คลังเก็บป้ายกำกับ: จอ_OLED

10 อันดับโน๊ตบุ๊ค 10000 บาท จอใหญ่ แรม 8GB มีวินโดว์พร้อมใช้ ดูหนังเพลิน

10 อันดับโน๊ตบุ๊ค 10000 บาท จอใหญ่ Full-HD มี SSD พร้อม Windows แรม 8GB เบา เทรดหุ้น ดูหนังครบ

Top 10 value notebook 10000B cov

10 อันดับโน๊ตบุ๊คเริ่ม 10000 บาท จ่ายเบาๆ ได้จอใหญ่ น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มีอยู่จริง รวมมาให้แล้ว เป็นรุ่นเด็ดต้นปี 2023 นี้ สำหรับสายทำงานและบันเทิง ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพดี รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ เริ่มต้นกับการเรียน หรือการศึกษาของเด็กๆ ไปจนถึงการดูหนัง 4K ที่เป็นจอขนาดใหญ่ 15.6″ ความละเอียด Full-HD แล้วด้วย ให้ภาพที่ดูได้อย่างเต็มตา และมาพร้อมแรม 8GB บางรุ่นเป็น 16GB รวมถึงใส่ SSD มาด้วยเช่นกัน เพื่อความลื่นไหล ซีพียูมีให้เลือกตั้งแต่น้องเล็กอย่าง Intel Celeron หรือ AMD Athlon ไปจนถึง Intel Core i Generation แต่ที่สำคัญมี Windows มาให้พร้อมใช้ เปิดเครื่องมา ก็ทำงานได้เลย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม แต่ละรุ่นจัดว่าเด็ด แต่มีรุ่นไหนที่จะโดนใจคุณบ้าง ไปติดตามชมกันครับ

10 อันดับโน๊ตบุ๊ค 10000 บาท


โน๊ตบุ๊ค 10000 บาท เลือกแบบไหนดี?

ทำงานเอกสาร เรียน ประชุมออนไลน์

Advertisementavw
10 อันดับ

สำหรับโน๊ตบุ๊คงบ 10000 บาท อยู่ในกลุ่มที่รองรับการใช้งานด้านงานเอกสาร และในสำนักงานเบื้องต้นได้ แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้ทรัพยากรมาก เช่น เปิดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือใช้โปรแกรมที่ต้องอาศัยแรม และซีพียู เช่น โปรแกรมสร้างพรีเซนเทชั่น เปิดเอกสารทีเดียวจำนวนมาก ซีพียู 2 core/ 4 thread เป็นตัวเริ่มต้นได้ แต่ควรมีแรมอย่างน้อย 8GB เพื่อให้การทำงานลื่นขึ้น ส่วนการจัดเก็บข้อมูล หากมีจำนวนมาก แนะนำว่าให้ใช้ SSD 512GB หรือใช้บริการ Cloud Storage น่าจะสะดวกมากยิ่งขึ้น จอขนาดใหญ่ ช่วยให้มีพื้นที่ในการประชุมและมองเห็นข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น

เทรดหุ้น ท่องอินเทอร์เน็ตหาข้อมูล

10 อันดับ

การใช้งานด้านเทรดหุ้น แม้จะมองว่าการดูกราฟ จะต้องใช้สเปคแรงด้วยหรือ? ถ้าเป็นการดูข้อมูลเฉยๆ ซีพียูรุ่นน้องเล็ก ก็เพียงพอ แต่ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะควบคู่ไปกับการหาข้อมูลตลาด การฟังข่าวหรือการรีเช็คราคาที่ผ่านมาในอดีต ดังนั้นจึงเป็นการทำงานแบบมัลติทาส์ก เพราะต้องประมวลผลหลายอย่างพร้อมกัน การมีซีพียูในระดับที่สูงขึ้น เช่น Intel Core i3 หรือ AMD Ryzen 3 กับแรมอย่างน้อย 8GB ก็ช่วยให้ไหลลื่นขึ้น แต่ถ้าเปิดแท็ปเว็บเบราว์เซอร์ค่อนข้างเยอะ แนะนำว่าแรม 16GB เหมาะสมมากกว่า จอใหญ่ไฟสว่าง ก็ไม่ต้องซูมบ่อย ยกเว้นจะพกพาด้วยจอ 14″ FHD ก็เพียงพอแล้ว

ดูหนัง เล่นเกมออนไลน์เบาๆ

10 อันดับ

โน๊ตบุ๊ค 10000 บาท เป็นโน๊ตบุ๊คที่อาจจะคาดหวังกับการเล่นเกมได้ยาก แต่ถ้าเป็นเกมออนไลน์เบาๆ เช่น ยิงไข่ ไล่ซอมบี้ เรียงเพชรหรือจะเป็นแนว 2D ในแบบต่างๆ สามารถทำได้สบายๆ ดังนั้นหากคุณต้องการเล่นเกมหนักๆ ก็อาจจะต้องลองเริ่มต้นกับการตั้งค่าในเกม ปรับ Detail ให้เหมาะ แต่สุดท้ายไม่ได้ ก็คงต้องขยับไปที่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค ปัจจุบันเริ่มที่ประมาณ 20000 บาท ส่วนการดูหนัง Full-HD, 4K และใช้เพียงหน้าจอเดียว เลือกรุ่นประหยัดสุด ก็ยังไหว แต่อยากให้เป็นแรม 8GB ดูน่าสนใจกว่า และถ้ามีน้องๆ หนูๆ เล่นด้วยกัน จัดจอใหญ่ 15.6″ ก็แบ่งปันกันดูได้ดียิ่งขึ้น


1.Acer Aspire 3 A314-35

10 อันดับ

โน๊ตบุ๊คที่มาแบบครบครัน ใน 10 อันดับครั้งนี้ กับสายพันธุ์ของ Aspire 3 ที่ออกแบบมาลงตัวกับผู้ใช้ในกลุ่มคนทำงาน ไลฟ์สไตล์และนักเรียน ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาแค่ 1.6Kg สเปคพอใช้ท่องเน็ต ทำงานเอกสาร และดูหนังบนจอ 14″ Full-HD ได้ลื่นๆ กับซีพียู Intel Pentium N6000 (2 core/ 4 thread) พร้อมแรม 4GB ที่อัพเกรดเพิ่มได้ และใส่ฮาร์ดไดรฟ์มา 500GB รุ่นนี้เท่าที่เช็ค มีโมเดลที่เป็น SSD 256GB ด้วย มี Windows 10 มาให้ คีย์บอร์ดไม่มีแสงไฟ และแบตค่อนข้างเล็กไปนิด เคาะราคามา 8,990 บาท เท่านั้น ไปช้อปกันได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
น้ำหนักเบา แรม 4GB
ให้พอร์ตมาเยอะ

รายละเอียดเพิ่มเติม: Acer


2.IPASON MAXBOOK P2 PRO-P981

10 อันดับ

ติด 10 อันดับ โน๊ตบุ๊คราคาไม่ถึงหมื่นบาท IPASON แบรนด์น้องใหม่ในบ้านเรา ที่กระแสตอบรับดี บอดี้ที่บางเบา ฟังก์ชั่นจัดเต็ม ทั้งสแกนลายนิ้วมือ กางได้ 180 องศา คีย์บอร์ด Full-size แต่เสียดายที่ไม่มีไฟ Backlit มาให้ แต่ก็ได้อย่างอื่นแทน เช่น แรม 16GB ใส่ซีพียู Intel Celeron มาให้ แต่เป็นรุ่นใหม่ 4 core/ 4 thread กราฟิก Intel UHD สำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป หน้าจอ IPS 15.6” Full-HD สีสดใส พอร์ตใหม่ๆ USB-C และ HDMI มีให้ครบ พร้อมแบตขนาดใหญ่ Windows 11 พร้อมใช้ ตัวเครื่องรับประกัน 2 ปี ราคาแค่ 9,890 บาท แต่เวลานี้ค่อนข้างหายากนิดนึงครับ ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้แรมมาเยอะ ไม่มีไฟคีย์บอร์ด
กางจอได้ 180 องศา

รายละเอียดเพิ่มเติม: IPASON


3.Lenovo IdeaPad 1 15IGL7

10 อันดับ

สำหรับโน๊ตบุ๊ค 10000 สุดประหยัดรุ่นนี้ ดีกรีไม่ธรรมดา วัสดุดูดี งานประกอบแน่น หน้าจอใหญ่ 15.6″ Full-HD ดูหนังเต็มตา ทำงานก็สะดวก เล่นเกมออนไลน์เบาๆ ขุมพลัง Intel Pentium N4020 กับกราฟิก Intel UHD ก็พอไหว งาน 2D/3D พรีเซนเทชั่นทั่วไป ไม่ยาก มาพร้อมแรม 4GB เสียดายที่อัพแรมเพิ่มไม่ได้ ส่วน SSD มีให้ 256GB พอร์ตก็มีให้ครบๆ USB-C, HDMI ใส่ Card Reader มาให้ด้วย พร้อม Windows 11 Home พร้อมใช้งาน แบตใหญ่ น้ำหนัก 1.5Kg ประกัน 2 ปี แต่เป็นอุบัติเหตุ 1 ปีด้วยนะ ราคาประมาณ 9,990 บาทเท่านั้น ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
จอใหญ่สีสดใส มีแรมให้ 4GB
วัสดุค่อนข้างดี

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


4.HP 15s-eq1575AU

10 อันดับ

เป็นอีกหนึ่งใน 10 อันดับโน๊ตบุ๊คสไตล์บางๆ ที่มีความพรีเมียม หน้าจอ 15.6″ Full-HD กว้างขวาง ขอบจอบาง เอาใจคนทำงานและการเริ่มต้นเรียนรู้ของเด็กๆ แถมยังให้ Windows 11 Home มาแล้วด้วย โดยมีขุมพลัง AMD Athlon Gold 3150U เป็นน้องเล็ก ทำงาน 2 core/ 4 thread พร้อมแรม 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ในภายหลัง กราฟิก AMD Radeon ดูหนัง เล่นเกมเบาๆ เอาใจน้องๆ ยังไหว ใช้เทรดหุ้นก็ลื่นดี มี SSD 256GB คีย์บอร์ด Full-size ใส่แบตมากลางๆ พอร์ต USB-C, HDMI มีให้ครบ น้ำหนักประมาณ 1.7Kg ประกัน 2 ปี ราคา 11,390 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้แรมมา 8GB น้ำหนักค่อนข้างเยอะ
พอร์ตเยอะ พร้อม USB-C

รายละเอียดเพิ่มเติม: HP


5.ASUS Vivobook 15 X1500EA-EJP01W

10 อันดับ

สำหรับ Vivobook 15 ก็มาตามคาด กับราคาที่ดีงาม บอดี้ที่ถอดแบบมาจากรุ่นพี่ บางสวย แม้ซีพียูจะเป็นน้องเล็ก Pentium Gold 7505 แต่ถือว่าสดใหม่ เรี่ยวแรงพอใช้งานในหลายๆ ด้านได้ พร้อมแรม 4GB อัพเกรดเพิ่มได้ และ SSD 512GB หาได้ยากในราคาประมาณนี้ พอร์ตมีทั้ง USB-C และ HDMI หน้าจอ 15.6″ Full-HD กว้างขวาง สำหรับงานและความบันเทิง แม้จะไม่ได้เสริมฟีเจอร์พิเศษมามากมาย แต่ก็สะดวกต่อการใช้งานพื้นฐาน โดยมี Windows 11 พร้อมใช้ประกัน 2 ปี ราคา 12,990 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์บาง กระทัดรัด มีแรม 4GB

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


6.Lenovo V15 G3 ABA 82TV004VTA

10 อันดับ

เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มทำงาน บอดี้ที่ดูพรีเมียม ดูสบายตา ราคา 10000 บาทนิดๆ ได้สเปคใหม่หมดจด เหมาะทั้งเรียน ทำงาน และความบันเทิง กับซีพียู AMD Ryzen 3 5425U รุ่นใหม่ คู่กับแรม 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ และให้ SSD 256GB บนจอแสดงผล 15.6″ กราฟิกสามารถเล่นเกมเบาๆ ได้ ดูหนัง 4K ระบบเสียงก็ถือว่าดี พร้อมพอร์ต USB-C ชาร์จเร็ว และต่อจอได้ แบตอาจจะน้อยไปบ้าง สำหรับจอใหญ่แบบนี้ และไม่มี OS มาให้ น้ำหนักประมาณ 1.7Kg พกได้ไม่ยาก ประกัน 1 ปี ราคา 12,990 บาท ถ้าใครอยากได้ Windows ด้วย ขยับไป IdeaPad 3 ก็ได้ เพิ่มอีกประมาณพันนึงครับ ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
วัสดุแข็งแรง น้ำหนัก 1.7Kg
ได้แรม 8GB

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


7.ASUS X515JA-EJ331W

10 อันดับ

10 อันดับโน๊ตบุ๊คราคาหมื่นนิดๆ แต่ได้เป็น Intel Core i3 Gen10 ได้แรงเพิ่มอีกนิด 2 core/ 4 thread ให้เร่งสปีดงานต่างๆ ได้ดีขึ้น เหมาะกับการใช้งานทั่วไป และความบันเทิงภายในบ้าน จอใหญ่ 15.6″ Full-HD กับบอดี้ที่ทำออกมาได้ดี ตามสไตล์ ASUS แรมให้มา 4GB แต่อัพเกรดเพิ่มได้ภายหลัง SSD 512GB จัดเต็มมาให้แล้ว พอร์ต USB-C, HDMI มีให้ครบ คีย์บอร์ดฟอนต์ใหญ่ เห็นได้ชัดเจน มี Windows 11 Home มาพร้อมใช้ แบตอาจจะเล็กไปบ้าง น้ำหนักค่อนข้างเยอะหน่อย 1.7Kg แต่เรื่องสเปคและการอัพเกรดไม่ได้เป็นรองใคร รับประกัน 2 ปี ในราคาสบายกระเป๋า 12,990 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
จอใหญ่ ขอบจอบาง มีแรม 4GB
มีพอร์ตให้เยอะ

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


8.Infinix Book X2 I5 71008300113

10 อันดับ

Infinix Book เป็นโน๊ตบุ๊คที่เปิดตัวมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว กับความบางเบา ราคาเข้าถึงง่าย จุดแข็งที่บอดี้อะลูมิเนียมทั้งตัว สีสันสดใส พร้อมให้ Windows 11 มาด้วย นอกเหนือจากสเปค Intel Core i5-1035G1 พร้อมแรม 8GB และให้ SSD 512GB มาใช้งาน หน้าจอขนาด 14″ Full-HD พาแนล IPS คมชัด ขอบเขตสีกว้าง พอร์ตจัดวางให้ครบครัน รวม USB-C และ HDMI ที่สำคัญคือ คีย์บอร์ดกดง่าย มีไฟ Backlit แบตอึด หาตัวเทียบยากในราคาเดียวกัน รับประกัน 1 ปี น้ำหนัก 1.24Kg ใครที่ชอบความบางเบา พกพาง่าย บอดี้แกร่ง ไม่ควรพลาด ราคา 13,900 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้แรม 8GB
ซีพียู Intel Core i5

รายละเอียดเพิ่มเติม: Infinix


9.Lenovo IdeaPad Flex 5i

10 อันดับ

เข้ามาใน 10 อันดับ กับ Lenovo ที่มีโมเดลในตลาดเริ่มต้นค่อนข้างเยอะ เช่นเดียวกับรุ่นนี้ ที่ราคาจะสูงนิดนึง แต่ได้ลูกเล่นเพียบ เช่นการพับจอเป็นโหมดต่างๆ รองรับทัชสกรีน 14″ Full-HD พาแนล IPS คมชัด มุมมองกว้าง ซีพียู Intel Core i3 Gen 11 ให้แรม 4GB ออนบอร์ด แต่อัพเพิ่มไม่ได้ SSD 256GB มาตรฐาน กราฟิก Intel UHD Graphic ให้พอร์ตมาเยอะ USB-C และ HDMI แถมยังมีไฟคีย์บอร์ด มาอีกด้วย รวมถึงระบบสแกนลายนิ้วมือ บอดี้อะลูมิเนียม น้ำหนักตัวแค่ประมาณ 1.5Kg เท่านั้น ราคา 13,990 บาท ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
พับจอได้ 360 องศา ให้แรม 4GB
บอดี้แข็งแรง

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


10.HP 15s-fq5154TU

10 อันดับ

HP 15s รุ่นนี้ทำราคากับสเปคได้ดีน่าสนใจเข้ามาใน 10 อันดับโน๊ตบุ๊คนี้ ด้วยบอดี้ที่น่าจะถูกใจสายพรีเมียม เพราะดูเหมือนลายอลูมิเนียมปัดเสี้ยนมาสวยๆ หน้าจอ 15.6″ Full-HD มาให้ และใส่ซีพียู Intel Core i3-1215U รุ่นใหม่ แรง ประหยัดไฟ พร้อมแรม 8GB และ SSD 256GB กราฟิก Intel UHD มี Windows 11 Home พร้อมใช้ แบตจัดได้ว่ากลางๆ แต่ก็ใหญ่กว่าในหลายรุ่น พอร์ตมี USB-C พอให้ใช้กับ HDMI น้ำหนักตัว 1.69Kg ส่วนตัวถือว่าทำได้ค่อนข้างดี การรับประกัน 2 ปี ราคา 13,900 บาท แต่ซื้ออนไลน์ถูกลงอีก ใครชอบสไตล์นี้ จัดได้เลย ไปช้อปได้ ที่นี่

จุดเด่น ข้อสังเกต
บอดี้แข็งแรง ดีไซน์สวย น้ำหนัก 1.69Kg
ให้แรม 8GB

รายละเอียดเพิ่มเติม: HP


Conclusion

Model Display CPU RAM Storage Graphic Weight Price
1.Acer Aspire 3 A314 14″ FHD Intel Pentium N6000 4GB 256GB Intel UHD 1.62Kg 8,990
2.IPASON MAXBOOK P2 15.6″ FHD Intel Celeron N5105 16GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 9,890
3.Lenovo IdeaPad 1 15.6″ FHD Intel Pentium N4020 4GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 9,990
4.HP 15s-eq1575AU 15.6″ FHD AMD Athlon Gold 3150U 8GB 256GB AMD Radeon 1.7Kg 11,390
5.ASUS Vivobook 15 15.6″ FHD Intel Pentium Gold 7505 4GB 512GB Intel UHD 1.8Kg 12,990
6.Lenovo V15 G3 15.6″ FHD AMD Ryzen 3 5425U 8GB 256GB AMD Radeon 1.7Kg 12,990
7.ASUS X515JA 15.6″ FHD Intel Core i3-1005G1 4GB 512GB Intel UHD 1.7Kg 12,990
8.Infinix Book X2 I5 14″ FHD Intel Core i5-1035G1 8GB 512GB Intel UHD 1.24Kg 13,900
9.Lenovo IdeaPad Flex 5i 14″ FHD Intel Core i3-1115G4 4GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 13,990
10.HP 15s 15.6″ FHD Intel Core i3-1215U 8GB 256GB Iris Xe 1.69Kg 13,900

10 อันดับโน๊ตบุ๊คในราคา 10000 บาท สเปคที่เราเห็นกันส่วนใหญ่ ออกแบบมาเพื่องานพื้นฐาน เช่น งานเอกสาร ท่องเน็ตหรือความบันเทิงทั่วไป แต่ถ้าขับไปหมื่นต้นๆ มีตัวเลือกอย่าง Intel Core i3 หรือ i5 ให้ได้ใช้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณ เราขอสรุปกันแบบง่ายๆ ดังนี้ครับ

เน้นงบน้อยไม่ถึงหมื่นบาท มีทั้ง Acer และ IPASON และ Lenovo ซึ่ง IPASON ทำได้ดีทั้งสเปคและฟังก์ชั่น แต่ตอนนี้หาซื้อยากหน่อย

แต่ถ้าหมื่นต้นๆ ก็มี HP 15s, ASUS Vivobook และ Lenovo V15 ที่ส่วนใหญ่ให้แรมมากขึ้น และซีพียูที่แรงกว่า เช่น ซีพียู Core i และแรม 8GB เป็นต้น

ส่วนในกลุ่ม 13,900 บาท จะเป็นตัวสุดในราคานี้ มีทั้ง Infinix, HP15s และ Lenovo IdeaPad ซึ่ง Infinix ใส่ซีพียู Core i5 มาให้ แต่ Lenovo พับจอกับทัชสกรีนได้ แต่ HP 15s ได้ซีพียู Intel Gen 12 รุ่นใหม่ ก็เรียกว่าวัดใจกันพอสมควรครับ ทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มโน๊ตบุ๊คราคาประหยัด ทั้ง 10 รุ่นที่เราเอามาแนะนำกันในวันนี้ครับ มีความคิดเห็นกันอย่างไร คอมเมนต์กันเข้ามาได้เลยครับ

from:https://notebookspec.com/web/688656-10-value-notebook-10000-2023

Advertisement

เพิ่มความเร็ว โน๊ตบุ๊คเก่า 2023 เล่นเกมลื่น ใน 15 ขั้นตอน ฟรี! ยังไม่ต้องซื้อใหม่

เพิ่มความเร็วเล่นเกมลื่นใน 15 ขั้นตอน ให้โน๊ตบุ๊คเก่า ยังไม่ต้องซื้อใหม่ พร้อมใช้ในปี 2023

15 boost speed notebook 2023 1

เพิ่มความเร็ว เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าของคุณได้ เล่นเกมช้า เปิดโปรแกรมไม่ทันใจ อยากได้เครื่องใหม่ แต่งบก็มีจำกัด มีวิธีมาแนะนำ ทำให้เครื่องคุณเร็วขึ้นบน Windows 11 เวอร์ชั่นปี 2023 แบบฟรีๆ แค่ทำตามไม่กี่ขั้นตอน แล้วคุณจะแฮปปี้กับการเล่นเกมได้มากดีกว่าเดิม และยังให้ผลดีในระยะยาว สามารถทำซ้ำได้ ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดต ลด Process คืนพลังให้ซีพียู ลดการใช้แรม รวมถึงการตั้งค่ากราฟิก ทั้งบนกราฟิกบนซีพียู และการ์ดจอแยก เรามาดูกันครับว่า จะมีจะเพิ่มความเร็วอย่างไร มีขั้นตอนใดกันบ้าง และรายละเอียดเป็นอย่างไร ทำตามกันได้เลยครับ

เพิ่มความเร็ว โน๊ตบุ๊คเก่าให้เร็วขึ้น 15 ขั้นตอน

  1. ทำไมโน๊ตบุ๊คเก่าถึงทำงานช้าลง
  2. จัดการความร้อนให้อยู่หมัด
  3. ปิด Process ที่ไม่จำเป็น
  4. ปิดโปรแกรมใน Startup
  5. อย่าลืมอัพเดต
  6. Hardware-accelerated scheduling
  7. เปิดใช้ Game Mode
  8. ใช้ Storage Sense
  9. Optimize ระบบ
  10. ปิด Visual Effect บ้าง
  11. ตั้งค่า Image Quality
  12. Manage 3D settings
  13. ปิด FXAA
  14. Power settings
  15. Radeon Boost
  16. ทางเลือกอื่นๆ
  17. Conclusion

ทำไมโน๊ตบุ๊คเก่าถึงทำงานช้าลง

สิ่งที่ทำให้โน๊ตบุ๊คเก่า ทำงานได้ช้าลง กระตุก หรือมีความผิดปกติ มีด้วยกันหลายสาเหตุ เช่น ความร้อน ข้อมูลในไดรฟ์เยอะจนเต็ม ไม่ได้เคลียร์ไฟล์ขยะ ติดไวรัส มัลแวร์ ไปจนถึงความเสื่อมของชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในโน๊ตบุ๊ค ทุกสิ่งนี้มีโอกาสทำให้โน๊ตบุ๊คเก่าช้าลงได้ เรามาดูกันครับว่าเกิดจากอะไร และแก้ไขเพิ่มความเร็วอย่างไรได้บ้าง

