกระชับมือ ในโทนสีที่ดูทันสมัย พื้นผิวเป็นแบบซอฟท์ทัช ที่ดูเป็นกันเองจับถนัด ขนาดกลางๆ ใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวา ความโค้งตรงอุ้งมือ เหมาะกับคนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่ได้ใส่ปุ่มมาโครด้านข้างมาด้วย เคลื่อนไหวได้แม่นยำกับเซ็นเซอร์ออพติคอล 1200DPI และปุ่มเมาส์ ที่ให้การคลิ๊กได้ระดับ 8 ล้านครั้ง ใช้ถ่านแบบ AA ก้อนเดียว ใช้ได้นานประมาณ 12 เดือน ราคาอยู่ที่ 590 บาท รับประกัน 1 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
เซ็นเซอร์ 1200 DPI
รองรับการคลิ๊กได้ 8 ล้านครั้ง

ข้อมูลเพิ่มเติม: Lenovo


10.Logitech M331

เมาส์ไร้สาย หลักร้อย

แต่ถ้าใครชอบสไตล์ที่จับกระชับมือ มีเว้าในส่วนของ Grip ให้ถนัดมากขึ้น อาจจะช่วยให้เลื่อนได้ไว และเล่นเกมได้ในบางโอกาส รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจ ขนาดใกล้เคียงกับ M221 แต่จะเป็นแบบใช้มือขวา ด้านข้างออกแบบให้มีพื้นผิวจับถนัด ด้านหลังจากโค้งลาดลงเล็กน้อย และยังคงเป็น Silence Mouse คือลดเสียงคลิ๊กลงถึง 90% และใช้บนพื้นผิวต่างๆ ได้ดี ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ออพติคอล 1000DPI ในส่วน Scroll mouse รองรับการคลิ๊กได้ โดยใช้พลังงานจากถ่าน AA เพียงก้อนเดียว ใช้ได้ยาวถึง 24 เดือน ที่สำคัญตัวเมาส์รองรับ Unifying ได้อีกด้วย ราคา 590 บาท การรับประกัน 1 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
จับกระชับมือ เน้นผู้ใช้มือขวา
แบตใช้ได้นาน 24เดือน

ข้อมูลเพิ่มเติม: Logitech


Conclusion

Model Sensor Wireless Buttons Dimension (mm) Battery Batt life (Month) Price
1.Philips SPK7344 1600DPI 2.4GHz 3 101 x 61 x 33 1x AA 219
2.Anitech W226 1600DPI 2.4GHz,/ Bluetooth 5 103 x 65 x 37 1x AA 359
3.RAPOO M100 1300DPI 2.4GHz,/ Bluetooth 3 98 x 61 x 38 1x AA 9 399
4.Microsoft MBL 1850 1600DPI 2.4GHz 3 100 x 58.1 x 32 1x AA 6 430
5.Logitech M190 1000DPI 2.4GHz 3 115.4 x 66 x 40.3 1x AA 18 449
6.GENIUS NX-7015 1600DPI 2.4GHz 3 100 x 58 x 38.5 1x AA 499
7.Logitech M221 1000DPI 2.4GHz 3 99 x 60 x 39 1x AA 18 499
8.Xiaomi Mi Wireless 1200DPI 2.4GHz,/ Bluetooth 4 103 x 65 x 37 2x AAA 499
9.Lenovo 530 Wireless 1200DPI 2.4GHz 3 120 x 197 x 33 1x AA 12 590
10.Logitech M331 1000DPI 2.4GHz 3 105.4 x 67.9 x 38.4 1x AA 24 590

สำหรับเมาส์ไร้สาย หลักร้อยที่นำมาให้ได้ชมกันในวันนี้ เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมาส์อีกมากมายเลยทีเดียว ที่จะช่วยตอบโจทย์การใช้งานของหลายคนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยากได้ความคล่องตัว เพราะลดความวุ่นวายจากสายที่พันกันยุ่งเหยิง และไม่ทำให้โต๊ะทำงานที่อาจจะมีพื้นที่น้อยนิดดูรกอีกด้วย การเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ เพราะเมาส์แต่ละรุ่น ก็มีความโดดเด่นต่างกันออกไป เช่น เน้นราคา Philips ให้คุณได้ หรือต้องการมิติเล็กกระทัดรัด Genius, Microsoft และ Logitech M221 ให้การพกพาได้ดี แต่ในเรื่องความสะดวกในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย Xiaomi, Rapoo และ Anitech รองรับได้ทั้ง Wireless และ Bluetooth และเรื่องแบตอึด เท่าที่ข้อมูลของแต่ละค่ายระบุมา ส่วนใหญ่จะเกิด 6 เดือนต่อการใช้แบต AA 1 ก้อน แต่จะมี Logitech ที่ส่วนใหญ่จะเกิน 12 เดือนขึ้นไป แต่ในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานด้วยครับ ใครที่กำลังมองหาเมาส์เล็กๆ ต่อไร้สาย สไตล์น่ารักเหล่านี้ ก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดที่ใส่ลิงก์เอาไว้ให้กันครับ

from:https://notebookspec.com/web/686108-10-wireless-mouse-under-1k-2023

10 อันดับ เคสคอม 2023 เปิดตัวใหม่ ไฟ ARGB ประกอบง่าย สุด Cool! เย็นสุดขั้ว

10 อันดับ เคสคอมสุด Cool เปิดตัวใหม่ CES2023 งานดี เทคโนโลยีสุด พร้อมไฟ RGB จัดเต็ม

10 อันดับ

10 อันดับ เคสคอมรุ่นใหม่ปี 2023 ที่เรารวบรวมมาให้ในครั้งนี้ จัดมาตั้งแค่เคสสุดล้ำ ดีไซน์หรู ไปจนถึงเคสคอม สำหรับเกมเมอร์ และนักโอเวอร์คล็อก กับเทคโนโลยีใหม่ ที่ช่วยในการระบายความร้อน และเพิ่มฟังก์ชั่น สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ได้สะดวกมากยิ่ง ซึ่งนับว่าในปี 2023 จะมีเคสรุ่นใหม่ๆ มาให้กับเหล่านักประกอบคอมเลือกใช้งานกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมเรื่องของการระบายความร้อน และการปรับแต่งที่น่าสนใจกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา อย่างเช่นที่เรานำเสนอนี้ จะมีบางรุ่นที่เสริมกลไกการระบายอากาศ บางรุ่นมาพร้อมกระจกเทมเปอร์ที่ดีไซน์ทันสมัยมากขึ้น และบางรุ่นก็มาพร้อมชุด Liquid Cooling ในตัว ส่วนใหญ่เป็นผลดีต่อการเล่นเกม และการปรับแต่งในปัจจุบัน รวมถึงรองรับกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ๆ อีกด้วย วันนี้เรามาชมกันครับว่า จะมีเคสคอมรุ่นใด ที่ถูกใจคุณบ้าง เผื่อใครจะอยากเปลี่ยนเคสใหม่กันในปีนี้

10 อันดับ เคสคอม 2023

  1. Cyberpower Kinetix 360V
  2. Fractal Design – Torrent Compact Nano
  3. Lian Li – Lancool III
  4. Hyte Y60
  5. Thermaltake CTE
  6. Cooler Master Cooling X
  7. InWin POC Case
  8. COUGAR CRATUS
  9. MSI MEG Prospect 700
  10. ASUS HYPERION

1.Cyberpower Kinetix 360V

Cyberpower Kinetix 360V เป็นเคสคอมที่ออกแบบในแนวที่เรียกว่า Kinetic Enclosure หรือเป็นกล่องที่ขยับปรับเลื่อนได้ ซึ่งเมื่อปีก่อนก็จะมีของ Cyber Power ที่ทำออกมา แต่ตอนนั้นก็ลุ้นกันว่าจะออกมาวางตลาดมั้ย แต่ก็มีออกมาในบางรุ่น แต่สำหรับปีนี้ เป็นโมเดลพิเศษที่เรียกว่า Cyberpower Kinetix 360V Intelligent Airflow Series ที่มาโชว์ตัวในงาน CES 2023 เข้ามาใน 10 อันดับ เคสคอมครั้งนี้

Advertisementavw
10 อันดับ

ความโดดเด่นของเคสรุ่นนี้ อยู่ที่กลไกด้านหน้าของเคส ที่ขยับไปมาได้ เป็นแบบบานพับรูปทรงสามเหลี่ยม เลขาคณิต เปิดและปิดดูแล้วหวือหวา คล้ายกลไกของชุดไอรอนแมน ไม่ว่าจะเป็นสีสัน หรือการขยับของบานพับเหล่านี้

เคสรุ่นนี้ อาจจะไม่ได้นำเสนอเรื่องของ airflow เป็นหลักอย่างเดียว แต่มองว่าน่าจะเป็นการออกแบบเชิงนวัตกรรม ด้วยการใส่กลไกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งภายในเคส ซึ่งถ้าถามว่าดีกว่าเคสปกติ หรือเคสที่มีพัดลมเคสด้านหน้าอย่างไร? 

10 อันดับ

ถ้าสังเกต เคสคอมบางเคสก็มีฝาเคสปิดทึบด้านหน้ามา บางทีต้องการจะให้ลมเข้ามากๆ ในช่วงที่ทำงานแบบ Full load ให้มีอากาศระบายได้ดีก็ทำได้ยาก แต่ก็ไม่ได้ต้องการเคสที่ว่า เปิดให้ลมไหลเข้าตลอดเวลา เพราะบ้านเราเรื่องฝุ่นเป็นปัญหาสำคัญ การมีกลไกเปิด-ปิดแบบนี้ ก็ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวครับ อยากได้ลมก็เปิด ไม่ใช้ก็ปิดง่ายมากๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม: Cyberpowerpc


2.Fractal Design – Torrent Compact Nano

สำหรับเคสคอมจาก Fractal Design นี้ ดูเป็นที่รู้จักกันดีในบ้านเรา ด้วยคาแรคเตอร์ที่ดูหรูหรา พรีเมียม และเป็นที่คุ้นหูคุ้นตากันหลายรุ่น เช่นเดียวกับ Torrent Nano ที่เป็นเคสขนาด Mid-Tower แต่ใส่ Air flow มาขั้นสุด กับรูปลักษณ์เคสในโทนสีขาว มีช่องระบายอากาศด้านหน้า ออกแบบมาได้ลึกล้ำดีทีเดียว

10 อันดับ

ความโดดเด่นอยู่ที่ พัดลมขนาดใหญ่ 18cm พร้อมแสงไฟ RGB สวยงาม สามารถควบคุมรอบพัดลมได้ เสียงรบกวนน้อย ส่วนพื้นที่ภายในดูกว้างขวาง เพราะย้ายช่องติดตั้งเพาเวอร์ซัพพลายไปไว้ด้านบน ให้เดินสายได้สะดวก และมีทางลมดูดลมร้อนจากซีพียูได้โดยตรง

10 อันดับ

ส่วนภายในรองรับเมนบอร์ด mATX และมีช่อง PCI-Express ได้ถึง 3 สล็อต ติดตั้งการ์ดจอรุ่นใหม่ๆ ที่เป็น RTX40 series ได้และการ์ดความยาวระดับ 33.5cm เลยทีเดียว ใครที่ชอบเคสแนวนี้ เค้ามีให้เลือกถึง 5 สีด้วยกัน สำหรับผมนะ สวยทุกสี ตามที่ปรากฏในคลิปนี้เลยครับ บ้านเรามีจำหน่ายแล้ว ราคาประมาณ 5 พันกว่าบาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: Fractal Design


3.Lian Li – Lancool III

เป็นเคสคอมที่เรียกว่า ถอดรหัสพันธุกรรมของสายพันธุ์ LANCOOL มาอย่างเต็มเปี่ยม แต่ที่โดดเด่น เราผมชอบมากคือ การเปิดช่องทางในส่วนต่างๆ ได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็น ฝาข้าง หน้า และฝาปิดเพาเวอร์ซัพพลายที่อยู่ด้านล่าง กระจกข้างใสเทมเปอร์ ถอดออกง่าย รวมถึงมีพัดลมไฟ RGB มาให้แล้วถึง 4 ตัวด้วยกัน แบ่งเป็นหน้า 3 ตัว หลัง 1 ตัว พร้อมตะแกรงด้านหน้าให้ Air flow แบบสุดๆ

10 อันดับ
10 อันดับ

ด้านในรองรับ Radiator ชุดน้ำ 3 ตอน 360 ได้อีก 3 ตัว คือ ด้านบน ด้านล่างและด้านหน้า ติดตั้งพัดลม รวมกันได้ถึง 10 ตัว ผมว่าดีไซน์ได้ค่อนข้างอลังการทีเดียว เหมาะสำหรับคนที่จะใช้ชุดน้ำสำหรับซีพียู การ์ดจอ และอื่นๆ เพิ่มเติม

10 อันดับ

แถมด้วยช่อง Mount เพื่อติดตั้ง Storage ได้สูงสุดถึง 12 ตัว ในจุดต่างๆ ที่เค้าเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งเท่าที่ผมสังเกต เพลตที่อยู่ด้านบนของเพาเวอร์ สามารถปรับเลื่อนได้หลายรูปแบบ ตรงนี่ถือเป็นจุดสำคัญในการติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ เท่าที่ผมเช็คมาในบ้านเราพอมีจำหน่ายบ้างแล้ว ราคาประมาณ 4 พันปลายๆ เท่านั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: Lian Li


4.Hyte Y60

แต่ถ้าจะเป็นเคสคอมที่ดูโดดเด่น เป็นกระแสมากที่สุดใน CES 2023 ปีนี้ ก็ต้องเป็นค่ายนี้ครับ HYTE ในรุ่น Y60 ล่าสุด ดีไซน์แนวตู้ปลา ราคาดี มีกระจกเทมเปอร์ 3 ด้าน งานดูพรีเมียม น่าสนใจไม่น้อยเลย เป็นเคสแนวที่คล้ายๆ กับเคสกระจกหลายรุ่นในบ้านเรา เมืองนอกเค้ายกให้เป็น Good compact, Good Material เลยทีเดียว แล้วถ้าถามว่าแปลกหรือเด่นอย่างไร

10 อันดับ

ก็ยังคงต้องเริ่มกันตั้งแต่ดีไซนกระทัดรัด ดีไซน์พรีเมียม ด้านหน้าตัดมุม 45 องศา ไม่เหมือนใคร ส่วนตัวผมรู้สึกว่า มันมองฮาร์ดแวร์ได้ในหลายมิติ ดูแล้วกว้าง แถบด้านบนและล่างกว้างขวาง ให้พื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์ได้มากขึ้น เช่น ปั้มน้ำ หรือชุดพัดลม Radiator ช่องตะแกรง ทั้งด้านบน และด้านล่าง ช่วยระบายอากาศ 

10 อันดับ

ติดตั้งชุด Radiator ได้อย่างน้อย 2 ชุด ด้านหลัง และด้านบน สามารถวางการ์ดจอแนวตั้งได้ ด้านหลังเหลือพื้นที่มากมาย ให้เก็บสายหรือประกอบฮาร์ดแวร์อื่นเพิ่มได้ เช่น SSD เป็นต้น

10 อันดับ

นอกจากนี้ภายในเคสยังมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ติดตั้งกราฟิกการ์ดแบบ Low-Profile ขนาดเล็กได้ ไม่ต้องไปหาแปลง Bracket ให้เสียเวลา และเสริมขาแขวนสายเพาเวอร์ที่ต่อการ์ดจอมาให้ในตัว พื้นที่ภายในรองรับการ์ดจอได้ยาวแบบ 3 พัดลมได้อีกด้วย บ้านเราพอมีให้ Pre-Order ในราคาประมาณ 8,000 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: HYTE


5.Thermaltake CTE

เป็นเคสคอมในซีรีส์ที่เปิดตัวในงานได้สุดอลังการ สำหรับ Thermaltake CTE ที่ดีไซน์ออกมาในแบบที่เรียกว่า Centralized Thermal Efficiency ซึ่งเน้นที่การระบายความร้อน ปรับจูนอากาศให้ไหลเวียนได้ดี และจุดเด่นอยู่ที่การปรับหมุนเมนบอร์ดได้ในแบบ 90 องศา 

10 อันดับ

ตัวเคสผมว่าคล้ายกับการนำเอาจุดเด่นของหลายๆ รุ่นมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็น Tower, V หรือ View ก็ตาม นำมาผสมผสานกันให้ลงตัว และภายในมีความยืดหยุ่น ปรับเลื่อน แกะ ประกอบได้หลากหลาย โดยเฉพาะการวางเมนบอร์ด ที่ปรับมุมได้ 90 องศา เพื่อให้รับลมหรือต่อเข้ากับ Block น้ำได้ลงตัวมากขึ้น

10 อันดับ

พัดลมและชุดน้ำก็วางกันได้แบบจุใจครับ ไม่มีกั๊ก ตามสไตล์ของค่ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านหลัง ที่ใส่ Radiator แบบ 360mm ได้ 2 ชุด ยังไม่รวมด้านล่างเคส และด้านบนก็ติดตั้งแบบ 240mm ได้ โดยที่ทาง Thermaltake เค้าดีไซน์ทางลมให้เป็นแบบ ดูดลมเข้าทางด้านหน้าและหลัง และระบายลมร้อนออกทางด้านบน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

10 อันดับ

หลายคนอาจสงสัยว่า แบบนี้จะมีพื้นที่ติดตั้งเพาเวอร์ตรงจุดใด? ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเพาเวอร์ในแต่ละรุ่น จะวางไม่เหมือนกัน บางรุ่นข้างล่าง หรือบางรุ่นก็อยู่ด้านหลังเคส และบางทีก็อยู่ด้านบน เพราะซีรีส์นี้ออกมาถึง 6 รุ่นด้วยกัน และการจัดวางก็ต่างกันไปตามดีไซน์นั่นเอง

10 อันดับ

ส่วนความยาวของการ์ดจอไม่น่ากังวล เพราะเท่าที่ดู นอกจากจะวางได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอนแล้ว ยังปรับ 90 องศาได้อีกด้วย การ์ดแบบ 3 พัดลมก็วางได้ ไม่ได้ดูติดขัดแต่อย่างใด ใครที่รอราคา คงต้องอดใจอีกนิดครับ เพราะบ้านเรากำลังเปิดตัวครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม: Thermatake


6.Cooler Master Cooling X

ถ้าพูดถึงเคสคอมและชุดระบายความร้อน ไม่มีค่ายนี้ไม่ได้เลยครับ และใน CES 2023 ครั้งนี้ เค้าก็จัดแบบพิเศษมาให้กับ Cooling X ที่เป็นเคสออกแบบใหม่ ซึ่งมาพร้อมชุด Liquid Cooling มาในตัว สำหรับซีพียูและการ์ดจอ โดยใช้พื้นที่ฐานของตัวเคสแบบ Tower ด้วยบอดี้ทื่ใหญ่ วางตำแหน่งเอาไว้สำหรับเกมเมอร์ระด้บไฮเอนด์ รูปทรงคล้ายกับ Cosmos และยังผสมกับหน้าตาของรุ่นอื่นๆ มาไว้อีกด้วย ซึ่งช่วงหลังๆ ผมเองรู้สึกว่า ดีไซน์เค้าเริ่มไปไกลมาก

10 อันดับ

อย่างที่เห็นคือ ด้านหน้ามาพร้อมกับโลหะแบบตะแกรงดูดอากาศด้านนอก พร้อม Strip แสงไฟ ด้านข้างและด้านหลัง ก็เป็นช่องขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้ถึงกับจะเป็นช่องลมทะลุไปยังภายในได้ทั้งหมด ซึ่งคล้ายกับว่าโครงสร้างภายนอก จะเป็นเหมือนครีบระบายความร้อน และใช้เป็นจุดไหลเวียนของเหลว โดยมีตัวปั้มและ Block อยู่ภายใน 

10 อันดับ

โดยเท่าที่ดูทิศทางการไหลของ Liquid Cooling ถ้าดูตามชาร์ทนี้แล้ว จะเป็นเหมือน มาจากด้านข้างซ้ายของเคส เข้าปั้ม ไหลไปยังซีพียู และ GPU แล้วไปยังฝาข้างด้านขวา แล้วไปเวียนที่ Radiator จากนั้นก็จะไหลกลับไปยังฝาข้างด้านซ้ายอีกครั้งหนึ่งแบบนี้

10 อันดับ

เปิดฝาข้างออกได้ทั้ง 2 ด้าน จัดวางเพาเวอร์ไว้ด้านล่าง ด้านหลังมี Radiator 1 ชุดสำหรับซีพียู แต่ที่แอบสงสัยคือ ช่องด้านหลังที่เป็นพอร์ตแสดงผลด้านบนเคสนี้ เอาไว้ให้การเชื่อมต่อในแบบใดกันแน่ หรืออาจจะเป็นการวางอีกแนว และเปิดฝาด้านบน เพื่อต่อจอก็เป็นได้ครับ ใครชอบเคสแนวนี้ อดใจรอครับ ถ้ามีข้อมูลมาเพิ่มเติม จะเอามานำเสนออีกครั้งหนึ่งนะครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม: wccftech.com


7.InWin POC Case

ใครที่เป็นนัก Mod ชอบเคสแบบมีสไตล์ มีชิ้นส่วนประกอบได้เองแบบอิสระ เคสรุ่นนี้ที่ InWin นำมาโชว์ในงาน น่าจะถูกใจคุณ ใช้แนวคิดคือ POC ออกแบบมาเป็นแผงโลหะ SECC แข็งแรงแบบโครงสร้างเคสปกตินี่เลย คุณสามารถนำมาประกอบจนกลายเป็นเคส Mini-ITX ได้ คล้ายกับการพับกระดาษ Origami อะไรแบบนั้น เคสจะเน้นสีสันที่สดใสหน่อย เพราะมีให้เลือกโทน เขียว/เหลือง (Tropical Sweetheart) และ น้ำเงิน/ดำ (Race Blue)

