คลังเก็บป้ายกำกับ: การ์ดจอ_NVIDIA

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน ทำไงดี? 7 วิธีเช็ค แก้ไข จัดการได้เอง ลดปัญหาความร้อน

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน แก้ได้ใน 7 วิธี ตรวจเช็ค ปรับแต่ง ซ่อมแซม เปลี่ยนใหม่ จ่ายเบาๆ

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน เป็นปัญหาที่หลายคนพบอยู่ แม้จะปี 2023 แล้วก็ตาม แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้สังเกต จนกว่าจะเจออาการหลังเล่นเกมต่อเนื่อง จนการ์ดจอร้อนขึ้น เกิดจอฟ้า เด้งออกจากเกม หรือภาพแตก แต่สิ่งนี้อาจจะไม่ได้เกิดจากการ์ดจอทำงานผิดเพี้ยน พัดลมเสียหายเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการตั้งค่าการ์ดจอด้วย รวมถึงเรื่องของระบบการจ่ายไฟของเพาเวอร์ซัพพลาย ดังนั้นการแก้ไข ก็ต้องว่ากันไปตามอาการ แต่สามารถตรวจเช็คในเบื้องต้นได้ ด้วยการไล่ไปทีละขั้นตอน หรือถ้าใครมีเมนบอร์ด ที่มีสล็อต PCIe x16 มากกว่า 1 สล็อตหรือมีการ์ดจอตัวอื่นสำรอง หรือสามารถหยิบยืมมาได้ ก็จะช่วยให้วิเคราะห์อาการได้ชัดเจนมากขึ้น และบางทีอาจจะยังไม่ต้องส่งช่างซ่อมหรือส่งเคลมก็ได้ เรามาดูกันว่า จะสามารถเช็คอาการผิดปกติเหล่านี้ และมีวิธีการแก้ไขอย่างไรได้บ้าง


พัดลมการ์ดจอไม่หมุน แก้ไขอย่างไร?


จะเกิดปัญหาอะไรขึ้น เมื่อพัดลมการ์ดจอไม่หมุน

สิ่งที่จะตามมาจากอาการพัดลมการ์ดจอไม่หมุน นั่นคือ ปัญหามากมาย โดยเฉพาะเรื่องของความร้อนสะสม เมื่อเปิดใช้งาน หากไม่ได้เล่นเกม ก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเล่นเกมแบบต่อเนื่อง ที่เมื่อการ์ดจอเริ่มทำงานหนัก แต่

Advertisementavw
พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

การ์ดจออยู่ในเครื่องแกะเปิดเครื่องไม่เป็น แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าพัดลมการ์ดจอไม่หมุน เรื่องนี้ก็สำคัญ เพราะหลายคน ก็ไม่ค่อยสะดวกในการแกะหรือเปิดเครื่องเอง หรือบางทีประกอบร้าน ก็อยากจะให้ร้านแกะเช็คให้ง่ายกว่า วิธีสังเกตง่ายๆ ก็คือ

อุณหภูมิขึ้นสูงจนผิดปกติ: ให้สังเกตดูว่า เล่นเกมอยู่ แล้วเด้งหลุดออกจากเกมมั้ย หรือลองฟังเสียงพัดลมการ์ดจอดูได้ เวลาที่เล่นเกมหนักๆ ถ้าพัดลมยังทำงาน ส่วนใหญ่จะพอมีเสียงให้เราได้ยินบ้าง รวมถึงเช็คด้วยซอฟต์แวร์ที่ใช้เช็คฮาร์ดแวร์ก็ได้ จะเห็นรายละเอียดได้ชัดขึ้น เช่น OCCT, HWMonitor, MSI Afterburner และอื่นๆ

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

GPUz: แนะนำเลยครับ สำหรับโปรแกรมนี้ เพราะตัวเล็ก ฟรี โหลดมาใช้ง่าย เช็คสเปคการ์ดจอพีซีและโน๊ตบุ๊คได้รวดเร็ว บอกรายละเอียดของการ์ดจอออนบอร์ดและแยกได้ครบถ้วน แม่นยำ โดยดูที่ชื่อการ์ดจออยู่ด้านล่างแล้วเลือกการ์ดจอรุ่นที่ต้องการดูข้อมูลได้ทันที จะแสดงทั้งชื่อรุ่นการ์ดจอ, สถาปัตยกรรมของการ์ดจอรุ่นนั้น ๆ รวมถึง เวอร์ชั่นของ DirectX และอื่น ๆ ได้ละเอียดมาก ส่วนหน้า Sensors จะใช้สำหรับเช็คสถานะการทำงานของการ์ดจอ เช่น GPU Clock, Memory Clock และดูอุณหภูมิ ทำให้เราทราบถึงความผิดปกติของการ์ดจอได้ทันที แถบอุณหภูมิจะไม่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าโปรแกรม GPUz นี้ ไม่ได้ระบุความเร็วรอบของพัดลมมาให้ แต่ก็พอดูได้ว่าการ์ดจอร้อนผิดปกติอย่างรวดเร็วหรือเปล่า

แสดงผลผิดปกติ: ส่วนใหญ่ถ้าอาการเป็นถึงขั้นนี้แล้ว ก็แทบจะเรียกว่าเป็นปัญหาหนัก เพราะการ์ดจออาจเกิดความเสียหาย จนการแสดงผลผิดเพี้ยน เช่น แตกเป็นลายๆ ภาพหาย ไปจนถึงเล่นเกมภาพค้างไปเลยก็มี แบบนี้ไม่ควรใช้ต่อ ส่งเคลมหรือร้านซ่อมให้เช็คให้ทันทีดีที่สุด


1.สลับเปลี่ยนไปใช้สล็อตอื่น

เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และสามารถทำได้ในเวลานั้นเลย โดยที่ไม่ต้องไปหาซื้อหรือเปลี่ยนอุปกรณ์อื่นใด ให้วุ่นวาย และช่วยให้การตรวจเช็คพัดลมการ์ดจอไม่หมุนได้ง่ายที่สุด แต่เงื่อนไขเดียวที่จำเป็นก็คือ เมนบอร์ดของคุณนั้นจะต้องมีสล็อต PCIe x8 หรือ x16 อย่างน้อย 2 สล็อต สังเกตง่ายๆ คือ เป็นสล็อตแบบยาว เพื่อให้ติดตั้งการ์ดจอได้ แต่เมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่ทำได้ มักจะเป็นเมนบอร์ดที่ใช้ชิปเซ็ตระดับกลางขึ้นไป เช่น Intel B หรือ Z series หรือจะเป็น AMD B หรือ X series เป็นต้น

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

ตัวอย่างเช่น เมนบอร์ด ASRock X570 AQUA ที่มาพร้อมสล็อต PCIe x16 มาถึง 3 สล็อตด้วยกัน ทำให้คุณสามารถสลับสล็อตได้ตามสะดวก เพื่อเช็คการทำงานของการ์ดจอได้ แต่ก็มีข้อสังเกตเล็กน้อยคือ บางสล็อตนั้น จะใช้ช่องทาง PCIe ร่วมกับ SSD ในแบบ M.2 ที่อยู่ใกล้กัน หากคุณติดตั้ง SSD M.2 อยู่ใกล้กันนั้น ก็อาจจะทำให้การ์ดจอไม่ทำงาน

โดยพื้นฐานหากการ์ดจอทำงานปกติ พัดลมไม่ได้เสียหาย หรือติดขัด สล็อตบนเมนบอร์ดเชื่อมสัญญาณได้ตามปกติ หลังจากที่ต่อสายไฟเลี้ยงแล้ว การ์ดจอก็จะทำงานได้ และพัดลมการ์ดจอก็จะหมุนได้ตามปกติ แต่ถ้าพัดลมไม่หมุน ก็คงจะต้องหาสาเหตุกันต่อไป


2.เช็คสายต่อไฟเลี้ยง

บางครั้งก็เป็นปัญหาที่คาดไม่ถึงได้เช่นกัน เพราะหลายคนติดตั้งเมนบอร์ด ใส่แรม เสียบการ์ดจอ และติดตั้งฮีตซิงก์ระบายความร้อน ชุดน้ำครบถ้วน แต่มาลืมสายไฟต่อการ์ดจอที่เป็นแบบ 6+2 pins ที่เป็นคอนเน็กเตอร์อยู่บนการ์ดจอ ก็ไม่สามารถทำงานได้ จอไม่แสดงผล รวมถึงพัดลมการ์ดจอก็ไม่ทำงานเช่นกัน ดังนั้นควรจะต้องตรวจเช็คจุดนี้เป็นจุดแรกๆ หรือต้องต่อสายให้ครบ เพื่อให้ระบบทำงานได้ตามปกติ

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

แต่ในบางครั้งการใช้เพาเวอร์ซัพพลายแบบถอดสายได้ (Full modular) เวลาที่มีการเคลื่อนย้าย หรือดึงรั้งสายไปมา อาจทำให้สายต่อหลุดหลวม ก็อาจจะทำให้การ์ดจอไม่ทำงาน หรือพัดลมการ์ดจอไม่หมุนได้เช่นกัน อย่าลืมเช็คสายที่ต่อจากเพาเวอร์ซัพพลายพร้อมกันไปด้วย และบางครั้งสายพัก เสียหาย ก็ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับเพาเวอร์ที่ใช้งานมานาน หรือมีการถอดเคลื่อนย้ายบ่อยนั่นเอง

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน
source: pcguide

สุดท้ายต้องไม่ลืมว่า ไฟเลี้ยงจากเพาเวอร์ซัพพลาย +12V ต้องเพียงพอต่อการใช้งานของการ์ดจอ ซึ่งในเบื้องต้น อาจจะต้องตรวจเช็คจากค่าการใช้พลังงาน และต้องไม่ลืมบวกกับองค์ประกอบอื่นๆ ที่อยู่ในพีซีที่คุณประกอบเข้าไปด้วย ดังนั้นอาจจะดูข้อมูลจากผู้ผลิตการ์ดจอแต่ละรายได้เช่นกัน และในบางครั้งเราจะพบว่า การ์ดจออาจดับหรือทำงานผิดปกติ เมื่อเพาเวอร์ไม่สามารถจ่ายไฟได้ตามปกตินั่นเอง

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน
source: tech4gamer

3.เช็คสภาพพัดลม

หากคุณมองว่าจากสองข้อแรกที่ผ่านมา ไม่มีอะไรผิดปกติ เพาเวอร์ซัพพลายใหม่ สล็อตการ์ดจอบนเมนบอร์ดทำงานได้ แต่สุดท้ายแล้วพัดลมการ์ดจอไม่หมุน จะทำอย่างไร

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

สิ่งที่ควรทำต่อไป ก็คือ การเช็คสภาพพัดลมการ์ดจอ ว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่พัดลมการ์ดจอที่ทำงานมาหนัก ใช้งานมานาน ก็มักจะเกิดสิ่งสกปรกขึ้นได้ โดยเฉพาะอยู่ในสภาพแวดล้อม ที่มีฝุ่น น้ำมัน ความชื้น ซึ่งก็จะทำให้พัดลมไม่หมุน หรือหมุนช้าลงได้ เนื่องจากสิ่งสกปรกไปเกาะอยู่ที่แกนพัดลม ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ต้องใช้วิธีทำความสะอาด เพราะถือว่าไม่ได้เกิดจากความเสื่อมของพัดลม

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

อีกเรื่องหนึ่งคือ พัดลมการ์ดจอถูกใช้งานมานาน เช่น หมุนอยู่ตลอดทั้งวัน หรือมีชั่วโมงทำงานจำนวนมาก อย่างเช่น ที่เรามักจะพบอยู่บนการ์ดจอขุดบิตคอยน์ Cryptocurrency ที่ทำงานแบบ 24/7 ก็มีผลทำให้พัดลมเสียหายได้เช่นกัน แบบนี้ถือว่าเกิดความเสื่อมขึ้นกับพัดลม มีเพียงการซ่อมแซม หรือการเปลี่ยนพัดลมใหม่เท่านั้น ที่จะแก้ไขได้ผลดีที่สุด

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ พัดลมยังอยู่ในสภาพปกติหรือไม่ อย่างเช่น ใบพัดเสียหาย แตกหัก เนื่องจากอุบัติเหตุ หรือที่มักจะเจอกันบ่อยคือ มีสายสัญญาณหรือของบางอย่าง หล่นลงไปในพัดลมการ์ดจอ ก็อาจะทำให้เสียหายได้เช่นกัน และถ้าเสียหายแบบนั้น ก็จะไม่อยู่ในเงื่อนไขของการรับประกัน และคุณต้องหาทางซ่อมเองครับ

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

แต่ถ้าเช็คสภาพพัดลมแล้ว ยังแค่สกปรก พอจะมีโอกาสทำความสะอาด และกลับมาใช้งานได้ตามปกติ หรือพอจะหมุน เพื่อทำงานได้ไปสักระยะ ก็แนะนำว่าให้ทำความสะอาด เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ เพื่อลดค่าใช้จ่าย


4.ทำความสะอาด

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

การทำความสะอาดการ์ดจอ ในกรณีที่พัดลมการ์ดจอไม่หมุน ก็ทำได้หลายวิธี มีตั้งแต่ใช้การเป่าฝุ่นธรรมดา ไปจนถึงแกะฮีตซิงก์และพัดลมออกมาปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาด โดยเตรียมอุปกรณ์อย่างเช่น ที่เป่าลม แปรงปัดฝุ่น น้ำยาเช็ดทำความสะอาด

การทำความสะอาดมีด้วยกันหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ง่ายๆ เลย ขั้นพื้นฐาน ไม่ต้องถอดฮีตซิงก์ คือการใช้แปรงขนอ่อน ที่มีความยาว ค่อนๆ ปัด ให้ขนแปรงซอกซอนเข้าไปในช่องต่างๆ อาจจะใช้พัดลมคอยเป่าลม ให้ฝุ่นกระจายออกมาได้เร็วมากขึ้น

VGA card cleaning 2023 8 1

หรือการใช้เครื่องเป่าลม เป่าไปยังพัดลมของตัวการ์ด แต่ให้จับใบพัดลมให้แน่นๆ เพื่อไม่ให้ใบพัดทำงาน เพื่อป้องกันความเสียหาย อันเนื่องจากใบพัดลมหมุนรอบสูง จากการถูกลมเป่าใส่นั่นเอง

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

ส่วนถ้าเอาแบบฮาร์ดคอร์ ก็อาจจะแกะฮีตซิงก์ และใบพัดลมแยกออกมาจากตัวการ์ด จากนั้นทำความสะอาดทีละชิ้น ใช้ตัวเป่าลมอัดลมไปทั้ง 2 ด้านของครอบพัดลมที่แกะออกมา จากนั้นใช้แปรงขนอ่อน ค่อยๆ ไล่ผุ่นที่อยู่ภายในออกมา โดยเฉพาะบริเวณแกนพัดลม แล้วใช้ไม้พันสำลีเล็กๆ ชุบแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มาเช็คตามซอกหลืบของพัดลม


5.เช็คการตั้งค่าพัดลม

หากเป็นการ์ดจอในอดีต พัดลมจะทำงานทันที เมื่อเริ่มต้นบูตระบบ หรือเปิดใช้งาน แต่ในปัจจุบันการ์ดจอมีการปรับเปลี่ยน ให้พัดลมสามารถทำงานตามรอบที่กำหนด หรืออุณหภูมิที่ตั้งเอาไว้ได้ เมื่อไม่ได้ใช้งานการ์ดจอหนัก เช่น ไม่ได้เล่นเกม เปิดดูเว็บทำงานทั่วไป พัดลมการ์ดจอจะไม่หมุน จนกว่าจะร้อนสูงถึงระดับ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 60 องศาเซลเซียส จึงจะเริ่มหมุน

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

อย่างเช่น การ์ดจอของทาง MSI ที่มีฟีเจอร์ Zero Frozr ซึ่งจะไม่หมุน เมื่ออุณหภูมิการ์ดจอต่ำกว่า 60 องศา ส่วนหนึ่งเพื่อการลดเสียงรบกวนในขณะทำงาน โดยตรงนี้ผู้ผลิตบางค่าย ก็จะมีซอฟต์แวร์ยูทิลิตี้ให้ได้ปรับแต่งกัน คือจะปิดการทำงาน กรณีที่อยากให้พัดลมการ์ดจอทำงานตลอดเวลาก็ได้ หรือบางค่าย ก็จะมีโหมดให้ปรับจูน ทั้งโหมด Silent เน้นเสียงรบกวนน้อย, OC สำหรับการโอเวอร์คล็อกเพิ่มความเร็ว หรือโหมดเกม ตรงนี้ก็จะเป็นโพรไฟล์ให้ผู้ใช้เลือกตามความเหมาะสมนั่นเอง ดังนั้นหากไม่มั่นใจว่าการที่พัดลมการ์ดจอไม่หมุน อาจเกิดจากสิ่งเหล่านี้ได้เช่นกัน

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

อย่างทาง Gigabyte เอง ก็มี 3D Active Fan ที่ให้พัดลมทำงานตามอุณหภูมิที่เหมาะสม นอกเหนือจากชุดพัดลมที่ออกแบบมาให้ และบางรุ่นที่เป็น 3 พัดลม ก็มี ALTERNATE SPINNING ในการจัดทิศทางการหมุนให้ระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

ส่วนทาง PowerColor ก็มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Mute Fan ที่จะไม่ให้พัดลมการ์ดจอหมุน หากอุณหภูมิไม่ถึง 60 องศาเซลเซียส เพื่อลดโหลดการใช้พลังงาน และลดเสียงรบกวนที่อาจเกิดขึ้นขณะที่ใช้งานนั่นเอง

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

ดังนั้นช่วงแรก อาจจะยังไม่ต้องตกใจ ให้ลองเล่นเกม แล้วเปิดดูอุณหภูมิตามไปด้วย หรือใช้โปรแกรมอย่าง FURMARK และโปรแกรมอย่าง MSI Afterburner ตั้งค่าให้แสดงอุณหภูมิของการ์ดจอตามไปด้วย หากตัวเลขขึ้นสูงเกินกว่าระดับ 60 องศาเซลเซียส แล้วพัดลมยังไม่ทำงาน อีกทั้งมีอาการผิดปกติ ก็อาจเป็นไปได้ว่าพัดลมการ์ดจออาจจะเสียได้


6.เปลี่ยนพัดลมการ์ดจอใหม่

สำหรับขั้นตอนนี้ อาจจะเหมาะกับผู้ใช้ที่พอมีพื้นฐานด้านช่าง การแกะชิ้นส่วนอุปกรณ์อยู่บ้าง รวมถึงเคยทำมาก่อน แม้ว่าจะไม่ได้ซับซ้อน แต่ก็บางจุดที่ควรจะต้องระมัดระวัง มีเครื่องมือให้พอใช้งาน และที่สำคัญจะต้องหาซื้อชิ้นส่วนที่เป็นชุดพัดลม นำมาเป็นพาร์ทสำหรับเปลี่ยนกับพัดลมตัวเก่าที่ใช้งานไม่ได้แล้ว

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

สิ่งที่ต้องเตรียมประกอบด้วย ไขควง 4 แฉก อุปกรณ์เซาะหรือง้างชิ้นส่วน ฮีตซิงก์หรือคีมเล็กๆ ที่ใช้ในการดึงสายไฟ รวมถึงสิ่งที่ใช้ในการทำความสะอาด เพราะไหนๆ ก็แกะพัดลม ฮีตซิงก์ออกมาแล้ว ก็น่าจะทำความสะอาดตัวการ์ดไปด้วยเลย เพื่อให้ตัวการ์ดสะอาดเหมือนใหม่ ใช้งานต่อไปได้ยาวๆ

หาซื้ออะไหล่ที่ไหนได้บ้าง?