Advertisementavw
เพิ่มความเร็ว

ความร้อน: มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เมื่อใช้โน๊ตบุ๊คไปนานๆ แล้วไม่ได้ทำความสะอาด จะเกิดฝุ่น สิ่งสกปรกเข้าไปเกาะอยู่บริเวณพัดลม ฮีตซิงก์ หรือบางครั้งก็อุดตันบริเวณช่องลมออก ทำให้ระบายลมร้อนได้ไม่ดี ความร้อนสะสม การแก้ไขลดความร้อน ก็ใช้วิธีแกะออกมาเป่า ปัดฝุ่น หรืออาจจะใช้ Clear Contact ร่วมด้วย สามารถทำเองได้ หรือจะส่งช่างซ่อมก็ได้เช่นกัน

เพิ่มความเร็ว

ไดรฟ์เต็ม ข้อมูลเยอะ: เป็นเรื่องปกติ เมื่อเก็บข้อมูลจนเยอะ บางครั้งเต็มฮาร์ดดิสก์หรือ SSD ก็ทำให้ระบบปฏิบัติการช้าลง การจัดเก็บข้อมูลไม่ปกติ ไปจนถึงระบบไม่มีพื้นที่ Swap file สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้คอมช้าทั้งสิ้น แก้ไขได้โดยย้ายไฟล์เอาไปสำรองไว้ในไดรฟ์อื่น ไม่ว่าจะนำไปไว้บน Cloud storage ที่มีให้บริการอยู่มากมาย หรือจะซื้อไดรฟ์ต่อภายนอก จะเป็น HDD หรือ SSD ก็ได้

ไม่ได้จัดการไฟล์ขยะ Temporary file: ไฟล์ขยะเหล่านี้ส่งผลทำให้ระบบช้าลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะโน๊ตบุ๊คเก่าที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ ไม่เคย Scan หรือ Drfeagment หรือการ Clear temp ไฟล์เหล่านี้จะมีทั้งไฟล์ที่เรา Delete ทิ้ง และไฟล์ที่ค้างมาจากการติดตั้ง รวมถึงระบบเองก็ตาม วิธีการที่ง่ายที่สุดคือ การใช้ Disk Cleanup ที่เป็นฟังก์ชั่นของ Windows ลบไฟล์ต่างๆ ให้เหลือพื้นที่ว่างมากขึ้น

ติดไวรัส มัลแวร์: จัดว่าเป็นอันตรายค่อนข้างมาก นอกเหนือจากการทำให้โน๊ตบุ๊คเก่าช้า เพราะคุณอาจถูกล้วงข้อมูล แฮกก์ไฟล์สำคัญ หรือเข้าถึงเมล์และการทำธุรกรรมการเงินของคุณได้เลย การแก้ไข ให้ใช้วิธีการสแกนเริ่มต้นจากการสแกนผ่านทาง Windows Security หรือติดตั้งโปรแกรมป้องกันมัลแวร์ แล้วสแกนแบบละเอียด

เพิ่มความเร็ว

ความเสื่อมสภาพ: เป็นเรื่องที่อาจไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อมของแต่ละบุคคล ความร้อนส่งผลอย่างมาก ต่ออายุการใช้งานของโน๊ตบุ๊คและแบตเตอรี่ หากโน๊ตบุ๊คเริ่มทำงานช้า ให้เช็คฮาร์ดแวร์แต่ละชิ้นร่วมด้วย เช่นแรม ฮาร์ดดิสก์หรือเมนบอร์ด และแบตเตอรี่ เพราะอาจเป็นอาการเริ่มต้น และจะมีความเสียหายตามมาในภายหลัง


วิธีแก้ไขปัญหาและเพิ่มความเร็วโน๊ตบุ๊คเก่า

ในการเพิ่มความเร็ว และแก้ไขปัญหาโน๊ตบุ๊คเก่าทำงานช้า ให้สามารถเล่นเกมหรือทำงานได้ดีขึ้น อาจจะต้องใช้ขั้นตอนต่างๆ ร่วมกัน โดยมีวิธีการต่างๆ ดังนี้

1.จัดการความร้อนให้อยู่หมัด

เพิ่มความเร็ว

เรื่องนี้สำคัญนะครับ หากจะเพิ่มความเร็วโน๊ตบุ๊ค เพราะเมื่อความร้อนสูง ระบบจะดรอปการทำงานของซีพียูและ GPU ลง ทำให้ขณะที่คุณเล่นเกิดการกระตุก หรือถ้าร้อนจัด อาจค้างแฮงก์ได้เช่นกัน จึงควรจัดการความร้อนให้ดีที่สุด จะอยู่ในห้องแอร์หรือเพิ่ม Cooling Pad ก็ตามสะดวก แต่ถ้าให้ดี การทำความสะอาดโน๊ตบุ๊คปีละ 2-3 ครั้งด้วยการปัดฝุ่น หรือเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ ก็เหมาะสม

ข้อดี ค่าใช้จ่าย
Cooling Pad ประหยัด ง่าย สะดวก ไม่แพงเริ่มหลักร้อย
ทำความสะอาด พัดลมทำงานดีขึ้น ลดความร้อน น้อย อาจซื้อแค่ของบางชิ้น แต่ต้องใช้ทักษะ
ทาซิลิโคนใหม่ ช่วยระบายความร้อน CPU และ GPU ดีมาก หากแกะไม่เป็นต้องจ่ายค่าช่าง หรือค่าซื้อซิลิโคนใหม่ หากทำเป็น

2.ปิด Process ที่ไม่จำเป็น

เพิ่มความเร็ว

เป็นวิธีที่ช่วยลดภาระในการทำงานของซีพียูและแรม จากการที่มีแอพพลิเคชั่นหรือโปรแกรมทำงานค้างอยู่ หรือทำงานอยู่เบื้องหลัง เมื่อปิดไปแล้ว ก็จะคืนแรมหรือซีพียูให้กลับมาทำงานได้ตามเดิม วิธีการทำ ให้เข้าไปที่ Task Manager > เช็คว่ามีสิ่งหรือโปรแกรมใดที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้งานในขณะนั้น ให้เลือกด้วยคลิ๊กขวา > แล้วเลือก End Task ก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ระดับหนึ่ง


3.ปิดโปรแกรมใน Startup

เพิ่มความเร็ว

หลายครั้งที่เราจะเห็นโปรแกรมที่เราไม่ได้ใช้ ทำงานอยู่ แม้ว่าเราจะปิดการทำงานของโปรแกรมไปแล้วก็ตาม และส่วนหนึ่งจะเปิดทำงานตั้งแต่ที่เราเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นมา ซึ่งสามารถเช็คได้จากหน้า Process วิธีการเข้าไปปิดการทำงานโปรแกรมเหล่านี้ ให้เข้าไปที่ Task Manager ด้วยการกดคีย์ลัด Ctrl+Shift+Esc > เลือกที่ Startup apps > เลือกดูในแถบ Name ว่ามีโปรแกรมใด ไม่จำเป็นต้องทำงาน ณ เวลานั้น หรือเปิดพร้อม Windows ให้คลิ๊กขวา แล้วเลือก Disable

ข้อควรระวัง การปิด Process ให้เช็คดูว่า สิ่งที่จะปิดนั้น เป็นระบบที่กำลังทำงานอยู่หรือไม่? เป็นไปได้เลือกปิดเฉพาะแอพพลิเคชั่นที่คุณไม่ได้ใช้งานในช่วงเวลานั้นจะดีที่สุด


4.อย่าลืมอัพเดต

Update Windows & Driver เป็นเรื่องที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยมาโดยตลอด โดยเฉพาะเกมเมอร์ ที่ต้องการเพิ่มความเร็ว ไดรเวอร์สำคัญมากครับ ควรอัพเดตไดรเวอร์ให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ รวมถึงการ Update Windows ที่นอกจากจะทำให้ระบบทำงานได้ดีขึ้น ก็ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบอีกด้วย

เพิ่มความเร็ว

วิธีการอัพเดต Windows นั้น ให้เริ่มต้นดังนี้ คลิ๊กขวาปุ่ม Win > เลือกที่ Windows Update ด้านซ้าย แล้วเลือก Check Update > Install > เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยให้ Restart ระบบใหม่อีกครั้ง

เพิ่มความเร็ว

วิธีการ Update Driver มีด้วยกัน 2 แบบ

  1. ดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์ผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คแต่ละค่าย เช่น ASUS.com/support เป็นต้น
  2. เลือกดาวน์โหลดเฉพาะไฟล์ เช่น การ์ดจอ nVIDIA Driver หรือ AMD เมื่อได้ไฟล์ก็นำมาติดตั้งได้เลย

5.Hardware-accelerated scheduling

เพิ่มความเร็ว

การเปิดการทำงานของ Hardware-accelerated scheduling ที่อยู่บนระบบปฏิบัติการ Windows จะส่งผลทำให้การ์ดจอสามารถจัดการ VRAM ได้ด้วยตัวเองได้ โดยไม่ผ่านกระบวนการของระบบ ซึ่งเป็นผลดีต่อประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้เฟรมเรตเพิ่มสูงขึ้นมาอีกนิดหน่อย และยังลดความหน่วงของภาพที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย สามารถใช้ร่วมกับ API ต่างๆ ได้มากมาย โดยวิธีเปิดใช้ ให้คลิ๊กขวาบนหน้าเดสก์ทอป > เลือก Display > ไปที่ Graphic > เลือกที่ Change Default Graphic settings > On-Hardware-accelerated scheduling จากนั้น Restart ระบบใหม่อีกครั้ง


6.เปิดใช้ Game Mode

เพิ่มความเร็ว

เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเล่นเกมได้ดีขึ้น กรณีที่ใช้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นเก่าๆ ให้เข้าไปที่หน้า System เลือกหัวข้อ Gaming ที่อยู่ทางด้านซ้าย > เลือกที่ Game Mode > ในหัวข้อ Game Mode ให้เปิดเป็น On


7.ใช้ Storage Sense

เพิ่มความเร็ว

ล้างไฟล์ขยะออกบ้าง หากต้องการให้โน๊ตบุ๊คเก่ากลับมาเร็วขึ้น เนื่องจากบางครั้งเราใช้งานเครื่องมานาน จนมีไฟล์จาก Cookie, Temp file, และไฟล์อื่นๆ ที่มาจากระบบ ทำให้เสียทรัพยากรบางส่วนไป ซึ่งมีผลกระทบในการทำงานและเล่นเกมอยู่ด้วย สามารถใช้วิธีเคลียร์ไฟล์ อัตโนมัติให้เลย  คลิ๊กขวาที่ปุ่ม Windows > เลือก System > กดที่ System ด้านซ้ายมือ > เลือก Storage > Storage Management > เปิด Storage Sense ให้ On


8.Optimize ระบบ

เพิ่มความเร็ว

เป็นวิธีการเหมือนให้ Windows จัดการสิ่งต่างๆ ภายในระบบเบื้องต้นให้ เหมือนกับการ รีเฟรชระบบใหม่อีกครั้ง เข้าไปที่ File Explorer > เลือกไดรฟ์ C ที่ใช้ติดตั้งระบบ > คลิ๊กขวาบนไดรฟ์ C > เลือก Properties > Tools > ไปที่ Optimize Drives > กรณีที่ใช้ SSD ให้เข้ามาตั้งค่าตรง Change settings > เอาเครื่องหมายหน้า Run on a schedule ออกก่อนครับ แต่ถ้าใช้ HDD ให้ On เอาไว้ > จากนั้นกดปุ่ม Optimize รอจนกระบวนการเสร็จสิ้น

หากคุณใช้ SSD ในระบบ ไม่ควรเปิดการทำงาน Defragment เอาไว้ เพราะจะทำให้ SSD ถูกใช้งานโดยไม่จำเป็น ให้เลือกเปิดเฉพาะไดรฟ์ที่เป็น HDD เท่านั้น


9.ปิด Visual Effect บ้าง

เพิ่มความเร็ว

การเพิ่มความเร็วให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ คลิ๊กขวาบนหน้าเดสก์ทอป > เลือก Personalize > เลือก Accessibility ทางด้านซ้าย > เลือก Visual ที่อยู่ด้านขวา > Transparency effects-Off และ Animation effectss-Off เช่นเดียวกัน ผลที่ได้ระบบจะลดภาระในการสร้างกราฟิกและเอฟเฟกต์ต่างๆ ลง การเปิดหน้าต่าง เลื่อน ย้าย จะไม่สมูทลื่นไหล รวมถึงเอฟเฟกต์โปร่งแสงจะหายไป แต่ได้ Process ที่ดีกลับมา ทำให้เครื่องลื่นขึ้น ช่วยเพิ่มความเร็ว แต่ความสวยงามลดลง เอาไว้กรณีที่อยากเล่นเกมให้ดีขึ้น แล้วกลับมา On ใหม่อีกครั้งก็ได้

การลด Visual Effect ทำให้ระบบลื่นขึ้น แต่เอฟเฟกต์และความสวยงามของระบบลดลง ซึ่งสามารถเปิดการทำงานในภายหลังได้


10.ตั้งค่า Image Quality ในไดรเวอร์ nVIDIA

เพิ่มความเร็ว

ใครที่ใช้การ์ดจอ nVIDIA ให้เข้ามาตั้งค่าการแสดงผล ที่ช่วยให้การเล่นเกมดีขึ้นอีกนิด เริ่มต้นให้คลิ๊กขวาที่หน้าเดสก์ทอป > เลือก nVIDIA Control Panel > ในหน้า Adjust Image Settings with Preview > ลงมาด้านล่างใต้โลโก้ที่หมุนๆ ให้ใส่เครื่องหมายหน้า Use my preference emphasizing: … (ตรงนี้ให้เลือก Performance) จากนั้น Save แล้ว Restart


11.Manage 3D settings

เพิ่มความเร็ว

จากหน้าของไดรเวอร์ nVIDIA ให้เข้ามาที่หัวข้อ Manage 3D settings ที่อยู่ซ้ายมือ > หัวข้อ Prefered graphic performance > เลือกเป็น High-Performance nVIDIA processor (ในกรณีที่เสียบสายชาร์จอยู่แล้ว เน้นประสิทธิภาพ) > หัวข้อ Settings >  Power management mode > เลือก Prefer maximum performance


12.ปิด FXAA

เพิ่มความเร็ว

ส่วนใหญ่การตั้งค่าความสวยงามของภาพและ Detail จะเข้าไปตั้งกันใน Game แต่เราสามารถกำหนดค่าเบื้องต้นได้เช่นกัน รวมถึงการปิด FXAA ก็ช่วยให้การเล่นเกมได้ดีขึ้น เพราะลดภาระของ GPU ลง กรณีที่ใช้กราฟิกตัวไม่แรง และไม่ได้เน้นความสวยหรู ภาพเนียนกริ๊บ โหมดนี้ช่วยได้เยอะ จากในหน้าไดรเวอร์เดิม หัวข้อ settings > เลื่อนลงมาที่ Antialiasing – FXAA เลือก Off > Antialiasing – Mode เลือก Off


13.Power settings

เพิ่มความเร็ว

เป็นการตั้งค่าของการใช้โหมดพลังงานโน๊ตบุ๊ค โดยปกติจะมีให้เลือกคือ Best Performance, Balance และ Power saving ซึ่งแต่ละโหมดจะมีผลต่อประสิทธิภาพของระบบ เพราะระบบจะทำงานให้เหมาะกับโหมดที่เลือกนั่นเอง หากจะเล่นเกมหรือทำงานจริงจังแล้ว ก็แนะนำให้ปรับเป็น Best Performance คลิ๊กขวาบนหน้าเดสก์ทอป > เลือก Personalize > Lock screen > Screen timeout > เข้าไปที่้ Power & Battery > หัวข้อ Power เลือก Power mode > เลือกที่ Best Performance

เมื่อเลือกเป็น Best Performance อย่าลืมเสียบปลั๊กโน๊ตบุ๊ค เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเล่นเกม


14.Radeon Boost

เพิ่มความเร็ว

ในกรณีที่คุณใช้การ์ดจอ AMD Radeon ก็สามารถใช้ประโยชน์จากไดรเวอร์ AMD Adrenalin ได้เลย กับการปรับค่าง่ายๆ เมื่อเข้ามาที่หน้าโปรแกรมแล้ว > ในหัวข้อ Graphic > ให้เลือกที่ Radeon Boost > ให้เปิดใช้งานเป็น Enable เป็นวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้อีกทางหนึ่ง

15.การอัพเกรด

เพิ่มความเร็ว

นอกจากขั้นตอนเหล่านี้แล้ว ยังมีอีกหลายวิธีในการเพิ่มความเร็ว ทำให้โน๊ตบุ๊คเก่าของคุณกลับมาทำงานได้ดีกว่าเดิม เพิ่มความเร็วได้มากขึ้น อย่างเช่น การอัพเกรด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแรม ในกรณีที่โน๊ตบุ๊คเหล่านั้นมีสล็อตให้เพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแรมตัวยเดิมได้ วิธีนี้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างน้อย หรือการเปลี่ยนจาก HDD มาเป็น SSD ตรงนี้จะเห็นผลค่อนข้างเยอะทีเดียว และทำได้ไม่ยาก เพราะอย่างน้อยๆ โน๊ตบุ๊คย้อนหลังไป 5-6 ปี ต้องมีพอร์ต SSD ที่เดิมอาจจะใช้อยู่กับ HDD 2.5″ ในแบบ SATA การเปลี่ยนเป็น SSD SATAIII ก็ทำให้ความเร็วเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดไฟล์ เปิดโปรแกรม หรือการถ่ายโอนข้อมูลก็ตาม และวิธีสุดท้าย ก็คือการโอเวอร์คล็อกการ์ดจอ หากคุณใช้การ์ดจอแยกบนเครื่องอยู่แล้ว ก็สามารถลองใช้งานโปรแกรม MSI Afterburner ดูได้ ซึ่งจะทำให้การเล่นเกมของคุณดีขึ้นบ้าง

เลือก SSD รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี?

SSD 2022 Cov1

Conclusion

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีในการเพิ่มความเร็วโน๊ตบุ๊คเก่าในปี 2023 นี้ สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม แนะนำว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอแยก จะได้ผลดียิ่งขึ้น แต่อาจจะไม่ได้ส่งผลให้เฟรมเรตเพิ่มมากขึ้นมากมาย แต่ก็ช่วยให้การเล่นเกมมีความไหลลื่นกว่าเดิม รวมถึงการทำงานในหลายด้าน โดยเฉพาะกับไฟล์ขนาดใหญ่ หรือจัดการกับไฟล์ที่มีจำนวนมาก เช่นเดียวกับการเปิดเว็บเบราว์เซอร์ เพื่อการท่องอินเทอร์เน็ตหรืองานออนไลน์ ก็จะดีขึ้นตามไปด้วย เพราะลด Process ในหลายส่วนลง และมีการนำแรมและซีพียูกลับมาใช้ได้มากขึ้น แต่ในกรณีที่ปรับแต่งหลายส่วนไปแล้ว อาจจะยังดีขึ้นไม่ถึงแบบที่น่าพอใจ ในขั้นตอนที่ 15 หรือว่าการอัพเกรดช่วยแก้ไขสิ่งต่างๆ จะเป็นตัวช่วยที่ดี แม้จะมีค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่ให้ผลที่คุ้มค่า เช่นการเพิ่มแรมหรือเปลี่ยนเป็น SSD เป็นต้น

from:https://notebookspec.com/web/687861-15-step-increase-speed-notebook-2023

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค 2023 คอมช้า ไม่ทันใจ ใส่แรมใหม่ เลือกอย่างไร แบบไหนดี คุ้ม!

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค ไม่ต้องซื้อคอมใหม่ 2023 อัพเกรดง่าย เร็ว ทำเองได้ เลือกแบบไหน ดูอย่างไร ไปชม!

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ทำได้ง่ายขึ้น และเป็นวิธีที่ทำให้ระบบมีความเร็วเพิ่มขึ้นได้ ยิ่งในปัจจุบันแรมรุ่นใหม่ๆ อย่าง DDR5 ก็เริ่มมีมาให้ใช้งานกันบ้างแล้ว ความแรงเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น อย่างไรก็ดีใครที่ใช้โน๊ตบุ๊ครุ่นเก่า หรือเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ใช้เริ่มช้า อาจจะยังไม่ต้องซื้อใหม่ เพราะบางครั้งแค่อัพเกรดแรม ก็ทำงานลื่นขึ้นแล้ว แต่การอัพเกรดก็ต้องตรวจเช็คให้แน่ใจ ว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้รองรับการอัพเกรดแรมหรือไม่ ใช้แรมแบบใด มีสล็อตเพิ่มมาให้หรือไม่ และใส่ความจุสูงสุดได้เท่าไร? สิ่งเหล่านี้ผู้ใช้อาจจะต้องทราบก่อนที่จะไปซื้อแรมมาเพิ่มนั่นเอง จะได้ไม่เสียเวลา เสียเงินไปเปล่าๆ และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่า โน๊ตบุุ๊คที่ใช้อยู่ น่าจะได้เวลาอัพเกรดแรมแล้ว ไปดูกันว่าเราจะต้องสังเกต ตรวจเช็คอย่างไร

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค 2023 ง่าย สะดวก เร็วขึ้น


รู้จักกันแรมโน๊ตบุ๊ค

การเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค สังเกตได้ชัดเจนกว่าแรมของพีซี เพราะฉะนั้นการซื้อมาใช้หรืออัพเกรด ต้องดูให้แน่ใจ ตามสัดส่วนที่เห็นง่ายๆ แบบนี้ ระหว่างแรม DIMM สำหรับพีซี และ SO-DIMM สำหรับโน๊ตบุ๊ค โดยด้านบนสุดจะเป็นแรม SO-DIMM ส่วนด้านล่าง จะเป็นแรม DDR4 และ DDR5 ของพีซี สังเกตไม่ยากครับ

Advertisementavw
เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

สำหรับในตลาดแรม DDR นอกจากเราจะเห็นคำว่า SO-DIMM ที่เป็นแรมแบบสั้นๆ เล็กกว่าแรมของพีซี ซึ่งจะออกแบบมาเพื่อแพลตฟอร์มของ Mobile หรือโน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะ รวมถึงติดตั้งอยู่ใน Mini PC บางรุ่น ก็จะยังมีคำว่า LPDDR เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย โดยจะระบุอยู่บนแรม สเปคแรม และบนโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น สิ่งนี้หมายถึง แรมประหยัดพลังงาน หรือ Low Power Consumption ใช้พลังงานน้อยกว่าแรม DDR ปกติ ตัวอย่างเช่น แรม DDR4 มีแรงดันไฟ 1.2V แต่ LPDDR4 จะอยู่ที่ 1.1V เท่านั้น และยังมีแรมรุ่นใหม่อย่าง LPDDR4X ที่ลดการใช้พลังงานลงไปอีก เหลือเพียง 0.6V เท่านั้น ดังนั้นแล้วใครที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการใช้พลังงาน หรือต้องการโน๊ตบุ๊คที่มีระดับการจัดการพลังงานมากขึ้น ก็อาจจะต้องมอง รุ่นที่ใช้แรมใหม่ๆ เช่นนี้ เอาไว้ด้วยเช่นกัน

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค
source: techcenturion.com

LPDDR/ LPDDRX: แรมทั้ง 2 รูปแบบนี้ มาจากพื้นฐานเดียวกัน และใช้ร่วมกันได้ แต่จะต่างกันเล็กน้อยนั่นคือ แรงดันไฟที่ LPDDRX จะใช้น้อยกว่า รวมถึงมีสัญญาณนาฬิกาที่สูงกว่านั่นเอง ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นได้บนโน๊ตบุ๊คบางเบา พรีเมียมโน๊ตบุ๊คและไลฟ์สไตล์ เช่น ASUS Zenbook 14 Duo, MSI Prestige 14 หรือ Lenovo ThinkBook, Ypga slim เป็นต้น

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

DDR: สำหรับแรมประเภทนี้จะเน้นที่ Performance เป็นหลัก และเรื่องการใช้พลังงานเป็นเรื่องรอง ทำให้เรามักเห็นแรมประเภทนี้บนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค นอกจากนี้แรม DDR ในแง่ของการผลิต ยังราคาถูกกว่า LPDDR ที่มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพสูง และสิ่งที่แตกต่างเป็นสำคัญเลยคือ LPDDRX จะไม่สามารถอัพเกรดได้ ซึ่งจะใช้การติดตั้งลงบนบอร์ดโดยตรง หรือที่รู้จักกันว่าแรมออนบอร์ด แต่ถ้าเป็น DDR ส่วนใหญ่จะถอดเปลี่ยน และอัพเกรดได้

การสนับสนุนขึ้นอยู่กับเมนบอร์ดของโน๊ตบุ๊คในแต่ละรุ่น ว่าถูกออกแบบมาให้ใช้งานในลักษณะใด ตรงนี้ต้องว่ากันแต่ละรุ่นและซีรีส์ เพราะบางครั้งซีรีส์เดียวกัน แต่แยกออกไปหลายรุ่น หลายโมเดล ก็อาจจะใช้แรมที่ไม่เหมือนกัน บางครั้งเป็นแบบออนบอร์ดอย่างเดียว แต่บางทีก็มีออนบอร์ด รวมถึงมีสล็อตในการอัพเกรดได้

เช็คราคาแรมโน๊ตบุ๊ค 2023

Model Capacity Price
PNY DDR4 3200 8GB 975 บาท
Corsair Vengeance DDR4 3200 8GB 1090 บาท
ADATA DDR4 3200 16GB 1,850 บาท
TEAM TForce DDR4 3200 16GB 1,890 บาท
Kingston Value DDR4 3200 16GB 2,110 บาท
HyperX FURY IMPACT DDR4 3200 32GB 3,915 บาท
G.Skill RIPJAWS DDR5 4800 16GB 3,425 บาท
Corsair Vengeance DDR5 4800 32GB 8340 บาท
source: price 4/2/2023

แรมออนบอร์ด

อย่างที่ได้กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้านี้กับแรมออนบอร์ด หรือที่ติดตั้งในแบบบัดกรีติดกับเมนบอร์ด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น LPDDR แรมในรูปแบบนี้ จะมาพร้อมเครื่อง และมักจะไม่ได้ให้สล็อตสำหรับการอัพเกรดมาด้วย จะเป็นการกำหนดรุ่นให้ผู้ใช้ได้เลือก เช่น 8GB หรือ 16GB อย่างเช่นใน ASUS Zenbook หรือ Vivobook ในหลายๆ รุ่น ส่วนหนึ่ง ก็เพื่อให้ผู้ใช้ได้เลือกตามความเหมาะสมกับงาน และราคาที่ต้องการ

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

อย่างไรก็ดียังมีโน๊ตบุ๊คในกลุ่มใกล้เคียงกันที่รองรับการอัพเกรด แม้ว่าจะมีแรมแบบออนบอร์ดติดตั้งมาด้วย เช่น Lenovo IdeaPad หรือ Yoga Slim บางรุ่น รวมถึง ASUS Zephyrus G14 เป็นต้น จะเห็นได้ว่าคาแรคเตอร์ของโน๊ตบุ๊คที่มีออนบอร์ด และสล็อตแรมส่วนใหญ่ อาจไม่ได้จำเพาะเจาะจง แต่สิ่งที่คล้ายกันคือ เป็นโน๊ตบุ๊คขนาดกระทัดรัด บาง และเน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก

แต่ถ้าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่มักจะใช้เป็นแรม DDR ไม่ว่าจะเป็น DDR4 หรือ DDR5 ในแบบ SO-DIMM ปกติ ก็จะไม่ค่อยเห็นเป็นแบบออนบอร์ดมากนัก แต่ก็พอมีอยู่บ้าง เช่น ASUS ROG Zephyrus M16 ที่ให้แรมออนบอร์ดมาแล้ว 16GB และมีสล็อตว่าง สำหรับการอัพเกรดเพิ่มนั่นเอง


เมื่อไรต้องเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค?

การเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค หรืออัพเกรดแรม ช่วยให้ระบบสามารถทำงานได้ลื่นไหลมากขึ้น เช่นเดียวกับบนพีซี แต่เราจะสังเกตโน๊ตบุ๊คที่ใช้อย่างไร ว่าจำเป็นจะต้องเพิ่มแรมให้มากขึ้น

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เครื่องใช้เริ่มทำงานช้าลง อาจจะเปิดแอพพลิเคชั่นเดิม แต่ขนาดไฟล์ใหญ่ขึ้น ทำให้พื้นที่การ Swap file ต้องไปอาศัย Storage อย่างฮาร์ดดิสก์หรือ SSD การเพิ่มแรมมีส่วนช่วยได้

เปิดเว็บเบราว์เซอร์หลายหน้าต่างหรือหลายแท็ปบ่อย กับการทำงานในแบบมัลติทาส์ก คือทำหลายงานพร้อมกัน เช่น ดูหุ้น ทำเอกสาร ดูสตรีมมิ่งและการเปิดหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ก็จำเป็นต้องใช้แรมจำนวนมากเช่นกัน

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

การเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือทำงานร่วมกับไฟล์จำนวนมาก ทำได้ช้า ใช้เวลานาน หรือมีอาการสะดุด แรมก็มีส่วนในการทำงานอยู่ด้วย

รวมไปถึงการเล่นเกม ที่บางเกมก็ต้องการแรมจำนวนมาก มาใช้ในการขับเคลื่อนข้อมูลเพื่อการประมวลผล แม้จะมี VRAM บนการ์ดจอก็ตาม แต่ก็มีความสำคัญในคนละส่วน ซึ่งการอัพเกรด มีส่วนช่วยให้การเล่นเกมไหลลื่นขึ้น และมีผลต่อเฟรมเรตที่ดีขึ้นในบางโอกาสอีกด้วย


โน๊ตบุ๊คที่ใช้ อัพเกรดได้มั้ย ดูอย่างไร?

วิธีการสังเกตว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่นั้น สามารถอัพเกรดแรม หรือเพิ่มแรมได้หรือไม่ มีด้วยกันหลายวิธี ว่ากันตั้งแต่

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

ดูข้อมูลจากเว็บไซต์ผู้ผลิต: ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นวิธีการในเบื้องต้น ที่พอจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเช็คได้ว่า ต้องใช้แรมแบบใด และมีสล็อตสำหรับการอัพเกรดหรือไม่ โดยค้นหารุ่นและซีรีส์จากในเว็บไซต์ได้เลย หรืออย่างน้อยให้ทราบรุ่น และรหัสที่แน่นอน เช่น ExpertBook B5 Flip (B5302F) ในวงเล็บที่ต่อท้ายนี้ ค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อทราบแล้ว การค้นหามักจะไม่ผิดรุ่น ยกเว้นว่าจะไม่ได้มีบอกไว้ใน Specification ของรุ่นนั้นๆ ตัวอย่าง จากภาพด้านบนนี้ ทั้งจาก MSI, ASUS และ HP ครับ

ติดตั้งซอฟต์แแวร์ยูทิลิตี้: ถือว่าพอช่วยได้ในระดับหนึ่ง สำหรับโน๊ตบุ๊คที่เป็นแบบมีสล็อตมาให้ภายใน แต่บางครั้งก็ไม่อาจจะตรวจได้ครบถ้วน ยิ่งมีแรมแบบออนบอร์ด บางครั้งก็ตรวจพบมากกว่า 2 สล็อตอีกด้วย ซึ่งก็ทำให้การตรวจเช็คสับสนอยู่พอสมควร ซอฟต์แวร์แนะนำว่าให้ดูแบบคร่าวๆ สำหร้บเช็คความจุแรม และสเปคของแรมที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องจะแม่นยำกว่า

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

ใช้บริการตรวจเช็คจากเว็บไซต์: ข้อนี้เป็นวิธีที่ง่าย เหมือนกับการเข้าไปหาข้อมูลในเว็บไซต์ผู้ผลิต จะต่างกันอยู่บ้างตรงที่ จะอำนวยความสะดวกในการตรวจเช็คให้ คล้ายกับการที่คุณใช้ระบบการค้นหาไดรเวอร์การ์ดจอ ที่จะมีระบบตรวจเช็คสเปคเครื่องให้ แล้วแจ้งว่า คุณมีสเปคอะไรบ้าง และต้องใช้ไดรเวอร์ตัวไหน

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เพียงแต่ระบบตรวจเช็คแรมนี้ จะตรวจว่าในระบบของคุณมีแรมกี่สล็อต และติดตั้งแรมอะไรไปแล้วบ้าง รวมถึงมีสล็อตเหลือมั้ย อัพเกรดเพิ่มได้หรือเปล่า โดยที่คุณแค่หาแรมมาเพิ่มตามที่ระบบแจ้งเอาไว้เท่านั้น ตัวอย่างระบบนี้อย่างเช่น เว็บไซต์ของทาง Crucial ที่จะมี Scan my laptop หรือ Lookup my laptop ในการสแกนเพื่อค้นหาการใช้งานแรมในระบบ ตามตัวอย่างที่อยู่ด้านบนนี้ เป็นอีกวิธีที่ง่ายมากๆ และอยากจะแนะนำ จากการที่ได้ทดสอบใช้งาน

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

แกะเครื่องเปิดดู: เป็นแบบที่ชัดเจนที่สุด เพราะคุณสามารถเห็นฮาร์ดแวร์ได้ชัดเจนว่า โน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่นั้น รองรับการเพิ่มแรมได้หรือไม่ แต่การแกะฝาหลังโน๊ตบุ๊คบางครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบางรุ่นออกแบบมาอย่างแน่นหนา เรียกว่าแกะแทบไม่ได้เลย ถ้าไม่มีเครื่องมือที่ดีพอ แต่บางรุ่นก็แกะได้ง่าย เรียกว่าไขควง 4 แฉกตัวเดียว และบัตรพลาสติก ที่ใช้ในการแกะขอบด้านข้างเท่านั้น ก็สามารถถอดฝาหลังได้อย่างง่ายดาย

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

แต่สิ่งสำคัญก็คือ การจะจับแตะต้องชิ้นส่วนที่อยู่ภายในโน๊ตบุ๊คนั้น ต้องให้แน่ใจว่า มือเราไม่มีไฟฟ้าสถิตย์ ที่อาจเกิดอันตรายต่อชิ้นส่วน และเสียหาย ดังนั้นเป็นไปได้ หากจะให้เกิดความปลอดภัย ควรมีถุงมือกันไฟฟ้าสถิตย์ หรือถอดขั้วต่อจากแบตเตอรี่มาที่ตัวเมนบอร์ดออกก่อน จากนั้นจึงแกะหรือติดตั้งแรมใหม่เข้าไป

การแกะเครื่องด้วยตัวเอง ควรศึกษาข้อมูลให้แน่ใจก่อนลงมือ ทั้งวิธีการ และการรับประกัน ให้มั่นใจว่าสามารถแกะได้ โดยไม่เสียการประกัน และไม่เกิดความเสียหาย ซึ่งหลายครั้งจะไม่สามารถเคลมได้ โปรดหลีกเลี่ยงโดยไม่จำเป็น

ดูจากเว็บไซต์รีวิว: ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แนะนำ เพราะคุณจะสามารถทำตามขั้นตอนได้ รวมถึงเหล่านักรีวิว ก็จะบอกถึงรายละเอียดของแรม ให้คุณไปซื้อได้อย่างถูกต้อง รุ่นหรือซีรีส์ที่ใกล้กัน ก็พอที่จะใช้วิธีการเดียวกันได้ ซึ่งหากไม่แน่ใจว่าจะไปดูที่ไหนดี หรือดูต่างประเทศ ก็กลัวว่าซีรีส์เดียวกัน แต่คนละโมเดล ก็ดูจากรีวิวเมืองไทยก็ได้ครับ อย่างทีมงาน Notebookspec ก็มีแกะให้ได้ชมกันไปแล้วหลายร้อยรุ่น น่าจะพอเป็นข้อมูลในการอัพเกรดแรมของคุณได้พอสมควร


แรม Single channel vs Dual channel

หลายคนที่ไม่ค่อยได้ใช้คอมบ่อย หรืออาจจะมีโน๊ตบุ๊คตัวแรก อาจไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับแรม Single channel และ Dual channel มากนัก ซึ่งตรงนี้อธิบายในเบื้องต้นว่า Dual channel เป็นรูปแบบการทำงานของแรม 2 ชุดเข้าด้วยกัน ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นกว่าการทำงานแบบ Single channel เพียงแต่ว่าการจะใช้งานแรมแบบ Dual นี้ ก็มีเงื่อนไขในการทำงานเช่นกัน

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เงื่อนไขที่เป็นเรื่องพื้นฐาน คือ การติดตั้งแรม 2 ตัว เข้าด้วยกัน แม้จะเป็นแรมต่างความเร็ว หรือความจุไม่เท่ากันก็ได้ ติดตั้งด้วยกัน 2 แถว 2 สล็อต หรือจะเป็นแรมบนเมนบอร์ด หรือที่เรียกว่าออนบอร์ด คู่กับแรมบนสล็อต ก็สามารถใช้งาน Dual channel ได้เหมือนกัน

แต่ในกรณีที่เป็นแรม 16GB ที่ฝังมาบนเมนบอร์ดนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตด้วย ว่าจัดวางมาในรูปแบบใด เพราะบางครั้งเป็น DRAM 16GB เม็ดเดียว ก็อาจจะไม่ได้ทำงานแบบ Dual channel แต่เราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในเคสนี้ ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่มีขนาดบาง และมีสล็อตมาให้อัพเกรด ตรงนี้ขึ้นอยู่กับการวางเม็ดแรม บางรุ่นมาในแบบ 4GB x4 อีกด้วย ดังนั้นต้องว่ากันที่การผลิตและรูปแบบการจัดวางในแต่ละรุ่น


แรมไม่เหมือนกันใส่ด้วยกันได้มั้ย?

บางท่านอาจจะสงสัย แรมแบบ DDR3/ DDR4/ DDR5 เหล่านี้ จะสามารถติดตั้งบนสล็อตร่วมกันได้หรือไม่ เพราะซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่มาเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค DDR5 แต่มีแรมจากโน๊ตบุ๊คตัวเก่าเป็น DDR4 16GB น่าจะเอามาใช้ร่วมกัน จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค
source: Crucial

ขอแจ้งเอาไว้ดังนี้เลยครับว่า ไม่สามารถใช้แรมต่างชนิด ต่างแบบร่วมกันได้ครับ อ้างอิงจากแรมค่าย Crucial ระหว่าง DDR5 จะเป็นขาแบบ 262-pins ส่วน DDR4 จะเป็นแบบ 260-pins แม้จะใกล้กันมาก แต่ก็ไม่สามารถติดตั้งลงบนสล็อตเดียวกันได้ แบบเดียวกับแรมบนพีซี แม้ว่าแรม DDR5 และ DDR4 จะใช้ DIMM 288-pins เช่นเดียวกัน แต่ด้วยตัวบาก (Notch) ไม่เหมือนกัน จึงไม่สามารถติดตั้งบนสล็อตเดียวกันได้ เพราะฉะนั้นอย่าฝืน หรืออย่าบังคับใส่ลงไป เพราะอาจทำให้บอร์ดและสล็อตเสียหายได้


ขั้นตอนการเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

สุดท้ายเป็นเรื่องของการติดตั้งแรมลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากที่คุณได้แกะฝาหลังออกมาแล้ว รวมถึงเลือกแรมที่ใช้ร่วมกันให้พร้อม เสร็จแล้วก็ไปลุยกันเลย

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

เตรียมแรมให้พ้อมสำหรับการเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค โดยแนะนำเลยครับว่า ถ้ามีถุงมือให้ใส่ ก็ใส่เพื่อความปลอดภัยของตัวแรม และการติดตั้ง

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

จากนั้นดูสล็อตที่เป็นช่องอัพเกรดแรมให้ตรงกับแรม โดยยึดเอาตัวบากหรือ Notch ที่เป็นร่องตรงกลางให้ตรงกันกับแรมที่ติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

แล้วถ้าไม่มีแรมบนสล็อตนั้นล่ะ? ให้ลองวางตัวแรมลงบนสล็อต เพื่อวัดระยะก่อนว่า Notch นั้นตรงกันกับสล็อต จากนั้นเอียงแรมแบบในภาพ แล้วใส่ลงไปบนสล็อตแบบเอียงๆ นั้น จากนั้นกดแรมให้อยู่ในแนวราบเบาๆ จนกว่าจะได้ยินเสียงคลิ๊ก ที่หมายถึงล็อคตัวแรมลงบนสล็อตเป็นที่เรียบร้อย ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น

แต่ก่อนจะปิดฝาหลังของโน๊ตบุ๊คเพื่อจบงาน อย่าลืมตรวจเช็คด้วยการลองบูตเครื่อง เพื่อดูว่าสามารถเข้าระบบได้ตามปกติหรือไม่ หากติดปัญหา ไม่บูต ให้ลองแกะแรมออกมาอีกครั้ง แล้วติดตั้งกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งหนึ่ง


แรมครบมั้ย

เมื่อติดตั้งแรมเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมเช็คความเรียบร้อย ดูว่าระบบตรวจเช็คแรมได้ครบหรือไม่ หากคุณมีอยู่ 8GB แล้วเพิ่มไปอีก 8GB ก็ควรจะเป็น 16GB แต่ถ้าเช็คแล้วยังเป็น 8GB อยู่ ก็น่าจะมีอะไรผิดพลาด ด้วยวิธีการเช็คแบบง่ายๆ ดังนี้

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

Task Manager วิธีนี้ค่อนข้างสะดวก ด้วยการกดปุ่ม Ctrl+Shift+Esc พร้อมกัน เพื่อเข้าไปใน Task Manager จากนั้นไปที่แท็ป Performance แล้วคลิ๊กที่ Memory ดูที่หน้าต่างด้านขวา จะเห็นความจุของแรมปรากฏขึ้น ให้ดูที่ตัวเลขที่อยู่มุมบนขวามือ จะบอกตัวเลขความจุทั้งหมดให้เราทราบ จากตัวอย่างนี้ เป็นแรม 4GB + ติดตั้งเพิ่ม 8GB รวมเป็น 12GB เห็นครบแบบนี้ก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะสิ่งที่ต้องทำต่อไปนั้น คือการทดสอบเสถียรภาพ


อาการผิดปกติหลังเพิ่มแรม

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

ความผิดปกติ หลังจากการเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ และผู้ใช้อาจจะต้องสังเกตอาการที่เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้น เรามาดูว่าอาการเกี่ยวกับแรมที่อาจเกิดขึ้นได้มีสิ่งใดบ้าง และจะต้องแก้ไขอย่างไร?

โน๊ตบุ๊คค้าง ไม่เข้าระบบ: หรือโน๊ตบุ๊คเปิดไม่ติด ให้ลองเปิดฝาหลังโน๊ตบุ๊ค แล้วติดตั้งแรมที่เพิ่งใส่เข้าไปใหม่ เพียงแถวเดียว และบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพราะอาจเป็นไปได้ว่า แรมไม่เข้ากับแรมเก่าที่ใช้งานอยู่ จากนั้นอาจจะต้องเช็คบัสของแรมอีกครั้ง และแจ้งเปลี่ยนกับร้านค้าที่จำหน่ายแรม

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

แต่ถ้าไม่มีแรมอื่นใด ติดตั้งอยู่เลย การติดตั้งแรมใหม่ ไม่สามารถบูตเข้าระบบได้ หากมี 2 สล็อต ให้ลองสลับเปลี่ยนสล็อตอีกอัน เพื่อดูอาการ ส่วนถ้ามีแรมออนบอร์ด และใส่แรมใหม่เข้าไป แต่ไม่บูต ก็เป็นไปได้ว่าแรมใช้ร่วมกันไม่ได้ ซึ่งเจอได้น้อยมาก

เพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค

จอฟ้า BSOD: หากเป็นจอฟ้าบ่อย ให้ลองติดตั้งแรมอีกครั้ง เพราะอาจเกิดจากการติดตั้งไม่แน่น หรือเอียง จนไม่เข้าล็อคตามปกติ ขยับแรมออกมาใหม่ อาจช่วยได้

รีสตาร์ทบ่อย: ให้เช็คว่า ก่อนหน้านี้โน๊ตบุ๊คมีอาการผิดปกติดังกล่าวนี้มั้ย ถ้าไม่เคยมี และเป็นหลังจากการติดตั้งแรม ให้ลองรีบูตใหม่ และลองอัพเดตวินโดว์และไดรเวอร์ชิปเซ็ตเมนบอร์ดอีกครั้ง ด้วยการดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ผู้ผลิต หากยังเป็นอยู่ให้นำแรมและโน๊ตบุ๊คให้ร้านค้าดู เพื่อทำการเปลี่ยนต่อไป


Conclusion

สุดท้ายนี้ ในการเพิ่มแรมโน๊ตบุ๊ค การติดตั้งและการใช้งาน ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนกับการขั้นตอนการตรวจเช็ค หรือหาข้อมูลว่าโน๊ตบุ๊ครองรับการติดตั้งแรมเพิ่มได้มั้ย หรือใช้งานกับแรมแบบใด เพราะบางครั้งอาจถึงขั้นที่ต้องแกะโน๊ตบุ๊คออกมาดูกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ดีครับ การเพิ่มแรม ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนลงแรง เนื่องจากค่าใช้จ่ายไม่สูง หากสังเกตจากราคาจะเห็นว่า เพิ่มแรม DDR4 8GB ยังไม่ถึงพันบาท แต่ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการทำงานแบบ Dual channel เมื่อใช้ร่วมกับแรมเดิมที่มีอยู่ และคุณยังสามารถทำเองได้ ด้วยเครื่องมือที่มีอยู่ที่บ้าน แต่ก็แนะนำว่าให้ลองสอบถามร้านจำหน่าย ว่ามีผลต่อการรับประกันด้วยหรือไม่ ในกรณีที่เป็นโน๊ตบุ๊คซึ่งอยู่ในระยะประกัน แต่ถ้าคุณไม่สะดวก ก็แนะนำว่าให้ไปร้านที่จำหน่ายโน๊ตบุ๊คใกล้บ้าน ขอคำแนะนำ ซื้อแรมและอัพเกรดโดยช่างที่ชำนาญในร้าน ก็เป็นทางออกที่น่าสนใจครับ อุ่นใจและมั่นใจได้

from:https://notebookspec.com/web/685571-upgrade-ram-notebook-2023

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่น เริ่มไม่ถึง 30,000 ปี 2023 เล่นเกมใหม่ เฟรมเรตลื่น

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่นเด็ด เริ่ม 29,900 การ์ดจอแรง จอใหญ่ เล่นเกมลื่น อัพเกรดได้

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่น ต้นปี 2023 ครั้งนี้จัดมาให้สำหรับคอเกม ที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คสำหรับเล่นเกมใหม่ๆ ในปีนี้ กับราคาในระดับที่จ่ายง่าย สบายกระเป๋า เริ่มแค่ 29,900 บาท ไปจนถึง 35,900 บาท แต่เล่นเกมได้แบบโหดๆ กับสเปคที่ให้คุณเล่นเกมบนความละเอียด Full-HD ได้ลื่น ว่ากันตั้งแต่ซีพียูระดับ Intel Core i5 จนถึง Core i7 และ AMD Ryzen 5 กับความแรงที่จะตอบโจทย์ทั้งการเล่นเกมพื้นฐาน ไปจนถึงเกมระดับ AAA โดยมีกราฟิกการ์ด GeForce RTX3050, RTX3050Ti และ RTX3060 ให้ใช้งาน จอแสดงผลขนาดใหญ่ ซึ่งในเวลานี้มีให้เลือกเกือบทุกแบรนด์ แต่จะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจ ซึ่งเข้ามาตามเงื่อนไขหรือจัดสเปคให้เกินจากนี้บ้าง ไปติดตามชมกันครับ

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูก 8 รุ่น ปี 2023

  1. MSI GF66 Katana 12UC
  2. ASUS TUF Gaming A17
  3. Gigabyte A5 K1
  4. Gigabyte G5 ME
  5. HP Victus Gaming 16
  6. ASUS TUF Dash F15
  7. Lenovo Gaming3
  8. Acer Nitro AN515