10 อันดับ

ตัวเคสมาพร้อมพัดลมขนาด 120mm มาให้ 1 ตัว รองรับการติดตั้งเพาเวอร์ยาว 16cm แต่ที่น่าสนใจคือ มีช่องสำหรับติดตั้งการ์ดจอแบบแนวตั้งได้อีกด้วย มี PCI-Express 4.0 riser cable ให้ และรองรับการ์ดจอรุ่นใหญ่ 3.5 สล็อต ยาวถึง 34cm ได้อีกด้วย

10 อันดับ

อย่างไรก็ดีในงานนี้ เท่าที่ได้เห็นไม่ได้มีความแปลกตากับโครงสร้างเคสเพียงอย่างเดียว แต่บรรจุภัณฑ์ที่เค้าใส่มาในแต่ละชิ้นนั้น ยังเป็นแบบซองกระดาษ รีไซเคิล ห่อมาให้อีกด้วย เซอร์ไพรซ์กันไปใหญ่ 

10 อันดับ

เคสแบบนี้ ชวนให้ผมนึกถึงบ้านน็อคดาวน์ในปัจจุบัน ที่คุณสามารถจัดการได้เอง เพราะเมื่อแกะของออกมาจากห่อ จะเป็นโลหะแบนเรียบ และคุณต้องมาพับงอในบางจุด แล้วไขน็อตยึดเพิ่มความแข็งแรง  เพื่อประกอบให้กลายเป็นเคสแบบ 3 มิติให้พร้อมใช้งาน

ตอนที่เห็นภาพเคสที่ประกอบสำเร็จแล้ว ส่วนตัวรู้สึกค่อนข้างทึ่ง แล้วน่าจะเป็นแนวโน้มที่ดีกับเคส Custom ในอนาคต ถ้ามีเรื่องของราคาเราจะมาอัพเดตให้ฟังกันอีกครั้งครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม: InWin


8.COUGAR CRATUS

ถ้าพูดถึงเคสล้ำๆ หลายคนก็น่าจะนึกถึงค่ายนี้ COUGAR ที่มีเคสสวยล้ำอีกรุ่นหนึ่งมาลงตลาด ในชื่อ CRATUS สำหรับผมมองว่า มันเหมือนกับแชสซีส์ของรถแข่งเลยทีเดียว กับรูปลักษณ์ที่ดูดุดัน โครงสร้างท่อโลหะ ผสานกับกระจกเทมเปอร์ ที่มีการดัดโค้ง ให้ดูลงตัว ภายในกว้างขวาง เหมาะกับการติดตั้งอุปกรณ์ และสายนักโมดิฟาย ที่แทบจะสวยมาจากโรงงาน 

10 อันดับ

กระจกเทมเปอร์ เป็นคีย์หลักที่สร้างความโดดเด่น เพราะมีให้ถึง 4 ด้าน ด้านหน้าดัดโครงให้เข้ากับโครงเคส ยาวไปจนถึงด้านบน และ

10 อันดับ

การจัดทิศทางลม ใช้การดูดลมเย็นจากด้านหน้า และด้านล่าง ให้หมุนเวียนภายในเคส แล้วปล่อยลมร้อนออกทางด้านหลัง พร้อมแสงไฟ ARGB สวยเวอร์วัง ปรับแต่งได้ ด้วยการกดปุ่ม RGB บนตัวเคส แต่ก็มีหัวต่อ เพื่อเสียบเข้ากับเมนบอร์ด ในการใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ได้อีกด้วย 

10 อันดับ

จัดวางเคสได้ตั้งแต่ ATX ไปจนถึง E-ATX ซึ่งทำให้การวางการ์ดจอ ใส่ได้ยาวถึง 46cm ถ้าไม่ได้ติดตั้ง Radiator ด้านข้างเมนบอร์ด พร้อมพื้นที่ด้านหลังติดตั้ง SSD 2.5″ ได้ถึง 3 ตัวด้วยกัน และช่องสำหรับ HDD 3.5″ การติดตั้งชุดระบายความร้อน ทำได้ทั้งชุดพัดลมได้สูงสุด 9 ตัว และชุดน้ำ ติดตั้ง Radiator 360mm ได้ 

ที่ชอบเลยก็คือ ด้านหลังมีช่องเก็บสายเคเบิล ที่เปิดออกได้ ไม่ต้องแกะให้วุ่นวาย ความหนาที่มากพอสำหรับ ม้วนสายเอาไว้ในนั้น แทบจะมองไม่เห็นสายต่อเลยก็ว่าได้

10 อันดับ

เรื่องของราคายังไม่ได้เคาะออกมาเป็นทางการ ส่วนตัวมองว่า ถ้าคุณชอบเคสแบบนี้ ที่เปิดให้ลมเข้าหลายด้าน กระจกเทมเปอร์ที่โชว์ได้เกือบทุกอณู พร้อมกับดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร กำเงินรอไว้ได้เลยครับ ไตรมาสแรกปีนี้ได้ลุ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: COUGAR


9.MSI MEG Prospect 700

มาถึงเคสที่ 9 แล้ว เคสนี้ ไม่ได้ถือว่าใหม่มาก เพราะเปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2565 และสื่อบ้านเราก็ได้รีวิวกันไปบ้างแล้ว แต่ที่นำมาเพราะความล้ำสมัย มีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดี โดยเฉพาะการมีพาแนลบนตัวเคส สำหรับปรับแต่งสิ่งต่างๆ ภายใน 

10 อันดับ

กระจกเทมเปอร์สวยใสด้านข้าง เปิดกางได้ง่าย รวมถึงฝาปิดข้าง ที่เก็บสายไฟ ก็กว้างขวางดีทีเดียว

10 อันดับ

จอเป็นแบบทัชสกรีนขนาดใหญ่ ปรับโหมดไฟ ARGB ได้ เลือกได้หลายแบบ รวมถึงปรับรอบพัดลม มีโพรไฟล์ ตั้งเวลาเปิด-ปิดหน้าจอ ซิงก์กับซอฟต์แวร์บนเมนบอร์ดได้เช่นกัน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับที่มีอยู่บนเกมมิ่งพีซีบางรุ่นของ MSI 

10 อันดับ

ภายในติดตั้งชุดน้ำ Radiator 360mm ได้ มีพัดลมให้เป็นแบบ ARGB จำนวน 4 ตัว หน้า 3 หลัง 1 ขนาด 140mm พาแนลด้านหลังปรับเลื่อนได้ สำหรับการวาง Radiator หรือจะใช้เป็นพัดลมก็ได้เช่นกัน พื้นที่ภายในวางการ์ดจอตัวใหญ่ๆ 3 พัดลมได้สบายๆ กว้างขวาง

10 อันดับ

แต่เรื่องของมิติ ก็อาจจะดูใหญ่พอสวมควร แต่ถ้ามองว่า ตั้งใจจะจับฮาร์ดแวร์แรงๆ รุ่นใหญ่ ยัดเข้าไปให้ได้ รวมถึงชุดน้ำ ผมว่า MSI รุ่นนี้ตอบโจทย์คุณได้เลย เคาะราคาอยู่ที่ประมาณ 14,900 บาทครับ มีจำหน่ายแล้ว สนใจก็ไปตำกันได้เลย

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI


10.ASUS HYPERION

เป็นเคสเกมมิ่งสำหรับคอเกม ที่มีความโดดเด่นในด้านการออกแบบ ซึ่งหากคุณเป็นแฟนบอยของ ASUS ROG เคสนี้ น่าจะเป็นทางของคุณ ตัวเคสขนาดใหญ่ เพิ่มระดับความสูง ให้อากาศไหลเวียนได้มากขึ้น และรองรับ Radiator ขนาด 420mm ได้ถึง 2 ตัวด้วยกัน กับการออกแบบรูปลักษณ์ที่ยังล้ำสมัย พร้อมใส่สีสันไฟ RGB มาเป็นทางเลือกให้กับการแต่งคอม กับการจัดวางเคส ที่ใช้โครงรูปตัว X ในการกระจายน้ำหนัก

10 อันดับ

ภายในเปิดให้เป็นห้องขนาดใหญ่ รับการติดตั้งเมนบอร์ด E-ATX ได้ พร้อมพื้นที่ขนาดใหญ่ ให้สามารถรองรับการ์ดจอรุ่นใหญ่อย่าง GeForce RTX4090 ได้สบาย ซึ่งสามารถใส่การ์ดจอได้ยาวสุดถึง 46cm เลยทีเดียว โดยให้พื้นที่แนวตั้งสูงสุด 13cm เผื่อการ์ดจอตัวใหญ่ จะได้ไม่ติดขอบฝาเคส

นอกจากนี้ยังมาพร้อมโครงอะลูมิเนียม สำหรับรับกราฟิกการ์ดแบบ 2-way ยึดไม่ให้ตัวการ์ดห้อย หรือเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่ง รวมถึงยังจัดสายเคเบิลได้ง่ายกว่าเดิม

10 อันดับ

พื้นที่ด้านหลังเมนบอร์ดกว้างพอในการจัดเก็บสาย พร้อมกับแถบยาง เพื่อใช้ในการรัดจัดเก็บให้เป็นระเบียบ เช่นเดียวกับฝาปิดอะคลิลิคทางด้านหลัง ให้เปิดออก และใส่สายเข้าไปได้ โดยมีคอนโทรลเลอร์ ARGB มาในตัว เพื่อใช้ต่อเข้ากับบรรดาอุปกรณ์ที่รองรับ AURA Sync ซึ่งติดตั้งชุดอุปกรณ์ไฟ RGB เพิ่มได้ถึง 8 ชิ้นและพัดลมแบบ PWM 6 ตัว

10 อันดับ

นับว่าเป็นเคสคอมอีกรุ่นหนึ่ง ที่สามารถปรับเปลี่ยนและโมดิฟายได้ง่าย เหมาะกับคนที่ชอบประกอบคอมเซ็ตด้วยตัวเอง และเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปได้สะดวก การระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


Conclusion

10 อันดับ เคสคอม 2023 ที่เราได้รวบรวมมาในครั้งนี้ ในแต่ละรุ่นถือว่ามีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากมองกันที่นวัตกรรมแล้ว CYBERPOWERPC ถือว่ามีลูกเล่นที่น่าสนใจทีเดียว แต่ถ้าจะเน้นที่การระบายความร้อน MSI, COUGAR และ Cooler Master ก็มีทิศทางในการปรับแต่งเคสของตน เพื่อให้ผู้ใช้ได้นำไปใช้งานได้เลย แทบจะไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งอื่นใดมากนัก และยังรองรับการติดตั้ง Radiator ได้มากกว่า 1 ชุดอีกด้วย แต่ถ้าชอบความล้ำสมัย สวยงามเคสจาก COUGAR, MSI และ ASUS ก็ตอบโจทย์เกมเมอร์ และนักโมดิฟายได้ดี แต่ถ้าชอบความเก๋ไก๋ ดูไม่ซ้ำใคร สวยได้แม้จะมินิมอล เคสจาก InWin และ Hyte น่าจะเป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบได้เป็นอย่างดีครับ ความชอบของคุณเป็นแบบใด เลือกใช้กันได้ตามสะดวก แล้วอย่าลืมคอมเมนต์ให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันบ้างนะครับ แล้วพบกันกับการรวบรวมข้อมูลไอทีครั้งต่อไปครับ

from:https://notebookspec.com/web/684474-10-pc-case-ces-2023

4TB SSD External 5 รุ่นเด็ด เก็บได้เยอะ โอนถ่ายข้อมูลไว เพื่อเกมเมอร์ ครีเอเตอร์ 2023

4TB SSD External 5 รุ่น เก็บข้อมูล โอนถ่ายไฟล์ เร็ว สายทำงาน เล่นเกม ต้องโดน! ความจุเหลือๆ

4TB SSD External

4TB SSD External เก็บข้อมูลแบบจัดเต็ม ไม่เกรงใจใคร ใครที่มีข้อมูลเยอะมาทางนี้ เรามี 5 SSD แบบต่อภายนอกมาแนะนำ กับความจุระดับ 4TB ให้พื้นที่ในการจัดเก็บงานปริมาณมากๆ และให้ความเร็วในการทำงาน ไม่ว่าจะโอนถ่ายไฟล์ ย้ายข้อมูล หรือจัดเก็บได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเกมเมอร์ในการสำรองไฟล์เกมที่ชื่นชอบ เอาไว้ใช้กับเครื่องอื่นได้ หรือนักสร้างคอนเทนต์ ที่ใช้สำรองข้อมูล ไฟล์ภาพ วีดีโอและเสียง ที่มีขนาดใหญ่และนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว หรือเหล่ายูทูปเบอร์ และสตรีมเมอร์ ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บวีดีโอความละเอียดสูง เอาไว้ใช้ในการตัดต่อ หรือนำเสนอผลงาน ข้อดีคือ ทำงานได้ไวกว่าที่เป็นแบบฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอก รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว หากกำลังมองหาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลความจุ และความเร็วสูงไปพร้อมๆ กัน มาติดตามบทความนี้ไปพร้อมๆ กันครับ


4TB SSD External

  1. WD MYPASSPORT 4TB
  2. Kingston SXS2000 4TB
  3. SANDISK Extreme 4TB
  4. SANDISK Extreme Pro 4TB
  5. LaCie Rugged SSD 4TB
  6. Crucial X8 4TB

External SSD vs HDD แบบไหนดี?

4TB SSD External

จากคำถามนี้ เชื่อว่าถ้าย้อนไป 4-5 ปีก่อน หลายคนอาจตอบเลยว่า External HDD ยังน่าใช้กว่า ทั้งราคาและความจุ ที่ดูไปด้วยกันได้ ซึ่งในปัจจุบันก็อาจจะยังเป็นเช่นนี้อยู่ เพราะอย่าง External HDD 1TB เริ่มที่พันกว่าบาท แต่ถ้าเป็น SSD 1TB แบบต่อภายนอก ราคาเริ่มต้น 3 พันกว่าบาท ซึ่งแพงกว่าเกือบเท่าตัว แต่เวลานี้ ผู้ใช้บางกลุ่ม ไม่ได้เน้นที่ราคาเป็นหลักอีกต่อไป แต่มองที่ศักยภาพ ความเร็ว และการตอบสนองกับงานได้ดี และให้ความสำคัญกับเวลา เนื่องจาก External SSD แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังให้ความเร็วในการค้นหาข้อมูลได้ดีกว่า และการโอนถ่ายข้อมูลที่รวดเร็ว อย่างเช่น

Advertisementavw
4TB SSD External
source: Crucial

External HDD เมื่อเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB 3.0 Type-A เป็นส่วนใหญ่ และเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เฟส SATA ซึ่งให้ความเร็วในการทำงานจะอยู่ที่ประมาณ 5Gbps ดังนั้นอัตราการ Read หรืออ่านข้อมูลสูงสุดที่ 120MB/s โดยประมาณ แต่ถ้าดูจาก Host ของการเชื่อมต่อบน USB รุ่นใหม่ๆ อย่างเช่น USB 3.1 Gen1 ให้ความเร็วในระดับ 5Gbps, แต่ถ้าเป็น Gen2 จะขยับไปที่ 10Gbps และสุดท้ายคือ Thunderbolt 3 ก็จะให้ได้ถึง 40Gbps เลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อ SSD มีความเร็วมากพออยู่แล้ว มาเชื่อมต่อกับ Host ในแบบ External รุุ่นใหม่ๆ ก็ทำให้ความเร็วเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างเช่น SSD External รุ่นใหม่ๆ เมื่อเชื่อมต่อกับ USB 3.1 Type-C ก็ให้ความเร็วในระดับ 1,000MB/s ได้ ความเร็วก็จะเหนือกว่า External HDD เกือบ 10 เท่าเลยทีเดียว


เลือกอย่างไร?

4TB SSD External
source: WD

แล้วถ้าต้องการใช้ External SSD หรือ SSD แบบต่อภายนอกนี้ จะต้องเลือกอย่างไร?

ความจุ: เรื่องนี้อาจจะต้องให้มองว่า คุณมีการใช้งานข้อมูลในแต่ละวันมากน้อยเพียงใด พิจารณาถึงการเก็บข้อมูลระยะสั้น และระยะยาว บางครั้งอาจจะต้องสำรองข้อมูลที่จำเป็นบ่อยครั้ง เช่น ไฟล์วีดีโอที่เป็นฟุดเทจ ถ่ายเก็บ และนำมาใช้ตัดวีดีโอในภายหลัง หรือเป็นไฟล์งานที่ต้องอัพเดตบ่อย รวมถึงเกมเมอร์ ที่ชอบสำรองตัวเกมที่ชอบเอาไว้ และลบไฟล์เกมจากไดรฟ์หลัก ให้เหลือพื้นที่ติดตั้งเกมใหม่เอาไว้เล่นนั่นเอง หากประเมินได้แล้ว ก็ให้เผื่อพื้นที่เอาไว้สักหน่อย กรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เช่นอาจใช้ประมาณ 400GB ก็เลือก 500-512GB ได้เช่นกัน แต่ถ้างบประมาณมากหน่อย ตัวเลือก 1TB ก็น่าสนใจไม่น้อย

ดีไซน์และมิติ: เรื่องของดีไซน์ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งในปัจจุบันก็มีตัวเลือกหลายแบบ เช่น บางเบา กระทัดรัด พกพาสะดวก บางรุ่นมีความแข็งแรง ทำบอดี้มาเป็นพิเศษ กันกระแทกและกันฝุ่น ละอองน้ำเป็นต้น หรือบางรุ่นมีที่แขวน จัดเก็บง่าย ตรงนี้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะเลือกแบบใด แต่ถ้าจะแนะนำ วัสดุที่แข็งแรง ปกป้อง SSD ที่อยู่ภายในได้ดี มีกันกระแทก ไม่ต้องเล็กมาก หากกลัวว่าจะหาย และให้อยู่ในงบประมาณที่ไม่สูงเกินไปนัก

การเชื่อมต่อ: เวลานี้จะเป็นแบบเดียวกันเกือบทั้งหมด นั่นคือต่อผ่าน USB-C แต่จะเป็นมาตรฐานใดนั้น ก็ต้องเช็คที่สเปคกันอีกครั้ง โดยจะมีให้เลือกหลักๆ 2 แบบคือ USB 3.2 Gen1 x2 จะให้ความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล ประมาณ 1,000MB/s ทั้งการ Read/ Write และ USB 3.2 Gen2 x2 ที่ให้ความเร็วได้มากกว่า อยู่ที่ประมาณ 2,000MB/s ทั้งการ Read/ Write จะเห็นได้ว่าความเร็วมากกว่าถึงเท่าตัว แต่ราคาก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ราคาและการรับประกัน: การประกันจะคล้ายกับ SSD Internal มีอยู่ 2 แบบ ขึ้นอยู่กับซีรีส์ของ SSD ในแต่ละรุ่น แต่ละค่าย เช่น SANDISK Extreme การรับประกันอยู่ที่ 5 ปี ส่วน SANDISK Portable รุ่นพื้นฐานประกัน 3 ปี หรือจะเป็น WD Element ประกัน 3 ปี ส่วน MYPASSPORT จะรับประกัน 5 ปีเป็นต้น


1.WD MYPASSPORT 4TB

4TB SSD External

ถือว่าเป็น External SSD ของเจ้าตลาดอีกรุ่นหนึ่ง ราคาดีใน 4TB SSD External คร้ังนี้ ที่ทำออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เคลื่อนย้ายสะดวก และมีความทนทาน ทาง WD เลือกวัสดุที่เป็นเปลือกภายนอก มีความแข็งแรง ทนต่อการตกกระแทกได้ มีให้เลือก 4 สี แดง ทอง น้ำเงินและสีเทา โดยรุ่นที่เป็น 4TB เป็นสีเทา ดูพรีเมียมทีเดียว มาในมิติประมาณฝ่ามือเท่านั้น 100.08 x 55.12 x 8.89mm จัดว่าเล็กกว่ารีโมททีวีที่บ้านด้วยซ้ำ ให้การเชื่อมต่อผ่าน USB-C ในแบบ USB 3.2 Gen 1 จึงให้ความเร็วในการทำงานที่ 1050MB/s (Read) และ 1,000MB/s (Write) จัดว่าเร็วกว่าการที่เราใช้ External HDD พื้นฐานบน USB-A อยู่ไม่น้อยเลย เหมาะกับการทำงานพื้นฐานทั่วไป การจัดเก็บไฟล์จำนวนมาก และการอัพเดตไฟล์อย่างต่อเนื่อง พกพกสะดวก โดยปกติจะเชื่อมต่อแบบ Type-C to Type-C ได้ แต่หากมีโน๊ตบุ๊คหรือพีซีที่เป็นพอร์ตรุ่นเก่า ก็ใช้สายแบบ USB-C to Type-A ได้เช่นกัน การรับประกัน 5 ปี ราคา 15,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ขนาดกระทัดรัด ความเร็วในการทำงานที่ 1050MB/s
ราคาค่อนข้างดี

ข้อมูลเพิ่มเติม: WD


2.Kingston SXS2000 4TB

4TB SSD External

Kingston SXS2000 จัดว่าเป็น External SSD ในกลุ่มพรีเมียม ที่ออกแบบมาสำหรับงานที่สำคัญ และการพกพาที่สะดวก ด้วยมิติตัวไดรฟ์ 69.54 x 32.58 x 13.5mm ที่ถือว่าใกล้เคียงกับกุญแจรีโมทรถยนต์ในแบบ Keyless ในปัจจุบัน น้ำหนักประมาณ 29 กรัมเท่านั้น วัสดุโครงสร้างโลหะ และมีชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก ให้ทั้งความทนทาน และน้ำหนักที่เบา ซึ่งว่ากันตามมาตรฐาน IP55 ซึ่งมียางรองกันกระแทก เมื่อตกหล่นและกันละอองน้ำ รวมถึงกันฝุ่นได้ค่อนข้างดี ด้านในเป็น NAND Flash ที่ให้ความเร็วในการทำงานสูงถึง 2,000MB/s ทั้งการอ่านและเขียนข้อมูล จึงมั่นใจได้ว่าไฟล์ขนาดใหญ่ อย่างเช่น วีดีโองานระดับ 4K/ 8K จะถูกจัดเก็บ และเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็ว โดยให้การเชื่อมต่อผ่านทาง USB 3.2 Gen2 x2 ซึ่งหากคุณมีพอร์ตนี้อยู่ที่เครื่องคอมหรือโน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่ ก็จะใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ การรับประกันอยู่ที่ 5 ปี สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 15,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
เล็กสุดในรุ่น เบา วามเร็วในการทำงานสูงถึง 2,000MB/s
ความทนทาน IP55