เรื่องการซื้อหาอะไหล่พัดลมมาเปลี่ยน มีด้วยกันหลากหลายที่เลยทีเดียว ว่ากันตั้งแต่หน้าร้านออนไลน์ในบ้านเรา มีตั้งแต่ร้านออนไลน์ไอทีทั่วไป หรือจะเป็นบรรดา Store ต่างๆ รวมถึงตลาดออนไลน์ กลุ่มหรือ Group ที่เป็น Facebook group ที่เป็นกลุ่มสินค้าไอทีมือสอง กลุ่มการ์ดจอ หรือจะเป็นกลุ่มที่เป็นสายขุด (Cryptocurrency) ที่มักมีอะไหล่มาแลกเปลี่ยนกันอย่างมากมาย

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

ถ้าใครชอบการการันตี มีของให้เลือก และมีช่องทางการชำระเงินที่สะดวก ทางเลือกอย่าง Shopee หรือ Lazada เหล่านี้ก็น่าสนใจ ยังไม่รวมถึงตลาดออนไลน์ระดับโลกขนาดใหญ่อย่าง Amazon ก็มีตัวเลือกให้มากมายเลยทีเดียว

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

การแกะชิ้นส่วนพัดลม ยากง่ายขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละราย ว่ามีงานประกอบละเอียดมากน้อยเพียงใด เพราะการ์ดบางรุ่นแกะตัวล็อคกับน็อตไม่กี่จุด พร้อมดึงขั้วต่อพัดลมออกเท่านั้น แต่บางรุ่นซ้อนชั้นพัดลม ฮีตซิงก์และตัวล็อคขนาดเล็ก การแกะพัดลมออกมา ก็ต้องพิถีพิถันมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหาย

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

สิ่งที่ต้องระวังมีอยู่หลายส่วนเลย หากต้องการจะแกะพัดลม ฮีตซิงก์การ์ดจอด้วยตัวเอง ตั้งแต่เรื่องของไฟฟ้าสถิตย์ ควรมีถุงมือ หรือคลายประจุก่อนทำการแกะทุกครั้ง ชิ้นส่วนหรือน็อตบางตัว มีขนาดเล็ก อยู่ลึกหรือมีความซับซ้อน ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง เครื่องมือมีให้พร้อมเอาไว้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นไขควง ชุดแกะแยกชิ้นส่วน รวมถึงเมื่อแกะออกมาแล้ว หาที่จัดเก็บชิ้นส่วนต่างๆ ให้ดี อย่าให้หาย การวางตัวการ์ดที่ไม่มีฮีตซิงก์ ระวังอย่าให้ตกกระแทกหรือให้สิ่งใดกระทบจนเสียหายหรือเป็นรอย ถ้าคิดว่าต้องซ่อมหรือรอพัดลมอะไหล่นาน แนะนำว่าเก็บใส่ซองบับเบิลกันกระแทกเอาไว้ ดีที่สุด


7.ส่งซ่อมกับช่างผู้ชำนาญ

หากถึงที่สุดแล้ว พยายามทำหลายๆ ทาง แต่พัดลมการ์ดจอ ก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ การส่งร้านซ่อม ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้การ์ดจอของคุณกลับมาทำงานได้ตามปกติ ร้านซ่อมเหล่านี้มีอยู่มากมายทั่วประเทศ หรือสามารถเข้าไป Search ข้อมูล เอาแบบที่อยู่ใกล้บ้าน ติดตามงานได้สะดวกดีที่สุด รวมถึงเข้าไปดู Feedback จากบรรดาลูกค้าที่เข้ามาคอมเมนต์อีกทางหนึ่ง เพื่อความมั่นใจ แต่วิธีนี้ แนะนำสำหรับคนที่ใช้การ์ดจอหมดประกันแล้ว หากยังมีประกัน ให้ส่งเคลมตัวแทนจำหน่ายน่าจะเหมาะสมกว่า

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

สิ่งที่ต้องสังเกตก็คือ ควรเลือกร้านซ่อมที่วางใจได้ มีผลงานที่สามารถพิจารณาได้ และน่าไว้วางใจ มีการรับประกันงานซ่อม สามารถติดต่อได้หลายช่องทาง อัพเดตงานบ่อย โดยที่ผู้ใช้อาจจะตรวจสอบได้จากเพจหน้าร้าน หรือบางร้านก็โปรโมตผลงานผ่านทาง Community หรือ Facebook Group ต่างๆ ที่เหลือก็เป็นการสอบถามเรื่องค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการซ่อม หากพึงพอใจ ก็ติดต่อเพื่อส่งซ่อมได้ทันที

พัดลมการ์ดจอไม่หมุน

การส่งซ่อมควรมีที่อยู่ร้าน ตำแหน่งแน่ชัด รวมถึงช่องทางการติดต่อที่สะดวก เพื่อให้เราสามารถตามงานได้ง่าย หรือเป็นไปได้ หากไปส่งด้วยมือที่ร้านได้ก็ยิ่งดี ย้ำครับว่าอย่าลืมสอบถามการรับประกันงานซ่อม เป็นระยะเวลาเท่าใด หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว อย่างน้อยการันตีว่า หากเกิดปัญหาจะได้รับการดูแลต่อเนื่องไป ไม่หายกันไปไหน

ได้รับการ์ดจอที่ซ่อมกลับมาแล้ว ก็อย่าลืมรีเช็ค ทดลองใช้งานด้วยว่า พัดลมหมุนตามปกติหรือไม่ มีเสียงรบกวนหรือไม่ ใบพัดเสถียรดีหรือเปล่า รวมถึงลดความร้อนการ์ดจอได้ตามปกติมั้ย? หากไม่มีปัญหาอะไรใช้งานได้ตามปกติ ก็ถือว่าคุ้มค่า!


Conclusion

Gigabyte GeForce RTX 3060 Ti GAMING OC 014

สุดท้ายนี้หากคุณต้องเจอกับปัญหา พัดลมการ์ดจอไม่หมุน และยังไม่รู้จะหาทางแก้อย่างไร ลองนำวิธีการตรวจเช็คและแก้ไขทั้ง 7 ข้อนี้ ไปลองปรับใช้กันดูครับ เพราะบางครั้งอาจจะเกิดจากแค่ไดรเวอร์หรือการปรับแต่งบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไป เพียงแค่เข้าไปปรับแก้เล็กน้อย ก็ใช้งานได้ตามปกติแล้ว หรือถ้าเกิดจากความสกปรก เนื่องจากใช้งานมานาน และการ์ดจอของคุณหมดประกันไปแล้ว อยากจะลองทำความสะอาดด้วยตัวเอง ก็สามารถลองทำดูได้ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และเน้นที่ความระมัดระวัง แต่ถ้ากังวลไม่อยากทำเอง ก็มีผู้ให้บริการทำความสะอาดการ์ดจออยู่มากมายเลยทีเดียว เช่นเดียวกับร้านซ่อม หากซ่อมเปลี่ยนพัดลมเอง อาจจะไม่ได้ยาก หากคุณหาพาร์ทของพัดลมให้ตรงรุ่นได้ แต่ราคาอาจจะสูง หรือใช้เวลา ส่วนถ้าส่งร้านซ่อมบางครั้งราคาอาจจะสูงบ้าง แต่ก็วางใจได้ว่ามีช่างที่ชำนาญในการซ่อมแซม ซึ่งก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความสะดวก และค่าใช้จ่ายของคุณ ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ที่ผ่านมา การ์ดจอราคาถูกลงมาเยอะแล้ว หากคุณคิดว่าเอามาซ่อมอาจไม่คุ้มค่า หรือน่าจะได้เวลาเปลี่ยนใหม่ ก็แนะนำเลยครับ เพราะคุณจะได้เทคโนโลยีใหม่ แรงมากขึ้น และการรับประกันแบบเต็มๆ ไม่ต้องลุ้น หรือหากจะลองมาดูรุ่นของการ์ดจอเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่หน้าจัดสเปคพีซีของเรากันได้เลยครับ

from:https://notebookspec.com/web/681180-graphic-card-fan-not-spin

Advertisement

การ์ดจอ AMD 2022 เกมเมอร์ 4 ระดับ 12 รุ่น มือใหม่จนถึงฮาร์ดคอร์เกมเมอร์

การ์ดจอ AMD ท้ายซีซัน 2022 ราคาดี 4 กลุ่มเกมเมอร์ 12 รุ่น แบบไหนเหมาะกับคุณ

การ์ดจอ AMD

การ์ดจอ AMD เป็นอีกค่ายหนึ่ง ที่มีตัวเลือกอยู่มากมาย ในแต่ละกลุ่มตลาด และผู้ใช้ก็ได้อานิสงจากการที่การ์ดจอราคาถูกลงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ์ดจอระดับกลาง ไปจนถึงตัวท็อปๆ อย่าง Radeon RX6700XT, 6800XT หรือจะเป็น RX6950XT ก็ตาม ที่มีปล่อยออกมาไม่ว่าจะทางเกมเมอร์เอง เพื่อรอช้อนการ์ดจอรุ่นใหม่ หรือกลุ่มที่เป็นนักขุด Cryptocurrency ที่ต้องปล่อยมือจากเหรียญเดิมที่ขุด แล้วไปมองถึงโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในตลาด Miner ว่าจะเป็นแบบใดบ้าง และในเมื่อมีการ์ดจอมือสอง ทะลักเข้าสู่ตลาดในเวลานี้แล้ว เหล่าเกมเมอร์ที่ชื่นชอบค่ายแดงนี้ ก็ไม่ควรพลาดโอกาสในการช้อนการ์ดมือสองรุ่นแรงๆ แบบนี้มาไว้ในครอบครองกัน โดยในวันนี้เราถือโอกาส ที่จะมาแนะนำการ์ดจอในแต่ละระดับกัน สำหรับ AMD Radeon RX series

การ์ดจอ AMD 2022 รุ่นไหนเหมาะกับคุณ


เกมเมอร์มือใหม่ มัลติมีเดียเริ่มต้น

RX6400

สำหรับมือใหม่ที่เริ่มประกอบคอมสำหรับการเล่นเกมออนไลน์หรือเกมสนุกๆ ที่ไม่ได้ใช้ทรัพยากรระบบมากนัก เช่น DOTA2, MineCraft, CS:GO, Another Try หรือ Apex Legend เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้พลังของกราฟิกไม่ได้โหดหินมาก แต่ให้ความสวยงาม เล่นได้ลื่นในระดับหนึ่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการปรับ Detail และความสวยงามภายในเกมด้วย Radeon RX6400 ราคาประมาณ 6,490 บาท ถือว่าตอบโจทย์ในการเล่นได้ ในระดับการปรับที่ Low หรือ Medium ในบางเกม แต่ถ้าจะให้ไหลลื่นมากขึ้น ทางเลือกอย่าง RX6500XT ราคาเริ่มต้นประมาณ 6,690 บาท ก็ดูจะน่าสนใจไม่น้อยเลย ซึ่งการ์ดทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมีความต่างกันไม่มาก ในแง่ของซีรีส์ แต่ด้วยความเป็น XT ก็จะเพิ่มหลายๆ อย่างเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น สัญญาณนาฬิกา, Compute Unit ที่มีผลต่อการทำงาน รวมถึง Stream processor และ Memory bandwidth ที่จะทำให้การประมวลผลภาพ และเกมที่จะไหลลื่นได้ดี ถ้าในกรณีที่คุณมีงบประมาณอยู่ในช่วง 6,000-7,000 บาท Radeon RX6500XT ก็เป็นตัวเลืกอที่น่าสนใจ

Advertisementavw
Radeon RX6400 Radeon RX6500XT
Compute Units 12 16
Boost Frequency Up to 2321 MHz Up to 2815 MHz
Game Frequency 2039 MHz 2610 MHz
Ray Accelerators 12 16
Peak Pixel Fill-Rate Up to 74.3 GP/s Up to 90.1 GP/s
Peak Texture Fill-Rate Up to 111.4 GT/s Up to 180.2 GT/s
Peak Half Precision Compute 7.13 TFLOPs 11.53 TFLOPs
Peak Single Precision Compute 3.57 TFLOPs 5.77 TFLOPs
ROPs 32 32
Stream Processors 768 1024
Texture Units 48 64
Transistor Count 5.4 B 5.4 B
Infinity Cache 16 MB 16 MB
Memory Speed 16 Gbps 18 Gbps
Max Memory Size 4 GB 4 GB
Memory Type GDDR6 GDDR6
Memory Interface 64-bit 64-bit
Memory Bandwidth Up to 128 GB/s 144 GB/s
Feature AMD Smart Access Memory AMD Smart Access Memory
ที่มา: AMD

โดยที่การ์ดจอ Radeon RX6500XT นั้น จะมีด้วยกัน 2 รุ่นคือ VRAM 4GB และ 8GB ตารางด้านล่างนี้เป็นการเปรียบเทียบเฟรมเรตที่ได้ในการทดสอบของทาง AMD

การ์ดจอ AMD

สำหรับในบ้าน ส่วนใหญ่เราจะเห็นการ์ดจอ AMD Radeon RX6500XT ในเวอร์ชั่นของ 4GB มากกว่า ซึ่งรุ่นที่ใช้ VRAM 8GB จะอยู่ในตลาดต่างประเทศ ซึ่งในบ้านเราก็จะมี RX6600 ที่เริ่มต้นกันที่ 8GB แต่มีความต่างเรื่องของความเร็ว Bus width และ Interface แต่อย่างไรก็ดี จากผลทดสอบ ที่อ้างอิงจาก AMD ในเบื้องต้น จะเห็นได้ว่า ความแตกต่างของเฟรมเรตในแต่ละเกม 4GB และ 8GB จะเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะมีเพียงบางเกมอย่างเช่น DOOM และ F1 2021 ที่มีความแตกต่างมากขึ้น อย่างไรก็ดี RX6500XT ในบ้านเรา ราคาถือว่าน่าสนใจดีแล้ว เริ่มต้นที่ประมาณ 6,990 บาทเท่านั้น

ตัวอย่างการ์ดจอ Radeon RX6400 และ RX6500XT

การ์ดจอ AMD

PowerColor Radeon RX6400 ITX

การ์ดจอ AMD ในสไตล์มินิมอลแบบ ITX พัดลมเดี่ยวในแบบ Two Ball Bearing เสียงรบกวนน้อย พร้อมเทคโนโลยี Mute Fan หยุดรอบพัดลม เมื่ออุณหภูมิต่ำ ประหยัดพื้นที่สล็อต ติดตั้งในเคสขนาดเล็ก พื้นที่แคบได้ ไม่ต้องต่อไฟเลี้ยงเพิ่ม แรม GDDR6 4GB ให้พอร์ต HDMI และ DP มาอย่างละ 1 พอร์ต ราคาประมาณ 6,690 บาท

การ์ดจอ AMD

MSI Radeon RX6500XT MECH 2X 4GB

การ์ดจอ AMD Radeon RX6500XT จากทาง MSI ในซีรีส์ของ MECH ที่มาพร้อมพัดลมคู่ขนาดใหญ่ เทคโนโลยี TORX Fan 3.0 ดีไซน์มาเป็นพิเศษ ให้แรงลมมากขึ้น และใช้งานได้ยาวนาน ปรับแต่งความเร็วเพิ่มได้ และยังมี Backplate หลังมาอีกด้วย มี VRAM GDDR6 4GB และให้พอร์ต HDMI และ DP มาอย่างละพอร์ต


เกมเมอร์ที่เริ่มจริงจังกับการเล่นเกม

การ์ดจอ AMD

ถ้าคุณเริ่มมองว่าการ์ดจอตัวเก่าที่คุณใช้เริ่มไม่ตอบโจทย์ เล่นกับเกมใหม่ๆ ไม่ค่อยไหว หรือคุณอยากไปต่อกับเกมที่โหดขึ้น แต่งบประมาณอาจจะยังไม่สูงมากนัก ระดับ 10,000-15,000 บาท ตัวเลือกของ Radeon RX6600 series น่าสนใจทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอ AMD Radeon RX6600, RX6600XT หรือ RX6650XT ในเบื้องต้น ความต่างของ RX6600 และ RX6600XT ไม่ได้ต่างกันมากนัก ถ้ามองในแง่ของเฟรมเรตที่เล่นเกมพื้นฐานระดับ 1080p ด้วยกัน แม้ว่า Memory Bandwidth และสัญญาณนาฬิกาในโหมด Game รวมถึง Stream Processor ของ RX6600XT จะมากกว่าอยู่บ้างก็ตาม แต่ถ้ามองในแง่ของราคา RX6600 เวลานี้ถูกกว่า RX6600XT อยู่ประมาณพันกว่าบาทเท่านั้น ก็แทบจะตัดสินใจได้เลยว่าจะเลือกรุ่นไหน แต่ถ้าในกรณีที่คุณมีการ์ดตัวเก่า ที่สเปคน้อยกว่ามากๆ แต่ความแรงของซีพียูคุณสามารถขับได้ไกลกว่านั้น แนะนำ RX6650XT ที่เป็นตัวอัพเลเวลของซีรีส์นี้ ซึ่งทำราคาได้ค่อนข้างดี เพราะเคาะราคาเริ่มต้นที่มีให้เห็นในท้องตลาดเวลานี้แค่ 12,500 บาทเท่านั้น จากราคาในช่วงเปิดตัวเฉียด 17,000 บาท

Radeon RX6600 Radeon RX6600XT Radeon RX6650XT
Compute Units 28 32 40
Boost Frequency Up to 2491 MHz Up to 2589 MHz Up to 2581 MHz
Game Frequency 2044 MHz 2359 MHz 2424 MHz
Ray Accelerators 28 32 40
Peak Pixel Fill-Rate Up to 159.4 GP/s Up to 165.7 GP/s Up to 165.2 GP/s
Peak Texture Fill-Rate Up to 279 GT/s Up to 331.4 GT/s Up to 413 GT/s
Peak Half Precision Compute 17.86 TFLOPs 21.21 TFLOPs 26.43 TFLOPs
Peak Single Precision Compute 8.93 TFLOPs 10.6 TFLOPs 13.21 TFLOPs
ROPs 64 64 64
Stream Processors 1792 2048 2560
Texture Units 112 128 160
Transistor Count 11.1 B 11.1 B 17.2 B
Infinity Cache 32 MB 32 MB 96 MB
Memory Speed 14 Gbps 16 Gbps 16 Gbps
Max Memory Size 8 GB 8 GB 12 GB
Memory Type GDDR6 GDDR6 GDDR6
Memory Interface 128-bit 128-bit 192-bit
Memory Bandwidth Up to 224 GB/s Up to 256 GB/s Up to 384 GB/s
ที่มา: AMD