1.MSI GF66 Katana 12UC

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

มาเริ่มกันที่โน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นแรก ที่ทำราคาออกมาได้ดีเลยทีเดียว สำหรับ GF66 Katana ซึ่งเป็นซีรีส์ในตระกูลเกมมิ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปีที่ผ่านมา เพราะเรื่องของการดีไซน์และวัสดุ มีความคุ้มค่าน่าสนใจ แม้ว่าจะไม่ได้มีลูกเล่นหวือหวามากนัก คีย์บอร์ดเป็นไฟสีแดง ตัดกับโครงสร้างสีดำ ดูโหดๆ ดีเหมือนกัน แต่ถ้าเน้นที่พลังในการเล่นเกม หน้าจอขนาดใหญ่ สีสดใส ระดับ 15.6″ FHD และรีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz ก็ต้องบอกว่า ราคาหาตัวจับมาแข่งได้ยาก ซึ่งทาง MSI ใส่ขุมพลัง Intel Core i5-12450H เกมมิ่งซีพียูตัวแรงมาให้ พร้อมแรม DDR5 8GB และใส่การ์ดจอ GeForce RTX3050 4GB มาให้ด้วย แบตเตอรี่อาจจะไม่ใหญ่นัก น้ำหนักตัวเลยอยู่ที่ประมาณ 2.25Kg เท่านั้น พอร์ตจัดมาให้ครบ เช่นเดียวกับชุดระบายความร้อน CooloerBoost 5 ที่มีฮีตไปป์หลายเส้น คู่กับพัดลมคู่ขนาดใหญ่ อันเป็นเอกลักษณ์ กับการรับประกัน 2 ปี ราคาอยู่ที่ราว 29,900 บาทเท่านั้น

Advertisementavw
จุดเด่น ข้อสังเกต
มาพร้อมแรม DDR5 ไม่มี Thunderbolt 4
แบตค่อนข้างอึด

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI


2.ASUS TUF Gaming A17

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คเล่นเกมตัวคุ้มสุดโหด ดีไซน์สวย ฟังก์ชั่นเด่นในตลาดบ้านเรา สำหรับงบประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ซึ่งมีการต่อยอดมาอย่างต่อเนื่องจาก ASUS TUF รุ่นก่อนๆ มาได้ดี จากบอดี้ที่ก่อนหน้านี้เน้นอึดถึก ดูบึกบึน มาถึงตอนนี้ เริ่มปรับเส้นสายและมิติให้ดูบาง ลงตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Cover สีเทาเรียบๆ แต่ใส่โลโก้ให้ดูสะดุดตา ด้านใต้เป็นช่องลมแบบรังผึ้ง ด้านในลายอลูมิเนียมปัดเสี้ยน และให้หน้าจอใหญ่ 17.3″ FHD อัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz ขุมพลัง AMD Ryzen 7 4800H พร้อมแรม DDR4 3200 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ และ SSD 512GB โดยใช้การ์ดจอพิมพ์นิยม GeForce RTX3050 มาด้วย กับระบบเสียงสุดกระหึ่มเอาใจเกมเมอร์ และคอบันเทิงได้ดีทีเดียว พอร์ตต่อก็ครบ ทั้ง USB 3.2, USB Type-C ที่ใช้ต่อจอได้ และ HDMI ไปจนถึง LAN ชุดระบายความร้อนพัดลมคู่ และฮีตไปป์ จุดเด่นอยู่ที่คีย์บอร์ดแสงไฟ RGB ปรับแต่งได้ พร้อมโพรไฟล์ให้เลือก 4 แบบด้วยกัน การรับประกัน 2 ปี ราคาประมาณ 30,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
คีย์บอร์ด RGB แรม DDR4
จอขนาดใหญ่

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


3.Gigabyte A5 K1

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เข้าป้ายมาอีกหนึ่งรุ่นสำหรับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมจาก Gigabyte ที่จัดสเปคมาให้แบบจัดเต็ม ไม่เป็นรองใคร อาจจะต่างจากรุ่นของ G5 อยู่บ้าง ในแง่ของบอดี้ที่อาจะดูบึกบึนขึ้นมา แต่มาในสไตล์ที่ดูเป็นเกมมิ่งดุดัน ให้ขุมพลังมาเพื่อรีดเฟรมเรตโดยเฉพาะ กับโครงสร้างที่แข็งแกร่ง หน้าจอแบบ 15.6″ IPS 144Hz Full-HD และมีขอบจอบางพิเศษ โดยให้ซีพียู AMD Ryzen 5 5600H ที่รับได้ทั้งงานและการเล่นเกมปัจจุบัน พร้อมแรม DDR4 3200 8GB เช่นเดียวกับ SSD 512GB มาตรฐาน รองรับการอัพเกรดได้พอสมควร ส่วนการ์ดจอต้องจัดว่าแรงแซงหน้าคู่แข่งในงบพอกัน เพราะจัด RTX3060 มาให้ เล่นเกมได้ลื่นมากขึ้น ส่วนคีย์บอร์ดสไตล์เกมมิ่ง ที่มีแสงไฟ Backlit มาในตัว ตั้งรูปแบบแสงไฟได้ 15 สี พอร์ตโดดเด่นตรงที่มี Mini DP เพิ่มมาให้ นอกเหนือจาก HDMI จึงต่อเพิ่มได้อีก 2 จอ และพอร์ต USB 3.2 Type-C แต่ไม่มี Thunderbolt 4 มาให้ น้ำหนักตัวประมาณ 2.12Kg ราคาสบายกระเป๋า 31,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ให้การ์ดจอ RTX3060 แรม DDR4
มีพอร์ต HDMI และ Mini DP ต่อจอใหญ่ได้

ข้อมูลเพิ่มเติม: Gigabyte


4.Gigabyte G5 ME-51TH263SH

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

มาถึงโน๊ตบุ๊คเล่นเกมจากทาง Gigabyte ซึ่งเป็นค่ายที่ช่ำชองในตลาดของเกมมิ่งมายาวนาน และในไทยก็มีโน๊ตบุ๊คที่ล้ำๆ มาให้ได้ใช้กันด้วย ในราคาที่เป็นกันเอง อย่างเช่น G5 Gen12 รุ่นนี้ ที่ใส่มาทั้งดีไซน์และฟีเจอร์น่าสนใจมากมาย หน้าจอขนาด 15.6″ FHD 144Hz ฝาหลังมีการออกแบบเส้นสายให้ดูไม่น่าเบื่อ กับบอดี้ที่ดูปรับให้ลงตัวมากขึ้น บานพับขนาดใหญ่ เน้นการใช้งานที่ไม่โยกคลอนง่าย พอร์ตต่อพ่วงกระจายออกไปในทุกด้าน เพื่อลดความแออัด ขุมพลัง Intel Core i5-12500H และให้แรม DDR4 3200 8GB มาให้ และ SSD 512GB แต่ขยับการ์ดจอให้แรงขึ้นอีกนิดกับ RTX3050Ti น้ำหนักทำได้ค่อนข้างดีอยู่ที่ 1.9Kg เท่านั้น กับระบบเสียง DTS:X จัดเต็มสำหรับคอเกม คู่กับลำโพงใต้เครื่องให้มิติเสียงได้สนุก โดยมีพอร์ตพื้นฐานอย่าง USB 3.2 Type-C และ HDMI รวมถึง Mini-DP มาให้ จะขาดไปเพียง Thunderbolt 4 ที่จะอยู่ในรุ่น G5 KE เท่านั้น อย่างไรก็ดีโดยรวมยังถือว่ามาแบบครบๆ สเปคก็ถือว่าจัดจ้าน กับการรับประกัน 2 ปี ในราคา 32,490 บาท เท่านั้น

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้การ์ดจอ RTX3050Ti ไม่มี Thunderbolt 4
ดีไซน์ทันสมัย

ข้อมูลเพิ่มเติม: Gigabyte


5.HP Victus Gaming 16-e1081AX

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

มาถึงโน๊ตบุ๊คเล่นเกมตัวแกร่งของทาง HP กันบ้าง ใครที่ชื่นชอบเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่มีมิติเพรียวบาง Victus ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ดีไซน์ของรุ่นนี้ จะออกไปทางสาย Pavilion ที่ดูมีความหรูหรา และให้ความแรงที่แตกต่าง กับหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ที่กว้างขึ้น ความละเอียด Full-HD รีเฟรชเรต 144Hz จัดได้ว่าเป็นหน้าจอที่สว่างสดใส ให้ความแม่นยำของสีได้ดีพอสมควร กับสเปคที่จัดว่าขิงกับค่ายอื่นได้สบาย ในราคาเดียวกัน เพราะได้ซีพียูใหม่อย่าง AMD Ryzen 5 6600H 6 core/ 12 thread กับความเร็วสูงสุด 4.5GHz ที่มากับแรม DDR5 ที่เสริมความแรงมาให้ถึง 16GB รวมถึง SSD 512GB และการ์ดจออย่าง GeForce RTX 3050Ti อีกด้วย อีกทั้งยังให้ระบบเสียงมาเพื่อคอเกมโดยเฉพาะ กับพอร์ตเชื่อมต่อสำคัญก็มีมาเกือบครบ อย่าง USB 3.2 Type-C, HDMI และ RJ-45 แต่คีย์บอร์ดจะมาในแบบแสงไฟสีขาวมาเท่านั้น การรับประกันเป็นแบบ 2 ปี On-site service ราคาอยู่ที่ 33,400 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
แรม 16GB คีย์บอร์ดไฟขาว
ได้การ์ดจอ RTX3050Ti

ข้อมูลเพิ่มเติม: HP


6.ASUS TUF Dash F15 FX517

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เรียกว่าสายของ TUF Dash จาก ASUS ไม่เคยแผ่ว โตในสายเกมมิ่งได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งโน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นนี้เอง ก็จัดว่าน่าสนใจ เพราะใส่ขุมพลังตัวแรง อย่าง Intel Core i5-12450H เกมมิ่งตัวแรงมาด้วย คู่กับแรม DDR5 8GB รองรับการอัพเกรดเพิ่มได้ เช่นเดียวกับ SSD 512GB M.2 รุ่นใหม่ ความเร็วสูง กับหน้าจอขนาด 15.6″ FHD อัตรารีเฟรชเรต 144Hz ซึ่งขอบจอบางพิเศษ กับใครที่อยากจะได้การ์ดจอที่แรงขึ้นสุดในราคาระดับนี้ ASUS ให้มาเป็น RTX3050Ti พร้อม MUX switch ในตัว คีย์บอร์ดแสงไฟ RGB ใช้งานร่วมกับ AURA Sync ได้ จุดเด่นอยู่ที่การนำเสนอความทนทานกับดีไซน์ที่สวยโดดเด่น วัสดุเป็นอะลูมิเนียม ชุดระบาบความร้อนออกแบบมาเป็นพิเศษ Arc Flow Fans ที่ให้การหมุนเวียนของอากาศได้ดี ช่วยลดความร้อนในขณะเล่นเกม กับพอร์ตต่อพ่วงสำคัญอย่าง Thunderbolt 4, USB 3.2 Type-C และ HDMI มีให้ใช้ครบ กับการรับประกัน 2 ปีและ Perfect Warranty น้ำหนักเบาเพียง 2Kg. เท่านั้น เคาะราคามาที่ 34,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้ RTX3050Ti
คีย์บอร์ดแสงไฟ RGB

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


7.Lenovo IdeaPad Gaming 3 15IAH7

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

สำหรับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมจากทาง Lenovo ในราคาระดับนี้ ทำให้ผมชั่งใจพอสมควร ระหว่างรุ่นนี้ที่ใช้ Intel Core i5-12500H กับ i5-12450H เพราะได้การ์ดจอต่างกันในราคาเบียดๆ กันเลยทีเดียว โดย i5-12450H+RTX3050Ti ราคาสูงกว่ารุ่นนี้ 1,000 บาทเท่านั้น น่าสนใจด้วยกันทั้งคู่ แต่ถ้าคุณอยากได้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คและจะแบ่งไปจัดเกมมิ่งเกียร์ด้วย ก็จัดรุ่นนี้ได้เลย ดูคมเข้ม ยิ่งรุ่นสีขาว Limited Edition ยิ่งโดนใจกับแสงไฟสีฟ้า การออกแบบใหม่ จัดว่าสวยลงตัว จอขนาด 15.6″ FHD รีเฟรชเรตสูงถึง 165Hz จอสีตรง ให้ความสว่างสูง โดยมีแรม DDR4 3200 8GB อัพเกรดเพิ่มได้ และ SSD 512GB ที่มีสล็อตเพิ่มให้ ระบบเสียง Nahimic สดใส เอฟเฟกต์แน่น พอร์ตมีให้ครบ ส่วนใหญ่ไปอยู่ด้านหลังทั้ง Thunderbolt 4 และ HDMI คีย์บอร์ดกดได้สนุก ชุดระบายความร้อนขนาดใหญ่ ออกแบบมาได้ดี น้ำหนักประมาณ 2.31Kg รับประกัน 3 ปีแบบ Onsite Service ราคาอยู่ที่ 33,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
อัตรารีเฟรชเรตสูง 165Hz น้ำหนัก 2.31Kg
มี Thunderbolt 4

ข้อมูลเพิ่มเติม: Lenovo


8.Acer Nitro AN515-58

โน๊ตบุ๊คเล่นเกม

เป็นอีกค่ายหนึ่งที่ออกโน๊ตบุ๊คเล่นเกมในกลุ่มเกมมิ่งได้ถูกอกถูกใจเหล่าเกมเมอร์มายาวนาน ในซีรีส์ Nitro ถือว่าโดดเด่น และทำราคาที่จับต้องได้ง่าย ใส่ฟีเจอร์มาแน่น เช่นเดียวกับสเปคที่ไม่ธรรมดา โดยมีซีพียู Intel Core i5-12500H ที่ถือว่าจัดจ้าน แต่น่าเสียดายที่ใส่แรม DDR4 มาให้ แต่ก็จัดมาให้เยอะกว่าคู่แข่ง เพราะให้ถึง 16GB และให้การ์ดจอเริ่มต้นอย่าง RTX3050 มาอีกด้วย กับหน้าจอแสดงผล 15.6″ FHD 165Hz เป็นแบบ IPS สีสดใสคมชัด เรื่องของเส้นสาย Cover มาในแบบที่เด่น ตามสไตล์ของรุ่นนี้ ด้านในขอบจอบางเฉียบ และฝาพับที่ค่อนข้างแข็งแรง คีย์บอร์ดเป็นแบบ RGB 4 zone ปรับโพรไฟล์สีได้ กดแน่นสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ การระบายความร้อนมาพร้อมพัดลม 2 ตัวกับฮีตไปป์ ด้านท้ายตัวเครื่องออกแบบมาให้มีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่มาให้ ทำงานคู่กับ Nitro Sense ให้การรับประกัน 3 ปี ราคา 35,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้จอรีเฟรชเรต 165Hz
แรม 16GB

ข้อมูลเพิ่มเติม: Acer


Conclusion

Display CPU RAM SSD Graphic Price
1.MSI GF66 Katana 12UC 15.6″ 144Hz Intel Core i5-12450H DDR5 8GB 512GB RTX3050 29,900 บาท
2.ASUS TUF Gaming A17 17.3″ 144Hz AMD Ryzen 7 4800H DDR4 8GB 512GB RTX3050 30,990 บาท
3.Gigabyte A5 K1 15.6″ 144Hz AMD Ryzen 5 5600H DDR4 8GB 512GB RTX3060 31,990 บาท
4.Gigabyte G5 ME 15.6″ 144Hz Intel Core i5-12500H DDR4 8GB 512GB RTX 3050Ti 32,490 บาท
5.HP Victus Gaming 16 16.0″ 144Hz AMD Ryzen 5 6600H DDR5 16GB 512GB RTX 3050Ti 33,400 บาท
6.ASUS TUF Dash F15 15.6″ 144Hz Intel Core i5-12450H DDR5 8GB 512GB RTX 3050Ti 34,990 บาท
7.Lenovo Gaming3 15.6″ 165Hz Intel Core i5-12500H DDR4 8GB 512GB RTX3050 33,900 บาท
8.Acer Nitro AN515 16.0″ 165Hz Intel Core i5-12500H DDR4 16GB 512GB RTX3050 35,900 บาท

ก็เรียกว่าน่าจะครบครันไปแล้ว สำหรับข้อมูลของ 8 โน๊ตบุ๊คเล่นเกมราคาถูกในงบเริ่ม 29,900 บาท ซึ่งมีหลายรุ่นที่น่าสนใจ ซึ่งหากต้องการซีพียู และสเปคที่ค่อนข้างใหม่ ราคาราวๆ 3 หมื่นกว่าบาท มีให้เลือกมากมายเลยทีเดียว ถ้าเน้นราคาเริ่มต้น MSI GF66 ดีไซน์เกมมิ่ง ดุดันสเปคน่าใช้ แต่ถ้าอยากได้จอใหญ่ 17.3″ ซีพียูแรงๆ ASUS TUF A17 ตอบโจทย์คุณได้ ส่วนถ้าเลือกเฉพาะการ์ดจอแรงๆ มีทั้ง Gigabyte G5, HP Victus และ ASUS TUF Dash F15 ถือว่าน่าใช้ และถ้าต้องการจอรีเฟรชเรตสูง Lenovo และ Acer Nitro ทั้งคู่มาเป็น 165Hz แล้ว ส่วนถ้าอยากได้แรม 16GB มีทั้ง HP และ Acer แต่ HP จัดมาเป็น DDR5 อีกด้วย ที่เหลือจะเป็นเรื่องของดีไซน์และฟังก์ชั่น อย่างเช่น เรื่องการระบายความร้อน คีย์บอร์ดไฟ RGB หรือจะเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 ก็มีให้ในบางรุ่น อยู่ที่คุณจะตัดสินใจเลือกใช้ และเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนโดนใจคุณบ้าง อย่าลืมคอมเมนต์มาบอกเพื่อนๆ กันบ้างนะครับ

from:https://notebookspec.com/web/682754-8-value-gaming-notebook-2023

Ross Young เผย MacBook Air 13″, iPad Pro 11″, 12.9″ จะอัปเกรดไปใช้จอ OLED ในปี 2024

สินค้า Apple กำลังเตรียมเข้าสู่ยุคหน้าจอ OLED เมื่อมีรา […] More

from:https://www.iphonemod.net/macbook-air-13-inch-may-switch-to-oled-display-2024-report.html

The Elec เผย iPhone 14 ทั้ง 4 รุ่น ส่วนใหญ่ใช้จอ OLED จาก Samsung

The Elec เผยว่า iPhone 14 ทุกรุ่น ส่วนใหญ่แล้วใช้จอ OLE […] More

from:https://www.iphonemod.net/samsung-larger-oled-display-for-iphone-14-model.html

ASUS Vivobook Pro 15 OLED สีตรง แต่งภาพ ตัดต่อ เล่นเกม สีสดใส 2.8K 120Hz จบในตัว

ASUS Vivobook Pro 15 OLED โน๊ตบุ๊ค 2.8K 120Hz จอสีสดใส การ์ดจอ RTX ราคาเบาๆ

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS Vivobook Pro 15 OLED โน๊ตบุ๊คทำงานกึ่งไลฟ์สไตล์ เข้ากันได้ในทุกช่วงชีวิตกับหน้าจอขนาดใหญ่ 15.6″ ให้ความละเอียดถึง 2.8K สีสันสดใสในแบบ OLED ขุมพลัง Intel Core i7-12760H ที่พร้อมตอบสนองการใช้งานในด้านต่างๆ เช่นเดียวกับแรม DDR5 และกราฟิกการ์ดแบบแยก GeForce RTX 3050Ti กับดีไซน์บนพื้นฐานของ ASUS Vivobook อย่างเต็มรูปแบบ คีย์บอร์ด Full-size กดง่าย ตอบสนองไว แสงไฟ Backlit บนคีย์บอร์ด ปรับระดับความสว่างได้ ฮอตคีย์มีมาให้ครบ และบานพับที่กางออกได้ถึง 180 องศา ให้การระบายความร้อน ASUS IceCool Plus ลดอุณหภูมิได้ดีขึ้น รวมถึงพอร์ตที่มีให้ครบครัน รวมถึง Thunderbolt 4 ที่ใช้งานได้อเนกประสงค์ น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.8Kg เท่านั้น พร้อม Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที และมี Perfect Warranty มาให้อุ่นใจในการใช้งาน สนนราคาเริ่มอยู่ที่ 43,990 บาท

ASUS Vivobook Pro 15 OLED


จุดเด่น

Advertisementavw
  • จอภาพ OLED สีสันสดใส ให้ความแม่นยำสีสูง
  • ความละเอียด 2.8K เหมาะกับการทำงานด้านภาพ
  • สเปค Intel Core i7-12760H+DDR5 ให้ประสิทธิภาพที่ดี
  • มาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 4
  • คีย์บอร์ดแสงไฟ Backlit ปรับระดับได้
  • กล้องเว็บแคมคมชัด ไมโครโฟน Ai Noise Cancelling
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ระบายความร้อนได้ดีพอสมควร
  • มี Certified DisplayHDR True Black 600

ข้อสังเกต

  • มี Thunderbolt 4 มาให้พอร์ตเดียว
  • ไม่รองรับสแกนลายนิ้วมือ
  • แรมออนบอร์ด อัพเกรดไม่ได้

Specification

Description
สี Quiet Blue
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home – ASUS recommends Windows 11 Pro for business
โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7-12650H Processor 2.3 GHz (24M Cache, up to 4.7 GHz, 10 cores)
จอภาพ 15.6-inch, 2.8K (2880 x 1620) OLED 16:9 aspect ratio, 0.2ms response time, 120Hz refresh rate, 600nits peak brightness , 100% DCI-P3 color gamut , 1,000,000:1, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 600 , 1.07 billion colors, PANTONE Validated
หน่วยความจำ 16GB LPDDR5 on board
ตัวจัดเก็บข้อมูล 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
การเชื่อมต่อและการต่อขยาย 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A
2 x USB 2.0 Type-A
1x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery
1 x HDMI 2.1
1x 3.5mm Combo Audio Jack
1x DC-in
Micro SD card reader
คีย์บอร์ดและทัชแพด Backlit Chiclet Keyboard with Num-key , 1.4mm Key-travel, -, Touchpad
กล้อง กล้อง 1080p FHD
With privacy shutter
เสียง Smart Amp Technology
Built-in speaker
Built-in array microphone
harman/kardon (Mainstream)
with Cortana and Alexa voice-recognition support
ระบบไร้สาย Wi-Fi 6E(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth 5
แบตเตอรี่ 70WHrs, 3S1P, 3-cell Li-ion
น้ำหนัก 1.80 kg
ขนาด (กว้าง x ลึก x สูง) 35.98 x 23.43 x 1.89 ~ 1.99 cm
ASUS Exclusive technology ASUS Antibacterial Guard
Military Grade US MIL-STD 810H military-grade standard
Price 43,990 Baht

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


Hardware / Design

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS Vivobook Pro 15 มาในธีมสีที่เรียกว่า Quiet Blue ซึ่งเป็นสีพื้นฐานที่ถูกใช้บน Vivobook มาหลายๆ รุ่น รวมถึง ExpertBook ด้วยเช่นกัน โดยเป็นแนวสีน้ำเงิน+เทาเข้มๆ ดูแล้วเข้าได้กับทุกสภาพการณ์ จะเอาไปใช้ที่ทำงาน เรียนออนไลน์ นั่งชิลร้านกาแฟ หรือประชุมลูกค้าก็ลงตัวดีครับ

ASUS Vivobook Pro 15

โครงสร้างมาในไซส์ของโน๊ตบุ๊คระดับ 15.6″ หลายๆ รุ่นของ ASUS วัสดุแข็งแรงดี ฝา Cover จับแล้วไม่ยวบยาบ โลโก้ ASUS Vivibook เป็นแบบแวววาวอยู่ด้านบน เส้นสายทำให้ดูทันสมัยดีทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

ขอบจออาจไม่ได้บางมาก เพราะต้องรับโครงสร้างของตัวจอขนาดใหญ่ กรอบจออยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั้ง 3 ด้าน บางพอๆ กับ Vivibook 16 ที่เราเคยได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ ให้พื้นที่ในการแสดงผลประมาณ 84% Screen to Display อยู่ในระดับที่กว้างดีทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

มุมมองจากด้านข้าง มิติของขอบบานหน้าจอมีความบาง และบอดี้เอง ก็มีการจัดวางเส้นสาย ให้ดูมีมิติและความบางมากขึ้น พร้อมพอร์ตต่อพ่วงและไฟแสดงสถานะ