ข้อมูลเพิ่มเติม: Kingston


3.SANDISK Extreme 4TB

4TB SSD External

จัดว่าเป็น 4TB SSD External ที่เป็นตัวเริ่มต้นของใครหลายคนได้เลย และยังเป็นตัวใช้สำรองงาน โอนถ่ายข้อมูลแบบจริงจัง สำหรับงานที่ต้องให้ความสำคัญทั้งในด้านความเร็ว และความจุ กับระดับ 4TB จาก SANDISK รุ่นนี้ ช่วยให้การทำงานไหลลื่นขึ้นไม่น้อยเลย มาพร้อมดีไซน์ของสีดำตัดเส้นสายสีส้ม อันเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ วัสดุภายนอกอะลูมิเนียมกับขอบยาง ที่ช่วยป้องกันแรงกระแทก และมีส่วนในการระบายความร้อนในการใช้งานได้ พอร์ตการเชื่อมต่อมาเป็น USB-C ในแบบ USB 3.2 Gen 2 เสียบใช้งานง่าย ให้มาตรฐาน IP55 เพิ่มความมั่นใจในการเคลื่อนย้าย กันฝุ่น ละอองน้ำได้ดีพอสมควร ให้ความเร็วที่ระดับ 1,050MB/s (Read) และ 1,000MB/s (Write) มิติอยู่ที่ประมาณ 102mm x 53mm x 10mm เท่านั้น ราคา 16,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์ทันสมัย ความเร็วกานอ่านที่ระดับ 1,050MB/s
ความทนทาน IP55

ข้อมูลเพิ่มเติม: SANDISK


4.SANDISK Extreme Pro 4TB

4TB SSD External

อีกหนึ่งที่เข้ามาใน 4TB SSD External เป็นรุ่น Extreme Pro series นี้ ที่ขยายขีดความสามารถขึ้นมาจาก Extreme ทั้งในเรื่องความเร็ว ประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อ โดยที่ใช้ในแบบ USB-C เช่นเดียวกัน แต่เป็นอินเทอร์เฟสแบบ USB 3.2 Gen 2 x2 นั่นก็ทำให้ความเร็วในการทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 2,000MB/s ทั้งการอ่านและเขียนข้อมูล เหมาะกับสายทำงานจริงจัง ที่ต้องจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ หรือไฟล์จำนวนมาก หรือบางครั้งอาจจะต้องพรีวิวงานผ่านทาง External Drive ได้อย่างรวดเร็ว หรือมีข้อมูลที่จะต้องอัพเดตในแต่ละวันบ่อย รวมถึงเหล่าเกมเมอร์ ที่อยากจะสำรองไฟล์ตัวโปรดเอาไว้ใช้ จะได้ไม่ต้องดาวน์โหลดกันบ่อยๆ บอดี้เป็นอะลูมิเนียม ที่ช่วยในการระบายความร้อนไปในตัว ดีไซน์ค่อนข้างทันสมัย เป็นสีเทาดำ ตัดด้วยเส้นสายสีส้ม ดูสปอร์ต พร้อมช่องสำหรับแขวนที่คล้องกุญแจได้ ขนาดประมาณ 110.26 x 57.34 x 10.22mm เรียกว่าแทบจะเท่ารีโมททีวีขนาดเล็กได้เลย โดยมีขอบเคสเป็นซิลิโคนโดยรอบ ทำให้ปกป้องได้ดียิ่งขึ้น กับมาตรฐาน IP55 กันน้ำและฝุ่น รวมถึงการหล่นกระแทก พร้อมการรับประกัน 5 ปี สนนราคาอยู่ที่ 19,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ความเร็วสูง 2,000MB/s
บอดี้พร้อมระบายความร้อนในตัว

ข้อมูลเพิ่มเติม: SANDISK


5.LaCie Rugged SSD 4TB

4TB SSD External

สำหรับค่าย Lacie เชื่อได้เลยว่าน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะโด่งดังในตลาดด้าน Storage มายาวนาน โดยเฉพาะไดรฟ์ที่ให้การ Protect มาเป็นพิเศษ โดยในรุ่น RUGGED นี้ก็เช่นกัน ที่ออกแบบมาให้มีความทนทาน ไม่ว่าจะเป็น การป้องกันฝุ่น ละอองน้ำ หล่นกระแทก บนมาตรฐาน IP67 ที่มากกว่าในรุ่นอื่นๆ หรือจะเป็นการเข้ารหัสไฟล์ โดยใช้ SSD ในแบบ NVMe ขนาดเล็ก ให้ความเร็วในการทำงานที่ 1,050MB/s (Read) เชื่อมต่อผ่านพอร์ตในแบบต่างๆ ได้ เช่น Thunderbolt 4, USB 3.2 Gen 2 ในแบบ USB-C เชื่อมต่อง่าย กับการออกแบบภายนอกที่ดูแปลกตา ในโทนสีส้มสดใส มิติอยู่ที่ประมาณ 97.9 x 64.9 x 17mm และน้ำหนักประมาณ 100 กรัมเท่านั้น การรับประกัน 5 ปี ราคาค่อนข้างจะโหดสักหน่อย เพราะอยู่ที่ราว 35,590 บาท แต่ก็มีความโดดเด่นในหลายด้าน จัดเป็น 4TB SSD External อีกรุ่นที่น่าสนใจ

จุดเด่น ข้อสังเกต
แข็งแรง ทนทานระดับ IP67 มิติค่อนข้างหนาเล็กน้อย

ข้อมูลเพิ่มเติม: Lacie


Crucial X8 4TB

4TB SSD External

รุ่นสุดท้ายนี้ผมขอเป็นตัวเสริมใน 4TB SSD External เผื่อเป็นทางเลือกของเพื่อนๆ แต่เท่าที่เช็คยังไม่เห็นจำหน่ายในบ้านเรา เคาะราคาต่างประเทศอยู่ที่ราวๆ หมื่นกว่าบาท ก็ถือว่าทำราคาได้ดีทีเดียว และบอดี้ก็ยังออกแบบมาค่อนข้างดี ตัวเคสรับหน้าที่ในการระบายความร้อนไปในตัว กับโทนสีดำ ตัดด้วยโลโก้สีขาว กับมิติที่อาจจะใหญ่กว่ารายอื่นๆ อยู่เล็กน้อย 110 x 53 x 10mm ให้การเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เฟส USB 3.2 Gen 2 ในแบบ USB-C ให้ความเร็วในการอ่านข้อมูล 1,050MB/s ใช้งานง่าย เป็น SSD ที่เหมาะกับคนทำงาน เก็บข้อมูลบ่อย หรืออัพเดตข้อมูลเป็นประจำ และอยู่กับข้อมูลปริมาณมากๆ ซึ่งจะทำให้การโอนถ่ายข้อมูลทำได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะทำงานเอกสาร หรือทำด้านงานวีดีโอและงานตัดต่อเป็นต้น โดยให้การรับประกัน 3 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
รูปลักษณ์ทันสมัย ความเร็วในการอ่านข้อมูล 1,050MB/s

ข้อมูลเพิ่มเติม: Crucial


Conclusion

Model ความจุ มิติ อินเทอร์เฟส Sequential
Read
การรับประกัน (ปี) ราคา
1.WD MYPASSPORT 4TB 100.08 x 55.1 x 8.89mm USB 3.2 Gen 1 1,050MB/s 5 15,900
2.Kingston SXS2000 4TB 69.54 x 32.58 x 13.5mm USB 3.2 Gen 1 1,050MB/s 5 15,900
3.SANDISK Extreme 4TB 102 x 53 x 10mm USB 3.2 Gen 2 1,050MB/s 5 16,900
4.SANDISK Extreme Pro 4TB 110.26 x 57.34 x 10.22mm USB 3.2 Gen 2 2,000MB/s 5 19,900
5.LaCie Rugged 4TB 97.9 x 64.9 x 17mm USB 3.2 Gen 2 2,000MB/s 5 35,590
6.Crucial X8 4TB 110 x 53 x 10mm USB 3.2 Gen 2 1,050MB/s 3 249.99USD

ถ้ามองกันในภาพรวม 4TB SSD External ทั้ง 5-6 รุ่น ที่เรานำมาให้ชมกันในวันนี้ หลายรุ่นมีความน่าสนใจ สำหรับคนที่ทำงานจริงจัง และการใช้ในการบันทึกข้อมูลที่สำคัญ แม้ว่าความจุระด้บ 4TB อาจจะดูห่างไกลจากการใช้งานจริงของหลายคน แต่สำหรับบางท่าน ที่มีข้อมูลจำเป็นต้องใช้อยู่บ่อย อาจจะเป็นความจุที่กำลังพอเหมาะ ซึ่งถ้ามองว่าเยอะไป ยังมีตัวเลือก 1-2TB ให้ได้ใช้กัน ในเรื่องของประสิทธิภาพและความเร็ว SANDISK Extreme Pro ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย เพราะราคาเพิ่มจากรุ่นปกติที่ให้ความเร็วระดับ 1,050MB/s ขึ้นมาประมาณ 3,000-4,000 บาท แต่ได้ความเร็วในการอ่านข้อมูลเพิ่มขึ้นมาเท่าตัว ส่วนคนที่ชอบความเล็กกระทัดรัด ตัวเลือกอย่าง Kingston SXS2000 ก็น่าสนใจ แต่ถ้าสายอึด ถึก ทน ก็มีตัวเลือกอย่าง LaCie Rugged ที่ทนกระแทก น้ำและฝุ่น พร้อมมาตรฐาน IP67 อุ่นใจได้ในทุกสภาวะ ส่วนถ้าเน้นราคาดี หาซื้อง่าย WD MYPASSPORT SSD ก็น่าใช้ไม่น้อยเลย ทั้งหมดนี้เป็น SSD รุ่นใหญ่ 4TB แบบต่อภายนอกที่นำมาฝากกันครับ สนใจรุ่นไหน ก็ไปจับจองกันได้เลย เวลานี้มีจำหน่ายเกือบครบทุกรุ่นแล้วครับ และถ้าคุณมองหา SSD ต่อภายในแบบ Internal สามารถเข้าไปชม ที่นี่ ได้เลย มีให้เลือกเพียบ

from:https://notebookspec.com/web/682248-5-4tb-ssd-external-2023

7 โต๊ะคอม 2 ชั้นน่าใช้ สวยดูดีแต่งห้องขึ้น เริ่มต้นแค่ 769 บาทเอง!

โต๊ะคอม 2 ชั้นดีๆ เอาไว้จัดเป็นโต๊ะคอมหรือโต๊ะอ่านหนังสือก็สะดวก

รวมโต๊ะคอมสองชั้นน่าใช้

 

Advertisementavw

โต๊ะคอม 2 ชั้นเป็นโต๊ะอีกประเภทที่ผู้ใช้หลายๆ คนนิยมกัน เพราะนอกจากจะแต่งห้องให้สวยได้หลากหลายสไตล์แล้ว การมีชั้นวางข้าวของเครื่องใช้เพิ่มเล็กน้อยก็ช่วยให้จัดวางข้าวของให้เข้าที่ได้สะดวกและเป็นหมวดหมู่อีกด้วย ยิ่งถ้าใครอยู่หอหรือห้องนอนมีขนาดไม่กว้างมาก ถ้ามีโต๊ะตัวนี้เอาไว้ก็เหมือนได้ชั้นวางของที่ต้องใช้ประจำเพิ่มเข้ามาอีกตัว จะเอาไว้วางหนังสือหรือของแต่งห้องก็ดูสะดวกใช้ได้ และโต๊ะคอม 2 ชั้นบางรุ่นยังพับเก็บขนย้ายไปมาได้สะดวก หากใครย้ายหอไปไหนมาไหนบ่อยๆ ก็สะดวกใช้ได้

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเลือกซื้อโต๊ะคอมมาใช้งาน ไม่ว่าจะชั้นเดียวหรือสองชั้นก็ตาม ควรดูเรื่องขนาดโต๊ะและข้าวของที่คิดจะนำไปวางใช้งานบนโต๊ะด้วย ว่ามันเหมาะสมกับมันหรือไม่ โดยดูในส่วนของสเปคว่าผู้ผลิตแนะนำให้วางข้าวของบนโต๊ะได้มากสุดที่กิโลกรัมและไม่ควรวางให้เกินจนโต๊ะรับน้ำหนักไม่ไหว ไม่อย่างนั้นมันจะรับน้ำหนักไม่ไหวแล้วพังลงมาจนข้าวของเสียหายได้ ดังนั้นก่อนจะซื้อโต๊ะคอมสักตัวมาใช้แนะนำให้ประเมินน้ำหนักข้าวของบนโต๊ะของเราสักนิดว่ารวมแล้วทั้งหมดมีน้ำหนักกี่กิโลกรัม จะได้ซื้อมาใช้ได้เหมาะสมที่สุด

โต๊ะคอม 2 ชั้น

สรุปสเปคโต๊ะคอม 2 ชั้นน่าใช้ แต่งห้องขึ้นวางของใช้ได้สะดวก!

สเปคโต๊ะคอม 2 ชั้น Size
(เซนติเมตร)
Material Weight ราคา
(บาท)
โต๊ะทำงาน 2 ชั้นพับได้ 80x50x92.5 ไม้ MDF

ขาเหล็กกันสนิม 9.5 มม.

รับน้ำหนักได้ 20 กิโลกรัม 769
โต๊ะทำงาน 2 ชั้น BV 120x60x128 ไม้ MDF

ขาเหล็กกันสนิมเชื่อม Y กลับหัว

รับน้ำหนักได้ 300 กิโลกรัม 1,089
โต๊ะทำงาน 2 ชั้น DUDEE รหัส dnz004503 120x45x132 ไม้ MDF

ตัวโต๊ะเชื่อมแผ่นไม้รับน้ำหนักเข้าหากัน

รับน้ำหนักได้ 150 กิโลกรัม 1,299
โต๊ะทำงาน 2 ชั้น HomeHuk 120x48x138.5 ไม้ MDF

ขาเหล็กกันสนิม 0.6 ซม.

รับน้ำหนักได้ 200 กิโลกรัม  1,479
โต๊ะสไตล์โมเดิร์น Silive Shop 120x60x148 ไม้ MDF

โครงเหล็กเชื่อม

รับน้ำหนักได้มากพอควร เป็นโต๊ะคอมได้ 1,799
ERGONOZ Standing Desk โต๊ะชั้นบน 40×77 ซม.

ชั้นล่าง 32.5×62 ซม.

ปรับความสูงได้ 4~40 ซม.

ไม้หนารับน้ำหนักได้ดี

โครงโต๊ะเป็นโลหะพร้อมโช๊คแก๊ส

รับน้ำหนัก 15 กิโลกรัม 3,591
โต๊ะคอมพิวเตอร์คิลเล็น 167x60x135 ไม้พาร์ทิเคิล
ปิดเมลามีน

โครงโต๊ะเป็นเหล็ก

รับน้ำหนัก 75 กิโลกรัม 5,490

7 โต๊ะคอม 2 ชั้นน่าใช้ วางของได้เยอะ จัดระเบียบห้องสะดวกถูกใจ!!

ถ้าโต๊ะคอมที่มีอยู่เป็นแบบชั้นเดียว สภาพเก่าแล้วเริ่มไม่ตอบโจทย์เพราะพื้นที่ใช้สอยมันน้อยเกินไปหรือแม้แต่ไม่เข้ากับโทนการแต่งห้องล่ะก็ ผู้เขียนได้รวบรวมโต๊ะคอม 2 ชั้น รุ่นที่น่าสนใจและราคาไม่แพงมากมาแนะนำทั้งหมด 7 รุ่น ได้แก่

  1. โต๊ะทำงาน 2 ชั้นพับได้ (769 บาท)
  2. โต๊ะทำงาน 2 ชั้น BV สีไม้เข้ม (1,089 บาท)
  3. โต๊ะทำงาน 2 ชั้น DUDEE (1,299 บาท)
  4. โต๊ะทำงาน 2 ชั้น HomeHuk (1,479 บาท)
  5. โต๊ะสไตล์โมเดิร์น Silive Shop (1,799 บาท)
  6. ERGONOZ Standing Desk (3,591 บาท)
  7. โต๊ะคอมพิวเตอร์คิลเล็น (5,490 บาท)
1. โต๊ะทำงาน 2 ชั้นพับได้ (769 บาท)

9b664769c01574a2513757b84e544fc9

 

โต๊ะทำงาน 2 ชั้นพับได้ขนาด 80x50x92.5 เซนติเมตรใน Shopee ร้านนี้จัดว่าน่าสนใจ เพราะโต๊ะตัวนี้พับได้และหน้าโต๊ะเป็นไม้ MDF แข็งแรง ขาโต๊ะเป็นโครงเหล็กกันสนิมที่หนา 9.5 มม. มีความแข็งแรงไม่พังง่ายและยังรับน้ำหนักได้มากสุด 20 กิโลกรัม เหมาะกับผู้ใช้ที่ไม่ได้วางของเยอะหรือต้องการโต๊ะเล็กๆ เอาไว้วางโน๊ตบุ๊คในห้องนอนกับข้าวของเครื่องใช้อีกเล็กน้อย ไม่ได้เซ็ตโต๊ะเกมมิ่งเต็มที่ก็เริ่มจากตัวนี้ก่อนได้เลย

สเปคของโต๊ะทำงาน 2 ชั้นพับได้
  • Size : 80x50x92.5 เซนติเมตร
  • Material : ไม้ MDF และขาเหล็กกันสนิมหนา 9.5 มม.
  • Weight : รับน้ำหนักได้ 20 กิโลกรัม
  • Price : 769 บาท (yf…..shop Shopee)
2. โต๊ะทำงาน 2 ชั้น BV สีไม้เข้ม (1,089 บาท)

48fa4b7bebf60b3306b49f67b4aec6d2

 

โต๊ะทำงาน 2 ชั้น BV สีไม้เข้มเป็นโต๊ะคอม 2 ชั้นแบบโครงเหล็กสองตัววางซ้อนกันแล้วยึดชั้นตัวบนเอาไว้ด้วยน็อตอีก 4 ตัว ทำให้มีพื้นที่เหนือหน้าจอคอมเอาไว้วางเครื่องใช้ต่างๆ ได้อีกมาก มิติตัวโต๊ะอยู่ที่ 120x60x128 เซนติเมตร หน้าโต๊ะทำจากไม้ MDF หนา 15 มม. หนาพอสมควรและแข็งแรงทนทาน ขาโต๊ะเป็นเหล็กเชื่อมตัว Y กลับหัวให้มีชั้นวางของเพิ่มและรองรับน้ำหนักได้ดีขึ้นและพ่นกันสนิมเอาไว้แล้ว ตัวโต๊ะรับน้ำหนักได้ 300 กิโลกรัม จัดว่าแข็งแรงดีมาก ซึ่งถ้าใครหาโต๊ะคอม 2 ชั้น แข็งแรงทนทานและมีชั้นวางหนังสือกับข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เยอะพอควร แนะนำให้ดูโต๊ะตัวนี้เอาไว้เลย

สเปคของโต๊ะทำงาน 2 ชั้น BV สีไม้เข้ม
  • Size : 120x60x128 เซนติเมตร
  • Material : ไม้ MDF และขาเหล็กกันสนิมเชื่อมตัว Y กลับหัวเพื่อความแข็งแรง
  • Weight : รับน้ำหนักได้ 300 กิโลกรัม 
  • Price : 1,089 บาท (bellevie Shopee)
3. โต๊ะทำงาน 2 ชั้น DUDEE (1,299 บาท)

f42aeccc6e2022042b9aa01a09c7a3a5

 

โต๊ะทำงาน 2 ชั้น DUDEE รหัส dnz004503 สีบีช หน้ากว้าง 120x45x132 เซนติเมตร แบบมีช่องวางของและลิ้นชักตัวนี้ดีไซน์สวย ซึ่งผู้เขียนมั่นใจว่าโต๊ะนี้น่าจะถูกใจสาวๆ ที่อยากแต่งห้องโทนเรียบสวยแน่นอน ตัวโต๊ะทำจากไม้ MDF ตัวโต๊ะเชื่อมแผ่นไม้รับน้ำหนักเข้าหากันเพื่อความแข็งแรง รับน้ำหนักสิ่งของที่วางบนโต๊ะได้สูงสุด 150 กิโลกรัม และขอบโต๊ะตัดขอบมนเพื่อความสวยงามและปลอดภัยกับเจ้าของโต๊ะเมื่อเดินชนด้วย แต่จุดสังเกตคือขนาดโต๊ะตัวนี้จะเหมาะกับการวางโน๊ตบุ๊คและจอคอมอีกหนึ่งจอเท่านั้น ดังนั้นใครจะวางหน้าจอใหญ่หรือวางสองจอคู่กันจะไม่สะดวกเท่าไหร่

สเปคของโต๊ะทำงาน 2 ชั้น DUDEE
  • Size : 120x45x132 เซนติเมตร
  • Material : ไม้ MDF ตัวโต๊ะเชื่อมแผ่นไม้รับน้ำหนักเข้าหากันเพื่อความแข็งแรง
  • Weight : รับน้ำหนักได้ 150 กิโลกรัม 
  • Price : 1,299 บาท (dudee2020 Shopee)
4. โต๊ะทำงาน 2 ชั้น HomeHuk (1,479 บาท)

sg 11134201 22110 glpw0hr12cjv39 1

 

 