ตัวอย่างการ์ดจอ Radeon RX6600, RX6600XT และ RX6650XT

ASUS Dual RX6600 8G

การ์ดจอ AMD

การ์ดจอ AMD RX6600 จากทาง ASUS ในรุ่น Dual 8G ที่ทำราคาได้ดีในตลาด กับการออกแบบชุดพัดลม ที่มีใบขนาดเล็ก และเรียวยาว เพื่อให้แรงดันของลมมีมากขึ้น มีจำนวนถึง 2 พัดลม พร้อม Backplate ที่เพิ่มความแข็งแรงให้ตัวการ์ด สามารถใช้ GPU Tweak II ในการปรับจูนความเร็วได้ ตัวการ์ดใช้พื้นที่ประมาณ 2 สล็อต เชื่อมต่อ PCIe 4.0 มีพอร์ตแสดงผล HDMI, DisplayPort ถึง 3 ช่องด้วยกัน ราคาประมาณ 10,900 บาท

PowerColor RX 6650 XT Hellhound Sakura

การ์ดจอ AMD

การ์ดจอจากค่าย PowerColor ที่ทำออกมาในเวอร์ชั่นพิเศษ สีชมพูดสดใส ในราคาประมาณ 12,900 บาท เท่านั้น กับการใช้พื้นที่ประมาณสล็อตครึ่ง เข้ากับเคสในโทนสีชมพูหรือสีขาวได้อย่างลงตัว พัดลมระบายความร้อน 2 ตัวขนาดใหญ่ 100mm และภาคจ่ายไฟ 6+2 phase ใช้ไฟเลี้ยงแบบ 8-pins แสงไฟ LED บนตัวการ์ด


เกมเมอร์มือโปรฯ ไหลลื่น ภาพสวยบน 2K

การ์ดจอ AMD

แต่ถ้าคุณรู้สึกอ่อนไหวง่ายกับเฟรมเรตที่อาจจะหายไปในบางช่วง อยากได้ภาพลื่นๆ เล่น Full-HD เฟรมเรตพุ่งทะยาน หรือเปลี่ยนมาใช้จอ 2K 1440p ก็อยากได้ภาพสวยๆ ตัวเลือกอย่าง Radeon RX6700XT ที่เรียกว่าจัดสเปคมาแรง ยัดขุมพลังเครื่องรถสปอร์ตมาให้ Stream processor ชุดใหญ่ ใส่ VRAM 12GB GDDR6 ความเร็ว 18 Gbps ก็ทำให้การขับเคลื่อนเกมระดับ AAA ไปได้สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น GTAV, RD2, COD Warzone หรือ God of War รวมถึง Dying Light 2 เรียกว่าพร้อมชนทุกแนว เน้นเฟรมเรตปรับ High ได้สวยๆ บน 2K หรือจะปรับสุดใน 1080p การ์ดจอ AMD Radeon RX6700XT และ RX6800 ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากันเลย

การ์ดจอ AMD

แต่ถ้ามองในแง่ของราคา RX6700XT ราคาเริ่มที่ 14,900 บาทโดยประมาณ แต่ถ้าเป็น RX6750XT จะขยับมาไกลหน่อย เพราะรุ่นเริ่มต้นแตะที่ประมาณ 20,750 บาท แต่ถ้าเป็น RX6800 จะอยู่ที่ราวๆ 19,900 บาทเท่านั้น โดยที่คุณอาจจะได้ Compute Unit ที่ใช้ในการทำงานที่มากกว่า รวมถึงแบนด์วิทธิ์และ Stream processor ที่มากขึ้นบน RX6800 แต่ถ้าจะเน้นความเร็วสัญญาณนาฬิกา ที่มีผลต่อการเล่นเกมในหลายๆ ส่วน รวมถึงความเร็ว Memory ที่มากขึ้น RX6750XT ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

Radeon RX6700XT Radeon RX6750XT Radeon RX6800
Compute Units 36 40 60
Boost Frequency Up to 2450 MHz Up to 2600 MHz Up to 2105 MHz
Game Frequency 2174 MHz 2495 MHz 1815 MHz
Ray Accelerators 36 40 60
Peak Pixel Fill-Rate Up to 156.8 GP/s Up to 166.4 GP/s Up to 505.2 GT/s
Peak Texture Fill-Rate Up to 352.8 GT/s Up to 416 GT/s 32.33 TFLOPs
Peak Half Precision Compute 22.58 TFLOPs 26.62 TFLOPs 32.33 TFLOPs
Peak Single Precision Compute 11.29 TFLOPs 13.31 TFLOPs 16.17 TFLOPs
ROPs 64 64 64
Stream Processors 2304 2560 3840
Texture Units 144 160 240
Transistor Count 17.2 B 17.2 B 26.8 B
Infinity Cache 80 MB 96 MB 128 MB
Memory Speed 16 Gbps 18 Gbps 16 Gbps
Max Memory Size 10 GB 12 GB 16 GB
Memory Type GDDR6 GDDR6 GDDR6
Memory Interface 160-bit 192-bit 256-bit
Memory Bandwidth Up to 320 GB/s Up to 432 GB/s 512 GB/s
ที่มา: AMD

ตัวอย่างการ์ดจอ Radeon RX6700XT, RX6750XT และ RX6800

GIGABYTE RX6700XT EAGLE

การ์ดจอ AMD

หนึ่งในการ์ดจอ AMD Radeon RX6700XT ตัวคุ้มในตลาด ที่มาพร้อมดีไซน์สวยงาม เพิ่มความดุดันกับพัดลมขนาดใหญ่ 3 ตัว ที่หมุนไปในทิศทางต่างกัน เพื่อเพิ่มแรงอัดอากาศได้มากขึ้น ใบพัดลมออกแบบมาเป็นพิเศษ กับฮีตซิงก์ขนาดใหญ่ ช่วยในการดึงความร้อนได้รวดเร็ว พร้อมแสงไฟ RGB บนตัวการ์ด ปรับแต่งได้ Backplate ขนาดใหญ่ ช่วยเสริมความแกร่งให้กับการ์ด ภาคจ่ายไฟรองรับการเพิ่มความเร็วและ OC เพิ่มระดับสัญญาณนาฬิกาพิเศษมาจากโรงงานแล้ว มีพอร์ตให้ทั้ง HDMI และ DisplayPort อย่างละ 2 พอร์ต

MSI RX6800 GAMING X TRIO

การ์ดจอ AMD

เป็นอีกหนึ่งการ์ดจอ AMD Radeon ที่เกมเมอร์หลายคนหมายปอง กับซีรีส์นี้ ที่มักจะให้ความโดดเด่นในหลายด้าน ไม่ว่าจะเรื่องการระบายความร้อนกับ TORX Fan 4.0 ที่มีการปรับจูนมาเป็นอย่างดี ให้มีการผลักลมเข้าสู่ระบบได้รวดเร็ว ใบพัดลมทำมาเป็นพิเศษ เพื่อประสิทธิภาพที่มากขึ้น ตัวการ์ดแบบ 3 พัดลม พร้อมแสงไฟ RGB ปรับแต่งได้ และมี Backplate ที่ทำออกแบบมาได้อย่างกลมกลืน สวยทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมพอร์ตแสดงผล HDMI และ DisplayPort รวมกัน 4 ช่อง

รีวิวการ์ดจอ AMD Radeon RX6700XT


ฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ เล่นเกมระดับ 4K

การ์ดจอ AMD

มาดูกันที่สายโหด สำหรับเกมเมอร์ระดับฮาร์ดคอร์ หรือจะเป็นนักสตรีมเกมหรือเกมแคสเตอร์กับการรีดเฟรมเรตให้กับเกมที่คุณชื่นชอบได้ในระดับ 4K หรือคนที่อาจจะต่อจอเล่นเกมมากกว่า 1 จอขึ้นไป หรือใช้ในงานตัดต่อ ที่จะเพิ่มพลังให้การเรนเดอร์ได้ดียิ่งขึ้น โดยที่ RX6800XT ก็เป็นรุ่นที่น่าสนใจ หาง่าย มีให้เลือกหลายรุ่น สนนราคาประมาณ 22,900 บาท ซึ่งคุณจะได้ความไหลลื่นของเกมระดับ AAA ได้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากจะไปให้สุดในสายนี้ RX6900XT และ RX6950XT ก็เป็นทางเลือกที่น่าโดนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับสิ่งที่มีผลต่อการทำงาน เช่น Stream processor, Texture unit และ Memory speed ซึ่งคุณจะเห็นผลกับการเล่นเกมที่มีฉากและการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการโหลดข้อมูลจำนวนมาก อย่างต่อเนื่องอย่างเกม Openworld ที่หลายคนชื่นชอบ และสำหรับคนที่ใช้จอขนาดใหญ่ อัตรารีเฟรชเรตสูงๆ เช่น 144Hz หรือ 240Hz ก็ได้เห็นถึงความลื่นไหล สมจริงได้มากยิ่งขึ้น

Radeon RX6800XT Radeon RX6900XT Radeon RX6950XT
Compute Units 72 80 80
Boost Frequency Up to 2250 MHz Up to 2250 MHz Up to 2310 MHz
Game Frequency 2015 MHz 2015 MHz 2100 MHz
Ray Accelerators 72 80 80
Peak Pixel Fill-Rate Up to 288 GP/s Up to 288 GP/s Up to 295.7 GP/s
Peak Texture Fill-Rate Up to 648 GT/s Up to 720 GT/s Up to 739.2 GT/s
Peak Half Precision Compute 41.47 TFLOPs 46.08 TFLOPs 47.31 TFLOPs
Peak Single Precision Compute 20.74 TFLOPs 23.04 TFLOPs 23.65 TFLOPs
ROPs 128 128 128
Stream Processors 4608 5120 5120
Texture Units 288 320 320
Transistor Count 26.8 B 26.8 B 26.8 B
Infinity Cache 128 MB 128 MB 128 MB
Memory Speed 16 Gbps 16 Gbps 18 Gbps
Max Memory Size 16 GB 16 GB 16 GB
Memory Type GDDR6 GDDR6 GDDR6
Memory Interface 256-bit 256-bit 256-bit
Memory Bandwidth Up to 512 GB/s Up to 512 GB/s Up to 576 GB/s
ที่มา: AMD

ตัวอย่างการ์ดจอ AMD RX6950XT

MSI RX6950XT Gaming X TRIO

การ์ดจอ AMD

การ์ดจอ AMD Radeon RX6950XT จากทาง MSI ที่เรียกว่าดันตัวท็อปๆ เข้าสู่ตลาด เป็นตัวเลือกเพียงไม่กี่รุ่นในตอนนี้ สนนราคาประมาณ 33,500 บาท เท่านั้น ถือว่าลงมาจากต้นปีมาอย่างมากมายเลยทีเดียว ไฮไลต์เด่นยังคงเป็นเรื่องการปรับจูนสัญญาณนาฬิกามาจากโรงงานแล้ว โครงสร้างที่แข็งแรง เพิ่มชุดพัดลมพิเศษ TORX Fan ดีไซน์มาเพื่อระบายความร้อนให้กับกราฟิก GPU ระดับสูงเช่นนี้ มีให้ถึง 3 ตัวด้วยกัน และมีแสงไฟ RGB ที่ปรับแต่งได้ เช่นเดียวกับ VRAM GDDR6 16GB ในแบบ 18Gbps เชื่อมต่อเข้ากับ PCIe 4.0 ให้แบนด์วิทธิ์กว้างสุดๆ ใครที่หวังจะเร่งเฟรมเรตไปให้ถึงขีดสุด ไม่ควรพลาด


Conclusion

ต้องเรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการเลือกซื้อการ์ดจอ AMD ที่มีราคาเป็นกันเองมากขึ้น จัดว่าจับต้องได้ และมีให้เลือกหลายรุ่นเต็มท้องตลาด ใครสะดวกซื้อแบบใด จะไปดูหน้าร้านหรือต้องการซื้อแบบออนไลน์หน้าร้านใหญ่ๆ ก็มีให้เลือกกันเพียบ อย่างที่ได้นำเสนอกันไป งบประมาณน้อย เล่นเกมเบาๆ หรือแค่เล่นเกมและทำงานบนโหมด Full-HD การ์ด Radeon RX6600XT ก็น่าสนใจ เพราะราคาแค่หมื่นเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเน้นเล่นเกมที่โหดขึ้น อยากได้เฟรมที่ไหลลื่น งบประมาณไม่เกิน 20,000 บาท ลอง RX6750XT หรือ RX6800 ก็น่าใช้ไม่แพ้กัน เพราะได้อะไรที่เพิ่มเติมมาหลายอย่างจาก RX6600XT หรือ RX6700XT แต่ถ้างบประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป ตัวเลือกอย่าง RX6900XT และ RX6950XT คือการ์ดที่คุณต้องไม่พลาด เล่นเกมจอใหญ่ Resolution สูงๆ มากกว่า 2K และได้พีซีที่รีดเฟรมได้อย่างจุใจ หรือจะใช้หลายๆ จอ คุณจะสัมผัสได้ถึงความอิ่มเอมในการเล่นเกมโปรดได้แบบขีดสุดเลยทีเดียว

from:https://notebookspec.com/web/668815-graphic-card-amd-radeon-2022

การ์ดจอมือสอง 2022 ถูก แรง ประหยัดจริงมั้ย? เช็คสภาพอย่างไร? ซื้อที่ไหนได้ราคาถูกบ้าง

การ์ดจอมือสอง 5 คำถาม ถูกและดี มีจริงมั้ยการ์ดแรง ราคาถูก ซื้อที่ไหนปลอดภัย เช็คสภาพการ์ดอย่างไรได้บ้าง?

การ์ดจอมือสอง

การ์ดจอมือสอง แม้จะไม่ได้เป็นตัวเลือกของทุกคน แต่ก็ยังเป็นทางเลือกของเกมเมอร์หลายคน ที่ให้ความสนใจ ด้วยสเน่ห์ในเรื่องของราคา ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงของการ์ดจอราคาถูกลงหรือจะเป็นช่วงที่การ์ดแพง หายากอย่างเช่นวิกฤตช่วงหนึ่งที่ตลาด Minor ที่มีแต่นักขุดเหมือง การ์ดจอรุ่นน้องสุดอย่าง GeForce GT1030 หรือ GT710 ก็ยังหายาก หรือจะเป็น Radeon RX570, RX580 ยังแทบจะหาไม่ได้ การ์ดจอในช่วงนั้นเรียกว่าแทบจะเป็นสิ่งหาซื้อยากทั้งสิ้น ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยราคาที่น่าสนใจ ประสิทธิภาพและค่าใช้จ่ายดูลงตัวมากขึ้น จึงทำให้การ์ดจอมือสองแบบนี้ จะมีการซื้อขายกันอย่างคล่องตัวเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ของที่ดูน่าสนใจในสายตาของผู้ใช้หลายคน แต่การจะเลือกซื้อหา ก็ต้องใช้การพิจารณากันพอสมควร เพราะต้องเช็คกันตั้งแต่ สภาพ เช่น พินหน้าสัมผัส พัดลม ตัวการ์ด และบางครั้งการมีประกัน ก็จะช่วยให้อุ่นใจมากขึ้น แต่เราจะต้องเช็คจากอะไรบ้างนั้น บอกเลยว่ามีวิธีมากมายที่คุณสามารถทำได้

การ์ดจอมือสอง


ตรวจเช็คสภาพ

สภาพของการ์ดจอมือสอง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณสามารถทำได้ก่อน และต้องเช็คเป็นอันดับต้นๆ และยิ่งอายุของการ์ดใช้มานาน ก็ควรจะต้องใส่ใจในหลายๆ จุด เพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะการ์ดจอที่หมดประกันแล้ว

Advertisementavw
การ์ดจอมือสอง

Bracket และพอร์ต: ตรงนี้พอจะทำให้เห็นสภาพการจัดเก็บและใช้งานของการ์ดจอได้ในระดับหนึ่ง พอร์ตต้องอยู่ในสภาพที่ดี ไม่มีรอยบิ่นหัก หรือบิดเบี้ยว อาจมีรอยขูดตามการใช้งานบ้าง รวมถึงตัวเพลท ที่เป็นโลหะ อาจมีสภาพเก่าตามอายุบ้าง แต่การเป็นคราบอ๊อกไซด์หนาๆ หรือคราบสนิมที่จับอยู่เยอะ อาจเป็นเพราะเก่ามาก หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งก็อาจจะหมายถึงตัวการ์ดจอที่ต้องเจอกับสภาวะที่ไม่ดีเช่นกัน แต่บางรายอาจเอามาเปลี่ยนใหม่ ตรงนี้ก็จะสังเกตได้ยากหน่อย

ตัวการ์ดหรือ PCB: ต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ไม่ควรจะเกิดรอยแตก หักหรือบิดงอ รวมถึงเป็นไปได้ ให้เอาแว่นขยายหรือถ่ายด้วยมือถือ เพื่อดูรายละเอียดของการ์ดจอให้ได้เยอะที่สุด เพราะบางครั้งคนขาย อาจไม่ได้บอกว่า การ์ดซ่อม เปลี่ยนชิ้นส่วนมา และยิ่งเป็นการ์ดรุ่นกลางหรือท็อป มีทั้งฮีตซิงก์ด้านหน้าและ Backplate ด้านหลัง ทำให้มองไม่เห็น และส่วนใหญ่ก็จะไม่ยินยอมให้แกะดูด้วย ดังนั้นก็ควรจะต้องสอบถามรายละเอียด และดูโดยรอบการ์ดว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ ถ้าสะดุดใจหรือไม่ชอบ ก็ปฏิเสธไปได้ เพราะถ้าซื้อไปแล้วเกิดปัญหา จะเสียเวลาและเสียความรู้สึกมากกว่าเดิม

การ์ดจอมือสอง

พัดลม: เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เพราะการ์ดจอนั้นต้องอาศัยสิ่งนี้ในการระบายความร้อน ยิ่งการ์ดจอมือสอง ยิ่งควรต้องดูให้ละเอียด เพราะหากพัดลมไม่ทำงานตามปกติ ปัญหาความร้อนจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน สิ่งที่ต้องดูคือ พัดลมไม่แตกหัก หรือมีการซ่อมใบพัดลมมา การหมุนปกติ ไม่เสียสมดุล ไม่มีเสียงผิดปกติขณะทำงาน นอกเหนือจากเสียงของรอบพัดลม แม้ว่าพัดลมจะหาอะไล่เปลี่ยนได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีทุกรุ่น และยิ่งเจอกับพัดลมทำงานผิดปกติ คราวนี้จะมาทั้งเสียงรบกวน และความร้อนคู่กันเลย ดังนั้นจะต้องเช็คให้ดี เสียบไฟเปิดใช้งานให้เห็นๆ ได้ก็ยิ่งดีครับ