ASUS Vivobook Pro 15

ฝั่งขวามือมาพร้อมพอร์ตให้ใช้งานอย่างครบครัน เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และหนึ่งในนั้นก็เป็น Thunderbolt 4 อีกด้วย ซึ่งเป็นพอร์ตสารพัดประโยชน์เลยทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

บานพับที่กาง 180 องศา เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแชร์หน้าจอ เพื่อแบ่งปัน พรีเซนเทชั่นหรือการแนะนำสินค้าให้คนที่อยู่โดยรอบได้เห็นภาพไปพร้อมๆ กัน

ASUS Vivobook Pro 15

ด้านหลัง มาพร้อมช่องดูดลมเย็นเข้าสู่ระบบ เป็นช่องขนาดเล็ก แต่มีความถี่จำนวนมาก ดีไซน์ให้เข้ากับเส้นสายของตัวเครื่อง ด้านล่างเป็นช่องลำโพงให้พลังเสียงได้อย่างเต็มอิ่มทีเดียวในการทดสอบของเรา ยิ่งเหล่าเกมเมอร์ กับเน้นชมภาพยนตร์เป็นหลัก ไม่ควรพลาด

ASUS Vivobook Pro 15

บรรดาสติ๊กเกอร์ที่บริเวณจุดวางมือ รายงานถึงคุณสมบัติสำคัญๆ เอาไว้อย่างครบครัน เช่น ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool Plus, มีพอร์ต Thunderbolt 4 และ Privacy Shutter เป็นต้น

ASUS Vivobook Pro 15

คีย์บอร์ดขนาดใหญ่ในแบบ Full Size ให้การพิมพ์ที่สนุกมือ โดดเด่นที่โลโก้แบบ Slate อยู่บริเวณปุ่ม Enter ระยะห่างของปุ่มกดง่าย ฮอตคีย์อยู่ด้านบน เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน

ASUS Vivobook Pro 15

และที่ขาดไม่ได้นั่นคือ จอภาพในแบบ OLED สีสันสดใส ซึ่งพอใช้ดูภาพยนตร์แบบ Fullscreen ด้วยแล้ว นอกจากสีสันจะจัดจ้าน แบบที่เราคาดไว้ ขอบจอบางๆ ยิ่งทำให้ได้อรรถรสในการรับชมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในโทนสีดำหรือฉากมืด คุณจะได้เห็นอะไรดีๆ บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อีกมากเลยทีเดียว และที่สำคัญยังมาพร้อม DisplayHDR TrueBlack 600 ตัวท็อปสุดในสายนี้ ต้องมีอะไรดีๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ


Keyboard / Touchpad

ASUS Vivobook Pro 15

คีย์บอร์ดในแบบ Full-size มาในสไตล์เดียวกับ Vivobook 16 ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในเรื่องของเลย์เอาท์ การวางปุ่มต่างๆ ไปในทางเดียวกัน เรื่องระยะห่างของปุ่ม และพื้นที่วางมือ แทบจะใกล้เคียงกันทั้งหมด เสน่ห์อยู่ที่ปุ่มขนาดใหญ่ ฟอนต์ตัวอักษรก็ดูง่าย ทำให้เหมาะกับคนทำงาน หรือคนที่ต้องพิมพ์เอกสารบ่อยๆ เพราะง่ายต่อการมอง หรือจะพิมพ์สัมผัสก็สนุก

ASUS Vivobook Pro 15

ปุ่มกดแน่นนุ่ม แต่เสียงเบา ลงน้ำหนักนิ้วได้อย่างสะใจ โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบแนวนี้ เพราะมีงานที่ต้องใช้คีย์บอร์ดในแต่ละวันเยอะ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น แต่สายเกมมิ่ง อาจจะรู้สึกไม่คุ้นชินตอนแรก ซึ่งถ้าเล่นเกมแอ็คชั่นทั่วไป ไม่เน้นคีย์เยอะ ก็เล่นได้สนุก แต่ถ้าจะให้สนุกแบบมีแรงต้าน จังหวะคลิ๊กแนะนำว่าต่อ Mechanical keyboard เอาไว้เล่นจะได้ความมันส์เพิ่มขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

โลโก้สะดุดตาที่ปุ่ม Enter ที่เป็นแบบ Slate ในงานวีดีโอ

ฮอตคีย์ด้านบน มีให้อย่างครบถ้วน ตรงนี้ผมถือว่า ASUS เป็นอีกหนึ่งค่าย ที่มีให้ใช้งานครบมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ปิดลำโพง, เพิ่ม-ลดเสียง, เพิ่ม-ลดแสงหน้าจอ, ทัชแพด, แสงไฟคีย์บอร์ด, ส่งสัญญาณไปยังจอภายนอก, ไมโครโฟน, ปิดกล้องเว็บแคม, Snipping tool, MyASUS, จับภาพหน้าจอ ที่เหลือก็จะเป็น Del, Insert และ ปุ่มเพาเวอร์อยู่ทางขวามือสุด

ASUS Vivobook Pro 15

ที่ทัชแพดขนาดใหญ่ 13.5cm x 7cm พร้อมปุ่มคลิ๊กซ้าย-ขวา แบบซ่อนเอาไว้ รองรับการใช้ Multi-Gesture เช่น 2 นิ้วย่อ-ขยาย, 3 นิ้ว เปิด Task View เลือกหน้าต่างโปรแกรม เป็นต้น ด้านหน้ามีเว้าตรงกลาง ให้นิ้วดันจอขึ้นมาได้ ข้อดีคือ ทำให้จอมีความแน่นหนา ไม่เขย่าหรือสั่นง่าย เวลาใช้งาน โดยเฉพาะคนที่ลงน้ำหนักที่นิ้วเวลาพิมพ์

คีย์บอร์ดมาพร้อมแสงไฟ Backlit สามารถใช้งานในที่แสงน้อยได้ และยังปรับการใช้งานได้ตามสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด ได้ที่ปุ่ม F7 รวมถึงการปรับระดับความสว่างได้อีก 2 ระดับ เพื่อการใช้งานในรูปสภาวะแสงในบริเวณต่างๆ

บริเวณที่วางมือ มาพร้อมโลโก้ต่างๆ เช่น ซีพียู Intel Core i7, กราฟิก GeForce RTX รองรับฟีเจอร์ที่ใช้ไดรเวอร์ Studio ได้ Pantone Validated: รองรับมาตรฐานเฉดสีที่ใช้งานจอในการตกแต่งภาพ โดยเฉพาะงาน Production ออกมาแล้ว ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เรื่องนี้หลายฝ่ายค่อนข้างให้ความสำคัญมากทีเดียว

ASUS Perfect Warranty การรับประกันที่มั่นใจได้จาก ASUS การรับประกัน 2 ปี ปีแรกครอบคลุมถึงอุบัติเหตุต่างๆ เช่น ตกหล่น น้ำหกใส่ หรือไฟฟ้าลัดวงจรเป็นต้น นอกจากจะมาพร้อม Windows 11 Home แล้ว ยังมี Office Home & Student มาอีกด้วย

ด้านขวาจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่บอกถึงฟีเจอร์หลักๆ บน ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ เช่น

  • ชุดระบายความร้อน ASUS IceCool Plus
  • พอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 4
  • ฝาปิดกล้องเว็บแคม เพื่อความเป็นส่วนตัว
  • Ai Noise Cancelling ลดเสียงรบกวน ให้เสียงสนทนาเคลียร์ชัด
  • กางหน้าจอได้ 180 องศา
  • ASUS WiFi Master Premium การเชื่อมต่อไร้สาย

Screen / Speaker

ASUS Vivobook Pro 15

ผมอยากจะให้มาเริ่มกับหน้าจอแสดงผล OLED ที่เป็นไฮไลต์ของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ความละเอียดที่ 2880 x 1620 ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะสัดส่วนของหน้าจอเป็นแบบ 16:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรตมาถึง 120Hz ด้วยกัน ซึ่งจะให้ภาพที่มีความนุ่มนวลลื่นไหล มาพร้อมกับ Certified ต่างๆ มากมาย เช่น Pantone Validate จอที่ได้การปรับจูนให้เข้ากับระบบสีสากลที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ตามมาตรฐาน ซึ่งจำเป็นอย่างมากในงานด้านภาพและคอนเทนต์

ASUS Vivobook Pro 15

ขอบจอที่บางสุดๆ ทำให้ความรู้สึกในการชมภาพยนตร์ หรือการใช้พื้นที่หน้าจอในการทำงานได้เต็มตาเต็มอารมณ์มากขึ้น ยิ่งเป็นจอขนาด 15.6″ ด้วยแล้ว และใช้ความละเอียดระดับ 2.8K ก็ทำให้คุณได้พื้นที่ในการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม ในโหมดของ Full screen หรือ Frameless ก็ตาม

ขอบด้านข้างซ้าย-ขวา และบนมีความบาง แม้จะไม่ได้บางที่สุด เพราะด้วยโครงสร้างจอขนาดใหญ่ ซึ่งจะรับบทบาทในเรื่องน้ำหนัก และความแข็งแรงเอาไว้ด้วย การจับถือก็ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องการบิดตัวมากนัก

มุมมองจากทางด้านซ้ายและขวาของโน๊ตบุ๊ค ให้ความคมชัดด้วยกันทั้ง 2 ด้าน ด้วยความเป็นจอ OLED ที่ให้สีสันสม่ำเสมอ และภาพที่มีความสดใส จึงเหมาะกับการใช้งานในหลายๆ ประเภท รวมถึงการแชร์ภาพให้คนข้างๆ ได้ดูกันได้อย่างชัดเจน

บานพับหน้าจอสามารถกางได้หลายระดับ ตั้งแต่พับปิดทำได้แนบสนิท ไปจนถึงกางออกได้สุดถึง 180 องศา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้าน ซึ่งก็รวมถึงการพรีเซนท์งานของเหล่า Content Creator ที่ให้คนด้านข้าง หรืออยู่ตรงข้ามได้ชมกันแบบทั่วถึง หลายคนน่าจะชื่นชอบกับการกางแบบนี้ เพราะสามารถเปลี่ยนอิริยาบทในการใช้งานได้มากขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

มุมมองใกล้ๆ ของบานพับที่เป็นส่วนหนึ่งในการยกมุมของคีย์บอร์ด และปรับมุมหน้าจออยู่บ้าง ในกรณีที่ปรับมุมแบบพื้นฐาน ส่วนการกาง 180 องศา ตัวยางที่อยู่ด้านใต้จะรับหน้าที่ป้องกันรอยขูดขีดจากพื้นโต๊ะได้เลย การปรับมุมนี้ จะคล้ายกับใน ASUS ExpertBook หลายๆ รุ่น

ASUS Vivobook Pro 15 OLED 78

และเมื่อเราดูจากการเคลมของ ASUS ที่ว่าสเปคมา หลายอย่าง เช่น ค่า DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 ซึ่งผลที่ได้ก็อยู่ที่ 100% DCI-P3 Coverage และ Delta-E ก็ถือว่าใกล้เคียง เพราะค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.14 เท่านั้น แต่สูงสุดก็มากกว่า 2 อยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าให้ขอบเขตสีที่กว้าง

DisplayHDR True Black 600 จัดว่าท็อปสุดในเวลานี้แล้ว ขยายความตรงนี้นิดนึงครับ สำหรับคนที่อาจสงสัย สำหรับ DisplayHDR True Black เป็น Certified เดียวกับ Display HDR แต่เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับจอ OLED ที่มีเรื่องการเปล่งแสงสีดำน้อยที่สุด โดยเงื่อนไขสามารถดูได้จากตาราง Certified นี้ได้เลย

DisplayHDR table
ที่มา: HDRDisplay

การเป็น DisplayHDR True Black 600 นี้ เหนือกว่า Certified อื่นๆ ที่เป็น DisplayHDR ธรรมดาอยู่มากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การเปล่งแสงสีดำที่น้อยสุดๆ ทำให้ฉากสีดำ ดำสนิด มองเห็นรายละเอียดได้ชัด สิ่งที่ผู้ใช้จะได้ก็คือ ความลึกของภาพที่มีมิติ และลดการใช้พลังงานลง เพราะพิกเซลเปล่งแสงแบบจุด ไม่ได้เป็นแบบโซนเหมือน LED ทั่วไป

ASUS Vivobook Pro 15 OLED 89

โดยการรองรับ HDR ก็ยิ่งทำให้การเกลี่ยสีมีความสดใส และยังได้ค่า Contrast ที่สูง จึงเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม และชมภาพยนตร์ได้มากกว่าเดิม อย่างเช่น ตัวอย่างที่เราได้นำเสนอนี้ ด้านซ้ายจะเป็นจอ OLED ส่วนทางด้านขวา จะเป็นจอ LED บนโน๊ตบุ๊ค ASUS จะเห็นความแตกต่างในด้านของสีอยู่ไม่น้อยเลย

ASUS Vivobook Pro 15

กล้องเว็บแคมที่มากับ ASUS Vivobook Pro 15 OLED ความละเอียด Full-HD 1080p มีความคมชัดสูง และยังมี Privacy Shutter ที่ปิดฝาด้านหน้ากล้อง เพื่อความเป็นส่วนตัว และเทคโนโลยี 3DNR ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพ ด้านข้างมาพร้อมไมโครโฟน พร้อมฟีเจอร์ที่เรียกว่า AI Noise Cancellation ในการตัดเสียงรบกวน ให้การสนทนาที่ชัดเจน โดยเฉพาะคนที่ต้องการความคมชัดในด้านของเสียง และใช้งานในที่ที่มีเสียงโดยรอบ ซึ่งจากการใช้งานในห้องทำงาน ที่มีพนักงานนั่งรวมกัน อาจจะมีเสียงแทรกมาบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังมีความเคลียร์ชัดได้ดี และคุณยังเข้าไปปรับแต่งเพิ่มเติมได้จากซอฟต์แวร์ MyASUS ในการตั้งค่าเสียงรบกวน จากด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงการปิดเสียงที่มาจากรอบด้านได้ ฟีเจอร์นี้่ค่อนข้างจะได้ประโยชน์ในการใช้งานในหลายๆ สภาวะได้ดี

Webcam 2

และเมื่อเราดูจากการเคลมของ ASUS ที่ว่าสเปคมา หลายอย่าง เช่น ค่า DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 ซึ่งผลที่ได้ก็อยู่ที่ 100% DCI-P3 Coverage และ Delta-E ก็ถือว่าใกล้เคียง เพราะค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.14 เท่านั้น แต่สูงสุดก็มากกว่า 2 อยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าให้ขอบเขตสีที่กว้าง

DisplayCAL test

ส่วนค่าความสว่างจากการทดสอบบน DisplayCAL ก็ทำได้ถึง 388cd/m2 ซึ่งใกล้เคียงกับที่ทาง ASUS เคลมเอาไว้อีกด้วย ถือว่าจอภาพที่ให้มาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะกับการทำงานได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะงานที่ซีเรียสเรื่องสี เช่น การพรีเซนเทชั่นสินค้าให้ลูกค้า ตรวจงานอาร์ตเวิร์กหรือต้องส่งงานโปรดักส์ชั่น ก็พอรับไหว

ASUS Vivobook Pro 15

ชุดลำโพงที่อยู่ด้านล่างทั้งซ้ายและขวา ให้ทิศทางเสียงกดลงพื้นโต๊ะ และสะท้อนเสียง เพื่อการรับฟังได้ชัดเจนมากขึ้น


Connector / Thin And Weight

ASUS Vivobook Pro 15

ทางด้านซ้าย จะมีเพียงพอร์ต USB 2.0 Type-A มาให้ 2 พอร์ต และไฟแสดงสถานะ และไฟแบตเตอรี่

ASUS Vivobook Pro 15

พอร์ตทางด้านขวา ประกอบด้วย DC-In สำหรับชาร์จไฟ, USB 3.2 Type-A, HDMI 2.1, Thunderbolt 4 อย่างละ 1 พอร์ต พร้อมสล็อต microSD card reader และ 3.5mm Audio jack โดยที่ Thunderbolt 4 รองรับการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง, การชาร์จไว และการแสดงผลร่วมกับ DP ได้อีกด้วย

ASUS Vivobook Pro 15

ลองต่อสายแบบจัดเต็ม ระยะช่องไฟมีพอสมควร ให้หัวต่อต่างๆ สามารถติดตั้งกันอย่างใกล้ชิดได้ แต่ก็จะมีบางอุปกรณ์ที่มีหัวต่อขนาดใหญ่ อาจจะไม่สะดวกต่อการติดตั้ง เพราะจะไปเบียดกับสายต่อข้างๆ ได้ แต่ส่วนใหญ่ สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งหมด แต่ที่ติดอยู่เล็กน้อยก็คือ น่าจะมีพอร์ต RJ-45 สำหรับสาย LAN มาให้บ้าง เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 15.6″ และเป็นสาย Creator ด้วย โดยส่วนตัวมองว่ามีบทบาทต่อการใช้งานพอสมควร

ASUS Vivobook Pro 15

น้ำหนักที่ชั่งได้สุทธิก็คือ 1.79Kg ซึ่งเบากว่าที่เคลมไว้หน้าสเปคคือ 1.8Kg อยู่นิดหน่อย ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี อาจจะเหมาะวางโต๊ะ แทนพีซีก็ได้ หรือจะพกพาใส่กระเป๋าไปพบลูกค้าก็ยังพอไหว เพราะถ้าเทียบกับโน๊ตบุ๊คในระดับใกล้กันอย่างที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค ยังถือว่าเบากว่าพอสมควร

ASUS Vivobook Pro 15

จะไม่บอกน้ำหนักอแดปเตอร์ ก็กลัวว่าจะไม่ครบ ก็จะประมาณ 400 กรัม เมื่อรวมกับตัวเครื่องแล้ว ก็อยู่ราวๆ 2.2Kg ครับ เน้นงานสั้นๆ ข้างนอก ไม่ต้องพกก็ได้ หรือถ้าจะเดินทางพกไปใส่กระเป๋าเป้ ก็ยังไหว


Inside / Upgrade

ASUS Vivobook Pro 15

การแกะเปิดฝาหลัง เพื่อดูองค์ประกอบภายใน ทำได้ไม่ยากครับสำหรับโน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ เพราะใช้น็อตประมาณ 10 ตัวเท่านั้น แต่ส่วนที่เป็นพอร์ตด้านข้าง กับบริเวณใกล้กับบานพับอาจจะแน่นไปบ้าง แต่ใช้เครื่องมือที่เป็นพลาสติกบางๆ แกะออกมาได้ และภายในจะเป็นแบบในภาพนี้เลย การจัดวางสิ่งต่างๆ ทำได้ลงตัวดี กับชุดระบายความร้อน ASUS IceCool Plus พัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัวและฮีตไปป์ที่วิ่งมาแบบเรียบง่าย

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS จัดวางชิ้นส่วนต่างๆ เรียกว่าเต็มพื้นที่ภายในมาเลยทีเดียว โดยเฉพาะพัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัว และฮีตไปป์ ที่ช่วยในการระบายความร้อนกับเทคโนโลยี ASUS IceCool Plus โดยมีฮีตไปป์ 2 เส้น วิ่งผ่านระหว่างซีพียู และกราฟิก ซึ่งอาจจะดูน้อยไปบ้าง ถ้าเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เยอะกว่าโน๊ตบุ๊คพื้นฐานทั่วไป เพราะมีพัดลมให้ถึง 2 ตัวด้วยกัน

ASUS Vivobook Pro 15

ด้านบนเป็นแรมระบบ LPDDR5 4800 ความจุ 16GB ติดตั้งมาบนบอร์ดให้แล้ว แต่ไม่มีสล็อตเพิ่มเติมมาให้ อย่างไรก็ดีแรมระดับ 16GB นี้ ก็มากพอสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นแรม DDR5 ที่มีความเร็วและแบนด์วิทธิ์ที่กว้างกว่า DDR4 พอสมควร การใช้งานที่ต้องการทั้งความเร็ว และทำงานร่วมกับปริมาณข้อมูลเยอะๆ จะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้มากขึ้น

ASUS Vivobook Pro 15

ถัดลงมาจากพัดลม ก็จะมี Storage ที่เป็น SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe 3.0 มาให้ ความจุ 512GB และมีให้เพียงสล็อตเดียวเท่านั้น ซึ่งจากการทดสอบความเร็วอยู่ในระดับ 3,000MB/s (Read) ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ที่จัดการซอฟต์แวร์และงานต่างๆ ได้ในระดับที่ดี รวมถึงการเปิดเครื่อง และเข้าโปรแกรมอีกด้วย ส่วนการอัพเกรดต้องใช้การถอดเปลี่ยนตัวเดิมเท่านั้น

ASUS Vivobook Pro 15

โน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 ยังได้รับการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD 810H เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ ว่ารองรับงานในสภาพแวดล้อมชีวิตประจำวันได้ดี ไม่ว่าจะเป็น การสั่นสะเทือน เช่น การวางในรถหรือใกล้เครื่องจักร ตกกระแทก ความร้อนสูง หรือมีความเย็นและเมื่อต้องเจอกับความชื้นก็ตาม


Performance / Software

CPUz1

CPUz รายงานว่าเป็นซีพียู Intel Core i7-12650H เป็นซีพียูในตระกูลของเกมมิ่ง ที่ให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูง ทำงานในแบบ 10 core/ 16 thread สำหรับการใช้งานแบบมัลติทาส์กกิ้ง ความเร็วในการบูสท์ได้สูงสุดถึง 4.7GHz เหมาะกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่มนี้ เพราะค่าการใช้พลังงานไม่สูงมาก และ Max. สูงสุดแค่ 115W เท่านั้น พอที่จะให้ทำงานแบบโหดๆ ในช่วงที่ไม่ได้เสียบชาร์จได้พอสมควร เพราะแบตให้มาถึง 70Whr

CPUz3 1

ASUS Vivobook Pro 15 ให้แรมระบบมา 16GB เป็นแบบ LPDDR5 ซึ่งถือว่าจัดจ้านในย่านราคากับกลุ่มโน๊ตบุ๊คเดียวกัน ซึ่งความจุระดับนี้ ก็ตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้านได้แล้ว โดยเฉพาะงานที่ต้องการทั้งแบนด์วิทธิ์ และความเร็ว เช่นการโอนถ่ายข้อมูลขนาดใหญ่ มีไฟล์จำนวนมาก และการเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ เช่น ภาพหรือวีดีโอ รวมถึงการเปิดโปรแกรม ก็จะไหลลื่นมากขึ้น อย่างไรก็ดีเท่าที่เราเข้าไปเช็ค ไม่มีสล็อตสำหรับการอัพเกรด แต่ระดับ 16GB เท่าที่ทดสอบ รองรับความต้องการในชีวิตประจำวันของคุณได้เลย

CPUz3 2
CPUz2 2

GPUz สำหรับกราฟิกนั้นมีให้ทั้ง 2 แบบคือ Intel Iris Xe ที่มีอยู่ในซีพียู ซึ่งรองรับการใช้งานพื้นฐาน และความบันเทิงทั่วไป นอกจากนี้สำหรับเหล่าเกมเมอร์ ASUS ก็ให้กราฟิกแยกมาด้วยในรุ่น GeForce RTX3050Ti ซึ่งมาพร้อม VRAM GDDR6 4GB และเป็นตัวท็อปสุดของสายนี้ เพราะยังมี RTX3050 รุ่นน้อง ซึ่งเป็นรุ่นรอง และมีอยู่ในโมเดลของ ASUS รุ่นนี้ด้วย ราคาประมาณ 38,990 บาท

ASUS Vivobook Pro 15

CrystalDiskMark ให้ผลการทดสอบอยู่ในะดับที่ดี กับการอ่านข้อมูล 3,000MB/s และเขียน 1,600MB/s โดยประมาณ ซึ่งผลที่ได้ถือว่าทำได้ดีกว่า Vivobook 16 ที่เคยทดสอบมาเล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็มาจากการใช้ SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 x4 แต่ก็ตอบโจทย์ในงานต่างๆ ได้ดีไม่น้อยเลย การเปิดโปรแกรมและเกมก็ทำได้รวดเร็วดี แต่ถ้าใครจะอยากเพิ่มความเร็วมากขึ้น ลองเป็น SSD PCIe 4.0 ก็ช่วยได้มากเลยครับ