โต๊ะทำงาน 2 ชั้น HomeHuk แบรนด์ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์น่าใช้อีกแบรนด์ของไทย ราคาดีไม่แพงมากแต่คุณภาพถือว่าคุ้มราคา โดยโต๊ะไม้ทรงโมเดิร์น 2 ชั้นตัวนี้รับน้ำหนักได้ 150 กิโลกรัม เป็นไม้ MDF ปิด PVC ป้องกันเนื้อไม้ให้ไม่เกิดความเสียหายง่ายๆ มีความหนา 15 มม. มีช่องวางของใช้เหนือโต๊ะและลิ้นชัก 2 ช่อง ขนาดโต๊ะ 120x48x138.5 เซนติเมตร และทางผู้ผลิตเคลมไว้ว่าโต๊ะนี้รับน้ำหนักได้ 200 กิโลกรัม โครงโต๊ะเป็นเหล็กพ่นกันสนิมหนา 0.6 เซนติเมตร ไม่เสียหายหรือสึกกร่อนได้ง่ายๆ ซึ่งโต๊ะนี้นอกจากแข็งแรงแล้ว ยังดีไซน์ค่อนข้างโล่งกว้างพอเอาไว้วางหน้าจอและอุปกรณ์คอมได้มากพอสมควร หากใครเป็นเกมเมอร์งบประหยัดอยากได้โต๊ะคอม 2 ชั้นเอาไว้ใช้สักตัวและให้มันดูโล่งกว้างจัดสรรพื้นที่ง่าย โต๊ะ HomeHuk ตัวนี้จัดว่าน่าสนใจมาก

สเปคของโต๊ะทำงาน 2 ชั้น HomeHuk
  • Size : 120x48x138.5 เซนติเมตร
  • Material : ไม้ MDF โครงโต๊ะเป็นเหล็กพ่นกันสนิมหนา 0.6 เซนติเมตร
  • Weight : รับน้ำหนักได้ 200 กิโลกรัม 
  • Price : 1,479 บาท (HomeHuk Shopee Mall)
5. โต๊ะสไตล์โมเดิร์น Silive Shop (1,799 บาท)

 

c59920aee4be19fcf1037fa6e3979245

โต๊ะสไตล์โมเดิร์น Silive Shop ตัวนี้เป็นโต๊ะคอม 2 ชั้น ซึ่งถ้าเทียบแล้วดูใกล้เคียงกับของแบรนด์ BV ในข้อที่ 2 แต่โต๊ะตัวนี้จะสูงกว่าราว 20 เซนติเมตรทีเดียว โดยมิติโต๊ะนี้อยู่ที่ 120x60x148 เซนติเมตร พื้นโต๊ะเป็นไม้ MDF ปิดเมลามีนกันน้ำได้ระดับหนึ่ง ขาโต๊ะเป็นโครงเหล็กเชื่อมรับน้ำหนักและมีชั้นไม้ใต้โต๊ะคู่กับลิ้นชัก ส่วนเหนือพื้นโต๊ะจะเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น ตัวโต๊ะประกอบได้ง่ายแข็งแรง รับน้ำหนักได้เยอะ จะเซ็ตเป็นโต๊ะคอมหรือโต๊ะอ่านหนังสือก็น่าใช้ทั้งคู่ 

สเปคของโต๊ะสไตล์โมเดิร์น Silive Shop
  • Size : 120x60x148 เซนติเมตร
  • Material : ไม้ MDF ปิดเมลามีนกันน้ำ โครงโต๊ะเป็นโครงเหล็กเชื่อม
  • Weight : รับน้ำหนักได้มากพอควร ใช้เป็นโต๊ะคอมได้
  • Price : 1,799 บาท (Silive Shop Shopee)
6. ERGONOZ Standing Desk (3,591 บาท)

4a813b57af799ce99f7698397c328d7b

ERGONOZ Standing Desk ตัวนี้เป็นโต๊ะทำงาน 2 ชั้นตัวที่ออกแบบมาเพื่อลดอาการ Office Syndrome โดยเฉพาะ ซึ่งโต๊ะนี้ออกแบบมาให้วางซ้อนขึ้นไปบนโต๊ะทำงานอีกชั้น โดยตัวโต๊ะปรับความสูงได้ 5 ระดับ รับน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัม ขนาดโต๊ะชั้นบน 40×77 ซม. ส่วนชั้นล่าง 32.5×62 ซม. ปรับความสูงได้ 4~40 ซม. โดยใช้ระบบโช๊คอัพแก๊ส (Gas Spring Hovering) ตัวโต๊ะเป็นขาเหล็กไขว้กากบาทกับแผ่นไม้หนาแข็งแรง และทาง ERGONOZ ยังเสริมลูกเล่นอย่างที่วางมือถือและยังแข็งแรงพอยึดแขนจับจอเพิ่มได้อีกด้วย หากใครอยากเปลี่ยนโต๊ะเดิมให้เป็นโต๊ะคอม 2 ชั้น แนะนำให้ซื้อโต๊ะตัวนี้ไปวางเพิ่มบนโต๊ะทำงานได้เลย

สเปคของ ERGONOZ Standing Desk
  • Size : โต๊ะชั้นบน 40×77 ซม. ชั้นล่าง 32.5×62 ซม. ปรับความสูงได้ 4~40 ซม.
  • Material : ไม้หนารับน้ำหนักได้ดี โครงโต๊ะเป็นเหล็กพร้อมโช๊คแก๊ส
  • Weight : รับน้ำหนัก 15 กิโลกรัม
  • Price : 3,591 บาท (Stalion Shopee)
7. โต๊ะคอมพิวเตอร์คิลเล็น (5,490 บาท)

110035595 1647835879000OTZS 1

โต๊ะคอมพิวเตอร์คิลเล็นของ Index Livingmall ตัวนี้เป็นโต๊ะคอมน่าใช้สำหรับจัดเป็นโต๊ะเกมมิ่งมาก ตัวโต๊ะเป็นไม้พาร์ทิเคิลปิด PVC ป้องกันความร้อน, ชื้นและรอยขีดข่วน ดีไซน์เป็นแบบสมมาตร โดยข้างโต๊ะสองฝั่งจะมีปีกวางลำโพงคอมและมีชั้นวางเกมมิ่งเกียร์เหนือขึ้นไปอีกชั้น ขาโต๊ะสองฝั่งวางเคสคอมพิวเตอร์ได้ มีช่องร้อยสายไฟและที่วางแก้วน้ำติดมาให้เพื่อความสะดวกและสวยงาม ตัวโต๊ะรวมปีกวางลำโพงสองข้างจะอยู่ที่ 167x60x135 ซม. รับน้ำหนักได้ทั้งหมด 75 กิโลกรัม ซึ่งโต๊ะตัวนี้ผู้เขียนเห็นว่าเหมาะกับเกมเมอร์ที่อยากได้โต๊ะดีๆ เอาไว้เซ็ตมุมเล่นเกมของตัวเองมาก

สเปคของโต๊ะคอมพิวเตอร์คิลเล็น
  • Size : 167x60x135 ซม.
  • Material : ไม้พาร์ทิเคิลปิดเมลามีน โครงโต๊ะเป็นเหล็ก
  • Weight : รับน้ำหนัก 75 กิโลกรัม
  • Price : 5,490 บาท (Index Livingmall)

apple 1834328 1280

โต๊ะคอมพิวเตอร์นั้นถือเป็นเฟอร์นิเจอร์อีกชิ้นที่ผู้เขียนเห็นว่าคุ้มค่าจะลงทุนจ่ายซื้อตัวที่ดีๆ เอาไว้ใช้สักตัวเลยก็ได้ ส่วนใครอยากเปลี่ยนสไตล์ห้องหรือย้ายที่พักบ่อยๆ จะซื้อตัวที่พับง่ายย้ายสะดวกแทนก็ดี จะได้ไม่เป็นภาระต่อตัวเจ้าของเองเมื่อต้องย้ายไปหอใหม่ที่ใกล้สถานที่ทำงานยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนจะซื้อโต๊ะคอมสักตัวจะใช้เวลาพิจารณาและวัดพื้นที่ ดูฟังก์ชั่นของมันให้รอบด้านก่อนแล้วค่อยซื้อก็ได้ จะได้เจอรุ่นที่ถูกใจที่สุดนั่นเอง


บทความที่เกี่ยวข้อง

Share image Edit Name 3ipason new

Top9 Controller 1

Share image Edit Name 1mechmini 1

from:https://notebookspec.com/web/681940-7-computer-desk-double-deck

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน ทำไงดี? 7 วิธีเช็ค แก้ไข จัดการได้เอง ลดปัญหาความร้อน

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน แก้ได้ใน 7 วิธี ตรวจเช็ค ปรับแต่ง ซ่อมแซม เปลี่ยนใหม่ จ่ายเบาๆ

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน เป็นปัญหาที่หลายคนพบอยู่ แม้จะปี 2023 แล้วก็ตาม แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้สังเกต จนกว่าจะเจออาการหลังเล่นเกมต่อเนื่อง จนการ์ดจอร้อนขึ้น เกิดจอฟ้า เด้งออกจากเกม หรือภาพแตก แต่สิ่งนี้อาจจะไม่ได้เกิดจากการ์ดจอทำงานผิดเพี้ยน พัดลมเสียหายเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการตั้งค่าการ์ดจอด้วย รวมถึงเรื่องของระบบการจ่ายไฟของเพาเวอร์ซัพพลาย ดังนั้นการแก้ไข ก็ต้องว่ากันไปตามอาการ แต่สามารถตรวจเช็คในเบื้องต้นได้ ด้วยการไล่ไปทีละขั้นตอน หรือถ้าใครมีเมนบอร์ด ที่มีสล็อต PCIe x16 มากกว่า 1 สล็อตหรือมีการ์ดจอตัวอื่นสำรอง หรือสามารถหยิบยืมมาได้ ก็จะช่วยให้วิเคราะห์อาการได้ชัดเจนมากขึ้น และบางทีอาจจะยังไม่ต้องส่งช่างซ่อมหรือส่งเคลมก็ได้ เรามาดูกันว่า จะสามารถเช็คอาการผิดปกติเหล่านี้ และมีวิธีการแก้ไขอย่างไรได้บ้าง


พัดลมการ์ดจอไม่หมุน แก้ไขอย่างไร?


จะเกิดปัญหาอะไรขึ้น เมื่อพัดลมการ์ดจอไม่หมุน

สิ่งที่จะตามมาจากอาการพัดลมการ์ดจอไม่หมุน นั่นคือ ปัญหามากมาย โดยเฉพาะเรื่องของความร้อนสะสม เมื่อเปิดใช้งาน หากไม่ได้เล่นเกม ก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเล่นเกมแบบต่อเนื่อง ที่เมื่อการ์ดจอเริ่มทำงานหนัก แต่

Advertisementavw
พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

การ์ดจออยู่ในเครื่องแกะเปิดเครื่องไม่เป็น แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าพัดลมการ์ดจอไม่หมุน เรื่องนี้ก็สำคัญ เพราะหลายคน ก็ไม่ค่อยสะดวกในการแกะหรือเปิดเครื่องเอง หรือบางทีประกอบร้าน ก็อยากจะให้ร้านแกะเช็คให้ง่ายกว่า วิธีสังเกตง่ายๆ ก็คือ

อุณหภูมิขึ้นสูงจนผิดปกติ: ให้สังเกตดูว่า เล่นเกมอยู่ แล้วเด้งหลุดออกจากเกมมั้ย หรือลองฟังเสียงพัดลมการ์ดจอดูได้ เวลาที่เล่นเกมหนักๆ ถ้าพัดลมยังทำงาน ส่วนใหญ่จะพอมีเสียงให้เราได้ยินบ้าง รวมถึงเช็คด้วยซอฟต์แวร์ที่ใช้เช็คฮาร์ดแวร์ก็ได้ จะเห็นรายละเอียดได้ชัดขึ้น เช่น OCCT, HWMonitor, MSI Afterburner และอื่นๆ

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

GPUz: แนะนำเลยครับ สำหรับโปรแกรมนี้ เพราะตัวเล็ก ฟรี โหลดมาใช้ง่าย เช็คสเปคการ์ดจอพีซีและโน๊ตบุ๊คได้รวดเร็ว บอกรายละเอียดของการ์ดจอออนบอร์ดและแยกได้ครบถ้วน แม่นยำ โดยดูที่ชื่อการ์ดจออยู่ด้านล่างแล้วเลือกการ์ดจอรุ่นที่ต้องการดูข้อมูลได้ทันที จะแสดงทั้งชื่อรุ่นการ์ดจอ, สถาปัตยกรรมของการ์ดจอรุ่นนั้น ๆ รวมถึง เวอร์ชั่นของ DirectX และอื่น ๆ ได้ละเอียดมาก ส่วนหน้า Sensors จะใช้สำหรับเช็คสถานะการทำงานของการ์ดจอ เช่น GPU Clock, Memory Clock และดูอุณหภูมิ ทำให้เราทราบถึงความผิดปกติของการ์ดจอได้ทันที แถบอุณหภูมิจะไม่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าโปรแกรม GPUz นี้ ไม่ได้ระบุความเร็วรอบของพัดลมมาให้ แต่ก็พอดูได้ว่าการ์ดจอร้อนผิดปกติอย่างรวดเร็วหรือเปล่า

แสดงผลผิดปกติ: ส่วนใหญ่ถ้าอาการเป็นถึงขั้นนี้แล้ว ก็แทบจะเรียกว่าเป็นปัญหาหนัก เพราะการ์ดจออาจเกิดความเสียหาย จนการแสดงผลผิดเพี้ยน เช่น แตกเป็นลายๆ ภาพหาย ไปจนถึงเล่นเกมภาพค้างไปเลยก็มี แบบนี้ไม่ควรใช้ต่อ ส่งเคลมหรือร้านซ่อมให้เช็คให้ทันทีดีที่สุด


1.สลับเปลี่ยนไปใช้สล็อตอื่น

เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และสามารถทำได้ในเวลานั้นเลย โดยที่ไม่ต้องไปหาซื้อหรือเปลี่ยนอุปกรณ์อื่นใด ให้วุ่นวาย และช่วยให้การตรวจเช็คพัดลมการ์ดจอไม่หมุนได้ง่ายที่สุด แต่เงื่อนไขเดียวที่จำเป็นก็คือ เมนบอร์ดของคุณนั้นจะต้องมีสล็อต PCIe x8 หรือ x16 อย่างน้อย 2 สล็อต สังเกตง่ายๆ คือ เป็นสล็อตแบบยาว เพื่อให้ติดตั้งการ์ดจอได้ แต่เมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่ทำได้ มักจะเป็นเมนบอร์ดที่ใช้ชิปเซ็ตระดับกลางขึ้นไป เช่น Intel B หรือ Z series หรือจะเป็น AMD B หรือ X series เป็นต้น

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

ตัวอย่างเช่น เมนบอร์ด ASRock X570 AQUA ที่มาพร้อมสล็อต PCIe x16 มาถึง 3 สล็อตด้วยกัน ทำให้คุณสามารถสลับสล็อตได้ตามสะดวก เพื่อเช็คการทำงานของการ์ดจอได้ แต่ก็มีข้อสังเกตเล็กน้อยคือ บางสล็อตนั้น จะใช้ช่องทาง PCIe ร่วมกับ SSD ในแบบ M.2 ที่อยู่ใกล้กัน หากคุณติดตั้ง SSD M.2 อยู่ใกล้กันนั้น ก็อาจจะทำให้การ์ดจอไม่ทำงาน

โดยพื้นฐานหากการ์ดจอทำงานปกติ พัดลมไม่ได้เสียหาย หรือติดขัด สล็อตบนเมนบอร์ดเชื่อมสัญญาณได้ตามปกติ หลังจากที่ต่อสายไฟเลี้ยงแล้ว การ์ดจอก็จะทำงานได้ และพัดลมการ์ดจอก็จะหมุนได้ตามปกติ แต่ถ้าพัดลมไม่หมุน ก็คงจะต้องหาสาเหตุกันต่อไป


2.เช็คสายต่อไฟเลี้ยง

บางครั้งก็เป็นปัญหาที่คาดไม่ถึงได้เช่นกัน เพราะหลายคนติดตั้งเมนบอร์ด ใส่แรม เสียบการ์ดจอ และติดตั้งฮีตซิงก์ระบายความร้อน ชุดน้ำครบถ้วน แต่มาลืมสายไฟต่อการ์ดจอที่เป็นแบบ 6+2 pins ที่เป็นคอนเน็กเตอร์อยู่บนการ์ดจอ ก็ไม่สามารถทำงานได้ จอไม่แสดงผล รวมถึงพัดลมการ์ดจอก็ไม่ทำงานเช่นกัน ดังนั้นควรจะต้องตรวจเช็คจุดนี้เป็นจุดแรกๆ หรือต้องต่อสายให้ครบ เพื่อให้ระบบทำงานได้ตามปกติ

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

แต่ในบางครั้งการใช้เพาเวอร์ซัพพลายแบบถอดสายได้ (Full modular) เวลาที่มีการเคลื่อนย้าย หรือดึงรั้งสายไปมา อาจทำให้สายต่อหลุดหลวม ก็อาจจะทำให้การ์ดจอไม่ทำงาน หรือพัดลมการ์ดจอไม่หมุนได้เช่นกัน อย่าลืมเช็คสายที่ต่อจากเพาเวอร์ซัพพลายพร้อมกันไปด้วย และบางครั้งสายพัก เสียหาย ก็ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับเพาเวอร์ที่ใช้งานมานาน หรือมีการถอดเคลื่อนย้ายบ่อยนั่นเอง

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน
source: pcguide

สุดท้ายต้องไม่ลืมว่า ไฟเลี้ยงจากเพาเวอร์ซัพพลาย +12V ต้องเพียงพอต่อการใช้งานของการ์ดจอ ซึ่งในเบื้องต้น อาจจะต้องตรวจเช็คจากค่าการใช้พลังงาน และต้องไม่ลืมบวกกับองค์ประกอบอื่นๆ ที่อยู่ในพีซีที่คุณประกอบเข้าไปด้วย ดังนั้นอาจจะดูข้อมูลจากผู้ผลิตการ์ดจอแต่ละรายได้เช่นกัน และในบางครั้งเราจะพบว่า การ์ดจออาจดับหรือทำงานผิดปกติ เมื่อเพาเวอร์ไม่สามารถจ่ายไฟได้ตามปกตินั่นเอง

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน
source: tech4gamer

3.เช็คสภาพพัดลม

หากคุณมองว่าจากสองข้อแรกที่ผ่านมา ไม่มีอะไรผิดปกติ เพาเวอร์ซัพพลายใหม่ สล็อตการ์ดจอบนเมนบอร์ดทำงานได้ แต่สุดท้ายแล้วพัดลมการ์ดจอไม่หมุน จะทำอย่างไร

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

สิ่งที่ควรทำต่อไป ก็คือ การเช็คสภาพพัดลมการ์ดจอ ว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่พัดลมการ์ดจอที่ทำงานมาหนัก ใช้งานมานาน ก็มักจะเกิดสิ่งสกปรกขึ้นได้ โดยเฉพาะอยู่ในสภาพแวดล้อม ที่มีฝุ่น น้ำมัน ความชื้น ซึ่งก็จะทำให้พัดลมไม่หมุน หรือหมุนช้าลงได้ เนื่องจากสิ่งสกปรกไปเกาะอยู่ที่แกนพัดลม ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ต้องใช้วิธีทำความสะอาด เพราะถือว่าไม่ได้เกิดจากความเสื่อมของพัดลม

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

อีกเรื่องหนึ่งคือ พัดลมการ์ดจอถูกใช้งานมานาน เช่น หมุนอยู่ตลอดทั้งวัน หรือมีชั่วโมงทำงานจำนวนมาก อย่างเช่น ที่เรามักจะพบอยู่บนการ์ดจอขุดบิตคอยน์ Cryptocurrency ที่ทำงานแบบ 24/7 ก็มีผลทำให้พัดลมเสียหายได้เช่นกัน แบบนี้ถือว่าเกิดความเสื่อมขึ้นกับพัดลม มีเพียงการซ่อมแซม หรือการเปลี่ยนพัดลมใหม่เท่านั้น ที่จะแก้ไขได้ผลดีที่สุด

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ พัดลมยังอยู่ในสภาพปกติหรือไม่ อย่างเช่น ใบพัดเสียหาย แตกหัก เนื่องจากอุบัติเหตุ หรือที่มักจะเจอกันบ่อยคือ มีสายสัญญาณหรือของบางอย่าง หล่นลงไปในพัดลมการ์ดจอ ก็อาจะทำให้เสียหายได้เช่นกัน และถ้าเสียหายแบบนั้น ก็จะไม่อยู่ในเงื่อนไขของการรับประกัน และคุณต้องหาทางซ่อมเองครับ

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

แต่ถ้าเช็คสภาพพัดลมแล้ว ยังแค่สกปรก พอจะมีโอกาสทำความสะอาด และกลับมาใช้งานได้ตามปกติ หรือพอจะหมุน เพื่อทำงานได้ไปสักระยะ ก็แนะนำว่าให้ทำความสะอาด เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ เพื่อลดค่าใช้จ่าย


4.ทำความสะอาด

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

การทำความสะอาดการ์ดจอ ในกรณีที่พัดลมการ์ดจอไม่หมุน ก็ทำได้หลายวิธี มีตั้งแต่ใช้การเป่าฝุ่นธรรมดา ไปจนถึงแกะฮีตซิงก์และพัดลมออกมาปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาด โดยเตรียมอุปกรณ์อย่างเช่น ที่เป่าลม แปรงปัดฝุ่น น้ำยาเช็ดทำความสะอาด

การทำความสะอาดมีด้วยกันหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ง่ายๆ เลย ขั้นพื้นฐาน ไม่ต้องถอดฮีตซิงก์ คือการใช้แปรงขนอ่อน ที่มีความยาว ค่อนๆ ปัด ให้ขนแปรงซอกซอนเข้าไปในช่องต่างๆ อาจจะใช้พัดลมคอยเป่าลม ให้ฝุ่นกระจายออกมาได้เร็วมากขึ้น