Power connector: หรือช่องต่อไฟเลี้ยงตัวการ์ด แม้ว่าจะเป็นจุดที่ไม่ได้เสียหายบ่อย เพราะถ้าเป็นการใช้งานทั่วไป ก็แทบจะถอดเข้าออกน้อยมาก แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ บางครั้งเกิดการช็อตเสียหาย ลัดวงจร จากการต่อสายใช้งานผิดประเภท เพาเวอร์ซัพพลายไม่ได้มาตรฐาน หรือการไม่ระวังของเจ้าของการ์ด สิ่งเหล่านี้ก็อาจทำให้เกิดความเสียหาย หรือใช้งานไม่ได้

การ์ดจอมือสอง

พินหน้าสัมผัส: สิ่งนี้ก็แทบจะเป็นหัวใจในการตรวจเช็คด้วยเช่นกัน นอกจากตัวการ์ด เพราะเป็นทั้งตัวติดต่อสัญญาณและการจ่ายไฟ ต้องไม่หัก มีรอบขูดลึก หรือแนวแผงต้องไม่เบี้ยวจนผิดปกติ สังเกตได้ด้วยตาเปล่า แต่ถ้าให้ดีเปิดลองใช้งานด้วยจะดีที่สุด เพราะมีผลต่อการใช้งานและการรับประกัน เมื่อเกิดความเสียหายตรงจุดนี้ ก็มักจะไม่เข้าข่ายการรับประกันตามเงื่อนไขอีกด้วย

การ์ดจอมือสอง สามารถตรวจเช็คความถูกต้องได้หลายรูปแบบ การใช้ซอฟต์แวร์ในการตรวจสอบ ก็ถือเป็นสิ่งที่ควรทำ หากทำได้ โดยมีโปรแกรมที่จะแนะนำประมาณ 2 โปรแกรมดังนี้

การ์ดจอมือสอง

GPUz: โปรแกรมที่ใช้ในการตรวจเช็คกราฟิกการ์ด สามารถดูรายละเอียดตั้งแต่ตัวชิปกราฟิก VRAM กระบวนการผลิต ความเร็วสัญญาณนาฬิกา ไปจนถึงความร้อนและแรงดันไฟ เรียกว่าตัวเดียวจบ ครบทุกส่วน อ่อ..และที่สำคัญตรวจเช็ความผิดปกติของการ์ดได้ เช่น การ์ดจอปลอม ทำออกมาไม่ตรงรุ่น หรือตรงกับฐานข้อมูลโรงงาน ส่วนถ้าต้องการจะทดสอบความร้อนที่แท้จริงของการ์ด ให้ใช้โปรแกรมอย่าง FURMARK มาทำการเร่งความเร็วโหลดการทำงานของการ์ดระดับ 100% Full load แล้วดูว่าตัวการ์ดยังทำงานได้ปกติหรือไม่

การ์ดจอมือสอง

MSI AfterBurner: เป็นโปรแกรมยอดนิยมที่เหล่าเกมเมอร์ชื่นชอบ เพราะบอกรายละเอียดของกราฟิกการ์ดที่ติดตั้งอยู่บนตัวเครื่องได้เช่นเดียวกัน รวมถึงมีการแสดงผลเป็นตัวเลขและกราฟ ให้ผู้ใช้ได้วิเคราะห์การทำงาน และที่น่าสนใจก็คือ ผู้ใช้สามารถปรับโอเวอร์คล็อกกราฟิกการ์ด รอบพัดลม และแรงดันไฟได้อีกด้วย ตรงนี้ก็ทำให้การเลือกการ์ดจอมือสองมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า การ์ดมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาบ้างหรือเปล่า รวมถึงมีระบบแสดงเฟรมเรตในการเล่นเกมอีกด้วย เป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่น่าติดเครื่องไว้ใช้ในการตรวจเช็คการ์ดจอ


เช็คประกันอย่างไร?

ในเรื่องของการรับประกันนั้น ผู้ใช้สามารถดูได้จากหลายๆ ส่วน เช่น Serial Number ข้างกล่องหรือ วอยด์บนตัวการ์ด และนำมาสอบถามในระบบ เช่น เข้าไปในเว็บไซต์ของผู้จำหน่ายแต่ละค่าย กรอกข้อมูล หรือบางแห่งใช้เป็น S/N ในการสอบถาม จากนั้นระบบจะแจ้งให้ทราบว่ายังอยู่ในประกันหรือหมดประกันไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่การ์ดจอจะมีการรับประกัน 2-3 ปี แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ อยากให้มั่นใจ หากเกิดอะไรในวันข้างหน้า แล้วยังสามารถเคลมได้ ราคาสูงขึ้นอีกหน่อย ก็ให้เลือกแบบที่มีประกันไว้ อย่างน้อย 1 ปี หรือถ้าให้ดีใช้ไปยาวๆ เลือกจ่ายเยอะหน่อย กับการ์ดรุ่นใหม่ๆ เพื่อได้ประกันที่ยาวขึ้น

ตัวอย่างเงื่อนไขการรับประกันของทาง Advice


ซื้อได้ที่ไหนบ้าง

การ์ดจอมือสอง

แหล่งที่คุณจะซื้อหาการ์ดจอมือสอง เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าเป็นไปได้ ควรจะได้มองเห็น จับลอง ทดสอบ และจ่ายเงิน แบบนี้จะสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งในอดีตจะค่อนข้างยาก เนื่องจากข้อจำกัดในการติดต่อสื่อสาร ที่ไม่สามารถทำให้ครบได้ในสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ แบบแรก การนัดเจอกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย จะในห้าง รถไฟฟ้า หรือจะสถานที่ที่เดินทางสะดวกกันทั้งคู่ เมื่อดูสินค้า พอใจ จ่ายเงิน ก็จบ และอีกแบบจะว่าเป็นทั้งการวัดดวง หรือความเชื่อใจ คือดูในเว็บไซต์มือสอง เห็นภาพแล้วถูกใจ โทรคุยข้อมูล และโอนจ่าย ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย รวมถึงความเสี่ยงที่มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

มาถึงในปัจจุบันก็มีความเปลี่ยนแปลงไปอยู่บ้าง ทั้งในเรื่องของช่องทางการซื้อขาย ที่อำนวยความสะดวกมากขึ้น เช่นเดียวกับที่เราได้รวบรวมมานี้

หน้าร้านออนไลน์

การ์ดจอมือสอง

เป็นรูปแบบที่หลายๆ คนคุ้นเคย เพราะความสะดวกในการซื้อขาย เพราะเข้าเว็บไซต์ที่จำหน่าย อีกทั้งหน้าร้านส่วนใหญ่ก็จะจัดเตรียมเรื่องของรูปภาพ รายละเอียดสินค้า เรื่องของตำหนิ ขนาด การรับประกัน หรือบางทีก็จะบอกถึงช่องทางการจัดส่ง แต่ด้วยการที่ร้านเอง ก็ไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลที่สามารถเข้าถึงทุกกลุ่มได้ อาจจะเป็นเว็บไซต์ ดังนั้นการค้นหา หรือทำให้ผู้ที่ซื้อได้รู้จัก ก็ดูจะทำได้ยาก ปัจจุบันส่วนใหญ่ ก็จะเข้าไปแชร์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ได้รับความนิยม ก็กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ ผู้ซื้อมองเห็นง่าย ผู้ขายปล่อยของสะดวก

ข้อดี

  • มีหน้าร้านชัดเจน สร้างความเชื่อมั่นได้
  • ส่วนใหญ่ให้รายละเอียดครบถ้วน เพื่อความสะดวกต่อการขาย
  • ตรวจเช็คได้ ผู้ซื้อก็จะมั่นใจได้ว่า ซื้อไปแล้ว จะยังติดต่อได้ภายหลัง
  • การโอนจ่าย การส่งสินค้า ติดตามได้
  • ไม่ต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง

สิ่งที่ต้องสังเกต

  • สินค้าอาจไม่ได้หลากหลาย เพราะมีเฉพาะที่ร้านจำหน่ายเท่านั้น
  • การเช็คเครดิตอาจยุ่งยากเล็กน้อย จะไม่เหมือนแพลตฟอร์มโซเชียล ที่มีคะแนนให้
  • การติดต่อยากง่าย ก็ขึ้นอยู่กับความใส่ใจของแต่ละร้าน

ไปดูที่ร้าน

การ์ดจอมือสอง

เป็นอีกสิ่งที่หลายๆ คนก็เคยทำกัน ส่วนตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเพราะอยากเห็นตัวสินค้าแบบชัดๆ มีโอกาสก็เดินดูไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่วางจำหน่ายอยู่ในห้างไอทีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าในอดีตจำมีอยู่จำนวนมากทีเดียว อาทิ พันธุ์ทิพย์พลาซ่า เซียร์รังสิต ซีคอนสแควร์ หรือจะเป็นห้างเสรี เซ็นเตอร์ ที่ปัจจุบันน่าจะเป็นพาราไดซ์พาร์คไปแล้ว ที่เหล่านี้จะมีโซนไอทีอยู่เป็นส่วนหนึ่งของห้าง และมีผู้คนในระแวกนั้น มาจับจ่ายกันได้สะดวกมากขึ้น และการ์ดจอมือสอง ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะจะมีทั้งคนนำมาขาย เพื่ออัพเกรด เปลี่ยนรุ่นใหม่ หรือจะเป็นมือสองที่ถอดจากพีซีสำเร็จรูป ก็มีเช่นเดียวกัน

ข้อดี

  • ได้เห็นตัวการ์ดจอมือสอง สภาพจริง จับต้องได้
  • ส่วนใหญ่ขอให้ทดสอบให้ดูได้เลย
  • มีประกันร้าน นอกเหนือจากประกันปกติ
  • จ่ายเงินหน้าร้าน มีใบเสร็จ ยืนยันได้ โอนไม่ผิดคน
  • เดินเลือกได้ หากในห้างมีหลายๆ ร้าน
  • กลับมาฝากขายได้ หากต้องการเปลี่ยน

สิ่งที่ต้องสังเกต

  • สินค้ามีให้เลือกเยอะหรือไม่ มีรุ่นที่ต้องการมั้ย ไม่ทราบได้เลย
  • ต้องเดินทางไปถึงที่ เสียค่าเดินทาง
  • ต้องเช็คสินค้าให้ละเอียด ก่อนซื้อเดินออกมา

โซเชียลมีเดียต่างๆ

การ์ดจอมือสอง

นับว่าเป็นแพลตฟอร์มที่โดนใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น Facebook group, Line, Instagram หรือจะบางร้านก็เข้าสู่ระบบที่เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการชำระเงิน เช่น Shopee, LAZADA เป็นต้น สามารถใแชร์สินค้าของตนให้คนได้เห็นจำนวนมากขึ้น และผู้ซื้อก็เข้าถึงง่าย มีตัวเลือกที่เยอะ ค้นหาก็ง่าย และยังมีความหลากหลาย มีการต่อรองราคา หรือบางทีก็ตัดราคากันเห็นๆ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา และโอกาส อีกทั้งมองเห็นสินค้าได้ง่าย โดยเฉพาะการ์ดจอมือ 2 ที่ผู้ขายแม้จะโพสภาพไม่ได้เยอะ แต่ก็ Inbox ไปขอเพิ่มได้ตามความสะดวก ถึงแม้จะมีข้อดีหลายข้อ แต่สิ่งที่ควรระวังและต้องสังเกตก็มีไม่น้อยเลย

ข้อดี

  • หาซื้อได้ง่าย มีช่องทางหลากหลายให้เลือกตามสะดวก
  • หลายแพลตฟอร์ม ให้ความเชื่อมั่นได้สูง
  • ผู้ซื้อหาสินค้าและเปรียบเทียบได้
  • สามารถต่อรองพูดคุย ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้
  • มีช่องทางการชำระค่าสินค้าได้หลากหลาย
  • บางแพลตฟอร์มสามารถผ่อนได้
  • ไม่ต้องเดินทางไปรับสินค้าเอง
  • คนซื้อตั้งรับสินค้าได้ คนขายเข้ามาเสนอ

สิ่งที่ต้องสังเกต

  • การรับประกัน ขึ้นอยู่กับช่องทางการติดต่อและแพลตฟอร์ม
  • บางช่องทาง อาจจะต้องเช็คเครดิตของผู้ขายด้วย

ตัวอย่างของร้านบนโซเชียลมีเดีย

การ์ดจอมือสอง

กลุ่มซื้อขายการ์ดจอมือ 2 ที่มีความคึกคักอย่างมาก อีกแห่งหนึ่งบน Facebook ที่มีการซื้อขายการ์ดจอต่อวันจำนวนหลายรายการ มีทั้งผู้ขายมาวางสินค้า และผู้ซื้อที่แจ้งความต้องการขอซื้อไม่น้อยเลย ข้อดีคือ มีความเคลื่อนไหวรายการสินค้าจำนวนมาก สามารถเลือกได้ตามต้องการ หรือจะตั้งซื้อเฉพาะรุ่นก็ได้เช่นกัน ส่วนการจะซื้อขาย ก็แค่ทำให้ถูกกฏ Join group และโพสให้ถูกต้อง ภาพ ราคา และเงื่อนไข ส่วนการติดต่อระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ก็มีทั้ง FB, Chat, Tel. สารพัด และการจ่ายก็มีทั้งโอนชำระ หรือนัดรับจ่ายสด อันนี้ตามสะดวก แต่ที่แน่ๆ ของเยอะ

การ์ดจอมือสอง

Kaidee ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจ เพราะผู้ขายจำนวนมาก และมีการเคลื่อนไหว รวมถึงตัวเลือกค่อนข้างมากในทุกๆ วัน แต่ถ้าอยากได้รุ่นที่ถูกใจ ก็จะต้องใช้การค้นหา ซึ่งมีระบบที่ช่วยการค้นหา เป็นแบบตัวกรองได้ดีในระดับหนึ่ง ส่วนการติดต่อ จะเป็นเบอร์โทรที่ซ่อนเอาไว้ในแต่ละโพส ข้อดีคือ หาของบางอย่างได้ สินค้าที่บางทีหาได้ยาก ก็อาจจะมาเจอทีนี่ได้เช่นกัน

การ์ดจอมือสอง

Shopee ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งที่มีการ์ดจอมือสอง มาให้เราได้เลือกใช้ นอกเหนือจากของใหม่จากบรรดาหน้าร้านหรือ Mall ต่างๆ ที่วางจำหน่ายกันแบบเต็มพิกัด ซึ่งให้ความเชื่อมั่นได้ดีในระดับหนึ่ง พร้อมทั้งเปิดหน้าร้านในการนำเสนอให้กับผู้ซื้อเข้ามาค้นหาได้ง่าย รวมถึงมีช่องทางการชำระได้หลายรูปแบบ ผู้ซื้ออาจได้โปรพิเศษ หรือส่วนลดจาก Coin รวมถึงการผ่อนสินค้าได้เช่นเดียวกัน

ซื้อออนไลน์ ซื้อจากหน้าร้าน
ความสะดวก ดูรุ่นรายละเอียดได้สะดวก ต้องเดินหา
เช็คสินค้า ตรวจสอบได้ยาก เช็คได้ง่าย เห็นตัวจริง
ราคา อาจได้ราคาถูก+ค่าส่ง ราคาอาจสูง+มีต้นทุน
ความเชื่อมั่น อยู่ที่เครดิตคนขาย มีหน้าร้าน เข้าถึงง่าย
เครดิตคนขาย เช็คเครดิตผู้ขายได้ในกลุ่ม มีตัวตน หลักแหล่ง เช็คได้
รายละเอียดสินค้า ดูจากรูปและข้อมูลประกอบ ดูได้ละเอียดกว่า สัมผัส
และทดลองได้
เปรียบเทียบ ง่าย ดูจากเว็บไซต์และ Group อื่นๆ ยาก ต้องเช็ครุ่นและซีรีส์
แล้วเปรียบเทียบในเว็บไซต์
รูปภาพและตัวจริง ไม่ละเอียด ดูจากในภาพ เห็นตัวจริง จับได้ ทดลองใช้
การรับประกัน ประกันสินค้า + ประกันใจ ประกันสินค้า + ประกันร้าน + ประกันใจ
การจัดส่ง ส่งพัสดุ ไม่ได้เช็คสภาพ ลุ้นระหว่างการขนส่ง ปลายทาง ต้องถ่ายหลักฐานเมื่อรับของ ตรวจเช็คเสร็จ สภาพรับได้ จ่ายเงิน หิ้วกลับ
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ค่าเน็ต ค่าขนส่ง ค่าเดินทาง ค่าอาหาร
สินค้ามีปัญหา ติดตามผู้ขาย ส่งกลับ ส่งซ่อม หิ้วกลับไปที่ร้าน รอซ่อมหรือเปลี่ยน

การ์ดจอขุดเหมือง?