ASUS Vivobook Pro 15

การทดสอบโดยรวมของระบบบน PCMark10 ที่แสดงให้เห็นศักยภาพในการทำงานในชีวิตประจำวัน โดยตัวเลขส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะกับ Essential ที่เป็นการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์พื้นฐานในชีวิตประจำวัน และด้าน Productivity ที่ทำคะแนนไปได้ถึง 8,564 ส่วน Digital Content ที่เป็นงานในด้านมัลติมีเดีย การเรนเดอร์วีดีโอ ซีพียูและแรมมีส่วนสำคัญ ก็ทำไปได้ถึง 7,651 ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ผู้ที่ใช้งานในด้านนี้ได้มากทีเดียว

ASUS Vivobook Pro 15

การทดสอบ ASUS Vivobook Pro 15 ด้วยโปรแกรม CINEBench ซึ่งเป็นตัวแทนของ CINEMA4D ซีพียูสามารถให้ประสิทธิภาพได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยการทำงานที่มี Core/Thread จำนวนมากแบบนี้ ก็ทำให้มีความลื่นไหลมากขึ้น เมื่อเทียบกับซีพียูในระดับใกล้เคียง ถือว่า Intel Core i7 นี้ มีความโดดเด่นไม่น้อยเลยในหลายการทดสอบ ในโหมดของการทำงาน อย่างเช่น เรนเดอร์ 3D และตัดต่อวีดีโอ ก็ยังไปได้สวย สำหรับสาย Content Creator ที่กำลังเริ่มต้นกับงานวีดีโอพื้นฐาน ทำคลิปง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน หรือทำพรีเซนเทชั่นเพื่อนำเสนอกับลูกค้า

Ray Bench scaled

การทดสอบ V-RAY ด้วยการเรนเดอร์กราฟิก 3 มิติทั้งในส่วนของซีพียูและ GPU ซึ่งผลที่ได้เป็นดังนี้ V-RAY CPU ได้ที่ 12730Ksample และ V-RAY GPU 201Mpaths

Game test 1

ผลที่ได้จากการทดสอบด้วยเกม 3 มิติ ASUS Vivobook Pro 15 ถือว่าไหลลื่นดีทีเดียว จากการทดสอบบน Settings Medium และ Balance บนความละเอียด Full-HD 1080p ส่วนของเกมที่ใช้สเปคหนักหน่อยอย่าง SCUM ก็ไปได้เกือบ 100fps. และเฉลี่ยที่ราว 82fps. ภาพออกมาสวยเนียนดีทีเดียว ซึ่งขยับมาเล่นที่ High พอได้ แต่อาจจะต้องเซ็ตค่า Detail บางอย่างลง เพื่อให้ได้อยู่ที่ 50fps ก็ดูสวย ส่วน Resident Evil Village เกมนี้ก็เล่นได้อย่างสบายตา เมื่ออยู่ในโหมดนี้ ลดความหลอนไปได้ระดับหนึ่ง กับการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว นิ่งๆ อยู่ที่ 140fps. สำหรับ Average เกมนี้คุณตั้ง High ก็ยังสนุกได้ เพราะจากที่ได้ลองก็มีระดับ 90fps++ ไหลลื่นสนุกได้เต็มที่

ทำงานด้านตัดต่อวีดีโอ: เรา Export Video ด้วยไฟล์ 4K 30fps. ได้ลื่นไหล พรีวิวได้ไม่สะดุด เมื่อใช้งานร่วมกับ Adobe Premier Pro เรื่องการแต่งภาพทำได้อยู่แล้ว หน้าจอ OLED สีตรง ให้ความมั่นใจได้ในงานด้านนี้

MyASUS1

เพิ่มเติมให้อีกนิดสำหรับคนที่ใช้โน๊ตบุ๊ค ASUS Vivobook Pro 15 รุ่นนี้ กับซอฟต์แวร์ MyASUS ตั้งแต่การเช็คฮาร์ดแวร์ มอนิเตอร์ระบบ ดูเรื่องการรับประกัน การขอคำแนะนำเมื่อเกิดปัญหา รวมไปถึงการเปิด-ปิดฟีเจอร์ และจูนอัพระบบมีมาให้ครบ ยังไม่รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ที่คุณจะได้รับเป็นพิเศษ และข่าวสารจากทาง ASUS อีกด้วย แนะนำให้ใช้ครับ เพราะรวมฟังก์ชั่นต่างๆ ที่คุณใช้ในการปรับแต่งระบบไว้ในนี้แล้ว หน้าตาอินเทอร์เฟสก็ดูใช้งานง่าย สะดวกมากครับ


Battery / Heat / Noise

ASUS Vivobook Pro 15

พื้นที่ด้านล่างเป็นจุดที่ใช้ดูดลมเย็นตามมาตรฐาน โดยเป็นช่องลมขนาดเล็ก ดูดลมเย็นเข้ามาในระบบ โดยในแต่ละช่องจะมีทั้งช่วงที่เปิดและปิดเอาไว้ เข้าใจว่าออกแบบให้ตรงตามจุด ที่เป็นช่องทางระบายลมเข้าสู่พัดลม และช่วงที่เป็นฮีตไปป์ โดยปิดในช่องที่เป็นฮาร์ดแวร์สำคัญเอาไว้ เพื่อความปลอดภัย

ASUS Vivobook Pro 15

ช่องทางลมออก จะอยู่ทางด้านหลัง ส่วนใต้ของจอภาพ แต่จะถูกผลักออกทางด้านล่าง ตามช่องทางที่บังคับเอาไว้ ซึ่งจะอยู่ทางด้านหลังซ้ายและขวา โดยจะไม่ได้ดีไซน์ออกทางด้านข้าง อย่างเช่นบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

ASUS Vivobook Pro 15

ASUS จัดเตรียมระบบระบายความร้อนที่เรียกว่า ASUS IceCool Plus มาบน ASUS Vivobook Pro 15 กับใบพัดขนาดเล็กจำนวนมาก พร้อมตัวครอบลดเสียง ซึ่งจากการทดสอบใช้งาน ในโหมด Full load เมื่อรันทั้งซีพียู และกราฟิกการ์ด ผ่านทาง Furmark เสียงรบกวนแม้จะมีความดังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถือว่ารบกวนแต่อย่างใด และระบบยังจัดการเรื่องความร้อนได้ดีอีกด้วย

BatteryMon

แบตเตอรี่ที่ติดมากับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้เป็นแบบ 3-cell 70Whr ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างใหญ่ สำหรับโน๊ตบุ๊คในระดับเีดียวกัน และยังมากกว่าใน Vivobook 16 ที่เราได้รีวิวไป แต่ในส่วนหนึ่งก็เพราะการเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีกราฟิกแยก ที่เพิ่มเติมเข้ามาในรุ่นนี้ ทำให้มีระยะการทำงานได้นานขึ้น ซึ่งในการทดสอบของเรา ยังคงเป็นมาตรฐาน นั่นคือ การเปิดเสียงและระดับความสว่างที่ประมาณ 20% เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง และจำลองด้วย Video Playback ด้วยการเล่นวีดีโอ 4K ต่อเนื่องและวัดผลด้วยโปรแกรม BatteryMon ซึ่งผลที่ได้ รายงานว่าอยู่ในระดับ 6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว เพราะถ้าหากใช้และสลับการสแตนบายไป ก็น่าจะได้ถึง 7-8 ชั่วโมง

ASUS Vivobook Pro 15

ในแง่ความบันเทิง โดยเฉพาะในเรื่องของเสียง ASUS Vivobook Pro 15 OLED ก็จัดเตรียมมาเอาใจคอบันเทิงแบบเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น ระบบเสียง Dolby Atmos ที่เพิ่มมิติของเสียงได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยากได้รายละเอียดของเนื้อหา อย่างเช่น การชมภาพยนตร์ ซึ่งจากที่เราได้ลองกับการชมภาพยนตร์ในหลายๆ เรื่อง ความโดดเด่นน่าจะอยู่ที่การเพิ่มรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ภายในฉาก เช่น แรงกระแทกจากรถชน และเสียงของกระจกที่แตกกระจาย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ยังให้ความชัดเจนได้ดี หรือจะเป็นลมหายใจของ Indominus rex กับเสียงที่แรพเตอร์สื่อสารกัน และฉากการเปลี่ยนร่างของเหล่าออโตบอท ที่ออกมาน่าติดตามมากขึ้น และอีกส่วนที่มีบทบาทไม่แพ้กันก็คือ ระบบเสียงสเตอริโอจาก Harman Kardon ที่ทำให้เอฟเฟกต์เสียงดุดันมากขึ้น คอเกมได้ประโยชน์ เวลาที่อยากได้ความตูมตาม และ Smart Amp ที่ติดมากับลำโพง ที่ยิงลงพื้นสะท้อนขึ้นมา การเพิ่มเลเวลเสียงได้หนักหน่วง แทบไม่มีอาการแตกพร่า เรียกว่าดูหนัง เล่นเกม หรือจะสนทนาออนไลน์ ได้แบบเต็มอิ่ม

Temp

ทดสอบการระบายความร้อนบน ASUS Vivobook Pro 15 OLED ด้วยการรัน CPU Burner บน Furmark ด้วยการให้ซีพียูทำงานแบบ 100% หรือ Full load อย่างเต็มที่ทุกคอร์ ในห้องอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งผลที่ได้นั้นบางจังหวะ ที่ขึ้นไปถึงระดับ 90++ องศาเซลเซียส และลดลงมาเป็นระยะ สำหรับ Core P ที่ทำงานหนักสุด จะอยู่ที่ราวๆ 92-94 องศาเซลเซียส ที่เป็น Package อยู่ที่ 89-92 องศาเซลเซียส แต่อย่างที่ได้แจ้งไปในทุกครั้งคือ นี่เป็นการเร่งการทำงานของซีพียูระดับ 100% ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งโดยปกติที่เราใช้งานกันอยู่ในทุกวัน แทบจะไม่ได้เจอกับสภาพการทำงานเช่นนี้ เช่น ทำไฟล์เอกสารจะอยู่ที่ราว 20-30% และการเล่นเกม ก็ไปที่ประมาณ 40-60% เท่านั้น ซึ่งก็ทำให้อุณหภูมิไม่ได้สูงแต่อย่างใด

ASUS Vivobook Pro 15


Conclusion / Award

ในภาพรวม ASUS Vivobook Pro 15 OLED รุ่นนี้ ให้คะแนนเรื่องจอนำมาก่อนเลย และดูจะตอบโจทย์การใช้งานในหลายๆ ด้านได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคมชัดกับ Resolution 2.8K บนจอ 15.6″ มีความลงตัวอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่คุณจะได้ นอกเหนือจากภาพที่มีความละเอียดสวยงามแล้ว ยังให้พื้นที่แสดงผลที่มากขึ้น การจัดวาง Tools บนโปรแกรมทำงานด้านภาพและวีดีโอ คุณจะเลือกใช้เครื่องมือทำงานได้ง่ายกว่า Full-HD อยู่มากทีเดียว สีสันโดดเด่นมาแต่ไกล แบบที่ไม่ต้องไปใส่ใจเปิด HDR ในฟีเจอร์ของ Windows ด้วยซ้ำ จากที่ได้ลองใช้กับการสตรีมมิ่งวีดีโอระดับ 4K การให้สีที่เด่นชัด พื้นหลังดำ ก็ดำสนิท การเกลี่ยสีที่ดูสบายตา ทำให้ดูหนังได้แบบเพลินๆ หรือจะใช้ในงานวีดีโอและการตกแต่งภาพ ขอบเขตสีและความเที่ยงตรงของสีในระดับ DCI-P3 100% และ Delta-E น้อยกว่า 2 คือเติมสิ่งที่หลายคนได้ขาดไปกลับมาได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นกับการเป็น Content Creator มีงบไม่มาก อยากได้โน๊ตบุ๊คทำงาน สีตรง และพกพาได้ ตัดต่อสะดวก

นอกจากนี้ก็ยังได้ Windows 11 Home คู่มากับ Office Home and Student 2021 พร้อมกับ Perfect Warranty ที่ครอบคลุมถึงอุบัติเหตุมาด้วย สนนราคาของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED รุ่นที่เราได้มาทดสอบนี้ เป็นซีพียู Intel Core i7 และ RTX 3050 Ti ราคาอยู่ที่ 43,990 บาท และอีกรุ่นจะราคาน่าสนใจเช่นกัน 38,990 บาท ได้เป็น Intel Core i5 และ RTX 3050 องค์ประกอบอื่นไม่ต่างกัน ส่วนตัวแนะนำรุ่นท็อปที่เรารีวิวนี้ เพิ่มเงินประมาณ 5 พันบาท แต่ได้เพิ่มซีพียูกับกราฟิกที่แรงขึ้นอีกดูลงตัวมากกว่า

award new multi media

แม้ว่าทางของ ASUS Vivobook Pro 15 OLED นี้ จะมาในแนวของ Content Creator หรือแนวกึ่งไลฟ์สไตล์ เพื่อการสร้างสรรค์ก็ตาม แต่ส่วนตัวมองว่าด้วยจอ OLED นี้ตอบโจทย์ในด้านมัลติมีเดียได้ดีไม่แพ้เรื่องของขุมพลังอย่าง Intel Core i7 ที่มีมาให้ รวมถึงยังมีกราฟิก GeForce RTX เพิ่มเติมเข้ามาด้วย ซึ่งการ์ดจอนี้ ช่วยในด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในการเล่นเกม จอขนาดใหญ่ 15.6″ ความละเอียด 2.8K ก็ได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น ได้ Certified Display HDR True Black 600 มีรายละเอียดที่น่าติดตาม และฟีเจอร์อย่างระบบเสียง Dolby รวมถึงลำโพง Harman Kardon ที่มาพร้อมแอมป์ในตัว เพิ่มพลังเสียงให้กับการชมภาพยนตร์และการเล่นเกมได้อย่างสนุก เมื่อรวม 3 สิ่งนี้เข้าด้วยกัน ก็ทำให้รางวัลนี้ ดูเหมาะสมอย่างยิ่งกับโน๊ตบุ๊คจาก ASUS รุ่นนี้

from:https://notebookspec.com/web/667714-asus-vivobook-pro-15-oled

รีวิว ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED โน๊ตบุ๊คจอเทพ หัวใจ i9-12900H แรงสะใจท้าชนทุกโปรเจคใหญ่ กับค่าตัว 109,990 บาท

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ภาคต่อของ ASUS Zenbook สองจอ อัพเดท Alder Lake และจอให้เทพกว่าเดิม

zenbookproduo cover

ASUS Zenbook ถือเป็นซีรี่ส์โน๊ตบุ๊คสายทำงานที่ทางบริษัทอัดสเปคและฟีเจอร์ต่างๆ มาให้มากมาย เช่นเดียวกับรุ่นเรือธงอย่าง ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED รุ่นนี้ซึ่งแม้ราคาเปิดตัวจะมาสูงถึง 109,990 บาท ก็ตาม แต่ทางบริษัทก็เติมเทคโนโลยีล้ำๆ มาให้เจ้าของเครื่องได้ใช้งานอย่างไม่หวงของเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะกล้องสแกนใบหน้า IR Camera, อัพเดทซีพียูเป็น Intel 12th Gen สถาปัตยกรรม Alder Lake แล้ว เพื่อให้รันโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างไหลลื่น ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถทำงานหนักได้อย่างลื่นไหล ติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมหน้าจอ ASUS ScreenPad Plus เสริมเข้ามาให้มีพื้นที่ทำงานมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้พอร์ต Thunderbolt 4 มาถึง 2 ช่อง สามารถต่อโอนไฟล์และหน้าจอแยกได้ ช่วยให้ทำงานได้สะดวกยิ่งกว่าเดิมเป็นอย่างมากและยังใช้ปากกา ASUS Pen 2.0 วาดเขียนบนหน้าจอหลักและจอเสริมได้ด้วย รวมทั้งความแข็งแรงเรียกว่าไว้ใจได้ เพราะบอดี้ตัวเครื่องสีน้ำเงิน Celestial Blue ทำจากแม็กนีเซียมผสมอลูมิเนียมอัลลอยด์ จึงแข็งแรงทนทานทั้งน้ำหกใส่หรือจะตกกระทบพื้นก็ไม่เสียหายง่ายๆ แน่นอน การันตีด้วยการรับรอง MIL-STD-810H เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นต่อให้ใช้งานสมบุกสมบันสักหน่อยก็ไม่เป็นไรแน่นอน

Advertisementavw

หน้าจอของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของตัวเครื่องขนาด 15.6 นิ้ว ถูกอัพเกรดเป็นพาเนลทัชความละเอียดสูง 4K (3840×2160) พาเนล OLED HDR ให้ความสวยสดคมชัดเป็นพิเศษ ได้รับการรับรอง PANTONE Validated และ VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 เป็นที่เรียบร้อย รองรับขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 รวมทั้งค่า Delta-E <2 อีกด้วย ดังนั้นสีสันบนหน้าจอจึงเที่ยงตรงแม่นยำอย่างแน่นอน และต่อให้ทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมงก็ไม่ล้าไม่เสียสายตาง่ายๆ อย่างแน่นอน เพราะได้รับการรับรองเป็นหน้าจอ Low Blue Light ลดแสงสีฟ้าถนอมสายตาผู้ใช้ยิ่งขึ้นจาก TUVRheinland เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และลำโพง ASUS SonicMaster ที่ติดตั้งมาให้ ก็ได้รับการปรับจูนเสียงจาก harman/kardon ให้คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ติดตั้งชิป Smart Amp ซึ่งเป็นชิป DSP ให้เสียงดังยิ่งขึ้นและลดอาการเสียงเพี้ยน (Distortion) ให้หายไปไม่สากหู รองรับเสียงแบบ Dolby Atmos ด้วย ดังนั้นครีเอเตอร์สายศิลปินจะวาดภาพหรือดนตรีก็ใช้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ทำงานได้ดีแน่นอน

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED

จุดเด่นอีกส่วนของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อน AAS Plus (Active Aerodynamic System Plus) จับคู่กับระบบระบายความร้อน ASUS IceCool Pro และพัดลมระบายความร้อนคู่ ช่วยให้การระบายอากาศของตัวเครื่องดีขึ้นกว่าเดิม 36% และพอผสานกับดีไซน์ ErgoLift hinge ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทาง ASUS ก็ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น แป้นคีย์บอร์ดเบนเข้าหาตัวผู้ใช้ยิ่งกว่าเดิม ทำให้พิมพ์งานสะดวกขึ้นไปอีก นับได้ว่าทางบริษัทออกแบบโดยคำนึงถึงตัวผู้ใช้อย่างแท้จริงมาก

NBS Verdicts

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02905

 

หากครีเอเตอร์คนไหนกำลังอยากได้โน๊ตบุ๊คสายทำงานดีๆ ที่เปิดมาแล้วพร้อมใช้งานได้เลยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มให้เสียเวลา ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED นี้จัดเป็นตัวเลือกที่ดีมากไม่ควรมองข้าม เพราะได้ Intel Core i9-12900H จับคู่กับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 ได้ M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 พร้อมแรม 32GB LPDDR5 บัส 4800MHz เรียกว่าเปิดเครื่องมาทำงานได้เลยไม่ต้องเสียเวลาอัพเกรดและยังใช้งานได้ดีอีกด้วย ซึ่งสเปคและโปรแกรมที่ติดตั้งมาให้ก็ถือว่าคุ้มค่าตัว 109,990 บาทอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น หน้าจอทั้งสองจอของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ก็ถูกอัพเกรดเป็นหน้าจอทัชสกรีนทั้ง 2 จอแล้ว สามารถใช้ ASUS Pen 2.0 เขียนบนหน้าจอหลักหรือเสริมเพื่อเซ็นหรือวาดไอเดียออกมาได้ทันทีซึ่งใช้งานได้สะดวก รวมทั้งความละเอียดหน้าจอก็สูงระดับ 4K (3840×2160) พาเนล OLED HDR ซึ่งได้ความสวยคม ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 รวมทั้งได้ค่า Delta-E <2 และการันตีคุณภาพสีสันบนหน้าจอด้วย PANTONE Validated และ VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 ด้วย ดังนั้นนักวาด, คนทำงานอาร์ตเวิร์คหรือแม้แต่ช่างภาพก็สามารถแต่งภาพทำสีด้วยหน้าจอโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้เลย และยังมีหน้าจอ ASUS ScreenPad Plus เสริมเอาไว้อีกจอให้ใช้กับโปรแกรมต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น จะเอาหน้าต่างคำสั่งอะไรมาติดไว้ที่หน้าจอเสริมนี้ก็ได้ตั้งแต่ส่วนปรับตั้งค่าของโปรแกรมตัดต่อวิดีโอหรือจะเอาแท็บของเบราเซอร์ที่ใช้งานบ่อยมาเก็บเอาไว้เผื่อเรียกใช้งานก็ได้เช่นกัน ซึ่งขนาดจัดว่ากำลังดีใช้งานสะดวก ตอบโจทย์คนทำงานและครีเอเตอร์แน่นอน

กลับกัน โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มีข้อสังเกตอยู่ 2-3 อย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการอัพเกรดตัวเครื่องซึ่งถึงจะเปิดฝาด้านใต้เครื่องได้สะดวกพอควร แต่กลับมีช่อง M.2 NVMe SSD ที่เป็นไดรฟ์หลักเพียงตัวเดียว เพิ่มแรมหรือ M.2 NVMe SSD เสริมเข้าไปไม่ได้, ไม่มีช่องอ่าน MicroSD Card Reader ติดตั้งมาให้ใช้ดึงไฟล์ภาพและวิดีโอโดยตรงจากการ์ดเลย ต้องพึ่งตัวแปลงอีกชั้น และแนะนำว่า ถ้าต้องใช้งานหนักนั่งทำงานตัดต่อวิดีโอหลายชั่วโมงขอให้ทำในห้องแอร์เพื่อช่วยให้ตัวเครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้น เพราะถึงระบบระบายความร้อน AAS Plus จะระบายความร้อนได้ดีและเร็วแค่ไหน แต่ก็ควรให้อากาศเย็นจากภายนอกเข้าไปนำความร้อนจากภายในออกมาให้เร็วขึ้นด้วยจะดีที่สุด 

ข้อดีของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED
  1. ซีพียูได้อัพเกรดเป็น Intel Core i9-12900H สถาปัตยกรรม Alder Lake แล้ว มีประสิทธิภาพสูงพร้อมทำงาน
  2. ติดตั้งการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 พร้อมไดรเวอร์ NVIDIA Studio ให้ทำงานได้เสถียรขึ้น
  3. รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E จึงต่ออินเตอร์เน็ตได้เร็วและเสถียรขึ้น
  4. หน้าจอหลักและจอเสริมเป็นหน้าจอทัช แตะใช้งานสะดวกพร้อมใช้ปากกา ASUS Pen 2.0 เขียนวาดบนหน้าจอได้
  5. หน้าจอหลักได้ความละเอียด 4K (3840×2160) พาเนล OLED HDR ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 และค่า Delta-E <2 ทำงานอาร์ตต่างๆ ได้อย่างดี ได้รับการการันตีจาก Pantone Validated และ VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500
  6. หน้าจอ ASUS ScreenPad Plus ช่วยเพิ่มพื้นที่ให้ครีเอเตอร์ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น ใช้งานดีมีความละเอียดสูง
  7. ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 x 2 ช่อง รวม HDMI แล้วสามารถต่อหน้าจอแยกได้ 3 จอ
  8. มีกล้องสแกนใบหน้า IR Camera สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้สะดวกและปลอดภัย
  9. ระบบระบายความร้อน AAS Plus และ IceCool Pro สามารถระบายความร้อนได้ดี ช่วยให้ตัวเครื่องทำงานได้เสถียรขึ้น
  10. ดีไซน์ ErgoLift hinge ช่วยยกตัวเครื่องให้มีพื้นที่ดึงอากาศเย็นเข้ามากขึ้นและยกแป้นคีย์บอร์ดให้สูงขึ้นพิมพ์งานสะดวกและมีที่รองข้อมือให้ใช้ด้วย
  11. มีแป้น ASUS NumberPad 2.0 สลับระหว่าง Touchpad และ Numpad ได้สะดวก
  12. ดีไซน์บอดี้ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน ทำจากแม็กนีเซียมอัลลอยด์แข็งแรง งานประกอบแน่นหนา สามารถเปิดฝาอัพเกรดได้ง่าย
  13. ติดตั้งลำโพงมาให้ 4 ตัว พร้อมชิป Smart Amp จูนเสียงด้วย harman/kardon และรองรับ Dolby Atmos ด้วย ทำให้คุณภาพเสียงดีน่าฟัง
  14. ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้พร้อมใช้คู่กับ Windows 11 
ข้อสังเกตของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED
  1. ตัวเครื่องอุณหภูมิค่อนข้างสูง ควรใช้ในห้องแอร์หรือวางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คแบบมีพัดลม
  2. เป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์แต่ไม่มี MicroSD Card Reader ติดมาให้ใช้
  3. ภายในเครื่องถูกออกแบบมาเป็นออนบอร์ดแทบทั้งหมด อัพเกรดได้แต่ M.2 NVMe SSD เท่านั้น
  4. พอร์ต Thunderbolt 4 ยังไม่รองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery

รีวิว ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED

Specification

zenbook

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED เป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์สเปคสูงพร้อมทำงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เสริมฟีเจอร์เอื้อการทำงานเข้ามาให้ครบเครื่องพร้อมทำงานและใช้ปากกา ASUS Pen 2.0 เขียนบนหน้าจอได้อีกด้วย โดยสเปคมีดังนี้

  • CPU : Intel Core i9-12900H แบบ 14 คอร์ (6P+8E) 20 เธรด ความเร็ว 3.8-5.0GHz
  • GPU : NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 
  • RAM : 32GB LPDDR5 บัส 4800MHz
  • Display
    • จอทัช 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD (3840×2160) พาเนล OLED HDR ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 และค่า Delta-E <2 ได้รับการการันตีจาก Pantone Validated และ VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500
    • จอทัช ASUS ScreenPad Plus 14 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840×1100) พาเนล IPS
  • Ports : USB-A 3.2 Gen 2 x 1, Thunderbolt 4 x 2, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
  • Webcam : IR Camera 720p
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 2.34 กิโลกรัม
  • Price : 109,990 บาท (Advice)

Hardware & Design

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02904

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02923
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02937
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02957
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02914

ดีไซน์ของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED หากมองผ่านๆ ก็จะเห็นว่าตัวเครื่องใช้ดีไซน์ร่วมกับตระกูล Zenbook Duo รุ่นก่อนหน้านี้ โดยบอดี้จะใช้วัสดุแม็กเนเซียมอลูมิเนียมอัลลอยด์ทำสีน้ำเงิน Celestial Blue ตัวเครื่องขนาด 15.6 นิ้ว ติดตั้งหน้าจอหลักและจอเสริม ASUS ScreenPad Plus เอาไว้ใต้หน้าจอและยกตัวเมื่อกางหน้าจอขึ้นมาใช้งานโดยกลไกก้านเหล็กที่ดันด้านหลังหน้าจอขึ้น ติดสติกเกอร์ Intel Core i9 เอาไว้มุมซ้ายของหน้าจอ ScreenPad Plus ลงชื่อซีรี่ส์ ASUS ZenBook เอาไว้ตรงกลาง มี ASUS NumberPad 2.0 ติดตั้งมาฝั่งขวามือของคีย์บอร์ดมีปุ่ม Power และปุ่มเปลี่ยนโหมดการทำงานตัวเครื่องอย่างละ 1 ปุ่ม และคีย์ลัดคุมการทำงานของ ScreenPad Plus อีก 2 ปุ่ม รวมเป็น 4 ปุ่ม

การดีไซน์ให้ตัวหน้าจอเสริมนี้ยกตัวขึ้น เพื่อให้เป็นช่องระบายอากาศนำลมเย็นจากภายนอกเข้าไปในเครื่องให้ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool Pro กับระบบ AAS Plus ได้ระบายความร้อนออกตรงช่องขอบเหนือตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02974

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02883
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02894
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02970
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02975

ส่วนลูกเล่นการออกแบบใหม่ของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED เป็นแถบ Light Bar เล็กๆ ซึ่งติดอยู่ตรงขอบใต้ที่วางข้อมือลากจาก Spacebar ไป Ctrl ขวา ยาวราว 3 นิ้ว สามารถเปลี่ยนสีไปมาได้ เมื่อแกะดูภายในจะเห็นว่าเป็นแถบบาร์แสงขันน็อตติดกับตัวเครื่องและซ่อนสายแพอย่างเรียบร้อย ทำให้ตอนแกะเปิดฝาเครื่องไม่ต้องกังวลว่าต้องเปิดจากฝั่งไหนก่อนฝั่งไหนทีหลัง ลดโอกาสที่เจ้าของเครื่องที่อยากอัพเกรดในเครื่องเปิดฝาแล้วทำสายแพขาดไปได้ และผู้เขียนเสนอว่าถ้าทาง ASUS จะทำ Light Bar ติดเอาไว้กับขอบตัวเครื่อง ไม่น่าทำเป็นบาร์แสงติดสายแพไว้ตรงขอบบอดี้ฝาหลัง แต่จัดพื้นที่ให้ติดตั้งแบบ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED จะดีกว่ามากๆ นอกจากนี้ยังส่องแสงสะท้อนช่องอะครีลิคใสของที่วางข้อมือขึ้นมาให้เห็นได้อย่างสวยงามอีกด้วย

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02951
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02952

ส่วนไมโครโฟนของตัวเครื่องจะไม่ได้ฝังเอาไว้ข้างกล้อง Webcam เหมือนโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แล้ว แต่เปลี่ยนเป็นช่องไมโครโฟน 4 ตัว เหนือขอบหน้าจอส่วนบนแทน ได้ความสวยงามไม่เกะกะสายตา และยังใช้ประชุมออนไลน์กับคู่สนทนาได้อย่างชัดเจน 

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02935

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02898
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02899
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02936
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02953

ขอบด้านล่างของหน้าจอจะเป็นดีไซน์ ErgoLift hinge เวลากางหน้าจอแล้วตัวเครื่องจะยกเฉียงขึ้นเล็กน้อย ทำให้พื้นที่ด้านใต้ตัวเครื่องมีระยะห่างจากพื้นเพิ่มขึ้น ดึงลมเย็นจากภายนอกเข้าไประบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม รวมทั้งยกแป้นคีย์บอร์ดให้สูงขึ้นทำให้พิมพ์งานสะดวกกว่าเดิม และทาง ASUS ก็เสริมชิ้นพลาสติกเล็กๆ เอาไว้ช่วยป้องกันขอบอลูมิเนียมของตัวเครื่องถูกกับพื้นโต๊ะโดยตรง ทำให้คงสีสันความสวยงามเอาไว้ได้ไม่เกิดความเสียหายอีกด้วย และขาตั้งหน้าจอนี้ทำให้กางบานหน้าจอได้ราว 120 องศา ช่วยให้วางบนโต๊ะก็ยังใช้ทำงานได้สะดวก

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02901

ด้านหลังของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED จะดีไซน์เรียบๆ ติดโลโก้ ASUS เอาไว้ตรงกลางฝั่งขวาและปัดเงาบอดี้แม็กนีเซียมอลูมิเนียมอัลลอยด์ให้สีน้ำเงิน Celestial Blue โดดเด่นขึ้น แต่ดีไซน์ก็ไม่เยอะจนดูเกะกะเกินไป ช่วยเสริมบุคลิคเจ้าของเครื่องให้ดูหรูหรามีระดับขึ้น

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02875

ด้านใต้ตัวเครื่องก็ถูกออกแบบให้เรียบร้อย ติดตั้งแถบยางรองใต้ตัวเครื่องไว้  2 เส้นเป็นแนวยาวเพื่อป้องกันบอดีใต้เครื่องมีรอยเสียหาย ตรงกลางฝาใต้ตัวเครื่องจะมีช่องลมเข้าอยู่ทั้งหมด 2 แถบ มีขนาดใหญ่และเหนือขึ้นไปเล็กน้อยเป็นช่องลมร้อนออกจจากตัวเครื่องคู่กับช่องระบายความร้อนด้านข้างซ้ายขวาเครื่องด้วย ขณะที่ช่องขอบล่างฝั่งซ้ายขวาเป็นลำโพงของตัวเครื่อง

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02876

ซึ่งสติกเกอร์ของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED อื่นๆ นอกจากของ Intel จะถูกย้ายมาติดใต้เครื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะสติกเกอร์ NVIDIA Studio Driver, PANTONE Validated ฯลฯ และสังเกตจะเห็นว่าตัวเครื่องมีวงกลมที่ลึกลงไปเล็กน้อยด้านข้างสติกเกอร์ ASUS Perfect Warranty ซึ่งจุดนี้เป็นสติกเกอร์หัวน็อตแบบ Trox ซึ่งทาง ASUS ติดเอาไว้ 3 จุด ถ้าจะเปิดฝาซ่อมแซมหรืออัพเกรดส่วนใดภายในเครื่องให้เอาเข็มมาสะกิดสติกเกอร์ส่วนนี้ค่อยขันน็อตออก อย่าฝืนเปิดฝาด้านใต้เครื่องทันทีไม่อย่างนั้นอาจเกิดความเสียหายได้

Screen & Speaker

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02907

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02909
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02908
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02910

หน้าจอของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED เป็นพาเนลทัชขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD (3840×2160) พาเนล OLED HDR ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 และค่า Delta-E <2 ได้รับการการันตีจาก Pantone Validated และ VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 จัดเป็นหน้าจอที่เหมาะกับการทำงานศิลปะแบบต่างๆ มาก ไม่ว่าจะทำงานอาร์ตเวิร์คเป็นป้ายโฆษณา, ฝ่าย AE ที่ต้องขายงานอาร์ต, ฝ่ายศิลป์ประจำบริษัทหรือแม้แต่ช่างกล้องก็ได้ใช้ประโยชน์จากหน้าจอนี้อย่างแน่นอน ติดกล้อง IR Camera เอาไว้ส่วนขอบบนของหน้าจออีก 1 ชุด ใช้สแกนใบหน้าปลดล็อคตัวเครื่องได้สะดวกไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านให้เสียเวลาด้วย

monitor benched
monitor profiling

ด้านขอบเขตสีหน้าจอเมื่อ Calibrate ด้วย Calibrite รวมทั้งเซ็ตโปรไฟล์สีด้วย DisplayCal 3 เสร็จแล้ว จะเห็นว่าพาเนล OLED HDR ของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED มีคุณภาพสูงมาก มี Gamut Coverage ระดับ 100% sRGB, 94.7% AdobeRGB, 99.7% DCI-P3 ส่วน Gamut Volume อยู่ระดับ 169% sRGB, 116.4% AdobeRGB และ 119.7% DCI-P3 มีความเที่ยงตรงของสีบนหน้าจอวัดด้วยค่า Delta-E แล้วเฉลี่ยที่ 0.12 เท่านั้น เมื่อมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่า 2 ก็นับว่าพาเนลจอของ Zenbook เครื่องนี้ยอดเยี่ยมทั้งขอบเขตสีและเที่ยงตรงมาก

ความสว่างหน้าจอระดับ 100% ของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED จะเห็นว่าพาเนล OLED HDR สว่างถึง 390.21 cd/m2 จนสู้แสงแดดได้สบายๆ จะนั่งทำงานกลางแจ้งหรือทำงานในอาคารแล้วมีแสงแดดสะท้อนก็เร่งความสว่างสู้ได้สบายๆ หากนั่งทำงานในออฟฟิศ ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้ปรับความสว่างอยู่ราว 60~70% จะดีที่สุด ทั้งประหยัดแบตเตอรี่และไม่แสบตาเกินไปด้วย

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02911

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02913
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02938
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02939
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02940

ด้าน ASUS ScreenPad Plus ถัดลงมาจากหน้าจอหลักก็เป็นจอพาเนลทัช ขนาด 14.1 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840×1100) พาเนล IPS เป็นจอด้านพร้อมแถบฟังก์ชั่นคำสั่งตรงขอบขวาของหน้าจอด้วย โดยมีคำสั่งต่างๆ ครบถ้วนตั้งแต่ปรับความสว่างหน้าจอ, เปิดแอพฯ สำหรับใช้งานบน ScreenPad Plus, สลับโปรแกรมระหว่างจอหลักและ ScreenPad, เปิดปิดกล้องหรือไมค์ก็ได้ รวมทั้งเปิดการตั้งค่าหน้าจอเสริมตัวนี้ได้อีกด้วย และหากใครต้องการจัดสรรแอพฯ โดยง่ายๆ แนะนำให้เปิด App Navigator ขึ้นมาแล้วโยกโปรแกรมนั้นๆ ไปยังหน้าจอหลักและจอเสริมตัวนี้ได้ตามชอบ

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02963

นอกจากนี้เจ้าของเครื่องยังกดปุ่มคีย์ลัดเหนือ ASUS NumberPad 2.0 เพื่อเปลี่ยนโหมดของ ASUS ScreenPad Plus ได้ 3 แบบด้วยกัน ทั้งเปิด, ซ่อนหรือจะปิด ScreenPad Plus ไปก็ได้ โดยทำงานแบบ Rotation Toggle กดแล้วเลือกวนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้คำสั่งที่ต้องการ

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02900

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02877
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02878
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02885
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02886

สิ่งหนึ่งที่ทาง ASUS ไม่ได้ระบุเอาไว้สเปคแต่ใช้วิธีสกรีนบอกตรงขอบบอดี้ตัวเครื่อง คือหน้าจอ OLED HDR ของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED เป็นจอ Dolby Vision ซึ่งได้ความสวยคมชัดไม่พอ ลำโพงยังมีชิป DSP “Smart Amp” ช่วยลดอาการเสียงเพี้ยน (Distortion) ลงไปและได้ harman/kardon มาจูนเสียงให้ รองรับเสียงแบบ Dolby Atmos อีกด้วย โดยเสียงจะเล่นผ่านทางลำโพงซึ่งออกแบบประกบคู่กัน 4 ดอก

เนื้อเสียงของลำโพง 4 ดอก ซึ่งปรับจูนด้วย harman/kardon นั้นได้มิติเสียงที่ดี ฟังเพลงได้อรรถรสทีเดียว โดยเนื้อเสียงจะไม่แห้งและได้ความดังราว 80dB สเตจกว้างระดับกลางๆ และไลน์เสียงเครื่องดนตรีกับนักร้องก็ไม่กลบกันหรือแย่งกันเด่น ปรับเสียงดังสุดก็ไม่เกิดอาการเสียงพร่าหรือแตกจนฟังเพลงไม่เพราะอย่างแน่นอน ส่วนเสียงเบสยังถือว่าอยู่ระดับฟังได้ยินชัดแต่แรงปะทะหรือลูกเบสยังไม่หนักแน่นแบบโน๊ตบุ๊คครีเอเตอร์ของแบรนด์คู่แข่งนัก ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนเห็นว่าถ้าทาง ASUS เสริมเสียงเบสของลำโพงติดตัวเครื่องให้หนักแน่นขึ้นอีกนิดจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งลำโพงของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED นั้นถึงจะฟังเพลงได้หลากหลายแนว แต่ถ้าเป็นเพลงเน้นเสียงเบสอย่าง R&B, EDM หรือร็อคหนักๆ และเมทัลยังได้เสียงไม่เต็มอรรถรสอย่างที่ควร แต่กลับกัน ลำโพงนี้จะเด่นเรื่องการดูหนังเพราะได้เสียงแบบ Dolby Atmos เลยทำให้มิติเสียงโดดเด่นยิ่งขึ้น

Keyboard & Touchpad

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02926

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02902
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02903
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02919

คีย์บอร์ดของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ถ้ามองเผินๆ นอกจากได้ไฟ LED Backlit สีขาวแบบลอดตัวอักษรได้ จะเห็นว่าดีไซน์คีย์บอร์ดจะเป็น Tenkeyless แต่ถ้านับ Numpad ของทัชแพด ASUS NumberPad 2.0 ด้วยก็จะเป็นคีย์บอร์ดแบบ Full-size ทันที แต่ตัวปุ่มยังเป็นปุ่มแบบปกติ ไม่ใช่ Dished Keycaps แบบ ASUS ZenBook 14 OLED UX3402Z คาดว่าต้องรอทาง ASUS ออกรุ่นอัพเกรดมาในภายหลังหรือต้องรอโมเดลถัดไป แต่ตอนใช้งานตามปกติก็ถือว่าใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02924

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02927
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02928

หากใครพิมพ์งานบ่อยๆ แล้วรู้สึกว่าตัวแป้นคีย์บอร์ดที่ถูกดันมาจนสุดขอบเครื่องจนไม่มีที่วางข้อมือพิมพ์ไม่สะดวกไม่ถนัด สามารถเอาที่วางข้อมือจากในกล่องของ ASUS มาต่อเข้ากับขอบตัวเครื่องเพื่อรองมือตอนพิมพ์งานได้ด้วย ช่วยให้พิมพ์งานได้สะดวกขึ้นมาก แต่น่าจะได้ใช้ตอนนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศหรือบ้านเป็นหลัก เพราะถ้ายกเครื่องไปทำงานร้านกาแฟหรือติดต่อลูกค้า ก็อาจจะต้องยกสันมือขึ้นเพื่อพิมพ์แทน แลกกับการได้หน้าจอ ScreenPad Plus เพิ่มเข้ามา

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02920

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02918
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02921
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02922

Function Hotkey และคีย์ลัดต่างๆ บนคีย์บอร์ด นอกจาก ASUS จะติดตั้งคำสั่งหลักๆ เอาไว้ให้ใช้ครบถ้วน มีคำสั่ง Fn Lock โดยกด Fn+Esc มีคำสั่ง Page Up/Down, Home, End อยู่ที่ปุ่มลูกศรอีกด้วย ส่วนคีย์ลัดที่ F1-F12 จะมีคำสั่งดังนี้

  • F1-F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
  • F4-F5 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
  • F6 – ปิดการทำงานทัชแพด
  • F7 – ปุ่มปรับความสว่างไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ด
  • F8 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและจอเสริม
  • F9 – ปุ่มล็อคตัวเครื่องให้กลับไปหน้า Sign in
  • F10 – ปุ่มปิดหรือเปิดการทำงานกล้อง Webcam
  • F11 – เรียกโปรแกรม Snipping Tool
  • F12 – เรียกโปรแกรม MyASUS

จะเห็นว่าคีย์ลัดบนคีย์บอร์ดของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ถูกเซ็ตมาให้ครบถ้วนและมี Function Key ใช้ทำงานบ่อยๆ อย่าง Pause, Print Screen, Insert, Delete เซ็ตเอาไว้ครบถ้วนด้วย แต่ส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่าคำสั่ง Snipping Tool ก็ยังน่าเอาไปรวมกับคำสั่ง Print Screen เลยดีกว่า แล้วเติมคีย์ลัดอื่น อย่างเช่น Airplane Mode หรือ Mute Microphone แทนก็ยังดีกว่า

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02923

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02960
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02961
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02962

ส่วนปุ่มคีย์ลัดทั้ง 4 เหนือแป้น ASUS NumberPad 2.0 จะมีปุ่ม Power ติดอยู่ตรงฝั่งขวาสุด โดยปุ่มซ้ายเป็นใช้เปลี่ยนโหมดการทำงานได้ 3 แบบ คือ Performance mode เวลาต้องใช้ประสิทธิภาพตัวเครื่องเต็มที่ เช่นตอนตัดต่อวิดีโอหรือเล่นเกม, Standard mode โหมดใช้งานทั่วไปสำหรับทำงานเอกสารและงานออฟฟิศทั่วไป สุดท้าย Whisper mode เพื่อลดเสียงให้เบาที่สุดและประหยัดแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น

ส่วนปุ่มถัดจากปุ่มปรับโหมดการทำงาน จะใช้สลับโปรแกรมบนหน้าจอหลักและ ScreenPad Plus เพียงกดปุ่มเดียวก็โยกโปรแกรมทั้งหมดสลับกันทันที และปุ่มสุดท้ายใช้คุม ScreenPad Plus ว่าจะใช้, ซ่อนหรือปิดหน้าจอเสริมตัวนี้ก็ได้

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02915
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02916

ส่วน ASUS NumberPad 2.0 จะดีไซน์เป็นแป้นแบบสัมผัสอย่างเดียว ไม่มีปุ่มคลิกซ้ายขวาติดตั้งมาให้พร้อมปุ่มฟังก์ชั่นเหนือตัวทัชแพด 2 แบบด้วยกัน ปุ่มขวาบนรูป Numpad ใช้สลับโหมด Numpad หรือใช้เป็นทัชแพดธรรมดาก็ได้ ส่วนโลโก้สามเหลี่ยมมุมบนซ้ายจะใช้ลดความสว่างของตัว Numpad และแตะค้างลากออกจะเรียกเครื่องคิดเลขขึ้นมาใช้งาน

การใช้งานต้องถือว่า ASUS ออกแบบตัวแป้นทัชแพดมาได้ดี รองรับ Gesture Control ของ Windows ครบถ้วนตามที่ทัชแพดควรเป็นแล้ว ก็ยังตอบสนองตอนลากเคอร์เซอร์เมาส์ไปมาได้เร็ว คลิกง่ายใช้สะดวกด้วยการแตะหรือจะสลับโหมดเป็น Numpad ก็ตอบสนองเร็วเหมือนกดแป้น Numpad จริงๆ อยู่ ยิ่งถ้าต้องกดตัวเลขบ่อยๆ ก็ลากนิ้วคุมเคอร์เซอร์เมาส์ได้ทันทีไม่ต้องปิด Numpad ทิ้งไปก็ได้ เรียกว่าออกแบบมาเอื้อคนทำงานได้เป็นอย่างดี

Connector / Thin & Weight

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02929
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02930
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02934
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02933

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED มีพอร์ตให้ใช้จำกัดพอควร ซึ่งฝั่งซ้ายมีพอร์ตอแดปเตอร์, HDMI 2.1 และ Audio combo กับไฟแสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่องอีก 2 ดวงเท่านั้น ส่วนฝั่งขวามี Thunderbolt 4 x 2 กับ USB-A 3.2 Gen 2 x 1 ช่อง โดยเฉพาะ Thunderbolt 4 จะรองรับเฉพาะการโอนไฟล์เข้าออกเครื่องและต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort เท่านั้น ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery อย่างที่ควรเป็น ซึ่งน่าเสียดายที่ทางบริษัทไม่ใส่ฟังก์ชั่นมาให้ครบถ้วน จะได้ใช้งานได้เต็มที่

หากใครซื้อ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED มาใช้งาน ผู้เขียนแนะนำให้เตรียม USB-C Multiport Adapter เอาไว้ใช้อย่างน้อย 1 ตัวเอาไว้ต่อเสริมให้มีพอร์ตใช้งานเพิ่มขึ้น เพราะถ้าใช้เท่าที่มีก็น้อยเกินไปไม่สะดวกแน่นอน

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02943

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02941
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02942
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02944

อุปกรณ์เสริมอีกชิ้นของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED นอกจากที่วางข้อมือก็มี ASUS Pen 2.0 แถมมาให้อีกด้ามเพื่อใช้เขียนวาดบนหน้าจอ ที่ตัวด้ามมีปุ่มลัด 2 ปุ่มบริเวณนิ้วโป้งและปุ่มท้ายปากกาบริเวณยางลบดินสอจะเป็นปุ่มเรียกโปรแกรมวาดภาพของ Microsoft ขึ้นมาใช้ได้ ซึ่งการตอบสนองของปากกาถือว่าทำได้ดีทีเดียว โดยหัวปากการองรับแรงกดทั้งหมด 4,096 ระดับ ไม่แพ้กับปากกาสไตลัสสายอาร์ตหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02872

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02874
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02873

น้ำหนักตัวเครื่องเมื่อชั่งด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้ว เฉพาะเครื่องจะหนัก 2.38 กิโลกรัม เมื่อรวมอแดปเตอร์ 730 กรัม จะมีน้ำหนักสุทธิ 3.1 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อ ASUS ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ แต่ไม่มีฟีเจอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery มาด้วยจึงใช้ปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 100 วัตต์ชาร์จแบตเตอรี่ให้เครื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นขอแนะนำเจ้าของเครื่องให้หากระเป๋าเป้อย่างดีสักใบมาใส่โน๊ตบุ๊คและอแดปเตอร์เวลาพกเครื่องไปไหนมาไหน จะได้ไม่มีปัญหาต่อสุขภาพไหล่และหลังในอนาคต