VGA card cleaning 2023 8 1

หรือการใช้เครื่องเป่าลม เป่าไปยังพัดลมของตัวการ์ด แต่ให้จับใบพัดลมให้แน่นๆ เพื่อไม่ให้ใบพัดทำงาน เพื่อป้องกันความเสียหาย อันเนื่องจากใบพัดลมหมุนรอบสูง จากการถูกลมเป่าใส่นั่นเอง

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

ส่วนถ้าเอาแบบฮาร์ดคอร์ ก็อาจจะแกะฮีตซิงก์ และใบพัดลมแยกออกมาจากตัวการ์ด จากนั้นทำความสะอาดทีละชิ้น ใช้ตัวเป่าลมอัดลมไปทั้ง 2 ด้านของครอบพัดลมที่แกะออกมา จากนั้นใช้แปรงขนอ่อน ค่อยๆ ไล่ผุ่นที่อยู่ภายในออกมา โดยเฉพาะบริเวณแกนพัดลม แล้วใช้ไม้พันสำลีเล็กๆ ชุบแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มาเช็คตามซอกหลืบของพัดลม


5.เช็คการตั้งค่าพัดลม

หากเป็นการ์ดจอในอดีต พัดลมจะทำงานทันที เมื่อเริ่มต้นบูตระบบ หรือเปิดใช้งาน แต่ในปัจจุบันการ์ดจอมีการปรับเปลี่ยน ให้พัดลมสามารถทำงานตามรอบที่กำหนด หรืออุณหภูมิที่ตั้งเอาไว้ได้ เมื่อไม่ได้ใช้งานการ์ดจอหนัก เช่น ไม่ได้เล่นเกม เปิดดูเว็บทำงานทั่วไป พัดลมการ์ดจอจะไม่หมุน จนกว่าจะร้อนสูงถึงระดับ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 60 องศาเซลเซียส จึงจะเริ่มหมุน

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

อย่างเช่น การ์ดจอของทาง MSI ที่มีฟีเจอร์ Zero Frozr ซึ่งจะไม่หมุน เมื่ออุณหภูมิการ์ดจอต่ำกว่า 60 องศา ส่วนหนึ่งเพื่อการลดเสียงรบกวนในขณะทำงาน โดยตรงนี้ผู้ผลิตบางค่าย ก็จะมีซอฟต์แวร์ยูทิลิตี้ให้ได้ปรับแต่งกัน คือจะปิดการทำงาน กรณีที่อยากให้พัดลมการ์ดจอทำงานตลอดเวลาก็ได้ หรือบางค่าย ก็จะมีโหมดให้ปรับจูน ทั้งโหมด Silent เน้นเสียงรบกวนน้อย, OC สำหรับการโอเวอร์คล็อกเพิ่มความเร็ว หรือโหมดเกม ตรงนี้ก็จะเป็นโพรไฟล์ให้ผู้ใช้เลือกตามความเหมาะสมนั่นเอง ดังนั้นหากไม่มั่นใจว่าการที่พัดลมการ์ดจอไม่หมุน อาจเกิดจากสิ่งเหล่านี้ได้เช่นกัน

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

อย่างทาง Gigabyte เอง ก็มี 3D Active Fan ที่ให้พัดลมทำงานตามอุณหภูมิที่เหมาะสม นอกเหนือจากชุดพัดลมที่ออกแบบมาให้ และบางรุ่นที่เป็น 3 พัดลม ก็มี ALTERNATE SPINNING ในการจัดทิศทางการหมุนให้ระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

ส่วนทาง PowerColor ก็มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Mute Fan ที่จะไม่ให้พัดลมการ์ดจอหมุน หากอุณหภูมิไม่ถึง 60 องศาเซลเซียส เพื่อลดโหลดการใช้พลังงาน และลดเสียงรบกวนที่อาจเกิดขึ้นขณะที่ใช้งานนั่นเอง

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

ดังนั้นช่วงแรก อาจจะยังไม่ต้องตกใจ ให้ลองเล่นเกม แล้วเปิดดูอุณหภูมิตามไปด้วย หรือใช้โปรแกรมอย่าง FURMARK และโปรแกรมอย่าง MSI Afterburner ตั้งค่าให้แสดงอุณหภูมิของการ์ดจอตามไปด้วย หากตัวเลขขึ้นสูงเกินกว่าระดับ 60 องศาเซลเซียส แล้วพัดลมยังไม่ทำงาน อีกทั้งมีอาการผิดปกติ ก็อาจเป็นไปได้ว่าพัดลมการ์ดจออาจจะเสียได้


6.เปลี่ยนพัดลมการ์ดจอใหม่

สำหรับขั้นตอนนี้ อาจจะเหมาะกับผู้ใช้ที่พอมีพื้นฐานด้านช่าง การแกะชิ้นส่วนอุปกรณ์อยู่บ้าง รวมถึงเคยทำมาก่อน แม้ว่าจะไม่ได้ซับซ้อน แต่ก็บางจุดที่ควรจะต้องระมัดระวัง มีเครื่องมือให้พอใช้งาน และที่สำคัญจะต้องหาซื้อชิ้นส่วนที่เป็นชุดพัดลม นำมาเป็นพาร์ทสำหรับเปลี่ยนกับพัดลมตัวเก่าที่ใช้งานไม่ได้แล้ว

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

สิ่งที่ต้องเตรียมประกอบด้วย ไขควง 4 แฉก อุปกรณ์เซาะหรือง้างชิ้นส่วน ฮีตซิงก์หรือคีมเล็กๆ ที่ใช้ในการดึงสายไฟ รวมถึงสิ่งที่ใช้ในการทำความสะอาด เพราะไหนๆ ก็แกะพัดลม ฮีตซิงก์ออกมาแล้ว ก็น่าจะทำความสะอาดตัวการ์ดไปด้วยเลย เพื่อให้ตัวการ์ดสะอาดเหมือนใหม่ ใช้งานต่อไปได้ยาวๆ

หาซื้ออะไหล่ที่ไหนได้บ้าง?

เรื่องการซื้อหาอะไหล่พัดลมมาเปลี่ยน มีด้วยกันหลากหลายที่เลยทีเดียว ว่ากันตั้งแต่หน้าร้านออนไลน์ในบ้านเรา มีตั้งแต่ร้านออนไลน์ไอทีทั่วไป หรือจะเป็นบรรดา Store ต่างๆ รวมถึงตลาดออนไลน์ กลุ่มหรือ Group ที่เป็น Facebook group ที่เป็นกลุ่มสินค้าไอทีมือสอง กลุ่มการ์ดจอ หรือจะเป็นกลุ่มที่เป็นสายขุด (Cryptocurrency) ที่มักมีอะไหล่มาแลกเปลี่ยนกันอย่างมากมาย

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

ถ้าใครชอบการการันตี มีของให้เลือก และมีช่องทางการชำระเงินที่สะดวก ทางเลือกอย่าง Shopee หรือ Lazada เหล่านี้ก็น่าสนใจ ยังไม่รวมถึงตลาดออนไลน์ระดับโลกขนาดใหญ่อย่าง Amazon ก็มีตัวเลือกให้มากมายเลยทีเดียว

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

การแกะชิ้นส่วนพัดลม ยากง่ายขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละราย ว่ามีงานประกอบละเอียดมากน้อยเพียงใด เพราะการ์ดบางรุ่นแกะตัวล็อคกับน็อตไม่กี่จุด พร้อมดึงขั้วต่อพัดลมออกเท่านั้น แต่บางรุ่นซ้อนชั้นพัดลม ฮีตซิงก์และตัวล็อคขนาดเล็ก การแกะพัดลมออกมา ก็ต้องพิถีพิถันมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหาย

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

สิ่งที่ต้องระวังมีอยู่หลายส่วนเลย หากต้องการจะแกะพัดลม ฮีตซิงก์การ์ดจอด้วยตัวเอง ตั้งแต่เรื่องของไฟฟ้าสถิตย์ ควรมีถุงมือ หรือคลายประจุก่อนทำการแกะทุกครั้ง ชิ้นส่วนหรือน็อตบางตัว มีขนาดเล็ก อยู่ลึกหรือมีความซับซ้อน ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง เครื่องมือมีให้พร้อมเอาไว้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นไขควง ชุดแกะแยกชิ้นส่วน รวมถึงเมื่อแกะออกมาแล้ว หาที่จัดเก็บชิ้นส่วนต่างๆ ให้ดี อย่าให้หาย การวางตัวการ์ดที่ไม่มีฮีตซิงก์ ระวังอย่าให้ตกกระแทกหรือให้สิ่งใดกระทบจนเสียหายหรือเป็นรอย ถ้าคิดว่าต้องซ่อมหรือรอพัดลมอะไหล่นาน แนะนำว่าเก็บใส่ซองบับเบิลกันกระแทกเอาไว้ ดีที่สุด


7.ส่งซ่อมกับช่างผู้ชำนาญ

หากถึงที่สุดแล้ว พยายามทำหลายๆ ทาง แต่พัดลมการ์ดจอ ก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ การส่งร้านซ่อม ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้การ์ดจอของคุณกลับมาทำงานได้ตามปกติ ร้านซ่อมเหล่านี้มีอยู่มากมายทั่วประเทศ หรือสามารถเข้าไป Search ข้อมูล เอาแบบที่อยู่ใกล้บ้าน ติดตามงานได้สะดวกดีที่สุด รวมถึงเข้าไปดู Feedback จากบรรดาลูกค้าที่เข้ามาคอมเมนต์อีกทางหนึ่ง เพื่อความมั่นใจ แต่วิธีนี้ แนะนำสำหรับคนที่ใช้การ์ดจอหมดประกันแล้ว หากยังมีประกัน ให้ส่งเคลมตัวแทนจำหน่ายน่าจะเหมาะสมกว่า

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

สิ่งที่ต้องสังเกตก็คือ ควรเลือกร้านซ่อมที่วางใจได้ มีผลงานที่สามารถพิจารณาได้ และน่าไว้วางใจ มีการรับประกันงานซ่อม สามารถติดต่อได้หลายช่องทาง อัพเดตงานบ่อย โดยที่ผู้ใช้อาจจะตรวจสอบได้จากเพจหน้าร้าน หรือบางร้านก็โปรโมตผลงานผ่านทาง Community หรือ Facebook Group ต่างๆ ที่เหลือก็เป็นการสอบถามเรื่องค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการซ่อม หากพึงพอใจ ก็ติดต่อเพื่อส่งซ่อมได้ทันที

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

การส่งซ่อมควรมีที่อยู่ร้าน ตำแหน่งแน่ชัด รวมถึงช่องทางการติดต่อที่สะดวก เพื่อให้เราสามารถตามงานได้ง่าย หรือเป็นไปได้ หากไปส่งด้วยมือที่ร้านได้ก็ยิ่งดี ย้ำครับว่าอย่าลืมสอบถามการรับประกันงานซ่อม เป็นระยะเวลาเท่าใด หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว อย่างน้อยการันตีว่า หากเกิดปัญหาจะได้รับการดูแลต่อเนื่องไป ไม่หายกันไปไหน

ได้รับการ์ดจอที่ซ่อมกลับมาแล้ว ก็อย่าลืมรีเช็ค ทดลองใช้งานด้วยว่า พัดลมหมุนตามปกติหรือไม่ มีเสียงรบกวนหรือไม่ ใบพัดเสถียรดีหรือเปล่า รวมถึงลดความร้อนการ์ดจอได้ตามปกติมั้ย? หากไม่มีปัญหาอะไรใช้งานได้ตามปกติ ก็ถือว่าคุ้มค่า!


Conclusion

Gigabyte GeForce RTX 3060 Ti GAMING OC 014

สุดท้ายนี้หากคุณต้องเจอกับปัญหา พัดลมการ์ดจอไม่หมุน และยังไม่รู้จะหาทางแก้อย่างไร ลองนำวิธีการตรวจเช็คและแก้ไขทั้ง 7 ข้อนี้ ไปลองปรับใช้กันดูครับ เพราะบางครั้งอาจจะเกิดจากแค่ไดรเวอร์หรือการปรับแต่งบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไป เพียงแค่เข้าไปปรับแก้เล็กน้อย ก็ใช้งานได้ตามปกติแล้ว หรือถ้าเกิดจากความสกปรก เนื่องจากใช้งานมานาน และการ์ดจอของคุณหมดประกันไปแล้ว อยากจะลองทำความสะอาดด้วยตัวเอง ก็สามารถลองทำดูได้ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และเน้นที่ความระมัดระวัง แต่ถ้ากังวลไม่อยากทำเอง ก็มีผู้ให้บริการทำความสะอาดการ์ดจออยู่มากมายเลยทีเดียว เช่นเดียวกับร้านซ่อม หากซ่อมเปลี่ยนพัดลมเอง อาจจะไม่ได้ยาก หากคุณหาพาร์ทของพัดลมให้ตรงรุ่นได้ แต่ราคาอาจจะสูง หรือใช้เวลา ส่วนถ้าส่งร้านซ่อมบางครั้งราคาอาจจะสูงบ้าง แต่ก็วางใจได้ว่ามีช่างที่ชำนาญในการซ่อมแซม ซึ่งก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความสะดวก และค่าใช้จ่ายของคุณ ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ที่ผ่านมา การ์ดจอราคาถูกลงมาเยอะแล้ว หากคุณคิดว่าเอามาซ่อมอาจไม่คุ้มค่า หรือน่าจะได้เวลาเปลี่ยนใหม่ ก็แนะนำเลยครับ เพราะคุณจะได้เทคโนโลยีใหม่ แรงมากขึ้น และการรับประกันแบบเต็มๆ ไม่ต้องลุ้น หรือหากจะลองมาดูรุ่นของการ์ดจอเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่หน้าจัดสเปคพีซีของเรากันได้เลยครับ

from:https://notebookspec.com/web/681180-graphic-card-fan-not-spin

โต๊ะคอมเกมมิ่ง 8 รุ่น ถูกแค่ 5,000.- ไฟ RGB วางคอมได้ เล่นเกมสะดวก ฟังก์ชั่นครบ

โต๊ะคอมเกมมิ่ง 8 รุ่น ราคาถูก 5,000.- ปีใหม่ 2023 สวยล้ำไฟ RGB ฟังก์ชั่นแน่น โปรฯ ดี

โต๊ะคอมเกมมิ่ง

โต๊ะคอมเกมมิ่งแทบจะกลายเป็นสิ่งที่หลายคนต้องมีติดบ้าน โดยเฉพาะคอเกมที่ต้องการเซ็ตห้องตัวเองให้เข้ากับธีมการเล่น ให้สวยครบ ไม่ว่าจะเป็นเซ็ตคอม เกมมิ่งเกียร์ รวมถึงโต๊ะและเก้าอี้เกมมิ่งอีกด้วย เพราะจะช่วยให้สนุกไปกับการเล่นได้มากขึ้น ปัจจุบันมีโต๊ะคอมให้เลือกมากมาย ราคาเริ่มตั้งแต่พันต้นๆ ไปจนหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับวัสดุ งานประกอบ ความทันสมัย ไปจนถึงฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น พื้นโต๊ะขนาดใหญ่ ไฟ RGB หรือที่วางแก้วน้ำ แขวนหูฟัง และจุดเสริมความแข็งแรง ให้ใช้งานได้อุ่นใจ แต่การเลือกใช้ ก็ต้องดูตามความเหมาะสม และความชื่นชอบ รวมถึงการคำนวณพื้นที่ในการจัดวาง ให้การเล่นเกมได้ไหลลื่น โดยเฉพาะคนที่ต้องการวางคอมโชว์ความสวยงาม พื้นที่โต๊ะที่มากกว่า 140cm ดูจะเหมาะสมกว่า เพราะยังเหลือพื้นที่ในการเลื่อนเมาส์ไปมาได้สะดวกมากขึ้น หรือพื้นที่วางแผ่นรองเมาส์ เพื่อใช้งานได้เต็มพื้นที่อีกด้วย แต่จะมีส่วนไหนที่คุณจะต้องเลือกเพิ่มเติมกันบ้าง และมีรุ่นใดที่น่าสนใจ วันนี้เราจัดมาให้แล้ว 8 รุ่น ชอบรุ่นไหน ไปจัดกันตามลิงก์ที่เราเตรียมไว้ให้แล้วครับ

โต๊ะคอมเกมมิ่ง 8 รุ่นเด็ดงบ 5,000.-


เลือกโต๊ะคอมเกมมิ่ง

ดีไซน์: โต๊ะคอมเกมมิ่งการออกแบบค่อนข้างสำคัญ และผู้ใช้หลายคนใช้ในการพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ต้องเข้ากับรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ รวมถึงตอบโจทย์การใช้งาน อย่างเช่น ขาโต๊ะ ที่นอกจากจะแข็งแรง ให้ความสมดุลได้ดีแล้ว ก็ต้องไม่เกะกะ เวลาที่นั่งใช้งาน หรือการเปลี่ยนอิริยาบท และมีส่วนเซฟตี้ เพื่อความปลอดภัย อาทิ บางรุ่นมีการเสริมมุมให้แข็งแรง หรือมีการหลบมุม ให้ไม่เกะกะเวลาที่เดินใกล้ๆ พื้นท็อปโต๊ะ มีคลุมวัสดุให้ทนทาน เป็นรอยยาก และกันน้ำได้ นอกเหนือจากลวดลายที่ดูทันสมัย

Advertisementavw
Gaming set2

ฟังก์ชั่น: หลายท่านก็คาดหวังกับฟังก์ชั่นของโต๊ะเหล่านี้ ที่ควรจะต้องมีเหนือกว่าโต๊ะทำงานทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ที่เราจะได้พบกันนั้น ก็จะเป็นเรื่องของสิ่งสำคัญในการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ให้ใช้งานได้สะดวก เช่น ที่วางแก้วน้ำ ประหยัดพื้นที่บนโต๊ะ ลดปัญหาน้ำหกใส่ คีย์บอร์ด เมาส์ และมีพื้นที่เหลือในการใช้เมาส์มากขึ้น หรือทางแขวนหูฟัง สะดวกในการใช้งาน และอาจจะมีเพิ่มเติมการปรับเลื่อนระดับความสูงได้ในบางรุ่น หรือบางทีก็มีแสงไฟ RGB มาประดับ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้มากขึ้น

Gaming set

พื้นที่จัดวาง: เรื่องของพื้นที่โต๊ะคอมค่อนข้างสำคัญทีเดียว เพราะคุณจะต้องใช้พื้นที่บนโต๊ะเล่นเกมให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ยิ่งจุดที่เคลื่อนไหวบ่อย เช่นเมาส์หรือการวางคีย์บอร์ด ให้กดได้ง่าย เลื่อนเมาส์สะดวก ย่อมมีผลต่อการแข่งขันหรือแพ้ชนะได้เลย เพราะบางครั้งสะดุดไปแค่ไม่กี่วินาที ก็อาจหมายถึงการโดนโจมตีจากศัตรู หรือโอกาสจะโจมตี ก็หายไปด้วย เรียกว่ากลับจุดเซฟได้แบบไม่รู้ตัว หากคุณดีไซน์พื้นที่วางของได้ไม่เต็มที่ แนะนำให้เลือกโต๊ะที่มีความยาวมากขึ้น ยิ่งถ้าต้องการวางคอมโชว์บนโต๊ะด้วยแล้ว ก็ต้องเผื่อพื้นที่ให้ได้มากที่สุด

วัสดุและงานประกอบ: นอกเหนือจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน และรับน้ำหนักในการจัดวางสิ่งของบนโต๊ะได้มากพอสมควรแล้ว ยังมีเรื่องของงานประกอบที่อาจจะต้องเก็บรายละเอียดได้ดีในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสี รอยเชื่อมต่อ และการติดตั้งง่าย ไม่เกิดความเสียหายได้ในภายหลัง ยิ่งเป็นรุ่นที่ผู้ใช้จะต้องประกอบเองด้วยแล้ว ควรจะต้องมีเครื่องมือ และคู่มือแนะนำให้อย่างชัดเจน เพื่อความสะดวกของผู้ใช้


1.Gamer Desk L LS2-1600

โต๊ะคอมเกมมิ่ง

โต๊ะคอมเกมมิ่งในแบบ L shape ความยาว 160cm กว้าง 60cm กว้างขวาง วางอุปกรณ์และคอมตั้งโต๊ะได้สะดวกมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่ใช้งาน โครงสร้างขาและฐาน เป็นโลหะคาร์บอนกันสนิม มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี พร้อมยางที่รองขาโต๊ะกันลื่น มีระยะให้กระจายน้ำหนัก พื้นโต๊ะมาในแบบลายเคฟลาร์ ให้ดีไซน์ที่ดูสปอร์ต ความหนา 18mm เป็นวัสดุกันลื่น และกันน้ำได้อีกด้วย มาพร้อมชั้นวาง 90cm อีก 1 ชุด สำหรับวางจอมอนิเตอร์ หรืออุปกรณ์เสริม และช่องลอดสายไฟให้ 2 ช่อง บริเวณด้านบน รวมถึงลูกเล่นอย่างที่แขวนหูฟัง และที่วางแก้วน้ำทางด้านขวา โดดเด่นด้วยแสงไฟ RGB ที่อยู่บริเวณด้านข้างของโต๊ะ เพิ่มความสวยงาม ไม่เหมือนใคร สนนราคาอยู่ที่ 3,520 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
เป็นทาง L วางของเพิ่มได้
ยางถึง 160cm

ข้อมูลเพิ่มเติม: LS2-1600


2.OKER DX-449

โต๊ะคอมเกมมิ่ง

เป็นโต๊ะคอมจากค่ายเกมมิ่งเกียร์ ที่มีไลน์ผลิตภัณฑ์ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับ OKER และราคาก็น่าสนใจ ออกแบบมาใทนสีแดงของขา ตัดกับสีดำของท็อปโต๊ะ โดยขาโต๊ะมาในสไตล์ที่ลงตัว ไม่เกะกะเมื่อนั่ง ให้สมดุลได้ดี วัสดุเป็นโลหะสี่เหลี่ยม มีความทนทาน พื้นโต๊ะด้านบนเป็นลายคาร์บอน โทนสีดำ กันรอยและกันน้ำได้ มีช่องลอดสายไฟ ไปยังด้านล่างสะดวก โดยมีให้ 2 ช่องด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีที่แขวนหูฟัง และที่วางแก้วมาให้ครบ เพิ่มความสวยงามด้วยขอบแสงไฟ RGB ที่ปรับสีได้ตามต้องการ ผ่านทางรีโมทที่ให้มาด้วย ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการเล่นเกมได้ดีทีเดียว ราคา 3,590 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
มีไฟ RGB ดีไซน์ Armor ค่อนข้างใหญ่
ครอบมุมโต๊ะกันกระแทก