เรื่องแบบนี้จะว่าไปก็ไม่ถูกหรือไม่ผิดเสียทีเดียว ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล เพราะส่วนใหญ่ที่จะพบกันก็คือ การ์ดมีให้เลือกเยอะ และเป็นการ์ดประสิทธิภาพดี มีประกันอยู่บ้าง แต่ราคาสบายกระเป๋า และเหมืองบางแห่งก็ดูแลตัวการ์ดที่อยู่ในระบบได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งซอฟต์แวร์ มีเซ็นเซอร์ มีการตรวจเช็คและมอนิเตอร์กันตลอดเวลา รวมถึงติดตั้งระบบระบายอากาศที่ดี เพื่อให้การ์ดทำงานได้ยาวๆ การ์ดบางตัวแทบจะไม่มีฝุ่นมาเกาะ หรือมีการบำรุง อยู่เป็นระยะ ทำให้หลายๆ คนหันมาสนใจการ์ดจอขุดเหมืองกันมากขึ้น แต่นะครับแต่ นักขุดบางรายจะปรับเปลี่ยน BIOS และเร่งการทำงานของตัวการ์ดด้วย ก็ทำให้การ์ดช้ำได้เช่นกัน และทำงานหนักต่อเนื่อง แต่ด้วยราคาที่จับต้องได้ ไม่แพงเกินไป อย่างที่ได้แจ้งไปแต่ต้นคือ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ และความสมัครใจ แต่ละคนอาจเจอมาคนละแบบ หากเช็คแล้วสภาพดี ถูกใจ ราคาได้ ก็สามารถซื้อมาใช้งานได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจ การ์ดทางเลือกอื่นก็ยังมีให้เลือกอีกเยอะ


รุ่นไหนน่าสนใจ

การ์ดจอมือสอง

การ์ดจอรุ่นเริ่มต้น: เหมาะกับเกมเมอร์มือใหม่ เล่นเกมแนวแอ็คชั่น เน้นภาพลื่นไหล เรื่องความสวยงามอาจจะมีได้บ้าง แต่คงจะไม่ต้อง 100% ถึงระดับ Very High หรือ Epic ก็มีการ์ดหลายรุ่นที่น่าสนใจ เคาะราคามือสอง ราคาประมาณ 5,500-7,900 บาท แล้วแต่รุ่น ประกอบไปด้วย nVIDIA GeForce GTX 1660Ti, GTX 1660 SUPER หรือจะเป็น Radeon RX6600 มาพร้อมแรม GDDR6 6GB, 8GB และบางรุ่นที่เป็น 12GB เท่านี้ก็เพียงพอต่อการเล่นเกมในโหมด Full-HD ปรับ Medium detail ได้ไหลลื่นแล้ว

การ์ดจอมือสอง

การ์ดจอระดับกลาง: สำหรับเกมเมอร์เทิร์นโปร เล่นเกม AAA เน้น Action ไหลลื่น ก็มีอยู่ด้วยกันหลายรุ่นที่น่าสนใจ อาทิ nVIDIA GeForce RTX2060, RTX 2060 SUPER, RTX 3060 หรือจะเป็น Radeon RX6600XT, RX6650XT หรือ RX6700XT กลุ่มนี้ราคาน่าจับจอง เพราะช่วงนี้ (18 Sep 2022) ราคาหล่นมาอยู่ที่ 8,000-12,000 บาทเท่านั้น ยังมีประกันอยู่อีกด้วย เล่นเกมเฟรมเรตลื่นตั้งแต่ในช่วง High ได้เลยกับความละเอียด Full-HD

การ์ดจอมือสอง

การ์ดจอสายฮาร์ดคอร์: ภาพสวย เล่นจอใหญ่ ความละเอียดสูง และเกมแคสเตอร์ แนะว่า GeForce RTX3070Ti ขึ้นไป ช่วงนี้ถือว่าได้หมด เพราะเริ่มที่ประมาณ 15,000 บาท ไปจนถึง RTX 3080 ราคาราวๆ 2 หมื่นกลางๆ ยังพอหาได้ แล้วแต่จังหวะ หรือจะเป็น RX6800XT ราคาอยู่ที่หมื่นปลายๆ เท่านั้น แต่อาจจะหายากสักหน่อย เพราะวางปุ๊บหมดปั๊บ ต้องไปส่องในกกลุ่มมือสองนานๆ


การ์ดจอมือสองดีมั้ย เหมาะกับใคร?

คงไม่มีคำตอบที่ตายตัว หรือจะตรงกับความรู้สึกของหลายคนที่มีต่อของมือสอง เพราะบางคนก็มองว่าคุ้มค่าน่าลงทุน แต่บางคนก็มองว่า ไม่พร้อมที่จะเสี่ยง เพราะถ้าว่ากันตรงๆ ก็มีความเสี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่การมองหาการ์ด ที่ทุกวันนี้ไม่ได้เป็นสังคมที่วางใจได้ทั้งหมด เพราะหลายครั้งที่เราจะเห็นว่ามีการโกงเวลาที่ซื้อขายกันบ่อยๆ ซื้อผ่านกลุ่ม บางคนมีเครดิต แต่ด้วยเงินที่มาก บางทีก็เชิดเอาดื้อๆ หรือบางทีส่งของมา ก็ไม่ได้ตรงตามที่คุยกันไว้ ก็กลายเป็นเรื่องแจ้งความกันยืดยาวก็มีเหมือนกัน หรือบางครั้งก็แต่งหน้าแต่งตามา ให้ดูเหมือนใหม่ แต่ข้างในเน่าจนเกือบใช้ไม่ได้ ก็มีให้เห็นกันบ่อยๆ ก็ทำเอาหลายๆ คนเข็ดขยาดกันไป

Deepcool cg540 cg560 case 77 1

แต่บางคนก็กลับมีทัศนคติที่ดีต่อการ์ดจอมือ 2 เหล่านี้ เพราะได้เล่นเกมที่ชื่นชอบ แถมยังจ่ายเงินน้อยกว่า ขยันหาบางทีได้ค่าขนมกลับมาด้วย เพราะจับมาราคาดี ปล่อยต่อก็ได้กำไร แบบนี้ก็มีเหมือนกัน เอาเป็นว่าใครสะดวกแบบใด ก็ว่ากันไปตามต้องการ ใครที่ได้ของดี หรือใครมีช่องทางการซื้อ ก็อาจจะบอกต่อเพื่อนๆ กันบ้าง ส่วนถ้าใครเคยเจอประสบการณ์ไม่ดี ก็ไม่ต้องท้อ เพราะถือว่าเป็นการเรียนรู้ การเลือกซื้อการ์ดจอใหม่มือหนึ่ง ในปัจจุบันก็มีหลายช่องทาง ผ่อนก็ยังได้ ซื้อได้สบายใจกันไป สุดท้ายนี้ก็ขอให้มีความสุขกับการเล่นเกมบนการ์ดจอตัวโปรดกันนะครับ


from:https://notebookspec.com/web/666985-2nd-hand-graphic-card-2022

MSI MEG Agis Ti5 แรงแต่เกิด i7+RTX3070Ti แรม 32GB ฟรี! Windows ในตัว

MSI MEG Agis Ti5 คอมเล่นเกม i7+RTX3070Ti แรม 32GB ไฟ RGB ชุดใหญ่ ปรับแต่งได้ที่ตัวเครื่อง

MSI MEG

MSI MEG AGIS Ti5 แว่บแรกที่ได้เห็นพีซี MSI รุ่นนี้ พูดได้คำเดียวว่า “ล้ำอ่ะ” ถ้าแบบนี้ไม่ต้องไปประกอบคอมเองแล้ว สำหรับ MSI MEG Aegis Ti5 รุ่นนี้ ตัวเดียวจบ ให้คุณ Go to the point ในการเป็นโปรเกมเมอร์ หรือสตรีมเมอร์ได้ไม่ยาก เพราะครบหมด ประสิทธิภาพ ฟังก์ชั่น ฟีเจอร์ แสงไฟ RGB ชุดระบายความร้อนโคตรคูล เพิ่มลูกเล่นด้วย HMI Gaming Dial ที่ให้การปรับแต่งได้ในเกือบทุกสิ่ง และยังเป็นเรื่องที่ง่าย ด้วยการหมุน เลื่อน กดเท่านั้น ก็เปลี่ยนฟังกชั่นที่คุณต้องการให้ใช้งานได้ทันที ที่สำคัญยังมาพร้อมขุมพลังซีพียู Intel Core i7 Gen 12 ตัวจริงสำหรับเกมเมอร์ ที่มาคู่กับกราฟิกการ์ด GeForce RTX 30 series ประกันทุกชิ้น 3 ปีและการบริการ pick-up and return onsite service ให้คุณอุ่นใจตลอดการใช้งาน

MSI MEG Agis Ti5


Specification

MSI MEG AGIS Ti5 รายละเอียด
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home
ซีพียู Intel Core i7-12700K (12 core/ 20 thread), 125W TDP
ระบบระบายความร้อน Liquid Cooling
เมนบอร์ด MSI Z690
กราฟิกการ์ด MSI GeForce RTX3070Ti GDDR6x 8GB
แรม DDR5 4800 32GB (16GB x2)
อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล M.2 2280 NVMe 1TB
ระบบเครือข่าย LAN 1x Intel I225-V+1x Intel I219-V
ระบบเครือข่ายไร้สาย INTEL/AX211.NGWG.NV WiFi 6E
ระบบเสียง Realtek ALC1220P, 7.1 Channel HD Audio
พอร์ตต่อพ่วง (Front panel) 2 x USB 3.2 Gen 1 Type A,
1 x USB 3.2 Gen 2 Type C
Rear port 1 x USB 3.2 Gen 2×2 Type C (R)
3 x USB 3.2 Gen 2 Type A (R)
3 x DP, 1 x HDMI
2 x RJ-45
1 x HDMI
1 x PS/2
5 x AUDIO JACK
เพาเวอร์ซัพพลาย 850W, 80PLUS Gold, SFX
เมาส์/ คีย์บอร์ด Vigor GK30 US, CLUTCH GM11
มิติ 551.3 x 239.9 x 511.6 มม.
น้ำหนัก 15.15 กก.
ราคา 109,900 บาท

เกมมิ่งพีซีที่ได้รับมาทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่น MSI MEG Agis Ti5 โดยเค้ามีให้เลือกถึงด้วยกัน 5 รุ่น มีตัวเลือกตั้งแต่ซีพียู Intel Core i7-12700K กับ GeForce RTX3070 แรม 32GB เป็นตัวเริ่มต้น ไปจนถึงรุ่นที่ใช้ ซีพียู Intel Core i9-12900K กับ GeForce RTX3090 ที่เป็นตัวท็อป โดยที่เราทดสอบอยู่นี้ เป็นรุ่นที่ใช้ซีพียู Intel Core i7-12700K กับกราฟิก GeForce RTX3070Ti แรม DDR5 32GB และมี SSD มาให้ถึง 1TB รับประกัน 3 ปี ราคาอยู่ที่ 109,900 บาท

Advertisementavw

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI


คอมแบรนด์ กับ คอมประกอบ เลือกแบบไหน?

MSI MEG

เอาง่ายๆ แบบนี้ครับ ถ้าคุณชอบอะไรที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก ซื้อมาเปิดคอมใช้งานได้ทันที มีสเปคให้เลือกหลากหลาย คอมแบรนด์เวลานี้ มีตัวเลือกเยอะขึ้น และที่เป็นเกมมิ่งพีซีเองยังใส่ฟีเจอร์ล้ำๆ มาให้ด้วย
ส่วนคอมประกอบก็ดีนะ อย่างที่ทุกคนทราบคือ เลือกชิ้นส่วนได้เอง จะปรับแต่งอะไรก็ตามใจชอบ แต่นั่นหมายความว่าคุณจะต้องมีสกิลในการเลือก และเข้าใจในเรื่องฮาร์ดแวร์ต่างๆ พอสมควร ในการรวมสิ่งต่างๆ ให้ลงตัวตามต้องการ

แต่จุดที่สำคัญ ก็คือ คอมแบรนด์ส่วนใหญ่ คุณได้ระบบปฏิบัติการมาพร้อมใช้งาน และการรับประกันทุกชิ้นส่วนเหมือนๆ กัน ถ้าเป็นคอมประกอบ ต้องซื้อ OS แยก และประกันว่ากันรายชิ้น แถมเวลาเกิดปัญหา คุณต้องยกไปหาช่างเองทั้งเครื่อง และถ้าคุณไม่อยากจะยกไปทั้งเคส คุณก็ต้องพอรู้ว่าชิ้นไหนเสีย หรือถอดเอาไปลุ้นกันหน้างาน ว่าจะใช่ชิ้นที่คุณประเมินว่าเสียหรือเปล่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร

แต่สำหรับ MSI MEG Aegis Ti5 รุ่นนี้ เค้าให้ Windows 11 พร้อมใช้งานมาในตัว และรับประกันทุกชิ้น 3 ปี ในแบบ pick-up and return onsite service หรือส่งรถไปรับถึงบ้าน เสร็จแล้วก็นำส่งกลับมาให้ เมื่อซ่อมเสร็จ ลดเวลาการเดินทาง และมีช่างซ่อมที่มีความชำนาญ ให้คุณอุ่นใจได้มากขึ้นอีกด้วย

MSI MEG Agis Ti5 50 1

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะเริ่มสนใจในพีซีแบรนด์มากขึ้น และที่อยู่ตรงหน้าผม ก็เป็นเกมมิ่งพีซีอีกรุ่นหนึ่งจาก MSI และมีให้เลือกถึง 3 แบบ 3 สไตล์ด้วยกันคือ

  1. MSI MEG Agis Ti5 เป็นรุ่นที่เรารีวิวในวันนี้ เน้นที่ความแรงขั้นสุด พร้อมลูกเล่นเพียบ
  2. MSI MEG Trident X และ MPG Trident AS สเปคแรง ดีไซน์บาง ประหยัดพื้นที่โต๊ะ เหมาะกับห้องในแบบต่างๆ
  3. MSI MAG Codex X5 เน้นที่่ความแรงสำหรับคอเกมเช่นกัน แต่เคสจะเน้นความโหดดุดันเป็นหลัก
MSI MEG

เกมมิ่งพีซีที่ได้รับมาทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่น MSI MEG Agis Ti5 โดยเค้ามีให้เลือกถึงด้วยกัน 5 รุ่น มีตัวเลือกตั้งแต่ซีพียู Intel Core i7-12700K กับ GeForce RTX3070 แรม 32GB เป็นตัวเริ่มต้น ไปจนถึงรุ่นที่ใช้ ซีพียู Intel Core i9-12900K กับ GeForce RTX3090 ที่เป็นตัวท็อป โดยที่เราทดสอบอยู่นี้ เป็นรุ่นที่ใช้ซีพียู Intel Core i7-12700K กับกราฟิก GeForce RTX3070Ti แรม DDR5 32GB และมี SSD มาให้ถึง 1TB รับประกัน 3 ปี ราคาอยู่ที่ 109,900 บาท


Hardware/Design

ในเรื่องของการออกแบบบนพีซีเครื่องนี้ MSI MEG Aegis Ti5 เกิดจากแรงบันดาลใจในการมุ่งสู่อนาคตที่รวดเร็ว ด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาให้กับผู้ใช้ได้สัมผัส โดดเด่นตั้งแต่ตัวเคสสุดล้ำ ทำออกมาไม่เหมือนใคร ดีไซน์คล้ายกับยานอวกาศ เหมือนกับในภาพยนตร์แนวไซไฟหลายๆ เรื่อง ด้วยโครงสร้างโลหะ ที่มีความแข็งแรง และใช้เส้นสายและตะแกรง รวมถึงอะคลิลิคใส มาช่วยทำให้ลงตัวมากขึ้น ทั้งในเรื่องของมิติและสีสัน จุดที่เป็นแสงไฟ แทรกอยู่ในจุดต่างๆ ทั้งด้านข้าง ด้านหน้า และด้านใต้ การจัดวางอยู่บนฐาน ที่ดูแปลกตา เป็นทั้งที่วางและที่จับได้ สำหรับการเคลื่อนย้ายได้สะดวกมากขึ้น

MSI MEG

ซึ่งหากดูตามแนวคิดที่ทาง MSI วางเอาไว้ จะใช้คำว่า เทคโนโลยีที่ลงตัวกับสุนทรียศาสตร์ เหมือนเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของจินตนาการบนโลกใบนี้ ให้ทั้งความรู้สึกที่แข็งแกร่ง ความเร็วและใช้แสงสีในการสื่อถึงจิตวัญญาณ หลอมรวมเป็นรูปลักษณ์ที่สะดุดตา เพื่อนำพาผู้ใช้ไปสู่ขีดสุดของการเล่นเกมนั่นเอง

MSI MEG

ด้านข้างขวา – มีช่องตะแกรงสำหรับเป็นช่องทางของลมร้อนออก และเส้นคาดด้านบนตะแกรง ยังเป็นช่องของแสงไฟ RGB ส่วนด้านบนดูเป็นโค้งที่คล้ายกับช่วงท้ายของรถสปอร์ตอีกด้วย และวัสดุส่วนใหญ่เป็นโลหะ จึงมั่นใจได้ว่าไม่เป็นรอยหรือบุบได้ง่าย

ด้านข้างซ้าย – เตรียมเป็นช่องตะแกรงมาเช่นกัน เป็นช่องที่ดูดลมเย็นเข้าสู่ระบบ ด้วยพัดลมขนาด 120mm ดูดลมเข้าไป ในการระบายความร้อนออกจากชุดซีพียู แรง เมนบอร์ด ที่อยู่ใน Chamber นี้

MSI MEG

ด้านหลัง – เป็นจุดติดตั้งเพาเวอร์ซัพพลาย มีทั้งพอร์ต USB 2.0, USB 3.2, Type-C และ Type-A, USB superspeed และ HDMI, PS/2 สำหรับเมาส์ คีย์บอร์ดรุ่นเก่า โดยมี RJ-45 ในแบบ Dual LAN ให้เลือกทั้งแบบ 1Gbps และ 2.5Gbps ใครเน็ตบ้านแรง เอามาต่อใช้งานได้เลย ใครที่เน้นแบบไร้สาย ให้ดูสวยงาม ก็สามารถใช้การเชื่อมต่อ WiFi 6E ที่มีมาในตัวได้อีกด้วย

MSI MEG

ด้านบน – ปุ่มเพาเวอร์ดูง่ายไม่ซับซ้อน พร้อมพอร์ตต่อพ่วง USB 3.2, USB-C, แจ๊ค 3.5mm สำหรับ Mic และ Headphone โดยเปิดเป็นช่องใสๆ ให้มองเห็นกราฟิกการ์ดได้อย่างชัดเจน โดยการ์ดที่ให้มาเป็น MSI GeForce RTX3070Ti

MSI MEG

นอกจากนี้ MSI ยังทำเหมือนที่แขวนหูฟังเอาไว้ทั้ง 2 ด้าน แค่กางออกมาเท่านั้น ไม่ใช้ก็พับเก็บได้

MSI MEG

ด้านหน้า – มาพร้อมกับลูกเล่นที่เรียกว่า HMI Gaming Dial ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ของพีซี MSI MEG Agis Ti5 รุ่นนี้เลย โดยที่ HMI Gaming Dial เค้าได้แรงบันดาลใจจากหน้าปัทม์รถสปอร์ต เพิ่มอรรถรสให้กับเกมเมอร์ ไปกับการปรับแต่งและลูกเล่นสนุกๆ ดูสวยงาม และใช้งานได้จริงอีกด้วย

MSI MEG
  • Default – จะเป็นมาสคอต น้อง Lucky มังกรแดง เคลื่อนไหวไปมา
  • Monitor – แสดงสถานะต่างๆ ของระบบ ไม่ว่าจะเป็น ซีพียู ความเร็ว สัญญาณนาฬิกา อุณหภูมิ Usage หรือจะเป็นแรม และรอบพัดลม
  • MysticLight – ใช้ในการปรับแต่งแสงไฟ ให้เป็นไปตามรูปแบบที่ต้องการ แต่ถ้าอยากปรับแบบละเอียด สามารถเข้าไปตั้งในซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ได้
  • Music Switch – ใช้แทนสวิทช์ในการควบคุม เช่น Play/Pause, FW/RW เป็นต้น
  • Volume Adjust – ใช้เป็น Dial ปรับเลื่อนเพิ่ม-ลดเสียงได้
Ambient Link

Ambient Link เป็นฟีเจอร์ที่เสริมความสวยงาม ให้เข้ากับตัวเครื่องไปได้อีก โดยเฉพาะคนที่เล่นเกม AAA ที่หลายๆ เกม สามารถซิงก์เข้ากับอุปกรณ์แสงไฟอย่าง NanoLeaf Light Panel หรือ Philip Hue Go ที่ติดอยู่ด้านหลังเครื่อง แล้วใช้ฟีเจอร์ MysticLight ซิงก์ให้แสงไฟกับตัวเกมให้มีเอฟเฟกต์ร่วมกัน ทำให้ได้ฟิลเหมือนอยู่ในตัวเกมเลยทีเดียว