Inside & Upgrade

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02881

เจ้าของเครื่องที่อยากเปิดฝาอัพเกรด ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ให้ใช้ไขควง Trox ขันที่หัวน็อตจำนวน 11 ตัว ที่ขอบบนล่างทั้ง 8 ดอกแล้วสะกิดสติกเกอร์ปิดหัวน็อตกลางเครื่อง 3 ดอกออกแล้วเริ่มขันน็อตเปิดฝาเครื่องได้เลย โดยน็อตทุกตัวจะมีขนาดเท่ากันหมด เว้นตัวกลางเครื่องกลางหมู่สติกเกอร์จะเป็นหัวยาวพิเศษที่ต้องจำตำแหน่งไว้โดยเฉพาะ ตอนเปิดฝาก็ใช้ปิ๊กกีตาร์ไล่ตามขอบเครื่องแล้วดึงเปิดฝาได้เลย

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02884

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02888
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02895

ซึ่งถึง ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED จะขันเปิดฝาได้ง่ายแค่ใด แต่ก็น่าเสียดายว่าชิ้นส่วนแทบทั้งหมดถูกออกแบบให้ฝังออนบอร์ดแทบทั้งหมด ยกเว้น M.2 NVMe SSD กับการ์ด Wi-Fi ของ Intel ที่ยังเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เฟส PCIe อยู่ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเปิดฝาอัพเกรดก็ได้ ยกเว้นว่า Micron 3400 ความจุ 1TB ในเครื่องอ่านเขียนไฟล์ไม่ทันใจค่อยอัพเกรดก็ไม่เสียหาย

Performance & Software

cpu 4
ram 3

ซีพียูใน ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED เป็น Intel Core i9-12900H แบบ 14 คอร์ (6P+8E) 20 เธรด ความเร็ว 3.8-5.0GHz ใช้ทำงานสายครีเอเตอร์ได้เป็นอย่างดี มี L3 Cache 24MB ค่า TDP 45 วัตต์ และรองรับชุดคำสั่งต่างๆ ครบถ้วน ติดตั้งแรมแบบออนบอร์ดมาให้ 32GB LPDDR5 บัส 4800MHz สามารถประมวลผลงานต่างๆ ได้รวดเร็วและรับงานหนักได้เป็นอย่างดี

integrated gpu
gpu 3

การ์ดจอในเครื่องจะมี 2 ตัว ได้แก่ Intel Iris Xe Graphics ใช้ทำงานทั่วไป เช่น เรนเดอร์ภาพขึ้นบนหน้าจอ, แต่งภาพทำกราฟฟิคและเขียนแบบได้ระดับหนึ่งกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 แรม 6GB GDDR6 มี CUDA 3,840 คอร์ สำหรับใช้เรนเดอร์โมเดล 3D หรืองานวิดีโอต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล รองรับชุดคำสั่ง OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan, PhysX ทั้งคู่ แต่ NVIDIA จะรองรับชุดคำสั่ง CUDA, Ray Tracing ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3060 นี้ถึงจะใช้เล่นเกมได้ แต่เมื่อติดตั้งมาใน ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED แล้ว ทาง ASUS จึงไม่ได้ลงไดรเวอร์เป็น NVIDIA GeForce ตามปกติมาให้ แต่เป็น NVIDIA Studio ซึ่งเป็นไดรเวอร์เพื่อการทำงานสายครีเอเตอร์โดยเฉพาะ สามารถรันงานได้ดีและเสถียรเป็นพิเศษ สังเกตได้จากสติกเกอร์ที่ติดเอาไว้ด้านใต้เครื่องนั่นเอง

device mgr

เมื่อเช็ค Device Manager จะเห็นว่า ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED จะติดตั้งพาร์ทสำคัญต่างๆ มาให้ครบครัน ไม่ว่าจะกล้อง IR Camera ใช้ยืนยันตัวตนก่อนปลดล็อคเครื่อง, Wi-Fi PCIe Card รุ่น Intel AX211 มีแบนด์วิธสัญญาณ 160MHz พร้อมชิป TPM 2.0 สำหรับรักษาความปลอดภัยของข้อมูลภายในเครื่องร่วมกับระบบปฏิบัติการ Windows 11 

ssd 5

M.2 NVMe SSD ในเครื่องมีความจุ 1TB รุ่น Micron 3400 ทางบริษัทผู้ผลิตได้เคลมสเปคของ SSD รุ่นนี้เอาไว้หน้าเว็บว่า SSD นี้เป็นขนาด M.2 2280 ใช้ 176-Layer NAND รับส่งข้อมูลผ่านอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 มีความเร็วอ่านสูงสุด 6,600MB/s เมื่อทดสอบด้วย AS SSD Benchmark แล้วได้ความเร็ว Sequential Read 4,389.97MB/s และ Sequential Write 2,316.65MB/s ซึ่งถือว่ารับส่งข้อมูลเร็วใช้ได้ สามารถรันโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วทีเดียว ซึ่งถ้าใช้ทำงานเป็นหลักก็ไม่จำเป็นต้องอัพเกรด

กลับกันถ้าใครอยากเปลี่ยนเป็น M.2 NVMe SSD รุ่นที่อ่านเขียนข้อมูลได้เร็วกว่านี้ จะได้รันโปรแกรมและจบงานต่างๆ ได้ไวขึ้นจะมี WD Black SN850, Samsung 980 PRO, Kingston KC3000, Kingston FURY Renegade หรือหารุ่นที่สเปคใกล้เคียงกับที่ยกตัวอย่างและหาซื้อได้ง่ายมาอัพเกรดก็ได้

r15 4
r20 4

สำหรับประสิทธิภาพการเรนเดอร์กราฟฟิคและ 3D CG ด้วย ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED เมื่อทดสอบด้วย CINEBENCH R15 แล้ว ได้คะแนน OpenGL 195.31 fps และคะแนน CPU 2,332 cb ซึ่งผลคะแนนนี้ช่วยการันตีว่าถ้านำ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ไปพรีเซนต์และเปิด Preview โมเดล 3D ให้ลูกค้าได้ดูก็สามารถรันได้ไหลลื่นมาก พอเค้นประสิทธิภาพการทำงานของซีพียูแบบเน้นๆ ด้วย CINEBENCH R20 ได้คะแนน CPU 5,826 pts ซึ่งจัดว่าสูง ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาแน่นอน

3d 1

ผลการทดสอบด้วย 3DMark Time Spy เพื่อจำลองการนำ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ไปเล่นเกมฟอร์มยักษ์แล้ว จะเห็นว่าผลคะแนนเฉลี่ยได้สูงระดับ 8,142 คะแนน แยกหมวดเป็นคะแนน CPU score 10,396 คะแนน ส่วน Graphics score 7,843 คะแนน ดังนั้นนอกจากจะทำงานสายครีเอเตอร์ตัดต่อแต่งภาพและวิดีโอได้อย่างลื่นไหล ก็เอามาเล่นและ Livestream เกมได้เหมือนกัน ดังนั้น Zenbook Pro Duo จึงเหมาะกับงานสายคอนเทนต์เป็นอย่างมาก

pcmark10 3

เมื่อรันโปรแกรมทดสอบ PCMark 10 สำหรับใช้จำลองการทำงานแบบต่างๆ กับ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED แล้วได้คะแนนเฉลี่ย 6,959 คะแนน จัดว่าสูงไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คซีพียู Intel 12th Gen รุ่นอื่นๆ หากดูแยกหมวดหมู่กันจะเห็นว่า Zenbook เด่นเรื่องการบูตและโหลดโปรแกรมต่างๆ ขึ้นมาทำงาน, ประชุมออนไลน์และอื่นๆ รวมถึงงานตัดต่อแต่งภาพ, วิดีโอและการทำ Virtualization ในหมวด Digital Content Creation ด้วย คาดว่าเป็นผลพลอยได้จากไดรเวอร์ NVIDIA Studio ที่ปรับจูนมาเป็นพิเศษ จึงรีดประสิทธิภาพของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ออกมาได้ดีขึ้น ส่วนการทำงานเอกสารก็จัดว่าทำได้ดีไม่แพ้กัน

game tested

ส่วนการทดสอบเล่นเกมด้วย ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ครั้งนี้ ผู้เขียนได้ถอดเกม DotA 2, PUBG ออกจากการทดสอบไป ด้วยเหตุผลว่าถ้า Zenbook สามารถเล่นเกมฟอร์มยักษ์ในการทดสอบนี้ได้ก็สามารถเล่นทั้งสองเกมนั้นได้อย่างแน่นอน ส่วนการทดสอบจะเซ็ตตัวเครื่องเป็น Performance mode เพื่อเค้นประสิทธิภาพตัวเครื่องและปรับกราฟฟิคในเกมสูงสุดทั้งหมด

จากกราฟผลการทดสอบจะเห็นว่า Resident Evil Village, Death Stranding, Apex Legends สามารถทำเฟรมเรทเฉลี่ยได้เกิน 100 fps สบายๆ ส่วนของ Horizon Zero Dawn กับ Red Dead Redemption 2 (RDR 2) เมื่อรันฟังก์ชั่น Benchmark ในตัวเกมก็ทำเฟรมเรทเฉลี่ย 71 fps และ 55 fps ตามลำดับ ส่วน Elden Ring ที่ล็อค 60 fps สามารถทำได้เฉลี่ย 59 fps ซึ่งอยู่ในระดับลื่นไหลไร้สะดุด

ดังนั้นเจ้าของ Zenbook นั้น นอกจากใช้เครื่องทำงานกราฟฟิคตามเป้าหมายการใช้งานตัวเครื่องแล้ว ก็ยังเล่นเกมต่างๆ ได้ดีด้วย ซึ่งประสบการณ์การเล่นเกมด้วย ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED นั้น ถึงไดรเวอร์จะเป็น NVIDIA Studio ที่ถูกปรับแต่งมาเน้นการทำงานก็ตาม แต่ก็สามารถเล่นเกมได้ลื่นไหลไม่แพ้กับไดรเวอร์แบบ NVIDIA GeForce เลย ให้ความรู้สึกตอนเล่นเกมแทบไม่ต่างกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คสักเครื่องหนึ่ง เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งงานและความบันเทิงส่วนบุคคลแบบครบทุกด้าน

main 3

color profile mode
customer support
mode
oled care
settings 2
ai mode

ด้านโปรแกรม MyASUS สำหรับตั้งค่า, มอนิเตอร์และอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ได้เป็นอย่างดี ก็มีฟังก์ชั่นสำหรับพาเนลจอ OLED โดยเฉพาะอย่าง ASUS OLED Care ช่วยลดอาการหน้าจอเบิร์น โดยผู้เขียนแนะนำให้เปิดทุกฟังก์ชั่นให้หมดจะได้ถนอมพาเนลหน้าจอให้ใช้งานได้นานขึ้น, AI Noise-Cancelling ให้ AI ตัดเสียงรบกวนตอนใช้ไมค์ประชุมงาน รวมไปถึงฟังก์ชั่น Splendid ไว้ตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอ OLED ว่าต้องการให้แสดงสีสันหน้าจอเน้นความสวยสด, Eye Care หรือแม้แต่ตั้งโทนสีบนหน้าจอด้วยตัวเองก็ยังได้

Battery & Heat & Noise

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02887

แบตเตอรี่ของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ถือว่ามีความจุมากทีเดียว มีขนาดความจุอยู่ที่ 92Wh แบบลิเธียมโพลีเมอร์ เทียบเป็น Typical Capacity อยู่ที่ 5,984mAh และ Rated Capacity 5,810mAh ด้วยกัน แบตเตอรี่เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางแนวยาวสุดขอบตัวเครื่องประชิดลำโพงทั้งสองฝั่งเครื่อง มีความจุเทียบเท่ากับแบตเตอรี่ของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นในเครือบริษัท

battmon 3

ด้านระยะเวลาใช้งานเมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยลดความสว่างหน้าจอต่ำสุด, ปิดไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ดและส่วนต่างๆ ให้หมด, เปิดเสียงลำโพงเพียง 10% และตั้งค่า Windows เป็น Battery Saver และตัวเครื่องเป็น Whisper mode แล้วใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube นาน 30 นาที จะเห็นว่า ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุดถึง 11 ชั่วโมง 34 นาที จัดว่าใช้ได้นานมากเทียบชั้นโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่น

ซึ่งในกรณีเช่นนี้หากใครต้องการพกโน๊ตบุ๊คเข้าห้องเรียนแบบ On-site หรือเรียนออนไลน์, ประชุมงานต่อเนื่องหลายชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา ใช้งานได้โดยไม่ต้องพึ่งอแดปเตอร์เลย และสันนิษฐานว่าถ้าปิดลำโพงก็สามารถปรับความสว่างหน้าจอขึ้นเป็น 10-20% แล้วยังใช้งานได้นานราวนี้เช่นกัน แต่จากการใช้งานจริงต้องถือว่าพาเนล OLED ให้ความสว่างหน้าจอสูงมากจนไม่ต้องปรับความสว่างจนสุดก็ยังมองเห็นเนื้อหาบนหน้าจอได้สบายๆ ดังนั้นตอนใช้งานจริงคาดว่าระยะเวลาใช้งานอาจจะเฉียด 12-13 ชั่วโมงก็เป็นไปได้

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02889

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02891
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02890
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02892
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02897
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02882
ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02880

ด้านระบบระบายความร้อน ทางบริษัทก็ใส่ใจไม่แพ้ฟีเจอร์อื่นโดยเติมฟีเจอร์ ASUS IceCool Pro กับ AAS Plus เข้ามา ส่วนภายในเครื่องจะเห็นว่า ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED มีฮีตไปป์เส้นหลัก 4 เส้น พาดแนวทั้งซีพียูและจีพียูตรงไปยังพัดลมโบลวเวอร์ทั้งสองข้างจองตัวเครื่องแล้วระบายความร้อนออกด้านข้างตัวเครื่อง และมีช่องระบายไอความร้อนออกด้านขอบบนตัวเครื่องเหนือแป้นคีย์บอร์ดอีกแถบหนึ่ง ช่วยให้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่ร้อนเกินไปและได้ดีไซน์ ErgoLift hinge มาช่วยเพิ่มระยะห่างระหว่างด้านใต้ตัวเครื่องกับช่องลมเข้าด้านใต้เครื่องอีกด้วย

hwmonitor 2

ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องที่ CPUID HWMonitor วัดได้ขณะกำลังทดสอบเล่นเกมอยู่ จะเห็นว่าภายในเครื่องมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 44~100 องศา เฉลี่ย 76 องศาเซลเซียสทีเดียว ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนคาดว่าผู้อ่านหลายคนน่าจะกังวลว่าถ้าใช้ทำงานกับโปรแกรมตัดต่อวิดีโอหรือทำ 3D CG แล้วเครื่องจะร้อนเกินไปหรือเปล่า ในมุมของผู้เขียนเสนอให้เจ้าของเครื่องเอา ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED วางใช้งานบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คแบบมีพัดลมเสริมและเน้นใช้งานในห้องแอร์เป็นหลักจะช่วยลดอุณหภูมิตัวเครื่องได้ระดับหนึ่ง ทว่าเวลาใช้ทำงานตามปกติ เช่น ทำงานเอกสาร, แต่งหรือวาดภาพกับโปรแกรมตระกูล Adobe ก็ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนสูงรบกวนอย่างที่คิด นอกจากนี้พื้นที่อุณหภูมิสูงก็ถูกเซ็ตเอาไว้เหนือชุดแป้นคีย์บอร์ดขึ้นไปอีกด้วย อย่างมากผู้ใช้อาจรู้สึกว่าตัวเครื่องอุ่นขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีอาการลวกมือรบกวนตอนใช้งานอย่างแน่นอน

User Experience

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02949

ประสบการณ์การใช้ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานเครื่องหลักราวสัปดาห์เศษต้องถือว่ามันเป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องที่รับมือได้ทั้งฝั่งงานออฟฟิศ, ครีเอทีฟตัดต่อแต่งภาพและใช้เล่นเกมได้ดีไม่แพ้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเลยเพราะทางบริษัทจัดสเปคมาได้ค่อนข้างลงตัว อาจติดใจเล็กน้อยว่าไม่มีช่องใส่ M.2 NVMe SSD เสริมอีกช่อง แต่ M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ที่ติดมาในเครื่องก็ถือว่าเยอะพอใช้ทั้งทำงานและเล่นเกมอย่างแน่นอน

ในฐานะที่ผู้เขียนทำงานโดยใช้ Web app เป็นหลัก ก็อาจจะไม่ได้ใช้ Zenbook Pro Duo 15 OLED ตัดต่อวิดีโอ, แต่งภาพหนักๆ เหมือนครีเอเตอร์หลายๆ คน แต่จะได้ใช้หน้าจอเสริม ScreenPad Plus แบบเป็นหน้าจอเสริมสำหรับพักหน้าต่างโปรแกรมหรือคอนเทนต์ที่จะนำมาใช้กับเนื้อหาที่ต้องการเขียนอยู่บ่อยๆ เวลาไปเขียนงานตามร้านกาแฟก็ทำงานได้สบายเหมือนนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ที่บ้านโดยไม่ต้องหาซื้อหรือหอบหน้าจอต่อแยกผ่านพอร์ต USB-C ติดกระเป๋าไปให้ลำบากชักเข้าออกกระเป๋าแม้แต่น้อย แค่กางหน้าจอออกก็มีหน้าจอเสริมให้ใช้ทำงานทันที และหน้าจอนี้ก็ยังมีประโยชน์ต่อผู้ใช้หลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นดีเจ, สถาปนิก, ช่างภาพ, ฝ่ายศิลป์ที่สามารถเอาหน้าจอนี้ไปปรับใช้งานได้ตามความเหมาะสมกับงานของตัวเองได้ ใช้งานง่ายเพราะเป็นพาเนลทัชสกรีนจะใช้ ASUS Pen 2.0 หรือนิ้วมือแตะหน้าจอหลักหรือเสริมก็สะดวกไปหมด

ส่วนความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเรียกว่าสบายใจหายห่วง เนื่องจากกล้องหน้าเป็น IR Camera แค่สแกนใบหน้าของเจ้าของเครื่องไว้ ตอนกางหน้าจอขึ้นมาระบบก็สแกนหาใบหน้าเจ้าของเครื่อง ยืนยันความถูกต้องเสร็จแล้วก็ปลดล็อคให้ใช้งานได้ทันที ตัดขั้นตอนการพิมพ์รหัสผ่านไปจนหมดและคนที่ไม่ใช่เจ้าของเครื่องถ้าไม่รู้รหัสผ่านก็ปลดล็อคมาใช้งานโดยพลการไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับโน๊ตบุ๊คของเราก็แค่กดล็อคหน้าจอเอาไว้ก็ปลอดภัยขึ้นมากแล้ว

Conclusion & Award

ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED NYX02959

ถ้าจะกล่าวว่า ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED คือโน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์และวิศวกรก็คงจะไม่ใช่การกล่าวเกินไปอย่างแน่นอน เพราะนอกจากดีไซน์หน้าจอทัชสกรีนเสริมด้วยปากกา ASUS Pen 2.0 ที่เขียนจดวาดเนื้อหาต่างๆ ลงไปได้ง่ายๆ ให้ครีเอเตอร์ทุกคนทำงานได้สะดวก และพอทาง ASUS อัพเดทให้ Zenbook รุ่นนี้เป็นซีพียู Intel 12th Gen “Alder Lake” และได้การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 พร้อมไดรเวอร์ NVIDIA Studio ด้วย ก็รันโปรเจคใหญ่ได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะหน่วงช้าหรือทำไม่ได้อย่างแน่นอน

นอกจากกลุ่มวิศวกร, มัณฑนากรและครีเอเตอร์ ผู้ใช้กลุ่มนักบัญชีหรือฝ่ายธุรการก็ได้ประโยชน์จากจอ ScreenPad Plus ไปเต็มๆ เพราะมีพื้นที่ทำงานเพิ่มมาอีกจอหนึ่งเต็มๆ และข้อดีอีกส่วนซึ่งเกินความคาดหมาย คือ ระยะเวลาใช้งานโดยแบตเตอรี่ซึ่งอยู่นานถึง 11 ชั่วโมง 34 นาที ซึ่งผู้เขียนไม่ได้คาดหวังจากซีพียู Intel ที่ลงท้ายด้วยรหัส H ซึ่งเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูงเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED สามารถอยู่ได้นานเช่นนี้ ก็ถือว่าน่าชื่นชมมาก

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนคาดหวังว่ารุ่นปรับอุปกรณ์หรือรุ่นอัพเดทสเปค ทางบริษัทจะอัพเกรดส่วนต่างๆ ที่ผู้เขียนได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ให้หมด ไม่ว่าจะปรับพอร์ต Thunderbolt 4 ทั้ง 2 ช่องให้เป็น Full Function รองรับการชาร์จแบบ Power Delivery, เพิ่ม MicroSD Card Reader เข้ามาซึ่งอาจจะซ่อนเอาไว้ตรงขอบด้านหน้าหันเข้าหาผู้ใช้ก็ได้ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ขอพอร์ต PCIe 4.0 x4 อีกสักช่องเพื่อเพิ่ม M.2 NVMe SSD เสริมเข้าไปในเครื่องอีกช่องหนึ่งจะสมบูรณ์แบบเกินค่าตัวอย่างแน่นอน

award

award new Battery Life

Best battery life

ระบบจัดการพลังงานของ ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED ถือว่าน่าประทับใจมาก สามารถใช้ทำงานต่อเนื่องได้นานสุด 11 ชั่วโมง 34 นาที ซึ่งนานเท่าโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ทีเดียว สามารถพกเครื่องไปเรียน, ประชุมหรือทำงานตามร้านกาแฟได้ทั้งวันโดยไม่ต้องกลัวแบตฯ จะหมดกลางคันเลย จึงเหมาะกับรางวัล Best Battery Life โดยไม่มีข้อกังขาใดๆ

NBS award 7 Design

best design

ด้วยการออกแบบ ErgoLift hinge ผสานเข้ากับหน้าจอทัชสกรีนคู่และปากกาสไตลัส รวมทั้ง ASUS NumberPad 2.0 ซึ่งสลับระหว่างทัชแพดและแป้นตัวเลขได้สะดวกรวมทั้งใช้บอดี้แบบแม็กนีเซียมผสมอลูมิเนียมอัลลอยด์ให้ความแข็งแรงเป็นพิเศษ สวยงามเรียบหรูเสริมบุคลิคเจ้าของเครื่องอีกด้วย จึงคู่ควรกับรางวัล Best Design อย่างไม่ต้องสงสัย

award new performance

best performance

การจับคู่ Intel Core i9-12900H, RAM 32GB LPDDR5, M.2 NVMe SSD 1TB กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3060 ไดรเวอร์ NVIDIA Studio ด้วย ช่วยรีดประสิทธิภาพของตัวเครื่องออกมาได้สูงมาก ตอบโจทย์คนทำงานสายครีเอทีฟ ถูกใจครีเอเตอร์ทุกคนอย่างแน่นอน ดังนั้น ASUS Zenbook Pro Duo 15 OLED จึงเหมาะสมกับรางวัล Best Performance เป็นที่สุด

from:https://notebookspec.com/web/652333-review-asus-zenbook-pro-duo-15-oled

Samsung กำลังพัฒนาจอ OLED แบบวางแผงจอสองชั้น ให้กับ Apple

Samsung กำลังพัฒนาจอ OLED แบบใหม่ให้กับ Apple เป็นโครงส […] More

from:https://www.iphonemod.net/samsung-display-2stacks-tanden-develope-for-apple.html

LG เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตจอ OLED เป็น 2 เท่า สำหรับสินค้าใหม่ ๆ ของ Apple ในอนาคต

LG Display ซัพพลายเออร์ที่ผลิตจอให้ Apple รองมาจาก Sams […] More

from:https://www.iphonemod.net/lg-double-oled-display-for-apple-products.html