ข้อมูลเพิ่มเติม: OKER


3.EGA TYPE-GD2

โต๊ะคอมเกมมิ่ง

ใครที่ชื่นชอบโต๊ะคอมเล่นเกม สไตล์เกมมิ่งจัดๆ ลูกเล่นล้ำ กับค่าย EGA นี้ ที่กระแสของเกมมิ่งเกียร์มีอยู่ตลอด และโต๊ะคอมเกมมิ่งรุ่นนี้ ก็ดูจะตอบโจทย์คอเกมได้ดีทีเดียว มิติอยู่ที่ 120cm x 60cm โครงสร้างใช้โครงขาโลหะสีดำ ตัดโลโก้เขียวสะดุดตา ขาวางเอาไว้ได้ดีมีสมดุล ไม่เกะกะ ด้านข้างเสริมแสงไฟ LED ที่ปรับแสงไฟได้ 5 สี สว่างสดใส ท็อปโต๊ะด้านบนเป็นลายคาร์บอน กันน้ำและรอยขูดขีด ดูทันสมัย ปิดขอบด้านข้างได้เรียบเนียน พร้อมช่องลอดสายไฟ ต่อลงมายังที่วางปลั๊กราง ให้ดูสบายตา ไม่เกะกะ และไม่ลืมใส่ที่วางแก้ว และที่แขวนหูฟัง เอาไว้ให้ด้วย ราคา 3,590 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
มีแสงไฟ RGB
เพิ่มที่วางปลั๊กให้

ข้อมูลเพิ่มเติม: EGA


4.Neolution E-Sport Gaming Desk Eagle

โต๊ะคอมเกมมิ่ง

โต๊ะคอมเล่นเกมในสไตล์ที่เรียบหรู ดูดี มิติใหญ่ วางคอม และพื้นที่กว้างขวาง สำหรับการวาดเมาส์ไปมาได้สนุก โดยรุ่น Eagle นี้ ให้มิติความยาวได้ถึง 140cm x 60cm ท็อปโต๊ะด้านบน เป็นแบบ P2PB บอร์ด คลุมด้วยลายคาร์บอนกันรอยขีดข่วน และกันน้ำได้ดี เหมาะกับคนที่เล่นไปทานขนมไป ขาโต๊ะเป็นโลหะ และมีชิ้นส่วนที่เป็น ABS เพื่อความยืดหยุ่น รับน้ำหนักได้ถึง 100Kg แม้จะไม่ได้มีแสงไฟ RGB มาให้ แต่ให้ฟังก์ชั่นเพิ่มความสะดวกมาครบ ไม่ว่าจะเป็น ที่แขวนหูฟัง ที่วางแก้ว รวมถึงที่ลอดสายไฟ และเชื่อมต่อไปยังช่องกลาง ที่วางปลั๊กรางเอาไว้ให้ ทำให้ง่ายต่อการจัดเก็บและไม่เกะกะอีกด้วย แต่ที่น่าสนใจคือ ยังแถมแผ่นรองเมาส์ขนาดใหญ่ คลุมพื้นที่บนโต๊ะให้ใช้งานได้อย่างสะดวกทีเดียว ราคา 3,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
พื้นที่โต๊ะยาว 140cm ขนาดบอดี้ค่อนข้างใหญ่
มีแผ่นรองเมาส์ขนาดใหญ่ให้

ข้อมูลเพิ่มเติม: Neolution E-Sport


5.MEETION DSK10 Z

โต๊ะคอมเกมมิ่ง

มาที่อีกค่ายหนึ่งบ้าง ที่มีไลน์ทั้งเกมมิ่งเกียร์ และโมเดลที่เป็นโต๊ะเกมมิ่ง รวมถึงเก้าอี้ให้เลือกเพียบ และใครที่ชอบแนวสปอร์ตดูเหมือนรถแข่งสไตล์ Naked ไม่ควรพลาดกับโต๊ะรุ่นนี้ มาในขนาด 110cm x 66cm ซึ่งถือว่าพอเหมาะกับเกมเมอร์ โทนสีส้มตัดกับสีดำ ค่อนข้างแปลกตา โครงโลหะแข็งแรง และเสริมจุดยึดตรงกลาง มีหมุดรองใต้ขาให้มีความมั่นคง โดยออกแบบเป็นตัว Z เน้นสมดุลที่ดี สะดุดตากับแถบโลหะด้านข้างกับการเป็น Armor ที่เพนท์สีในแบบ Piano paint มีความวิบวับพอสมควร พร้อมช่องลอดสายมาให้ ในภาพรวมถือว่าลงตัว ขาดแค่ส่วนของวางแก้วน้ำกับแขวนหูฟังเท่านั้น ราคา 4,590 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
สีสันสดใส พื้นที่ท็อปโต๊ะ 110cm
ตัวยึดตรงกลางโต๊ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม: MEETION


6.NUBWO NXGD-800 RGB

โต๊ะคอมเกมมิ่ง

NUBWO นับว่าเป็นอีกค่ายหนึ่งที่ไม่ได้มีเพียงเกมมิ่งเกียร์ที่มีลูกเล่น และดีไซน์สวย ในราคาที่โดนใจเหล่าเกมเมอร์เท่านั้น แต่ยังมีไลน์ของโต๊ะเกมมิ่ง และเก้าอี้เกมมิ่งอีกหลายรุ่น เช่นเดียวกับ NXGD-800 RGB รุ่นนี้ ที่มาในดีไซน์ไม่ธรรมดา กับขาโต๊ะดีไซน์ใหม่ เสริมแสงไฟ LED ปรับได้ถึง 8 สีด้วยกัน คาดเป็นเส้นสวยงาม แถบด้านบนโต๊ะ เป็นแสงไฟ RGB เช่นกัน ตัดกับลวดลายคาร์บอนบนพื้นโต๊ะได้ลงตัว พร้อมช่องลอดสายไฟ ขนาดใหญ่ ด้านใต้มีที่วางปลั๊กราง เพื่อความสะดวกในการจัดสาย มิติของโต๊ะยาว 120cm และกว้าง 60cm เรื่องการอำนวยความสะดวก มีทั้งที่วางแก้ว และที่แขวนหูฟังให้ครบ ราคาอยู่ที่ 4,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์ทันสมัย ไฟ RGB มี Armor ด้านข้างใหญ่
ฟังก์ชั่นสำคัญครบ

ข้อมูลเพิ่มเติม: NUBWO


7.Ergopixel Terra

โต๊ะคอมเกมมิ่ง

โต๊ะเกมมิ่งไซส์ใหญ่ ราคาสบายกระเป๋าของค่ายนี้ เป็นโต๊ะกึ่ง Ergonomic ที่มาในขนาด 140cm x 60cm ให้เกมเมอร์ได้วาดลวดลาย เคลื่อนไหวเมาส์ได้อิสระ พร้อมกับวางคอมบนโต๊ะได้ลงตัว ขาโต๊ะที่วางกึ่งกลาง รูปตัว T เพื่อสร้างสมดุล เป็นโลหะแข็งแรง ใต้ฐานมีจุดยึดให้แน่นหนา ท็อปโต๊ะเป็นแบบลายคาร์บอน กันรอยและกันน้ำได้ดี พร้อมช่องลอดสายมาให้ โดยด้านใต้ก็มีถาดเอาไว้ใส่ปลั๊กรางอีกด้วย เสริมฟังก์ชั่นอย่างที่แขวนหูฟัง และที่วางแก้วมาครบครันเช่นกัน เรียกว่าดูลงตัวดีทีเดียว ราคา 5,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้ความยาว 140cm ขนาดค่อนข้างใหญ่
วางปลั๊กรางได้

ข้อมูลเพิ่มเติม: Ergopixel


8.BAIERDI MALL Ergonomic Desk

โต๊ะคอมเกมมิ่ง

แต่ถ้าสไตล์ของคุณชอบขยับ ปรับเลื่อนไปมา ไม่ให้เมื่อยล้าจนเกินไป โต๊ะไฟฟ้าปรับเลื่อนได้รุ่นนี้ ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย กับขาโต๊ะวางกลาง เน้นความสมดุล กับท็อปโต๊ะขนาด 120cm x 60cm มาตรฐาน ในโทนสีขาว ตัดกับสีไม้เมเปิล ดูนุ่มนวลสบายตา เหมาะกับคนที่จัดห้องใทนสะอาด ดูสว่าง จุดเด่นอยู่ที่สามารถปรับเลื่อนขึ้น-ลงได้ตั้งแต่ 71-117cm ด้วยชุดคอนโทรลที่มีให้ ใช้งานง่าย รองรับการจดจำระดับทำเป็นโพรไฟล์ของผู้ใช้ได้ในหลายระดับ จะนั่งจะยืน ก็สะดวก พร้อมช่องลอดสายมาให้ 2 ด้าน ราคา 5,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ปรับเลื่อนความสูงได้ ไม่มีชุดวางแก้วกับที่แขวน

ข้อมูลเพิ่มเติม: BAIERDI MALL


Conclusion

ท็อปโต๊ะ ฟีเจอร์พิเศษ ที่แขวนหูฟัง ที่วางแก้ว ราคา
1.Gamer Desk L
LS2-1600
160cm x 60cm RGB มี มี 3,520
2.OKER DX-449 120cm x 60cm RGB มี มี 3,590
3.EGA TYPE-GD2 120cm x 60cm RGB มี มี 3,590
4.Neolution E-Sport
Gaming Desk Eagle
140cm x 60cm Mousepad มี มี 3,990
5.MEETION DSK10 Z 10cm x 66cm Armor 4,590
6.NUBWO NXGD-800 120cm x 60cm RGB มี มี 4,990
7.Ergopixel Terra 140cm x 60cm มี มี 5,900
8.BAIERDI MALL
Ergonomic Desk
120cm x 60cm ปรับความสูงได้ 5,990

มาสรุปเรื่องราวของโต๊ะคอมเกมมิ่งทั้ง 8 รุ่นในวันนี้กันครับ สำหรับการใช้งานอย่างที่ได้กล่าวไปในเบื้องต้นว่า เลือกในสไตล์ที่คุณคิดว่าเหมาะกับคุณ เช่น บางครั้งไม่ได้สนใจเรื่องของสีสัน หรืออยากได้ที่เรียบง่าย ตัวเลือกErgonomic Desk หรือ Ergopixel ก็น่าสนใจไม่น้อย แล้วคุณไปใส่ความสวยงามในแบบของคุณได้เอง แต่ถ้าอยากได้แบบโต๊ะเกมเมอร์จ๋าๆ มาแต่ต้น EGA, MEETION หรือ NUBWO ก็จะตอบโจทย์คุณได้อย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องของสีสัน รูปลักษณ์ และวัสดุ ส่วนถ้าใครชอบโต๊ะแบบยาวๆ วางของได้เยอะ วางคอมบนโต๊ะได้สะดวก Neolution, Ergopixel ให้คุณได้ กับความยาวโต๊ะระดับ 140cm แต่ถ้าพิเศษเลย ก็จะเป็น Gamer Desk L ที่เป็นทั้งโต๊ะเข้ามุม มีความยาว 160cm รวมถึง มีชั้นวางจอมาให้ ก็สะดวกไม่น้อยเลย ที่เหลือคือ ความชื่นชอบ และลูกเล่นเสริมต่างๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาให้ ชอบแบบไหน แนะนำว่ามีโอกาสได้ไปดูตัวจริง ก็จะช่วยคุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ


Desktop PC table 2022 Cov7

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก 8 รุ่นในงบ 2000.-

from:https://notebookspec.com/web/680431-8-gaming-desk-5000-2023

SSD โน๊ตบุ๊ค 1TB งบ 3,000 บาท 8 รุ่นเด็ด M.2 PCIe เร็ว เก็บข้อมูลเยอะ เปิดเครื่องไว ทนทาน

SSD โน๊ตบุ๊ค 8 รุ่นเด็ดงบ 3,000 บาท เร่งความเร็ว เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค M.2 PCIe รุ่นใหม่ ติดตั้งเกม ลงโปรแกรม เก็บข้อมูลเหลือๆ

SSD โน๊ตบุ๊ค

SSD โน๊ตบุ๊คก็ถือว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญ ที่ทำให้โน๊ตบุ๊คสามารถทำงานได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเครื่อง เปิดโปรแกรม เข้าสู่ระบบ เปิดไฟล์ และโอนถ่ายไฟล์ รวมถึงมีส่วนต่อการเล่นเกมอยู่ไม่น้อยเลย ซึ่งการเลือกใช้ SSD ก็มีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงการเลือกซื้อ และข้อพิจารณาในการใช้งานให้เหมาะสม พร้อมทั้งนำ SSD 8 รุ่นที่น่าสนใจในงบ 3,000 บาท ที่เป็นแบบ M.2 NVMe PCIe มาฝากกัน ส่วนจะมีรุ่นใดบ้าง ไปชมกันเลยครับ


SSD โน๊ตบุ๊ค 1TB ลงเกม ติดตั้งโปรแกรม งบ 3,000


SSD โน๊ตบุ๊ค เลือกอย่างไร?

การเลือก SSD ที่นำมาใช้กับโน๊ตบุ๊คเงื่อนไขแทบไม่ได้ต่างไปจากการใช้บนพีซีมากนัก จะมีเพียง 1-2 เรื่องที่ต้องพิจารณา และต้องดูตามการสนับสนุนของโน๊ตบุ๊คแต่ละรุ่นด้วยว่าจะรองรับมาตรฐานใด หรือความจุเท่าใดได้บ้าง การเลือก SSD ให้ตรงกับความเหมาะสมในการใช้งาน และราคาที่คุ้มค่า จะทำให้คุณสามารถใช้งานโน๊ตบุ๊คได้เร็วขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คตัวเก่าของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

Advertisementavw
Unbox KIOXIA SSD 40

อินเทอร์เฟส: ตรงนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะโน๊ตบุ๊คเวลานี้ผ่านมาหลายเจนเนอเรชั่นแล้ว สิ่งที่ต้องสังเกตก็คือ โน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่นั้น มีพอร์ตหรือสล็อตรองรับ SSD แบบใดได้บ้าง หากเป็นโน๊ตบุ๊คที่ย้อนไปสัก 5-6 ปีก่อน อาจจะมีเพียง SATA ที่รองรับ HDD ในแบบ 2.5″ ก็ต้องเลือกใช้ SSD แบบ 2.5″ SATA III แม้ว่าจะไม่ค่อยสะดวกนัก แต่ข้อดีคือ ให้ความเร็วได้มากกว่า HDD ปกติถึง 3-4 เท่าตัวเลย อีกทั้งปัจจุบันก็มีให้เลือกมากกว่า 1TB อีกด้วย

ถัดมาโน๊ตบุ๊คบางรุ่นอาจจะมีสล็อตแบบ M.2 มาให้ แต่จะเป็น M.2 SATA ซึ่งจะใช้ร่วมกับ SSD SATA ในแบบ M.2 สังเกตง่ายๆ จะมีรอยบาก 2 จุดบนหน้าสัมผัส ประสิทธิภาพแทบไม่ต่างไปจาก SSD 2.5″ แต่สะดวกกว่า เพราะไม่ต้องต่อสายไฟเลี้ยงให้วุ่นวาย อีกทั้งขนาดเล็กกว่าเยอะ

Kingston NVq SSD

และในแบบปัจจุบัน จะมีเป็นแบบ M.2 NVMe PCIe รูปแบบนี้จะมีสล็อตคล้ายกับ M.2 SATA แต่จะมีรอยบากเพียงจุดเดียวบนหน้าสัมผัส ข้อดีคือ ให้ความเร็วสูง ทั้งการอ่านและเขียนข้อมูล เพราะมีการเชื่อมต่อกับช่องทาง PCI-Express กับซีพียูโดยตรง โดยเวลานี้จะมีทั้งแบบ PCIe Gen3, Gen4 และที่กำลังจะมาก็เป็น PCIe Gen5 ซึ่งความเร็วจะสูงขึ้นตามลำดับ และล่าสุดความเร็วมีให้เห็นมากกว่า 7,000MB/s แล้ว ซึ่งหากเทียบกับ Gen3 ที่มีความเร็วประมาณแค่ 3,000-4,000MB/s เท่านั้น และถือว่าเร็วกว่า HDD แบบ SATA อยู่หลายสิบเท่าอีกด้วย แต่ถ้าต้องการจะใช้มาตรฐานใหม่นี้ ก็ต้องเช็คด้วยว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่ เป็น PCIe ในเจนเนอเรชั่นใด

Gigabyte SSD P7000s 1TB 34

ความจุ: ให้มองที่การใช้งานเป็นหลัก หากเป็นโน๊ตบุ๊คทั่วไป ไม่ได้เก็บไฟล์เยอะ โปรแกรมไม่มาก และใช้ร่วมกับ Clou storage 480-500GB ก็เพียงพอต่อการใช้งาน เหลือพื้นที่จัดเก็บไฟล์ใช้บ่อยอีกพอสมควร ลงโปรแกรมเพิ่มได้ แต่ถ้าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค และมีเกมมากกว่า 3 เกมใหญ่ขึ้นไป ความจุที่มากกว่า 500GB หรือทางเลือกอย่าง 960GB และ 1TB เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะช่วยให้คุณสามารถติดตั้งเกม ลงโปรแกรม และเก็บไฟล์ข้อมูลได้ แบบที่ไม่อึดอัดมากไปนัก

ความเร็ว: ความเร็วที่ดี ก็บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของ SSD รุ่นนั้นๆ ได้ดี อย่างตัวเลข Sequential Read/ Write มีหน่วยเป็น MB/s (เมกะไบต์ต่อวินาที) ตรงนี้ให้ดูจากตัวเลขที่ยิ่งมาก ก็จะหมายถึง การเปิดไฟล์ โอนถ่ายไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการ Copy file และเข้าสู่ระบบด้วย ขึ้นอยู่กับอินเทอร์เฟสและ NAND Flash ที่มีอยู่บน SSD รวมถึงคอนโทรลเลอร์บนโมดูล SSD ด้วย อย่างไรก็ดียิ่งตัวเลขที่สูง ราคาก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่ใช้โน๊ตบุ๊ค ถ้าเป็น PCIe Gen4 ก็แนะนำให้เลือกใช้ SSD PCIe 4.0 คุณจะได้ความเร็วที่มากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อยเลย

ความทนทาน: MTBF (Mean Time Between Failures): เป็นตัวเลขที่มีอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ และอยู่ใน SSD ซึ่งเป็นค่าที่บอกถึงอัตราเฉลี่ยของระยะเวลาในการทำงานจนกว่าจะเกิดความเสียหายหรือบกพร่อง จะมีหน่วยคำนวณเป็นชั่วโมง คล้ายกับค่า BTW คือตัวเลขยิ่งมาก ก็ยิ่งหมายถึงมีสมรรถนะที่ดี มั่นใจได้ ตัวเลขจะนับเป็นล้านชั่วโมงขึ้นไป อย่างเช่น SSD รุ่นกลางๆเวลานี้ ตัวเลขก็มีให้เห็นมากกว่า 1-2 ล้านชั่วโมง นั่น แต่ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงค่าเฉลี่ย อาจมากหรือน้อยกว่า ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน การเลือก SSD ยี่ห้อไหนดี ก็อาจจะต้องใช้ค่านี้มาใช้ในการตัดสินใจด้วยเช่นกัน


1.ADATA LEGEND 710 1TB ราคา 2,590 บาท

SSD โน๊ตบุ๊ค

เริ่มจาก SSD น้องเล็กสุดในงบไม่ถึง 3 พันบาท จาก ADATA ที่มาพร้อมความจุ 1TB รุ่นนี้เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นเรื่องของความจุ หาซื้อง่าย ราคาค่อนข้างประหยัด เบียดบี้กับรุ่น 512GB ได้อย่างสูสี แต่ยังเป็นอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4 จึงให้ความเร็วในการอ่าน/เขียน ในแบบมาตรฐาน คือประมาณ 2,400MB/s (Read) กับดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย ความทนทานจากค่า MTBF อยู่ที่ 1.5 ล้านชั่วโมง และการเขียนซ้ำทำได้ที่ 520TB การรับประกัน 3 ปี

จุดเด่น ข้อสังเกต
เขียนซ้ำได้ถึง 520TB เป็นแบบ PCIe 3.0 x4
ราคาประหยัด

ข้อมูลเพิ่มเติม: ADATA


2.PNY CS1031 1TB ราคา 2,890 บาท

SSD โน๊ตบุ๊ค

เป็น SSD ในระดับเริ่มต้น สำหรับผู้ที่ต้องการอัพเกรดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนโน๊ตบุ๊ค หรือเป็นตัวเก็บข้อมูลสำรอง กรณีที่มีสล็อต M.2 ว่างอีกหนึ่งช่อง ราคาประหยัด โดยรุ่นนี้มีให้เลือกตั้งแต่ 256GB จนถึง 2TB เชื่อมต่อบนอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4 เช่นเดียวกัน และให้ความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 2,400MB/s สำหรับรุ่น 1TB และค่า Endurance 240TB (TBW) และ MTBF 2 ล้านชั่วโมง แต่ที่น่าสนใจก็คือ ให้ระยะการรับประกันถึง 5 ปีเลยทีเดียว ราคา 2,890 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ราคาไม่ถึง 3 พันบาท การอ่านระดับมาตรฐาน
รับประกัน 5 ปี