MSI MEG

มิติของตัวเครื่อง 55 x 24 x 52 cm หนักประมาณ 15.5Kg เรียกว่าหนักพอสมควร แนะนำว่าให้เตรียมโต๊ะที่แข็งแรงเอาไว้หน่อย จะได้วางอย่างมั่นใจได้

MSI MEG

ตัวฐาน นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการออกแบบ เพราะต้องไม่ลืมว่า ตัวเคสไม่ได้เป็นแบบสี่เหลี่ยมทรงทาวเวอร์ ที่เราเคยเจอกันปกติ แต่เป็นโครงสร้างเหมือนยานอวกาศในแนวตั้ง และมีน้ำหนักไม่น้อยเลย ซึ่งทาง MSI ก็ได้ เซ็ตบาลานซ์มาให้อย่างดี โดยเฉพาะตรงฐานที่เป็นวงกลม และมีเหมือนตัวจับ รวมถึงขาตั้งถ่ายน้ำหนักไปในตัว อาการโยกคลอนแทบไม่มี หากโต๊ะของคุณหนักแน่นแข็งแรง แต่ถ้าไม่มั่นใจ ก็สามารถวางชิดผนังทางด้านขวาเอาไว้ได้ครับ

MSI MEG

ไม่ใช่แค่เรื่องดีไซน์ที่สะดุดตา แต่ยังมาพร้อมกับการระบายความร้อน ที่เป็นชุดน้ำแบบปิดมาให้ เป็นแบบ 2 ตอน 240mm อยู่ทางด้านขวาของตัวเคส และการออกแบบการระบายความร้อนด้วย Silent Storm Cooling ที่ทาง MSI พัฒนาขึ้น ด้วยการปรับเลย์เอาท์ให้เมนบอร์ดให้กลับหัวลง เพื่อให้ทางลมผ่านไปยังซีพียูได้ง่ายขึ้น จึงลดความร้อนได้ดี อีกทั้งแบ่งภายในเคสเป็น 3 Chamber สำหรับ กราฟิกการ์ด ซีพียูและเพาเวอร์ซัพพลาย ทำให้แบ่งการจัดการลมของส่วนต่างๆ ได้เป็นระบบ


Port Connector

MSI MEG

บริเวณด้านหลังเป็นจุดที่ใช้ในการติดตั้งอุปกรณ์ต่อพ่วง และการระบายความร้อนออกจากระบบโดยตรง ด้วยพัดลมขนาด 120mm ที่ดูดลมร้อนจาก Chamber 2 ไม่ว่าจะเป็นเมนบอร์ด แรม และซีพียู และยังมีพอร์ตต่างๆ นำมาจัดวางไว้ให้ใช้อย่างครบครัน

MSI MEG

โดยพอร์ตต่อพ่วงเริ่มจากด้านล่างสุดเป็น PS/2 และ USB 2.0 ให้มา 2 พอร์ต สำหรับเมาส์ คีย์บอร์ด ใกล้กันเป็นพอร์ตแสดงผล HDMI ใช้งานร่วมกับกราฟิกบนซีพียู ด้านบนจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 พอร์ต, USB Type-C และมี RJ-45 ให้ 2 พอร์ตด้วยกัน แบ่งเป็น Gigabit LAN และ 2.5G LAN โดยสามารถปรับแต่งการใช้งานได้บนซอฟต์แวร์ และพอร์ตด้านบนสุด จะเป็น Audio รองรับระบบเสียง 7.1-channel

MSI MEG

ด้านบนเป็นพอร์ตแสดงผลจากกราฟิกการ์ด ประกอบด้วย HDMI 1 พอร์ตและ DisplayPort 3 พอร์ต รองรับการทำงานแบบ Multi Display ต่อหลายๆ มอนิเตอร์ได้ เหมาะกับคอเกมที่เล่นเกมแนว Action FPS และแนว Open world เพราะจะได้มุมมองที่กว้างมากขึ้น สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างเต็มที่ หรือจะเป็นสายทำงานด้านตัดต่อ ตกแต่งภาพก็แยกช่องทางพรีวิวได้ง่ายขึ้น

MSI MEG

พอร์ตด้านบนที่เป็น Front panel มาพร้อมพอร์ต USB 3.2 Type-A และ Type-C และมี Audio jack ที่เป็นหูฟังและไมโครโฟนมาให้ครบครัน


Software/Utilities

และถ้าจะให้ใช้งานพีซี MSI MEG Agis Ti5 รุ่นนี้ได้อย่างครบเครื่อง ควรใช้คู่กับ MSI Center ซอฟต์แวร์อเนกประสงค์ ที่ทาง MSI พัฒนามาให้กับผู้ใช้ได้จัดการพีซี หรือโน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

MSI MEG

ในแง่ของความสวยงาม แสงไฟ RGB ที่ปรากฏฺอยู่ในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า ด้านข้าง และด้านใต้ สามารถเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้มากขึ้น อีกทั้งปรับแต่งได้ผ่านทาง HMI Gaming Dial หรือจะเลือกปรับแบบโพรไฟล์ ก็เลือกปรับเปลี่ยนได้บนฟีเจอร์ Mystic Light ของซอฟต์แวร์ MSI Center

MSI MEG

Hardware monitor ช่วยให้การตรวจเช็คสถานะทั่วไปของระบบทำได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็วสัญญาณนาฬิกา อุณหภูมิ แรงดันไฟและบรรดา Usage ต่างๆ เพื่อการตรวจเช็คความผิดปกติในเบื้องต้นได้ดี

MSI MEG

จะตั้งมาโครเมาส์แบบง่ายๆ ก็ทำได้บนซอฟต์แวร์นี้ อย่างเช่น เมาส์ MSI Clutch GM11 ที่มากับตัวเครื่อง ก็สามารถตั้งการใช้งานให้เล่นเกมต่างๆ ได้ดีขึ้น เช่น การตั้งการยิงรัว หรือร่ายเวทย์ใหญ่ด้วยเมาส์ หรือจะเป็นการรีโหลดกระสุนเป็นต้น

MSI Center 5

ส่วนของ Gaming Dial จะทำหน้าที่ในการปรับแต่ง HMI หรือที่เป็น Dial อยู่หน้าเครื่อง ในการเลือกฟังก์ชั่นให้แสดงผลและเราจะสามารถปรับแต่งส่วนใดได้บ้าง และเลือกได้ว่าในโหมดต่างๆ นั้น จะให้แสดงสิ่งใดบ้าง เพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน

MSI Center 8

รวมถึงเลือกปรับโหมดการทำงานของพัดลมระบบได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเน้นประสิทธิภาพขั้นสูง ประหยัดพลังงาน หรือให้สมดุลและแบบเลือกตั้งค่าด้วยตัวเองก็ได้เช่นกัน

MSI Center 10

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออีกมากมายให้กับผู้ใช้ได้ใช้งาน แต่ส่วนที่ชอบก็น่าจะเป็นตัวช่วยที่เป็น Tool ต่างๆ เหล่านี้ Boot Repair สร้างตัวบูตสำหรับแก้ไข เมื่อเกิดปัญหาพีซีทำงานปกติ หรือการซ่อมแซมในเบื้องต้น รวมถึงการ Backup & Restore แม้จะมีมาให้บน Windows อยู่แล้ว แต่บนซอฟต์แวร์นี้ก็เหมือนรวบรวมมาให้ ไม่ต้องไปควานหา เปิดซอฟต์แวร์มา ก็เริ่มใช้งานได้เลย


Performance

CPUz 1

สำหรับ CPUz ในส่วนของซีพียู แจ้งเอาไว้ชัดเจนว่าเป็น Intel Core i7-12700K ทำงานในแบบ 8P+4E และมีถึง 20 thread ด้วยกัน ส่วนเมนบอร์ดเป็น Z690 จาก MSI ที่จัดเป็นชิปเซ็ตและเมนบอร์ดตัวท็อปๆ เพราะใช้งานร่วมกับแรม DDR5 พร้อมการสนับสนุน PCIe 5.0 รุ่นใหม่ล่าสุด

MSI MEG

ส่วนแรมที่จัดมาให้เป็นแรม DDR5 4800 ความจุให้มามากถึง 32GB

MSI MEG

กราฟิกชิปมีมาให้ 2 แบบคือ Intel UHD Graphic 770 สำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป ความบันเทิงและการเล่นเกมแบบง่ายๆ ซึ่งมีมาพร้อมกับซีพียู Intel Core i7-12700K และกราฟิกแยกที่เป็น nVIDIA GeForce RTX 30 series

MSI MEG

ในการทดสอบเบื้องต้นด้วยการใช้โปรแกรม CPUz ทำตัวเลขแซงซีพียูที่เป็นตัวเปรียบเทียบอย่าง Intel Core i7-10700 ที่เป็นซีพียูบนพีซีเดสก์ทอปไปได้อย่างขาดลอย ไม่ว่าจะเป็น Single หรือ Multi-thread ก็ตาม

MSI MEG

กราฟิกการ์ดมีมาให้ 2 ส่วนด้วยกันคือ กราฟิกที่มาพร้อมกับซีพียู Intel UHD Graphic 770 และกราฟิกแยก nVIDIA GeForce RTX 3070 Ti จากทาง MSI ซึ่งถือว่าตอบโจทย์คอเกมได้ดีทีเดียว โดยมาพร้อม VRAM GDDR6x 8GB และการเชื่อมต่อ PCIe 4.0 x16 อีกด้วย จึงสามารถให้แบนด์วิทธิ์ในการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี

SSD 2

ในด้านของระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบติดตั้ง SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe 4.0 จากทาง Samsung โดยถือว่าให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีพอสมควรเลยทีเดียว ด้วยการอ่านข้อมูลระดับ 5,893MB/s และการเขียนข้อมูลทำได้ถึง 4,928MB/s เลยทีเดียว และยังมีสล็อตที่รองรับการอัพเกรดในภายหลังได้อีกด้วย

PCMark10 2

สำหรับ PCMark10 เป็นการทดสอบความสามารถของระบบทั้งหมด ซึ่งคะแนนก็เป็นไปตามคาด เพราะไปได้เกือบถึง 9,000 ในส่วนของ Overall โดยเฉพาะคะแนนของ Digital Content Creation ที่เป็นการทดสอบซึ่งรวมเอาการประมวลผล ในแง่ของการเรนเดอร์ภาพและด้านตัดต่อวีดีโอเข้าไปด้วย เรียกคะแนนได้ถึง 14,804 point ซึ่งถ้ามองในแง่ของสเปคก็ถือว่าตอบโจทย์งานด้านนี้ได้ดีพอสมควร

CINEBench overall

CINEBench เป็นการทดสอบด้วยการเรนเดอร์งาน Motion Graphic ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งาน CINEMA4D ซึ่งเน้นไปที่การทำงานของซีพียูเป็นหลัก ตัวเลขที่ได้ก็ถือว่าน่าสนใจ ด้วยองค์ประกอบของทั้งซีพียู การ์ดจอและแรม DDR5 ที่ช่วยให้การทำงานในด้านนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว

3dMark graph

การทดสอบด้วย 3DMark โดยเป็นการทดสอบบนความละเอียดระดับ 2K เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถของระบบที่ทาง MSI MEG Agis Ti5 ที่ใส่สเปคมาให้แบบจัดเต็ม และผลที่ได้ออกมาตามกราฟที่ปรากฏอยู่ด้านบนนี้ครับ

MSI MEG

การทดสอบเกม เราจัดมาในเกมที่เรียกว่าโหดๆ เพื่อทรมานและรีดเฟรมเรตจากระบบของ MSI MEG Agis Ti5 ด้วยการทดสอบในโหมด 2K (2560 x 1440p) เพื่อให้เหมาะกับประสิทธิภาพและกราฟิกการ์ดที่ให้มานี้ โดยผลทดสอบส่วนใหญ่ หากเป็นเกม AAA อย่าง SCUM, GTAV หรือ RD2 เรียกว่าปรับสุด ก็ยังได้เฟรมเรตเฉลี่ยที่ 60fps. จะมีแต่ SCUM เท่านั้น ที่ค่อนข้างหิน เพราะลงไปเหลือแค่ 47fps. เท่านั้น แต่ก็แนะนำว่าถ้าอยากเล่นได้ลื่นบน 2K นี้ ปรับเป็น High จะได้เห็นเฟรมระดับ 70-80fps ได้ไม่ยากนัก ส่วนเกมอื่น เช่น PUBG ก็ไหลไปได้สบายๆ ในระดับ 142fps. สำหรับเฟรมเรตเฉลี่ย แต่ถ้าคุณมองว่าใช้จอ 1080p แค่นั้น แต่เน้นเฟรมไหลๆ เลือกจอที่มากกว่า 144Hz มาเล่น คุณจะเล่นกันได้แบบลื่นๆ ภาพสวยอย่างแน่นอน

Temp 2

ทดสอบการระบายความร้อนบน MSI MEG Agis Ti5 รุ่นนี้กันบ้าง หลังจากโชว์ศักยภาพในการทำงานและการเล่นเกมไปแล้ว ในเบื้องต้นเราเปิดให้ระบบทำงานในโหมด idle ด้วยการเข้าสู่ระบบและเปิด Google Chrome เอาไว้เล็กน้อย อุณหภูมิอยู่ที่ราวๆ 35-41 องศาเซลเซียส และเมื่อทำการทดสอบแบบ Full load ด้วยการรัน CPU Burner ที่อยู่บนโปรแกรม Furmark ต่อเนื่อง จะเห็นว่า Task Manager แสดงให้เห็นถึง Process ของ CPU ทำงานไปที่ 100% และหลังจากรันไปอย่างน้อย 20 นาที อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ราวๆ 81 องศาเซลเซียสเท่านั้น และนิ่งๆ 65-70 องศาเซลเซียส ก็คงต้องบอกว่าเย็นสบายดีทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นที่การออกแบบช่องทางการระบายอากาศที่ดี แบบที่ทาง MSI แยกออกเป็น Chamber จึงไม่มีความร้อนสะสมมารบกวนกัน และชุดน้ำปิดที่ MSI ใส่มาให้ด้วยนี้ ก็ยิ่งลดความร้อนไปได้ไม่น้อยเลย


Upgrade

และไม่ต้องกังวลว่าซื้อคอมแบรนด์แล้วอัพเกรดยาก เพราะ MSI MEG Agis Ti5 รุ่นนี้ ยังสามารถแกะอัพเกรดได้ โดยสล็อตแรมก็ยังมีเหลือให้เพิ่ม รองรับการอัพเกรดได้ถึง DDR5 128GB รวมถึง SSD ในแบบ M.2 และ HDD SATA ได้อีกด้วย ตามจริงก็แทบจะไม่ต้องอัพเกรดแล้ว จากสเปคที่ให้มานี้ สามารถรองรับการเล่นเกมได้แบบยาวๆ

MSI MEG

การอัพเกรดค่อนข้างง่าย เพราะแค่ไขน็อต 2 ตัวด้านหลัง และเปิดฝาข้างขวา จากนั้นจะเห็นชุด Radiator ที่อยู่ด้านข้าง และ Chamber ด้านบนจะเห็นกราฟิกการ์ดติดตั้งไว้

MSI MEG

ด้านบนจะเป็นช่องใส่กราฟิกการ์ดเอาไว้ จะเห็นได้ว่าแม้การ์ดจะเป็นแบบ 3 พัดลมใหญ่ แต่ก็ถูกวางมาได้อย่างพอดิบพอดี ตรงจุดนี้รองรับการ์ดแบบ 3 สล็อตได้ และเดินสายเพาเวอร์ 6+8 pins เอาไว้เรียบร้อย พร้อมใช้งาน และเพาเวอร์ซัพพลายที่จัดมาให้ถึง 850W ในแบบ 80+ Gold ที่วางใจได้ว่า สามารถเพิ่มการ์ดตัวแรงๆ เข้ามาได้ในภายหลัง

MSI MEG

และถ้าต้องการอัพเกรดแรมหรือ SSD เพิ่มเติม สามารถไขน็อตอีก 2 ตัว ที่ยึด Radiator ไว้ จากนั้นดึงลงมา ก็จะสามารถติดตั้งแรมเพิ่มได้แล้ว

MSI MEG

จากมุมนี้เราจะได้เห็นสล็อตแรมที่ยังว่างอยู่อีก 2 สล็อต รองรับแรม DDR5 เพิ่มได้ และด้านในยังมี SSD M.2 NVMe PCIe 4.0 ที่ติดตั้งมาให้ 1TB และยังมีสล็อตเหลือติดตั้งเพิ่มเติมได้อีกในโอกาสต่อไป


Conclusion

หลังจากที่ได้ใช้งานมาราวๆ 5-10 วัน ก็เรียกว่า MSI MEG Agis Ti5 ยังมีลูกเล่นเด็ดๆ มาให้ได้ใช้งานกันอยู่เรื่อยๆ นอกเหนือจากเรื่องของสเปค ที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าจัดมาให้ได้แรงทีเดียว แม้ว่าอาจจะไม่ได้มาในแบบตัวท็อปๆ อย่าง Core i9 และ RTX3090 แต่ถ้าดูจากเฟรมเรตที่ได้ในการเล่นเกม จะเห็นได้ว่า แม้จะความละเอียดระดับ 2K 1440p และเล่นในโหมดที่เรียกว่าโหดๆ อย่าง Very High หรือ Epic ปรับสุดในหลายๆ เกม ก็ยังทำเฟรมเรตได้ระดับ 100fps. ได้ไม่ยาก และยังให้ภาพที่ลื่นไหล เพราะยังมีองค์ประกอบอย่างแรม DDR5 ที่ให้มาถึง 32GB ก็ช่วยให้งานยากๆ ดูง่ายขึ้น อีกทั้งตอบโจทย์ในแง่ของการสตรีม และแคสเกมได้แบบไม่ยาก

เรื่องความสวยงาม ก็เป็นเรื่องที่ MSI ออกแบบมาได้อย่างสะดุดตา มีทั้งความหวือหวาของโครงสร้าง เส้นสายลวดลาย ไปจนถึงเรื่องของแสงไฟ RGB ที่อาจไม่ได้ดูอลังการมากนัก แต่ก็ดูเข้ากับโครงสร้างตัวเคสได้ทีเดียว ไม่เยอะจนเกินไป จนทำให้เสียบุคลิก แต่ที่ทำให้น่าใช้มากขึ้น เพราะคุณสามารถใช้ซอฟต์แวร์อย่าง MSI Center ทำให้สไตล์ของเคสคุณดูล้ำมากขึ้น และปรับโทนสีได้เข้ากับธีมโต๊ะของคุณได้อีกด้วย