ข้อมูลเพิ่มเติม: PNY


3.Kingston NV2 1TB ราคา 2,890 บาท

SSD โน๊ตบุ๊ค

จัดว่าเป็น SSD ความจุ 1TB ในแบบ PCIe 4.0 x4 รุ่นใหม่ ที่ทำราคาได้ดีที่สุดในเวลานี้ ขยับต่อยอดจาก NV1 ที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลย กับดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย เป็นแบบ Single-side M.2 2280 มาตรฐาน เหมาะทั้งการเป็นตัวบูตหลักภายในโน๊ตบุ๊ค และสำรองไฟล์ได้ในตัว เพราะให้ความเร็วได้ถึง 3,500MB/s (Read) ให้ค่า Endurance อยู่ที่ 1.5 ล้านชั่วโมง MTBF และการเขียนซ้ำอยู่ที่ 320TB เลยทีเดียว จัดว่าตัวเลขค่อนข้างสูง และให้การรับประกัน 3 ปี ราคา 2,890 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
PCIe 4.0 x4 รุ่นใหม่ รับประกัน 3 ปี
3,500MB/s (Read)

ข้อมูลเพิ่มเติม: Kingston


4.Crucial P2 1TB ราคา 2,900 บาท

SSD โน๊ตบุ๊ค

ถ้าใครเคยได้ใช้งาน SSD ในช่วงแรกๆ Crucial ต้องถือว่าเป็นค่ายหลักๆ ที่เข้ามาในบ้านเรา ให้ได้ใช้งานกันก่อน กับความโดดเด่นในเรื่องเมมโมรีและเทคโนโลยี เช่นเดียวกับในรุ่น P2 นี้ ที่เป็นซีรีส์ต่อมา ซึ่งพัฒนามาเพื่อผู้ใช้โน๊ตบุ๊คด้วยเช่นกัน บนอินเทอร์เฟสแบบ PCIe 3.0 x4 ให้ความเร็วอยู่ที่ระดับ 2,400MB/s (Read) ตามมาตรฐาน พร้อมค่า Endurance อยู่ที่ 300TBW ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่การรับประกันถึง 5 ปี ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย ราคา 2,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
รับประกัน 5 ปี เป็นแบบ PCIe 3.0 x4

ข้อมูลเพิ่มเติม: Crucial


5.HIKVISION E3000 1TB ราคา 2,990 บาท

SSD โน๊ตบุ๊ค

สำหรับค่ายนี้ ก็จัดว่าเป็น SSD ที่มีตัวเลือกค่อนข้างเยอะทีเดียว และยังเคาะราคาได้ถูกใจผู้บริโภค ทำให้ผู้ใช้ที่กำลังมองหา SSD สำหรับโน๊ตบุ๊ค จะเอามาเป็นตัวบูตหรือเพิ่มเติมสำหรับเก็บข้อมูล ก็น่าสนใจมาในอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4 แต่ให้ความเร็วได้มากถึง 3,400MB/s (Read) และเขียนอยู่ที่ประมาณ 3,100MB/s ใช้ NAND ในแบบ 3D TLC ให้ค่า Endurance อยู่ที่ 1.5 ล้านชั่วโมง และ 448TBW แต่ที่น่าสนใจคือ รับประกันถึง 5 ปีเลยทีเดียว กับราคา 2,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
3,400MB/s (Read) Endurance 1.5 ล้านชั่วโมง
เขียนซ้ำได้ 448TBW

ข้อมูลเพิ่มเติม: HIKVISION


6.Apacer AS2280P4U PRO ราคา 3,090 บาท

SSD โน๊ตบุ๊ค

กับทาง Apacer เชื่อว่าหลายคนจะคุ้นหูคุ้นตากันดีอยู่แล้ว กับผลิตภัณฑ์หลายๆ โมเดล ซึ่งก็รวมถึง SSD ที่ออกมาใหม่ กับความจุ 1TB ออกแบบลวดลายมาได้อย่างล้ำสมัยทีเดียว เหมาะกับคนที่ใช้โน๊ตบุ๊ค หรือพีซี ที่ต้องการทั้งความเร็วและความจุ โดยมากับอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4 ให้ความเร็ว 3,500MB/s (Read) และจุดเด่นคือ เขียนได้เร็วสุดในครั้งนี้คือ 3,000MB/s อีกด้วย รวมถึงค่า MTBF 1.8 ล้านชั่วโมง และการรับประกันอีก 5 ปี อีกด้วย ราคา 3,090 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
3,500MB/s (Read) เป็นแบบ PCIe 3.0 x4
รับประกัน 5 ปี

ข้อมูลเพิ่มเติม: Apacer


7.WD GREEN SN350 1TB ราคา 3,090 บาท

SSD โน๊ตบุ๊ค

ต้องถือว่าเป็น SSD ในใจใครหลายคน กับค่าย WD นี้ ที่มีให้เลือกกันหลายซีรีส์ และปัจจุบัน WD Green ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย เพราะได้รับการปรับปรุงด้านความเร็ว และราคาที่จับต้องง่าย พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สะดวกมากขึ้น อินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อ PCIe 3.0 x4 และ NAND ในแบบ QLC มีความเร็วในการอ่านระดับ 3,200MB/s และค่า Endurance 100TBW ส่วนค่า MTTF 1 ล้านชั่วโมง พร้อมการรับประกันอีก 3 ปี ราคา 3,090 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
3,200MB/s (Read) MTTF 1 ล้านชั่วโมง

ข้อมูลเพิ่มเติม: WD


8.TEAM CARDEA Z44L 1TB ราคา 3,150 บาท

SSD โน๊ตบุ๊ค

เป็น SSD โน๊ตบุ๊คความเร็วสูงรุ่นใหม่ เหมาะกับโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน ที่จะใช้เป็นตัวบูตระบบ ลงโปรแกรมก็ได้ หรือจะเน้นที่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คก็ลงตัว เพราะมาพร้อมอินเทอร์เฟส PCIe 4.0 x4 รุ่นใหม่ พร้อมใช้กับแพลตฟอร์มโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ได้ดี ค่า Endurance สูงถึง 600TBW เรียกว่าทำตัวเลขได้ดีมาก และประสิทธิภาพทำได้ที่ 3,500MB/s (Read) และความทนทานระดับ 3 ล้านชั่วโมงเลยทีเดียว พร้อมกับการรับประกันอีก 5 ปี แม้ราคา 3,150 บาท จะสูงที่สุดในการรวม SSD โน๊ตบุ๊คในครั้งนี้ แต่ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย

จุดเด่น ข้อสังเกต
เป็นแบบ PCIe Gen4 x4 ความเร็วในการอ่านมาตรฐาน
ค่า Endurance สูงถึง 600TBW

ข้อมูลเพิ่มเติม: TEAM


Conclusion

Interface Read/Write (MB/s) MTBF
(Hours)
TBW (TB) Warranty
(Year)
Price (Baht)
1.ADATA LEGEND 710 PCIe Gen3 x4 2,400/1,800 1,500,000 520 3 2,590
2.PNY CS1031 PCIe Gen3 x4 2,400/1,750 2,000,000 240 5 2,890
3.KINGSTON NV2 PCIe Gen4 x4 3,500/2,100 1,500,000 320 3 2,890
4.CRUCIAL P2 PCIe Gen3 x4 2,400/1,800 300 5 2,900
5.HIKVISION E3000 PCIe Gen3 x4 3,500/3,150 1,500,000 448 5 2,990
6.APACER AS2280P4U PRO PCIe Gen3 x4 3,500/3,000 1,800,000 760 3 3,090
7.WD GREEN SN350 PCIe Gen3 x4 3,200/2,500 1,000,000 100 3 3,090
8.TEAM CARDEA Z44L PCIe Gen4 x4 3,500/3,000 3,000,000 600 5 3,150

SSD โน๊ตบุ๊คทั้ง 8 รุ่นจากตารางข้อมูลด้านบนนี้ ก็น่าจะเป็นทางเลือกให้กับลายๆ คนที่กำลังมองหา SSD มาอัพเกรดให้กับโน๊ตบุ๊ค ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน หรือเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คก็ตาม สำหรับ ADATA ก็ค่อนข้างโดดเด่น ในเรื่องของราคา และการเขียนซ้ำได้ถึง 520TBW บนความเร็วพื้นฐาน แต่มองที่ความเร็วเป็นหลัก TEAMGROUP, WD และ HIKVISION ก็น่าสนใจ ได้ทั้งอินเทอร์เฟสใหม่ และ Read/ Write สูง รวมถึง MTBF ทะลุ 3 ล้านไปแล้ว ส่วน APACER ก็น่าสนใจในแง่ของความเร็วและค่า TBW สูงสุด ส่วนจะเลือกใช้รุ่นไหน ก็สามารถพิจารณาจากข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ในลิงก์ของแต่ละรุ่นที่เราจัดวางไว้ให้ และเรื่องของราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ส่วนถ้าต้องการจะเช็คอุปกรณ์ และจัดสเปคคอม สามารถเข้าไปลองจัดสเปคได้ที่ Notebookspec.com/pc/spec กันได้เลยครับ

from:https://notebookspec.com/web/679768-8-ssd-1tb-3000-m2-pcie

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก 8 รุ่นในงบ 2000.- แข็งแรง วางคอมได้ ดีไซน์สวย

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก 8 รุ่น จัดโต๊ะคอมให้ถูกใจคุณรับปี 2023 นี้ แข็งแรง ดูดี มีฟังก์ชั่นเยอะ

โต๊ะคอมพิวเตอร์-ราคาถูก

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก เป็นสิ่งที่เกมเมอร์หลายคนมองหา ในปัจจุบันโต๊ะคอมมีให้เลือกมากมาย หลากหลายสไตล์ เพราะนอกจากจะทำให้คุณนั่งเล่นเกมหรือดูหนัง เทรดหุ้น ได้อย่างสบายใจแล้ว หรือคนทำงานก็ได้ใช้ฟังก์ชั่นสะดวก ราคาก็ยังถูกลง ในปัจจุบันการจ่าย 2,000 บาทกับการเลือกโต๊ะคอมดีๆ สักรุ่น ก็มีให้ใช้ เพียงแต่ผู้ใช้เอง จะต้องเลือกสรรให้เหมาะสมกับตัวเอง เช่น วัสดุ ขนาด ความแข็งแรง งานประกอบ ไปจนถึงฟังก์ชั่นเสริม ที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น แสงไฟ LED, ที่วางแก้วน้ำ หรือที่แขวนหูฟัง เพราะสิ่งเหล่านี้ จะลดการใช้พื้นที่บนโต๊ะได้ไม่น้อย และทำให้วางสิ่งสำคัญอื่นๆ ได้มากขึ้น เช่น สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต พรินเตอร์ กรอบรูป หรือจะเป็นต้นไม้เล็กๆ สักต้น และถ้าวันนี้คุณยังไม่มีไอเดียในการเลือกโต๊ะคอมเอาไว้ในใจ เรามีแนวทางดีๆ กับตัวอย่างโต๊ะคอมในงบสายกระเป๋ามาฝากกันครับ

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก 2000 บาท

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก

มิติและการจัดวาง โต๊ะคอมมีด้วยกันหลายขนาด ดังนั้นก็ต้องเลือกให้เหมาะกับขนาดห้อง พื้นที่จัดวาง เพราะจะช่วยให้คุณออกแบบ โซนพื้นที่ทำงานหรือเล่นเกมของคุณให้ลงตัวมากที่สุด ไม่เกะกะ และยังทำความสะอาดง่าย ซึ่งรวมถึงการตกแต่งให้เข้ากับสไตล์ของคุณ ไม่รกห้องหรือเกะกะ ทำความสะอาดง่าย โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก ก็มีตัวเลือกให้คุณได้ใช้งานได้ไม่น้อยเลย

Advertisementavw
Conclusion Content MSI

แข็งแรงรองรับการจัดวางพีซีได้ สิ่งนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลายคนมักจะชอบวางพีซีบนโต๊ะ มากกว่าบนพื้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ต่อสาย และอุปกรณ์ต่อพ่วง ที่ง่ายกว่า ดังนั้นการเลือกโต๊ะคอมที่มีโครงสร้างแข็งแรง จุดยึดที่แน่นหนา รวมถึงพื้นโต๊ะที่ไม่เป็นรอยง่าย ก็ทำให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น ปัจจุบันก็มีวัสดุให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ ไม้พาติเคิล ไม้อัด ไม้ยาง โลหะ กระจก ความสวยงามและความทนทาน ก็มีมากน้อย ลดหลั่นกันไป

ประกอบง่าย ดูแลสะดวก เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะคนที่ซื้อโต๊ะคอมมาเป็นแพ๊คแล้วประกอบเอง ถ้ามีชิ้นส่วนเยอะ ความซับซ้อนมาก ก็จะยิ่งใช้เวลานาน และอาจประกอบผิดได้ ซึ่งบางชิ้นติดผิดแล้วขยับออกไม่ได้ เสียแล้วเสียเลย แบบนี้ต้องระวัง หากไมชำนาญ และเครื่องมือไม่พร้อม แนะนำให้เลือกแบบที่ประกอบเสร็จ หรือมีช่างมาติดตั้งให้ จะลดปัญหาไปได้มากทีเดียว

Desktop PC table 2022 Cov3

ขนาด พื้นที่วางของบนโต๊ะ อยากให้เลือกโต๊ะคอม ที่มีพื้นที่ใช้งานกว้างกว่าการจัดวางพื้นฐานเล็กน้อย เพราะอย่าลืมว่า คุณอาจจะต้องใช้พื้นที่ในการวางสิ่งอื่นๆ หรือเป็นพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติม เช่น การวางมือถือ พรินเตอร์ กระดาษจดบันทึก หรือของใช้ส่วนตัว รวมถึงการเล่นเกม ที่ต้องอาศัยพื้นที่ในการเลื่อนเมาส์ได้แบบไม่ติดขัด เพราะคุณอาจจะเสียอารมณ์อย่างมาก ขณะที่เล่นแล้วต้องสะดุด หากใช้งานทั่วไป ไม่มีของเยอะ วางคอมใต้โต๊ะความยาว 120cm ก็เพียงพอ แต่ถ้าวางคอมบนโต๊ะ เป็นคอเกม มีอุปกรณ์ต่อพ่วงเสริม แนะนำที่ 140cm ขึ้นไป เพื่อให้จัดโต๊ะคอมได้สะดวกกว่า

ฟังก์ชั่นพิเศษอื่นๆ โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก ก็มีให้เลือกตามความเหมาะสม หากคุณคิดว่าจำเป็นต้องใช้ หรือคุ้มค่าใช้จ่าย เช่น ลิ้นชักเก็บของ ชั้นวางของเล็กๆ ช่องใส่แก้วน้ำ แสงไฟ RGB หรือจะเป็นที่แขวนหูฟังก็ตาม ยิ่งเป็นโต๊ะรุ่นใหม่ๆ ในสไตล์ Ergonomic Design ที่ปรับระดับความสูงได้ แบบนี้ราคาก็จะสูงตามไปด้วย

ปรับระดับได้ นับว่าเป็นสไตล์ของโต๊ะทำงานในแบบ Ergonomic design ที่หลายค่ายทำออกมาแข่งขันกัน ซึ่งข้อดีของโต๊ะแบบนี้ก็คือ ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานตามอิริยาบทได้ เช่นอาจจะยืน นั่งหรือบางครั้งก็สลับกันไปมา ลดความเมื่อยล้า แต่ก็มีข้อสังเกตในการเลือกคือ มอเตอร์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมักจะรับบทหนัก หากผู้ใช้จะปรับเลื่อนบ่อยๆ รวมถึงการรับน้ำหนัก ซึ่งควรจะให้อยู่ในเกณฑ์ที่ผู้ผลิตกำหนด ลดความเสียหายระหว่างการใช้


1.NEOLUTION QUORA – 2,090 บาท

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก

สำหรับโต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูกจาก NEOLUTION รุ่นนี้ ต้องถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะมีส่วนขยายเพิ่มเติมให้ผู้ใช้ จัดวางสิ่งของต่างๆ ได้มากขึ้นกว่าพื้นที่โต๊ะที่ขนาด 60cm x 100cm โดยพื้นโต๊ะเป็นพาติเคิล 1.5cm ทับด้วยเมลามีน ที่มีความแข็งแรง ไม่เป็นรอยง่าย เป็นแบบแผ่นเรียบ ให้การเคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ บนโต๊ะได้สะดวก เพียงพอสำหรับการวางจอคอมขนาดใหญ่ได้ไม่ยาก ติดตั้งบนโครงสร้างขาตั้งโลหะสีดำ โดยไม่มีโครงสร้างตรงกลางมาให้เกะกะ งานประกอบค่อนข้างปราณีต พร้อมใส่ฟังก์ชั่นการใช้งานมากอย่างครบครัน เช่น ที่วางแก้ว ที่แขวนหูฟัง แต่จะไม่ได้เจาะรูลอดสายไฟมาให้ มีส่วนขยายพื้นที่ด้านข้างมาให้ จัดโต๊ะคอมได้ค่อนข้างสะดวกทีเดียว ราคาอยู่ที่ 2,090 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์ดูทันสมัย ความยาวอยู่ที่ 100cm
มีที่วางแก้ว แขวนหูฟังมาด้วย

ไปช้อปได้ที่: NEOLUTION


2.Index Living Mall เอช-ลาร่า/พีเอสทู – 2,190 บาท

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก

โต๊ะคอมกึ่งทำงานจากทาง INDEX ที่ดูแตกต่างที่สุดในการรวมโต๊ะคอมครั้งนี้ เพราะมาในสไตล์ของโต๊ะไม้ที่ดูพรีเมียม และมีทั้งที่วางคีย์บอร์ด สไลด์เก็บได้ และลิ้นชักเก็บของ บนท็อปโต๊ะขนาด 60cmx120cm เรียกว่าพอเหมาะกับการใช้งาน ผลิตจากไม้พาร์ทิเคิลบอร์ด และปิดผิวหน้าด้วยเมลามีนที่เคลือบเลซิ่น ลดการเกิดรอย เหมาะกับคนที่เป็นเกมเมอร์ ที่เล่นเกมบนโน๊ตบุ๊คหรือจะวางจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ก็ยังไหว โต๊ะคอมรุ่นนี้ไม่ได้เจาะช่องลอดสาย ที่แขวนหูฟังหรือที่วางแก้วน้ำแยกมาให้ แต่ก็เสริมฟังก์ชั่้นอื่นๆ มาให้แทน ราคาอยู่ที่ 2,190 บาทเท่านั้น

จุดเด่น ข้อสังเกต
มาพร้อมลิ้นชัก ที่วางคีย์บอร์ดแยก ไม่ได้เจาะรู หรือที่วางแก้วมาให้
ได้ท็อปโต๊ะ 120cm

ไปช้อปได้ที่: Index


3.IKEA LAGKAPTEN / ADILS – 2,290 บาท

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก
ที่มา: IKEA

แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบพื้นที่จัดวางของเยอะๆ หรือใช้งานพื้นที่โต๊ะแบบที่ต้องวางคอมไว้บนโต๊ะได้ด้วย แนะนำโต๊ะจาก IKEA รุ่นนี้เลย เพราะใช้งานง่าย ติดตั้งประกอบสะดวก วัสดุท็อปโต๊ะเป็นบอร์ดออนเฟรม ผลิตจากกระดาษรีไซเคิลและปิดทับด้วยกรอบไม้ พาร์ติเคิลบอร์ด หรือไฟเบอร์บอร์ด ความหนาพอสมควร และขาแยกต่างหาก สามารถไขน็อตยึดได้เอง มีขาโต๊ะให้ถึง 5 ขาด้วยกัน รองรับน้ำหนักพื้นที่ตรงกลางโต๊ะ มิติความยาวมากถึง 200cm มากกว่าโต๊ะรุ่นอื่นๆ และกว้าง 60cm มีให้เลือกเฉดสีของโต๊ะและขามากถึง 8 รูปแบบ สนนราคาอยู่ที่ 2,290 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ความยาวโต๊ะมากถึง 200cm เรียบง่าย ไม่มีลูกเล่นเสริม
มีขาโต๊ะให้ 5 ขา

ไปช้อปได้ที่: IKEA


4.BAIERDI MALL – 2,340 บาท

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก
ที่มา: BAIERDI MALL

โต๊ะคอมแบบนั่งคู่ สำหรับเกมเมอร์ที่เล่นเป็นคู่ หรือสู้เป็นทีม กับดีไซน์ให้ความทันสมัย เน้นความสปอร์ต กับดีไซน์ขาด้านข้างตัว K มิติกว้างxยาวอยู่ที่ 60cm x 180cm จะใช้พื้นที่วางคอมก็สะดวก หรือจะเน้นวางแผ่นรองเมาส์ไซส์ XL ก็สบาย ท็อปโต๊ะหนา 1.6cm และวัสดุแบบไฟเบอร์ มุมโต๊ะมีความโค้งมน จะได้ไม่สะดุดหรือชนง่ายๆ ขาโต๊ะโลหะชิ้นใหญ่ เสริมจุดยึดขาทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน 2 ชั้น และมีสติ๊กเกอร์ประดับมาด้วย มีช่องลอดสายไฟมาให้ 2 จุดซ้าย-ขวา นอกจากนี้ก็มีที่แขวนหูฟังมาให้ ทำความสะอาดได้ไม่ยาก ราคาอยู่ที่ 2,340 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้พื้นที่โต๊ะกว้างขึ้น ยาว 180cm ไม่มีช่องลอดสายไฟ
มีที่ลอดสายไฟ และที่แขวนหูฟัง

ไปช้อปได้ที่: BAIERDI MALL


5.Nubwo ND-600S – 2,390 บาท

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก

โต๊ะคอมสไตล์เกมมิ่งที่มาในแบบล้ำๆ และความยาวของพื้นโต๊ะระดับ 120cm และกว้างถึง 75cm ด้วยกัน มีให้เลือกทั้งแดง ดำและน้ำเงิน โครงสร้างฐานที่เป็นโลหะ ให้สมดุลได้ดีพอสมควร ผิวสัมผัสเป็นแบบลายไฟเบอร์คาร์บอน เพื่อความสปอร์ตและมีช่องลอดสายไฟมาให้ เช่นเดียวกับ ที่แขวนหูฟัง ซึ่งทำมาค่อนข้างใหญ่พอสมควร แต่ไม่มีที่วางแก้วมาด้วย ตรงกลางมีโครงสร้างมายึดขาโต๊ะทั้งสองด้านเอาไว้ มีการทำลวดลายและเส้นสายไว้ดูสะดุดตา เคาะราคามาประมาณ 2,390 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้พื้นโต๊ะได้กว้างมากขึ้น 75cm จุดยึดขาโต๊ะใกล้ที่วางขา
มีช่องลอดสายไฟ และที่แขวนหูฟัง

ไปช้อปได้ที่: Nubwo


6.Furradec CT-2013 – 2,410 บาท

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก

มาถึงโต๊ะคอมเกมมิ่ง ที่มาในสไตล์ Ergonomic กันบ้าง สำหรับค่าย Furradec นี้ ที่มาในขนาด 60cm x 120cm ในมิติความกว้างxยาว ตัวโครงสร้างเป็นโลหะแข็งแรง เป็นโทนสีดำทั้งหมด พ่นสีมาได้สวยงาม มิติของฐานไม่ใหญ่ แต่น่าจะโดนใจใครที่ไม่ชอบขาแบบเอียงๆ เพราะเค้าออกแบบมาเป็นขาตรง พร้อมตัวยกระดับให้สูงจากพื้น มีตัวจับยึดขาโต๊ะไม่เกะกะ เวลาที่นั่งเหยียดขา และด้านบนโต๊ะใช้เป็น MDF เคลือบผิวด้วย PVC ไม่เป็นรอยง่าย ให้ฟังก์ชั่นมาแบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็น ที่วางแก้ว ที่แขวนหูฟัง และมีเจาะรูลอดสายไฟมาให้ทั้งสองด้านอีกด้วย จากบางร้านทำโปรฯ ได้ค่อนข้างดีทีเดียว เคาะราคาที่ 2,410 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดูไซน์ขาโต๊ะแนวตั้ง ไม่เกะกะ
มีที่ลอดสายไฟ ที่แขวนหูฟัง และที่วางแก้ว

ไปช้อปได้ที่: Furradec


7.Tengu Musashi – 2,490 บาท

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก

เป็นโต๊ะคอมในสไตล์เกมมิ่ง ที่มาในโครงสร้างที่สะดุดตา ราคาสบายกระเป๋า อยู่ที่ราว 2,490 บาท ขาโต๊ะมีให้เลือกสีขาวและดำ เป็นแบบโลหะ จุดยึดค่อนข้างแข็งแรง เมื่อดูจากด้านข้างจะเหมือนตัว K ที่มีการกระจายน้ำหนักไปยังพื้นได้มากขึ้น พื้นโต๊ะหุ้มด้วยวัสดุลายคาร์บอนไฟเบอร์ ให้ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น พร้อมช่องลอดสายไฟ และตัวครอบ โดยมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมอย่าง ที่วางแก้ว และที่แขวนหูฟังมาให้ครบครัน ไฮไลต์ที่สำคัญคือ แสงไฟ LED ที่ปรับได้ 4 โหมดด้วยกัน อยู่มุมโต๊ะด้านซ้ายและขวา โดยมีขนาดกว้างxยาว 60cm x 120cm และความสูงที่ 75cm ตามมาตรฐาน ติดตั้งขายึดจอคอมได้

จุดเด่น ข้อสังเกต
มีที่แขวนหูฟัง ลอดสายไฟและที่วางแก้ว มีขอบด้านข้างโต๊ะมาด้วย
แสงไฟ LED เพิ่มความสวยงาม

ไปช้อปได้ที่: Tengu


8.Nubwo-X NXGD-400 – 2,690 บาท

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูก

โต๊ะคอมสายเกมมิ่ง ที่มีความสปอร์ท โดดเด่นด้วยพื้นโต๊ะที่เป็นท็อปหุ้มด้วยวัสดุลายคาร์บอนไฟเบอร์ มีมิติกว้างxยาว อยู่ที่ 62cm x 119cm เหมาะกับการจัดวางเคสขนาดกลางและเล็ก และจอมอนิเตอร์ พร้อมแผ่นรองเมาส์ได้พอดีๆ โครงสร้างโลหะประกอบง่าย ความสูงจากพื้น 75cm ตามมาตรฐาน และแสงไฟ LED ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองด้าน ช่วยประดับโต๊ะให้ดูมีมิติ และความเป็นเกมมิ่งอย่างเด่นชัด มีความแข็งแรง พร้อมช่องลอดสายไฟ 2 ช่องซ้าย-ขวา และที่วางแก้วมาให้ ด้านหลัง รวมถึงที่แขวนหูฟัง เรียกว่าจัดมาอย่างครบครัน สนนราคาเคาะอยู่ที่ประมาณ 2,690 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
มาพร้อมช่องลอดสาย ที่วางแก้วและแขวนหูฟัง
มีแสงไฟ LED เพิ่มความสวยงาม

ไปช้อปได้ที่: NUBWO


Conclusion

ท็อปโต๊ะ วัสดุขาตั้ง ที่แขวนหูฟัง ที่วางแก้ว ราคา
1.NEOLUTION QUORA 60cmx100cm โลหะ มี มี 2,090
2.Index Living Mall เอช-ลาร่า 60cmx120cm โลหะ ไม่มี ไม่มี 2,190
3.IKEA LAGKAPTEN / ADILS 60cm x 200cm โลหะ ไม่มี ไม่มี 2,290
4.BAIERDI MALL 60cm x 180cm โลหะ มี ไม่มี 2,340
5.Nubwo ND-600S 75cm x 120cm โลหะ มี ไม่มี 2,390
6.Furradec CT-2013 60cm x 120cm โลหะ มี มี 2,410
7.Tengu Musashi 60cm x 120cm โลหะ มี มี 2,490
8.NUBWO-X NXGD-400 62cm x 119cm โลหะ มี มี 2,690

โต๊ะคอมพิวเตอร์ ราคาถูกในปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่โต๊ะพื้นฐานทั่วไป ที่ใช้ในการเรียนในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงโต๊ะทำงาน และโต๊ะคอมสำหรับเล่นเกม การเลือกใช้ ก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ตามที่ได้แนะนำไปในเบื้องต้น บรรดาโต๊ะคอมที่เรารวบรวมมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ดี หากคุณชื่นชอบ ก็สามารถคลิ๊กลิงก์ไปหาข้อมูลหรือร้านจำหน่ายได้จากบทความนี้ สำหรับคนที่ชอบโต๊ะยาวๆ มีตัวเลือกจาก IKEA และ BAIERDI MALL ที่ระดับ 180cm – 200cm ให้เลือก สามารถวางอุปกรณ์เสริมและคอมไว้บนโต๊ะได้ แต่ถ้าเน้นฟังก์ชั่นมีหลายรุ่นที่เป็นโต๊ะคอเกมมิ่ง ที่มีทั้งแขวนหูฟัง และวางแก้วให้ครบ แต่จะมีเพียงบางรุ่นเท่านั้น ที่มีแสงไฟ LED มาให้ที่โต๊ะเลย เช่น Tengu Musashi เป็นต้น ส่วนถ้างบจำกัด 2,000 บาท ก็มี NEOLUTION QUORA ที่ให้ฟังก์ชั่นมาแน่นๆ ในงบประมาณนี้มาเลย เพียงแต่จะได้ความยาวโต๊ะ 100cm ซึ่งถ้าคุณใช้งานในพื้นที่จำกัดอยู่แล้ว ก็ถือว่าลงตัวครับ

และเรื่องที่สำคัญอย่างมากก็คือ การปรับสรีระการนั่งให้เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีในวันข้างหน้า และพักสายตาจากการทำงานหรือเล่นเกมบ้าง เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง แม้คุณจะเลือกโต๊ะคอมได้ตามต้องการแล้วก็ตาม อย่าลืมพักผ่อน และจัดท่าทางการนั่งของคุณให้ดีด้วยครับ โอกาสหน้าพบกันใหม่

from:https://notebookspec.com/web/679110-8-gaming-desktop-2022

แนะนำเทคนิคเก็บสายไฟ โต๊ะคอม ไม่รกรุงรัง สบายตา น่าทำงานมากยิ่งขึ้น อัปเดต 2022

เทคนิคเก็บสายไฟ โต๊ะคอม ให้ไม่รกรุงรัก สบายตา น่านั่งทำงาน อัปเดต 2022

เก็บสายไฟ โต๊ะคอม, วิธีเก็บสายไฟโต๊ะคอม

ปัญหาสายไฟรกรุงรังนั้นเกิดขึ้นอยู่ทั่วไป ไม่เฉพาะเพียงบ้านที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ PC เท่านั้น แต่รวมไปถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่ต้องใช้ไฟฟ้าด้วย ส่งผลให้หลายๆ คนเกิดปัญหาสายไฟที่เกะกะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัย การทำความสะอาด รวมไปถึงในเวลาที่เกิดปัญหาขึ้น หากสายไฟระโยงระยาง การจะไปหาปลายทางกับต้นทางนั้นก็ยุ่งยากยิ่งขึ้น ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากจะมาแนะนำเทคนิคดีๆ สำหรับเก็บสายไฟ โต๊ะคอม ไม่ให้รกรุงรัง ช่วยให้สามารถเก็บของ ทำความสะอาดโต๊ะได้ง่ายยิ่งขึ้น จะหยิบใช้อะไรก็ไม่ต้องติดสายไฟ นอกจากนี้โต๊ะยังดูเป็นระเบียบเรียบร้อย น่านั่งทำงานมากยิ่งขึ้นด้วย


เทคนิควิธีจัดเก็บสายไฟ โต๊ะคอม

วิธีเก็บสายไฟโต๊ะคอม หรือการจัดเก็บสายไฟสำหรับโต๊ะคอมหรือโต๊ะทำงานนั้น อาจเริ่มต้นได้จากขั้นตอน ดังนี้

Advertisementavw
FP3AH11FQJZD6ZY.MEDIUM
  • สำรวจ: เริ่มต้นนั้น เราก็ควรสำรวจปลั๊กไฟ สายไฟเสียก่อนว่ามีจำนวนกี่เส้น ถ้าหากพันกันอยู่ก็ลองแกะ ปรับให้เป็นระเบียบ ดูว่าต้นทางและปลายทางอยู่ที่ไหน อย่างไร มีสายไหนบ้างที่ยังใช้งานอยู่ สายไหนบ้างที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
FU8UQ7TFQJZD6ZS.MEDIUM
  • รวมแล้วจัดระเบียบ: เมื่อเราดูต้นทางปลายทาง สายไฟที่ยังใช้งานอยู่เรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนในการจัดระเบียบ โดยเมื่อแยกสายไฟได้แล้ว ก็อาจเลือกจัดวางในจุดที่ไม่รกตาและไม่ก่อให้เกิดอันตราย เช่น วางไว้ใต้โต๊ะ, ซ่อนไว้ตามมุมหรือในจุดที่ไม่ได้เดินผ่านหรือใช้งาน เป็นต้น
FWQ7UZPFQJZD6ZU.MEDIUM
  • ใช้ตัวช่วย: ตัวช่วยในการจัดเก็บสายไฟ โต๊ะคอม ที่ว่านี้ก็คือ การเดินสายไฟผ่านราง, กล่องเก็บปลั๊กไฟ, ใช้เทป หรือพลาสติกช่วยในการเดินสายไฟให้เป็นระเบียบ แต่ขั้นตอนหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ การเลือกตำแหน่งวางปลั๊กพ่วงที่ให้สายไฟที่เราเดินได้มาเสียบในจุดเดียวกัน และเมื่อเดินสายไฟมายังจุดเชื่อมปลั๊กแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการเก็บรายละเอียด โดยในส่วนนี้อาจใช้ตัวยึดสายไฟที่เป็นลักษณะของเทป หรือพลาสติกเข้ามาช่วยในการยึดสายไฟไม่ให้หย่อนหรือเกะกะสายตา โดยตัวช่วยในการจัดการกับสายไฟนั้นก็จะมีตั้งแต่
    • ตะแรงเหล็ก โดยอาจนำมาติดไว้ด้านหลังของโต๊ะคอม เพื่อช่วยในการเดินสายไฟ จากนั้นจึงยึดไว้ด้วยเทปสำหรับติดสายไฟ เพื่อให้ง่ายในการแก้ไข
    • รางเก็บสายไฟ สำหรับรางเก็บสายไฟนั้น ก็สามารถนำมายึดหรือติดไว้กับตัวโต๊ะคอมได้ สามารถนำปลั๊กหรือสายไฟไปวางพาดในรางได้โดยไม่จำเป็นต้องยึด ในขณะที่ตัวรางช่วยซ่อนสายไฟที่รุงรังให้พ้นจากสายตาได้เป็นอย่างดี ทำให้โต๊ะคอม โต๊ะทำงานดูเป็นระเบียบและสะอาดตามากยิ่งขึ้น
    • กล่องสำหรับเก็บปลั๊กไฟ อีกหนึ่งตัวช่วย ในการจัดเก็บสายไฟได้เป็นอย่างดี โดยเราสามารถใช้กล่องเก็บปลั๊กไฟเป็นจุดสำหรับการเสียบปลั๊ก โดยวางปลั๊กพ่วงลงไป ข้อดีก็คือ นอกจากความเป็นระเบียบ สวยงามแล้ว ยังช่วยในเรื่องของความเสียงที่จะไปโดนปลั๊ก ทำให้ปลั๊กหลุดได้ง่ายๆ ด้วย

แนะนำรางเก็บสายไฟ กล่องเก็บปลั๊ก ที่น่าซื้อมาใช้งาน

อุปกรณ์เก็บสายไฟ โต๊ะคอม ราคา ประโยชน์
ตัวล็อคสายไฟ 20 บาท ช่วยในการเดินสายไฟที่เป็นระเบียบยิ่งขึ้น ไม่หย่อน หรือรุงรัง
กล่องเก็บสายไฟ 139 – 229 บาท จัดเก็บปลั๊กไฟ เพิ่มความเป็นระเบียบและความปลอดภัย ทั้งจากเด็กเล็ก หรือปัญหาปลั๊กหลุดง่าย
OWIRE Cable Organizer 31 – 49 บาท ช่วยให้สายเคเบิลหรือสาย USB ไม่พันกัน เป็นระเบียบ หยิบใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น
รางเก็บสายไฟแนวนอน SIGNUM 299 บาท ช่วยซ่อนสายไฟที่รุงรัง สามารถพาดสายไฟผ่านได้ดี เพิ่มความเป็นระเบียบให้กับโต๊ะคอมพิวเตอร์ หรือโต๊ะทำงาน
mumuso ที่หนีบสายไฟ แขวนสายไฟ 5 บาท ช่วยให้สามารถเก็บสายไฟได้เป็นระเบียบยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสายไฟที่ต้องการพาดผ่านหนัง

1. ตัวล็อคสายไฟ

cc1

มาเริ่มกันด้วยตัวล็อคสายไฟ ที่จะช่วยในการจัดเก็บสายไฟให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ไม่หย่อน หรือรกรุงรัง โดยตัวล็อคที่ทีมงานนำมาแนะนั้นนั้น จะมีให้เลือก 2 ขนาดด้วยกัน คือขนาดประมาณ 4-7 มม. และขนาด 7-11 มม. โดยตัวเก็บสายไฟนี้จะใช้วัสดุเป็นเรซิน ABS มาพร้อมเทปสองหน้า 3M สำหรับติดตัวล็อคไว้ สามารถจัดเก็บได้ทั้งสายชาร์จ, สาย USB, สายแลน, สายทีวี หรือปลั๊กไฟทั่วๆ ไป โดยสามารถติดได้ทั้งบนพื้นผิวที่เป็น ไม้, แก้ว, โลหะ, พลาสติก, กระเบื้อง ฯลฯ

  • ขนาดประมาณ 4 – 7 มม. เหมาะสำหรับ สายชาร์จแบตเตอรี่, สายสัญญาณเสียง, สาย USB เป็นต้น
  • ขนาดประมาณ 7 – 11 มม. เหมาะสำหรับ สายเคเบิลทีวี, สายชาร์จแบตเตอรี่, สายอินเทอร์เน็ต, สายไวไฟ, สายลำโพงม ปลั๊กไฟ เป็นต้น

ราคา: 20 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE


2. กล่องเก็บสายไฟ

cc2

กล่องเก็บสายไฟนี้ มีมาด้วยกัน 2 รุ่น โดยเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับการเก็บปลั๊กไฟขนาดไม่เกิน 26 x 10.5 ซม. ทั้งสองรุ่นนั้นมีให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ กล่องสีขาวฝากสีเทา และ กล่องสีเทาฝาสีขาว มาพร้อมกับฝาปิด และช่องเก็บของอเนกประสงค์ กล่องเก็บสายไฟทั้งสองรุ่นใช้วัสดุที่เป็น PP และ ABS มีความแข็งแรงทนทาน ด้านล่างมีช่องสะหรับรำบายความร้อน พร้อมยางกันลื่น ช่วยให้สามารถจัดเก็บปลั๊กไฟให้เป็นระเรียบเรียบร้อยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งส่วนด้านบนของฝาปิดยังสามารถใช้วางสิ่งของต่างๆ ได้ด้วย

  • รุ่นที่ 1 ขนาด 28.8 x 13.4 x 14.1 ซม.
  • รุ่นที่ 2 ขนาด 32 x 12 x 11 ซม.

ราคา: 139 – 229 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE


3. OWIRE Cable Organizer

cc3

ซิลิโคนสำหรับช่วยในการจัดเก็บสาย USB จากแบรนด์ OWIRE ที่จะช่วยจัดระเบียบสายไฟหรือสาย USB ให้เรา โดยเฉพาะสายชาร์จต่างๆ หรือสายเคเบิล ด้วยวัสดุซิลิโคน ช่วยให้สามารถจัดระเบียบสายได้ดี ทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถเก็บได้ทั้งสายชาร์จที่มีขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการหัก หรืองอ ของสายได้เป็นอย่างดี ด้านหลัวมาพร้อมกาวสองหน้า 3M ช่วยในการยึดเกาะที่ดี ไม่หลุดง่าย โดยจะมีขนาดให้เลือกตามจำนวนสายที่สามารถเก็บได้ 3 ขนาดด้วยกัน คือ 3 ช่อง, 5 ช่อง และ 7 ช่อง

ราคา: 31 – 49 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE


4. รางเก็บสายไฟแนวนอน SIGNUM

cc4

รางเก็บสายไฟแนวนอน SIGNUM จาก IKEA รุ่นนี้มีขนาด 16 x 70 ซม. ทำจากวัสดุที่เป็นโลหะ พ่นสีฝุ่น ให้ความแข็งแรง สามารถวางสายไฟพากผ่านได้ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังสามารถยึดติดกับโต๊ะได้ง่าย ช่วยให้การจัดเก็บสายไฟบนโต๊ะคอมพิวเตอร์หรือโต๊ะทำงาน มีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ตัวรางสามารถรองรับน้ำหนักของสายไฟได้ถึง 10 กิโลกรัมด้วยกัน

ราคา: 299 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: IKEA, SHOPEE


5. mumuso ที่หนีบสายไฟ แขวนสายไฟ

cc5

สำหรับใครที่ที่ต้องการความเป็นระเบียบของสายไฟ ไม่ว่าจะเป็นบนโต๊ะ หรือผนัง ที่หนีบสายไฟจาก mumuso รุ่นนี้ช่วยได้อย่างแน่นอน แถมยังมาพร้อมสีสันที่มีความสวยงาม มีให้เลือกถึง 4 สีด้วยกัน คือ สีเหลือง, สีเขียว, สีขาว และสีชมพู โดยจะมีขนาดอยู่ที่ 3 x 8 ซม. สามารถติดบนผนังได้โดยไม่ต้องเจาะรู คือสามารถติดผ่านกาวสองหน้า 3M ที่อยู่ด้านหลังก็ที่หนีบได้เลย โดยกาวมีการยึดเกาะที่ดี ไม่หลุดหรือหล่นง่าย และไม่ทำให้ผนังเป็นรอย อีกทั้งยังสามารถหมุนเก็บสายไฟผ่านตัวหนีบได้ด้วย ช่วยให้การจัดระเบียบของสายไฟทำได้ดีมากยิ่งขึ้น

ราคา: 5 บาท

สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE


และทั้งหมดนี้ก็คือเทคนิคการจัดเก็บสายไฟบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ หรือโต๊ะทำงาน ที่ทีมงานได้นำมาฝากกัน พร้อมทั้งแนะนำตัวช่วยดีๆ สำหรับใช้ในการจัดเก็บสายไฟอีกด้วย แต่การจัดเก็บสายไฟสำหรับโต๊ะคอมพิวเตอร์นั้น นอกจากความเป็นระเบียบแล้ว ยังต้องอาศัยไอเดีย การนำไปประยุกต์ใช้งาน ให้เหมาะกับพื้นที่โต๊ะทำงานรวมไปถึงตำแหน่งของปลั๊กไฟของแต่ละคนด้วย สำหรับใครที่ต้องการเก็บสายไฟก็สามารถไปลองทำกันดูได้เลย รับรองว่าโต๊ะคอมจะดูสะอาดตามากยิ่งขึ้น น่านั่งทำงาน อีกทั้งยังเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นอีกด้วย


อ่านบทความเพิ่มเติม / เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สายชาร์จ Type C
คีย์บอร์ด บลูทูธ
โต๊ะคอมพับได้ Shopee
เว็บอ่านการ์ตูนออนไลน์ฟรี
เปรียบเทียบ Apple Watch Series 7 vs 8
บีบไฟล์วิดีโอ ออนไลน์
เว็บออกแบบโปสเตอร์ ฟรี

from:https://notebookspec.com/web/678830-cable-management-for-desk-setup