ไม่ใช่แค่เรื่องสวยและแรง ที่ทำให้คอม MSI รุ่นนี้มีความโดดเด่น แต่ยังรวมถึงลูกเล่น พอร์ตต่อพ่วงและซอฟต์แวร์ที่เมื่อรวมกันแล้ว ทำให้เป็นคอมที่น่าใช้ไม่น้อยเลย เพราะถ้ามองไปที่คอมประกอบเวลานี้ ราคาอาจจะต่างกันอยู่บ้าง แต่ในกรณีที่คุณเลือกฮาร์ดแวร์ให้ได้เทียบเท่า และมีฟังก์ชั่นเรื่องของแสงสีและชุดระบายความร้อน ก็อาจจะต้องจ่ายในราคาที่ไล่เลี่ยกัน แต่สำหรับ MSI MEG Agis Ti5 นี้ คุณได้มาแบบครบเครื่อง ไม่ต้องไปประกอบเอง หรือเลือกหาฮาร์ดแวร์ให้ยุ่งยาก ยังได้การรับประกันทุกชิ้นส่วน 3 ปี และมี Windows มาในตัว รวมถึงเคสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนใคร ประสิทธิภาพยังวางใจได้ใช้งานได้ครอบคลุม นอกเหนือจากการเล่นเกมอีกด้วย

MSI MEG Agis Ti5 cov

MSI MEG Aegis Ti5 Intel 12th RTX 3000 Series ราคาเริ่มต้นที่ 109,900 บาท พร้อมการรับประกันสินค้าทุกชิ้น 3 ปี และบริการ pick-up and return onsite service

เกมมิ่งพีซีรุ่น MSI MEG Agis Ti5 มีให้เลือกถึงด้วยกัน 5 รุ่น มีตัวเลือกตั้งแต่ซีพียู Intel Core i7-12700K กับ GeForce RTX3070 แรม 32GB เป็นตัวเริ่มต้น ไปจนถึงรุ่นที่ใช้ ซีพียู Intel Core i9-12900K กับ GeForce RTX3090 ที่เป็นตัวท็อป โดยที่เราทดสอบอยู่นี้ เป็นรุ่นที่ใช้ซีพียู Intel Core i7-12700K กับกราฟิก GeForce RTX3070Ti แรม DDR5 32GB และมี SSD มาให้ถึง 1TB รับประกัน 3 ปี ราคาอยู่ที่ 109,900 บาท


MSI MEG Aegis Ti5 Intel 12th RTX 3000 Series ราคาเริ่มต้นที่ 100,900 บาท –https://www.msi.com/Desktop/MEG-Aegis-Ti5-12th
พร้อมการรับประกันสินค้าทุกชิ้น 3 ปี และบริการ pick-up and return onsite service
ซื้อสินค้า MSI ได้ที่ https://msi.gm/nbsWTB
ติดตามโปรโมชั่นจาก MSI ได้ที่ https://msi.gm/Promotionth
รับ Steam Code มูลค่า 20USD ฟรี! เมื่อเขียนรีวิวประสบการณ์ใช้สินค้า MSI ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่ https://msi.gm/ShoutOutTH
Facebook: https://www.facebook.com/MSIGamingThailand
MSI Call Center: 02 409 2984 (8.30 – 17.30 น.)

from:https://notebookspec.com/web/658152-msi-meg-agis-ti5-pc

MSI Stealth 15M เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Core i7 + RTX 3060 ได้จอ 144Hz เย็นเร็ว Cooler Boost 5

MSI Stealth 15M โน๊คบุ๊คเกมมิ่ง บางเบา ราคาจับต้องได้ง่าย Intel Core i7+RTX3060 จอ 144Hz เบาแค่ 1.8Kg

MSI Stealth 15M

MSI Stealth 15M โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งในระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมฟีเจอร์ในการทำงานและความบันเทิงครบครัน สำหรับเกมเมอร์และคนทำงาน ที่ต้องการทั้งพลังขั้นสูงในการเล่นเกม และตอบรับกับงานในด้านต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ด้วยขุมพลัง Intel Core i7 Gen 12 รุ่นใหม่ จับคู่กับกราฟิกพลังสูง GeForce RTX 3060 Max-Q บนหน้าจอแสดงผล 15.6″ ที่อัตรารีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz และมีแรมระบบ DDR4 16GB เช่นเดียวกับ SSD M.2 NVMe PCIe ความเร็วสูง เพื่อให้สอดรับกับงานและความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ บนบอดี้ที่กระทัดรัด น้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น แม้จะบางเบา แต่ก็มีพอร์ตเอาไว้รองรับอุปกรณ์ต่อพ่วงอย่างครบครัน อาทิ USB Type-C หรือพอร์ตแสดงผล HDMI ก็ตาม และซอฟต์แวร์ MSI Center ที่ให้ผู้ใช้คอนโทรลสิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายในระบบได้อย่างคล่องตัว เพิ่มความเร้าใจกับแสงไฟบนคีย์บอร์ดที่มีสีสันสดใส พร้อมทั้งคีย์ลัดปรับโหมดการทำงาน และบอดี้ที่อะลูมิเนียม ที่มีความแข็งแกร่ง ภายใต้ดีไซน์ที่เข้ากันได้ในทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะในห้องประชุม ร้านกาแฟ หรือจะเป็นช่วงที่พักผ่อนสบายๆ นอกบ้าน และการนำไปเล่นเกม ก็ดูเร้าใจ ให้การรับประกัน เป็นโน๊ตบุ๊คในอุดมคติของใครหลายคน ที่เป็นแนว Work hard Play harder อย่างแท้จริง


จุดเด่น

Advertisementavw
  • มิติที่บางเพียง 1.7cm และเบาแค่ 1.8Kg. เท่านั้น
  • หน้าจอ IPS สีสันสดใส คมชัด รีเฟรชเรตสูง 144Hz
  • Storage ความเร็วสูง รองรับไฟล์งานและการเปิดข้อมูลที่ไว
  • มาพร้อมขุมพลัง Intel Core i7-1280P
  • การ์ดจอแยก GeForce RTX 3060 ตอบโจทย์การเล่นเกมได้
  • ให้เฟรมเรตในการเล่นเกมได้มากกว่า 100fps. ในบางเกม
  • ฟีเจอร์มีให้เยอะ ไม่ว่าจะเป็น MSI AI, ระบบเสียง Nahimic, MSI App Player เป็นต้น
  • คีย์บอร์ดมาพร้อมแสงไฟเป็นโซน ปรับระดับความสว่างได้
  • ใช้งานได้ในหลายๆ โอกาส ดูเรียบหรู
  • กางหน้าจอได้ถึง 180 องศา พร้อมฟีเจอร์ Flip and Share

ข้อสังเกต

  • มีเป็นพอร์ต USB-C มาให้เท่านั้น ไม่มี TB4
  • ปรับแสงไฟคีย์บอร์ดไม่ได้
  • น่าจะมี Media Reader Card และ RJ-45 มาให้

MSI Stealth 15M พรีเมียมเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค


Specification

MSI Stealth 15M
CPU Intel® Core™ i7-1280p Processor
OS Windows 11 Home (MSI recommends Windows 11 Pro for business.)
Windows 11 Pro
DISPLAY 15.6″ FHD (1920×1080), 144Hz, IPS-Level
GRAPHICS NVIDIA® GeForce RTX™ 3060 Laptop GPU 6GB GDDR6
Up to 1332MHz Boost Clock, 75W Maximum Graphics Power with Dynamic Boost.
*May vary by scenario
MEMORY DDR4-3200 16GB
2 Slots
Max 64GB
STORAGE CAPABILITY 1x M.2 SSD slot (NVMe PCIe Gen4)
WEBCAM HD type (30fps@720p)
KEYBOARD Spectrum Backlight Keyboard
COMMUNICATION 802.11 ax Wi-Fi 6 + Bluetooth v5.2
AUDIO 2x 2W Speaker
AUDIO JACK 1x Mic-in/Headphone-out Combo Jack
I/O PORTS 1x (4K @ 60Hz) HDMI
1x Type-C USB3.2 Gen2
2x Type-A USB3.2 Gen1
1x Type-C (USB3.2 Gen2 / DP)
BATTERY 3-Cell 53.8 Battery (Whr)
AC ADAPTER 180W adapter
DIMENSION (WXDXH) 358 x 248 x 17 mm
WEIGHT (W/ BATTERY) 1.8 kg
COLOR Core Black

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI Stealth 15M


Hardware / Design

MSI Stealth 15M

บอดี้มาในสี Core Black วัสดุอะลูมิเนียม เกือบทั้งบอดี้ ให้ความสวยงาม แม้ว่าจะมาในไซส์ 15.6” แต่ก็ดูกระชับ ไม่ใหญ่เทอะทะ ความละเอียดหน้าจอ Full-HD 1080p อัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz เพื่อคอเกมโดยเฉพาะ และยังเป็นพาแนล IPS ในแบบ Anti-Glare เพื่อลดแสงสะท้อนจากบริเวณรอบข้าง

MSI Stealth 15M

แม้ว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ จะมาในสไตล์ที่เรียบง่าย ภายใต้โทนสี Core Black ออกแนวเทาเข้มๆ แต่ทาง MSI ก็ยังใส่ลูกเล่นมาที่ Cover ให้ได้สะดุดตากับโลโก้ MSI พร้อมสัญลักษณ์มังกร ที่เป็นแบบกราฟิก เปลี่ยนสีไปตามมุมมองและแสงสะท้อน ดูเป็นเอกลักษณ์ดีทีเดียว

MSI Stealth 15M

ขอบจอด้านล่าง เชื่อมต่อกับบานพับและฐาน เพิ่มความหนาขึ้นเล็กน้อย เพื่อความแข็งแรง เมื่อเปิดหรือปิด บานพับแบบ 2 จุด ค่อนไปทางซ้ายและขวาสุด เพื่อเพิ่มความแข็งแรง

MSI Stealth 15M

ด้านหน้า เมื่อปิดฝาพับค่อนข้างแนบสนิท จุดเด่น บอดี้แนบชิดกับ Cover แข็งแรงกว่า แต่เวลาจะเปิด ต้องจับส่วนที่เว้าเข้าไปด้านหน้า เพื่อให้มีจุดที่นิ้วเปิดออกได้ง่ายกว่า

MSI Stealth 15M

ช่องระบายความร้อนของโน๊ตบุ๊ค ซึ่งมีให้ถึง 4่ ช่องทางด้วยกัน ทั้งด้านซ้าย-ขวา และด้านหลัง ที่เป็นช่องขนาดใหญ่

MSI Stealth 15M

คีย์บอร์ดออกแบบมาสวยงาม ตัวปุ่มขนาดใหญ่ มีฟอนต์ที่ทำออกมาอ่านง่ายอีกด้วย และยังมีลูกเล่น ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟ และฟังก์ชั่นมาให้อีกเพียบ

MSI Stealth 15M

ทัชแพดขนาดกลางๆ เหมาะกับสไตล์ของเกมเมอร์ ไม่เปลืองพื้นที่การวางมืออีกด้วย รองรับ Multi-Gesture พร้อมทั้งซ่อนปุ่มกดซ้าย-ขวาไว้ภายใน

MSI Stealth 15M

กล้องเว็บแคมยังเป็นแบบ HD 720p แต่มีไมโครโฟน ในการตัดเสียงรบกวนมาให้ด้วย ซึ่งเสียงที่ได้ ฟังได้จากการทดสอบนี้เลยครับ ทดสอบการใช้กล้อง และเสียงจากไมโครโฟนไปพร้อมๆ กัน เสียงสนทนาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และลดเสียงรอบข้างได้พอสมควร

MSI Stealth 15M

ภายในยังรองรับการอัพเกรดได้ แค่เปิดฝาหลัง ซึ่งมีน็อตสกรูเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ส่วนการอัพเกรดอาจไม่ง่ายนัก เพราะมีส่วนที่ปิดเพื่อป้องกันอุปกรณ์สีดำคลุมเกือบหมดทั้งแผงเลยทีเดียว

MSI Stealth 15M

น้ำหนักโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น แบ่งเป็นน้ำหนักตัวเครื่อง MSI Stealth 15M ที่ 1.8 กิโลกรัม ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับกับที่เคลมไว้ในสเปค และอแดปเตอร์ 180W ขนาดไม่ใหญ่นัก หนักประมาณ 500 กรัม


Keyboard / Touchpad

MSI Stealth 15M

เรียกว่าเป็นจุดเด่นของค่ายนี้ก็ว่าได้ สำหรับเรื่องของคีย์บอร์ด ซึ่งในหลายๆ ครั้ง เราจะเห็นว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในซีรีส์ท็อปๆ ของค่าย จะใส่คีย์บอร์ดที่เป็นเกมมิ่งมาให้ เช่น SteelSeries มาด้วย รวมถึงสีสันที่สดใสของคีย์ ทำให้ดูเพิ่มความเร้าใจในการเล่นเกม และโดยส่วนตัว เรื่องสัมผัสและการตอบสนองก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยบน MSI Stealth 15M รุ่นนี้ จะเป็นแบบ Spectrum Backlight ซึ่งมีแสงสีที่คล้ายกับคีย์บอร์ด RGB ที่แบ่งโซนสีออกเป็น 3 โซนสีด้วยกัน เพียงแต่ว่าปรับแต่งเอฟเฟกต์ไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะไม่ได้เป็นแบบ per key เหมือนกับในรุ่นพี่ๆ

คีย์บอร์ดมาในไซส์มาตรฐาน แต่พิเศษคือ ระยะการกดไม่หนักมาก ตอบสนองไวระยะ Travel key 1.7mm มีความทนทานกดได้ 20 ล้านครั้ง เหมาะทั้งเล่นเกม และพิมพ์สัมผัส แป้นพิม์ค่อนข้างใหญ่ ฟอนต์ทำออกมาดูง่ายดี เพียงแต่ฟอนต์อังกฤษดูจะหนากว่า ฟอนต์ไทย ทำให้มองไม่ถนัดอยู่บ้าง แต่ก็ได้ทดแทนด้วยแสงไฟ บนคีย์ที่ปรับความสว่างได้

MSI Stealth 15M

จากภาพด้านบนนี้ ทำให้เห็นเรื่องของแสงสี ความสว่าง เมื่อปิดแสงไฟ Backlight บนคีย์บอร์ด และภาพของสีสันเมื่อเปิดความสว่างสุด โดยเลือกปรับความสว่างของแสงได้ถึง 4 ระดับ และปิดแสงไฟคีย์บอร์ด เมื่อต้องการประหยัดพลังงาน หรือมีแสงโดยรอบมากพออยู่แล้ว

MSI Stealth 15M

แต่จุดหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือ แป้นของปุ่มคีย์มีขนาดใหญ่ และมีพื้นผิวสัมผัสที่นุ่มนวล รองรับกับพิมพ์แบบสัมผัสได้ดี ให้ระยะการกดไม่ลึก เพื่อให้ตอบสนองทั้งการทำงาน และการเล่นเกม หลายคนน่าจะชอบในส่วนนี้ ออกแบบให้รองรับการกดได้มากกว่า ทนทานกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปบนโน๊ตบุ๊คปกติ

MSI Stealth 15M

แต่ส่วนที่รู้สึกขาดๆ ไปบ้าง นั่นคือ ตัวภาษาไทยบนปุ่ม ค่อนข้างดรอปไปบ้าง เวลาที่ใช้งานแบบที่ไม่ได้เปิดแสงบนคีย์บอร์ด แต่ก็สว่างชัดเจนขึ้น เมื่อเปิดไฟคีย์บอร์ด ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากตัวฟอนต์ไทย ที่ไม่ได้ทำออกมาให้มีความหนา แต่ก็ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญอะไร สำหรับคนเล่นเกมหรือพิมพ์สัมผัสนั่นเอง

ปุ่ม Function ด้านบน ประกอบด้วย เพิ่ม-ลดเสียง, ปิดทัชแพด, เปิด-ปิดไมโครโฟน, กล้องเว็บแคม, F7 ใช้ในการปรับโพรไฟล์, F8 ปรับระดับความสว่างคีย์บอร์ด ส่วน F9-F10 ปรับความสว่างหน้าจอ และ F11 ส่งสัญญาณเชื่อมต่อจอภายนอก ส่วน F12 ใช้โหมด Flip and Share แต่ที่พิเศษคือ MSI ใส่ปุ่มที่คล้ายกับบน Number Pad มาให้ ในแถบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Print Screen และเพาเวอร์สวิทช์ในการเปิดเครื่อง อยู่ทางมุมบนขวาสุดของคีย์บอร์ด

MSI Stealth 15M

และจุดที่ชอบมากที่สุดเป็นการส่วนตัวก็คือ การแทรกปุ่ม Del, Insert, Page Up/ Down มาให้ และไฮไลต์อยู่ที่ปุ่มลูกศร มาแบบเต็มปุ่ม ไม่แบ่งครึ่งๆ ที่กดแม่น กดง่าย ไม่ต้องกังวลว่าจะกดผิด เหมือนกับคีย์บอร์ดครึ่งปุ่มที่ใครเคยเจอ ในส่วนนี้เอามาเล่นเกมได้อย่างสบายใจ

มาที่ทัชแพดกันบ้าง ด้วยไซส์ประมาณ 10.5cm (L) x 6.5cm (W) อาจจะดูไม่ได้กว้างขวางสักเท่าไร แต่ถ้าคิดกันในแง่ของการใช้งานและสัดส่วนพื้นที่การวางมือแล้ว ดูจะลงตัวมากที่สุดสำหรับเกมเมอร์ ที่แทบจะไม่ได้มีผลต่อการเล่นเกมมากนัก เนื่องจากใช้เกมมิ่งเกียร์มากกว่า และยังคงใช้ Multi-Gesture ได้ตามปกติอีกด้วย แต่ก็จะดีมากเลยหากเติมจุดสแกนนิ้วเข้ามาให้บนทัชแพดนี้ด้วย

เรื่องของน้ำหนักกับระยะในการกด ถือว่ามีความนุ่มนวลในระดับหนึ่ง แต่เรื่องของอารมณ์ในการเล่น ยังคงต่างกับในรุ่นอย่าง Stealth หรือ Vector ที่เป็นคีย์บอร์ดแมคคานิคอล และยังเป็น RGB per key ที่ปรับแต่งแสงสีออกเป็นโซนได้อีกด้วย


Screen / Speaker

MSI Stealth 15M

หน้าจอแสดงผลของ MSI Stealth 15M รุ่นนี้ มีพื้นที่แสดงผลขนาด 15.6″ ที่ให้อัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz ที่จะเป็นเทรนด์ใหม่ของโน๊ตบุ๊คในปัจจุบัน เพื่อให้ภาพที่ได้บนฮาร์ดแวร์เช่นกราฟิกใหม่ๆ ทำได้ไหลลื่นมากขึ้น และดูนุ่มนวลกว่าภาพที่ได้จากจอระดับ 60Hz ที่ใช้อยู่บนโน๊ตบุ๊คก่อนหน้านี้อยู่พอสมควร และด้วยการใช้พาแนล IPS ที่ MSI มักจะนำมาใช้บนโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น ก็ทำให้มุมมองภาพกว้างมากขึ้น การนั่งมองในองศาต่างๆ ก็ทำได้แทบจะไม่ผิดเพี้ยน รวมถึงสีสันก็ยังสวยงาม เหมาะทั้งในแง่ของการทำงาน เช่น เอกสาร พรีเซนเทชั่น หรือจะใช้ในงานตกแต่งภาพ ไปจนถึงการเล่นเกม อีกทั้งบานพับของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ก็ทำออกมาได้แข็งแรงทีเดียว แนบสนิทกับบอดี้ และยังกางหน้าจอออกได้ถึง 180 องศา มาพร้อมฟีเจอร์ Flip and Share ที่แบ่งปันหน้าจอให้คนที่อยู่ตรงข้ามได้เห็นชัดเจน

บานพับของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ แยกเป็น 2 ส่วน ซ้าย-ขวา ต่างจากในรุ่น Modern หรือ Prestige ที่เราเคยรีวิวให้ได้ชมกันไปก่อนหน้านี้ แต่ข้อดีก็ทำให้ตัวเครื่องดูโปร่งสบาย ไม่เทอะทะจนเกินไป แต่ก็ยังให้ความแข็งแรงได้ดี

MSI Stealth 15M

จุดเด่นของหน้าจอ สามารถกางได้ 180 องศา คือ กางออกไปจนสุด แทบจะแนบกับพื้นโต๊ะทั้งตัว ซึ่งดูแล้วจะทำได้มากกว่า Prestige 14 ที่เราเคยทดสอบอยู่เล็กน้อย เพราะไม่ติดตรงฐานใต้จอภาพ

MSI Stealth 15M

แต่ที่น่าสนใจคือ มีฟีเจอร์อย่าง Flip and Share มาให้ เป็นฟีเจอร์พิเศษ ที่ทาง MSI ใส่มาให้สำหรับโน๊ตบุ๊คในหลายๆ กลุ่มของตน จุดเด่นอยู่ที่ให้คนที่นั่งตรงข้ามสามารถดูข้อมูลบนหน้าจอ เสริมจากการกางหน้าจอแบบ 180 องศา เหมาะทั้งการใช้ในการนำเสนองาน พรีเซนเทชั่น เล่นเกมหรือจะใช้ในโอกาสต่างๆ ได้มากมาย และสลับหน้าจอไปมาได้ด้วยการกดปุ่ม F12 เท่านั้น

MSI Stealth 15M

กล้องเว็บแคมติดตั้งมาบนแถบด้านบนของจอ ซึ่งน่าแปลกที่ว่า ด้วยพื้นที่จำกัดบนขอบจอที่บางแบบนี้ ก็ยังจัดวางกล้องมาได้อีกด้วย โดยเป็นกล้องระดับ HD 720p เพียงพอต่อการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การประชุมออนไลน์ การเรียนการสอน รวมถึงการสนทนากับเพื่อนๆ ได้เห็นรายละเอียดและหน้าตาได้อย่างชัดเจนพอสมควร

ขอบจอที่เรียกว่าบางเป็นพิเศษ ในแบบ Thin Bezel จากที่เราวัดนี้ จะอยู่ที่ราวๆ 0.7cm เท่านั้น รวมถึงด้านบนที่หนาขึ้นอีกเล็กน้อย

MSI Stealth 15M

รายละเอียดของจอแสดงผลที่ระบุไว้ใน Display Properties บนระบบปฏิบัติการระบุเป็น Resolution 1920 x 1080 @144Hz

MSI Stealth 15M

ในการทดสอบขอบเขตสี ด้วยชุดทดสอบมาตรฐาน Calibrite Color Checker ให้ผลออกมาเรียกว่า แทบไม่ต่างจาก MSI Stealth 15M ก่อนหน้านี้มากนัก ขอบเขตสีที่ได้เมื่อเทียบกับมาตรฐานต่างๆ ออกมาดังนี้คือ sRGB อยู่ที่ 57.7% และ Adobe RGB 39.8% ส่วน DCI-P3 อยู่ที่ 40.9% ซึ่งหากดูจากตัวเลขที่ได้ ในแง่ประสิทธิภาพในการแสดงผลของสีและความแม่นยำ อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งในระดับเดียวกัน ซึ่งให้ค่าที่เหมาะกับการทำงานโดยทั่วไป งานพรีเซนเทชั่น และความบันเทิงเป็นหลัก ไม่ได้เน้นความแม่นยำของสีเช่นงานสตูดิโอ ส่วนความสว่างของหน้าจออยู่ที่ราว 270-380cd/m2 ก็เรียกว่าเป็นเกณฑ์ความสว่างที่เหมาะสม และตอบสนองกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการได้ดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีหากต้องการใช้งานจอที่เน้นความแม่นยำของสีที่ดีมากขึ้น ให้มองหาจอเฉพาะทางมาต่อเพื่อใช้งานเพิ่มน่าจะเหมาะสม

MSI Stealth 15M

ส่วนระบบเสียง Nahimic ก็สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กัน ใครที่อึดอัดหรือเบื่อกับการใส่หูฟังเป็นเวลานาน ลำโพงชุดนี้ที่ติดตั้งมาบน MSI Stealth 15M ก็บันเทิงใจในการดูหนัง ฟังเพลงได้ดีทีเดียว แม้เสียงแหลมจะยังไม่ได้เด่นมาก เพราะเป็นลำโพงคู่ จุดติดตั้งอยู่ด้านใต้เครื่อง แต่เสียงกลางที่เน้นหนัก ทำให้หนังแอ็คชั่นสนุกๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงซูเปอร์คาร์ ที่วิ่งเข้ามาใกล้ เสียงจากออโตบอท ที่สนทนาระหว่างกัน หรือจะเป็นเสียงเครื่องบินรบ ที่บินเหนือเสียงด้วยโซนิคบูมก็ตาม แต่พื้นฐานของเสียง ก็อาจจะต้องนวดหรือวอร์มกันพอสมควร เพื่อให้ดัน Volume สูงๆ ได้แบบไม่แตกพล่า

ส่วนเสียงในเกม ส่วนตัวชอบในแง่ของการเก็บรายละเอียด กับทิศทางเสียงได้พอสมควร เรียกว่าเสียงมาซ้าย-ขวาได้พอรู้ ยิ่งเกมหลอนๆ อย่าง RE: Village เรียกว่า บางทีต้องหันไปแบบไม่ทันรู้ตัว หรือจะเป็นเกม PUBG กับ Overwatch จะได้ยินเสียงฝีเท้ามาแต่ไกล แต่เกมนี้ส่วนใหญ่จะมีเสียงปืนที่ลั่นมาก่อน จากการโจม บางทีก็ทำเอางงอยู่เหมือนกัน แต่โดยรวมถึอว่าน่าประทับใจ อีกทั้งคุณสามารถคอนโทรลเรื่องเสียงผ่านทางซอฟต์แวร์ Nahimic ที่ติดตั้งมาด้วยได้ เพื่อให้ใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้นนั่นเอง


Connector / Thin And Weight

MSI Stealth 15M

มาดูกันที่มิติของโน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 15M รุ่นนี้กันอีกที เราลองวัดความบางของโน๊ตบุ๊คในมุมที่บางสุดที่อยู่ด้านหน้าเครื่องอยู่ที่ประมาณ 1.6cm เท่านั้น และส่วนที่หนาสุด บริเวณด้านหลังที่เป็นบานพับอยู่ที่ราว 1.8cm ซึ่งถือว่าบางกว่าบนโน๊ตบุ๊คในกลุ่มเกมมิ่งอยู่พอสมควร

MSI Stealth 15M

พอร์ตต่อพ่วงมีมาให้ทั้งด้านซ้ายและขวาของโน๊ตบุ๊ค ซึ่งทางด้านซ้ายมือ ประกอบด้วย ช่องต่อไฟจากอแดปเตอร์ USB 3.2 Type-A และ Combo Audio jack

ส่วนทางด้านขวาจะพิเศษขึ้นมาหน่อย นั่นคือ พอร์ต USB 3.2 Type-C ที่มีให้ 2 พอร์ต โดยมีหนึ่งพอร์ตที่รองรับการแสดงผลบนจอมอนิเตอร์ในแบบ DisplayPort และ USB 3.2 Type-A รวมถึงพอร์ตแสดงผล HDMI แบบตัวเต็ม

พอร์ตแสดงผลของ MSI Stealth 15M มาพร้อมการเชื่อมต่อแทบไม่ต่างจากในรุ่นก่อนหน้านี้ ที่เราได้เคยนำเสนอไป ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-C ที่มีให้ 2 ช่อง และเป็น Type-A อีก 2 ช่อง และพอร์ตการแสดงผล HDMI และทำให้ผู้ใช้สามารถส่งสัญญาณแสดงผลไปยังจอภายนอกได้มากถึง 2 มอนิเตอร์ด้วยกัน ด้วยการใช้ USB-C และ HDMI ทำงานร่วมกันนั่นเอง อย่างไรก็ดีพอร์ต USB-C ที่เป็น DP หรือแสดงผลได้นั้นมีเพียงช่องเดียว ส่วนที่เหลือใช้สำหรับการโอนถ่ายข้อมูลนั่นเอง จะติดอยู่เล็กน้อยก็คือ การไม่ได้ใส่พอร์ต Thunderbolt 4 ที่น่าจะเป็นสิ่งสำคัญด้วยมาให้ จึงดูเหมือนขาดๆ หายๆ ไปบ้าง แต่ถ้าผู้ใช้ยังไม่ได้มีการใช้งานพอร์ต TB นี้อย่างจริงจัง ก็คงไม่ได้มีผลมากนัก ต่อการตัดสินใจ แต่ก็เรียนตามตรงว่า น่าจะมีมาให้อย่างน้อยสักพอร์ต สำหรับกลุ่มที่ต้องการทั้งเรื่องความเร็วและความยืดหยุ่นในการใช้งาน

MSI Stealth 15M

ชั่งน้ำหนักเฉพาะตัวเครื่องโน๊ตบุ๊คเพียงอย่างเดียว อยู่ที่ราวๆ 1.85Kg. ซึ่งก็อยู่ในระดับที่ทาง MSI เคลมเอาไว้

MSI Stealth 15M

ส่วนของอแดปเตอร์นั้นอยู่ที่ประมาณ 0.57Kg. ซึ่งเมื่อรวมทั้งโน๊ตบุ๊คและอแดปเตอร์แล้ว ก็อยู่ที่ราวๆ 2.4Kg. โดยประมาณ


Inside / Upgrade

MSI Stealth 15M

MSI Stealth 15M เปลี่ยนโฉมด้านใต้ของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ต่างจากในรุ่นก่อน จากเดิมที่เป็นแบบ EQ ที่เป็นช่องเล็กๆ สลับแนวไปมา กลายมาเป็นช่องในรูปทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ถึง 5 ช่องด้วยกัน เมื่อดูจากขนาดถือเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของพื้นที่ด้านใต้ทั้งหมด เพื่อเป็นการจัดสรรทิศทางลม ให้เข้าสู่ระบบระบายความร้อนได้มากขึ้น

และสังเกตได้ว่าด้านใต้จะมีตัวยกที่เป็นเหมือนชิ้นยางมาให้ 4 จุดด้วยกัน โดยกระจายไปอยู่ทั้ง 4 มุม ส่วนนี้จะช่วยเสริมให้มีพื้นที่สำหรับลมด้านใต้ตัวมาไหลเวียนได้ง่ายขึ้นนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดี ส่วนตัวแนะนำให้จัดวางบนโต๊ะในมุมที่เหมาะสม ไม่ควรมีสิ่งใดมาปิดกั้นช่องที่เป็นทางลมเหล่านี้

MSI Stealth 15M

เวลาที่เราเปิดดูภายในระบบ จะเห็นว่ามีแผ่นสีดำ ปิดอยู่ด้านใต้ เพื่อเป็นตัวปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อแรม และชิ้นส่วนอื่นๆ โดยแผ่นนี้ปิดคลุมทุกอุปกรณ์ด้วยแถบกาวที่เหนียวมาก การอัพเกรดยังคงทำได้ แต่อาจจะมีความซับซ้อนอยู่พอสมควร รวมถึงแผ่นสีดำนี้ อาจจะไม่ติดกลับได้ตามปกติ รวมถึงเมื่อแกะพลาสติกชิ้นนี้ ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงการอัพเกรดได้ง่าย แนะนำว่ายกไปให้ทางร้านจำหน่าย อัพเกรดให้จะดีที่สุด โดยแรมพื้นฐานติดตั้งมาให้ 16GB และในสเปคเคลมว่าอัพเกรดได้ถึง 64GB เลยทีเดียว และ Storage ก็อัพเกรดได้เช่นกัน แต่จะเป็นการถอดเปลี่ยนจากของเดิม 1TB ถ้าไม่พอ ก็เปลี่ยนเป็น 2TB หรืออยากจะให้เร็วกว่านี้ PCIe 4.0 ไปเลยก็ได้ ราคาตอนนี้เริ่มต้นที่ประมาณ 3 พันกว่าบาท สำหรับความ 1TB ครับ

MSI Stealth 15M

พัดลมระบายความร้อนที่ติดตั้งมาด้วย 2 ตัว ทั้งด้านซ้ายและขวา และครีบระบายความร้อนที่อยู่ด้านข้างทั้ง 2 จุด เป็นช่องในการนำลมร้อนออกไป ซึ่งเมื่อทำงานในโหมด Performance และเล่นเกมอยู่ จะมีเสียงดังในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับรบกวน เพราะระบบ AI ช่วยจัดการระดับความร้อนได้ดีทีเดียว

MSI Stealth 15M

แต่จุดหนึ่งที่ทำให้คุณอัพเกรดได้ง่ายก็คือ สล็อต M.2 สำหรับ SSD ในแบบ NVMe PCIe ซึ่งเป็น PCIe 4.0 อีกด้วย อย่างไรก็ดีทาง MSI จัดความจุระดับ 1TB มาให้แล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่า จะเลือกอัพเกรดแบบความเร็วเพิ่มขึ้น หรือจะเน้นที่ความจุ หรือจะเลือกทั้ง 2 รูปแบบ หากคุณชอบที่จะไปให้สุด ซึ่งในปัจจุบัน SSD PCIe 4.0 ความจุ 2TB ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 11,000 บาทเท่านั้น โดยมีความเร็วในการอ่านข้อมูลที่ 5,000MB/s

โมดูล WiFi 6 ที่ติดตั้งมาด้วยบนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ลดปัญหาคอขวดในการเชื่อมต่อ พร้อมฟีเจอร์ในด้านการสตรีมวีดีโอ และรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ในตัวผ่านช่องทาง PCIe


Performance / Software

MSI Stealth 15M

CPUz แจ้งรายละเอียดของซีพียูไว้เป็น Intel Core i7-1280P มีแกนหลักแบบ 6P + 8E ทั้งหมด 20 Thread ความเร็วสูงสุด 4.50GHz รองรับ PCIe 4.0

MSI Stealth 15M

ติดตั้งแรม DDR4 3200 มาให้ 16GB แจ้งในรายละเอียดเป็นโมดูล Samsung 8GB x2

MSI Stealth 15M

ส่วนกราฟิกมีด้วยกัน 2 ส่วนคือ Intel Iris Xe Graphic ที่มีมาบนซีพียู Intel Core i7 และกราฟิกแยก nVIDIA GeForce RTX 3060 ในการทดสอบเบื้องต้น เมื่อเทียบกับซีพียูเดสก์ทอปที่เป็นอดีตเรือธงอย่าง Intel Core i7-8700K ดูเหมือนว่าซีพียู Alder Lake บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ จะแซงหน้าไปทั้งการทำงาน Single และ Multi-Thread

MSI Stealth 15M

กราฟิกการ์ดแยกที่ติดตั้งมาให้เป็นรุ่น GeForce RTX 3060 มาพร้อม VRAM GDDR6 6GB อินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อ PCIe 4.0 x16 และ Bus Width 192-bit เรียกว่าเป็น RTX สำหรับคนที่ขยับมาจาก GTX ได้อย่างคุ้มค่า

MSI Stealth 15M

การทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark10 ซึ่งทำให้มองเห็นประสิทธิภาพของระบบโดยรวม ซึ่งตัวเลขที่ได้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอสมควร และยังได้คะแนนที่มากกว่า Stealth 15M ที่เป็นซีพียู Intel Gen Core i7 Gen 11 H-series รุ่นก่อนหน้านี้อีกด้วย ในการทำงานของทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น Essential, Productivity หรือจะเป็น Digital Content Creation ก็ตาม เรียกว่าสามารถจัดการกับงานและความบันเทิงในชีวิตประจำวันได้ นอกเหนือจากการเล่นเกม

MSI Stealth 15M

ตัวเลขในการทดสอบของ Storage ที่ติดตั้งมาใน MSI Stealth 15M รุ่นนี้ ให้ความเร็วได้ถึง 3,620MB/s ในการอ่านและการเขียนก็อยู่ที่ 3,500MB/s โดยประมาณเช่นกัน เป็นตัวเลขที่ทำออกมาได้ดี ซึ่งรองรับกับไฟล์ขนาดใหญ่ รวมถึงการเปิดไฟล์ข้อมูลได้รวดเร็วอีกด้วย อีกทั้งให้ความจุมามากถึง 1TB ทำให้เราสามารถติดตั้งเกม ลงโปรแกรมได้อย่างสนุก ไม่ต้องคอยมาลบกันบ่อยๆ ที่สำคัญยังพอมีที่ว่างในการจัดเก็บข้อมูลสำคัญ ที่ต้องใช้อยู่ประจำได้ ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร รูปภาพ วีดีโอหรือจะเป็นข้อมูลที่จำเป็นจะต้องอัพเดตแบบเรียลไทม์ก็ตาม

MSI Stealth 15M

ในการทดสอบด้านเกม 3D กับโปรแกรมอย่าง 3DMark ในส่วนต่างๆ ออกมาได้ดังนี้ โดยเป็นการทดสอบบนพื้นฐานความละเอียด Full-HD 1080p และตัวเลขที่ออกมา ก็ถือว่าทำได้ดี สำหรับกราฟิก GeForce RTX 3060 ที่มีมาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้

MSI Stealth 15M

ในด้านของงานกราฟิกที่มีโปรแกรมทดสอบ CINEBench อันเป็นตัวแทนของการเรนเดอร์งานกราฟิกสามมิติบนพื้นฐาน CINEMA 4D ก็ชี้ให้เห็นว่า ไม่ได้เป็นรองคู่แข่งที่เป็นซีพียูในระดับไฮเอนด์รุ่นต่างๆ ในแง่ของการเรนเดอร์ด้วยซีพียูในด้าน Single-Thread และ Multi-Thread

MSI Stealth 15M

กับการทดสอบความลื่นไหล เพื่อหาเฟรมเรตในการเล่นเกมบน MSI Stealth 15M นี้ โดยมีซีพียู Intel Core i7-1280P และกราฟิก GeForce RTX 3060 GDDR6 6GB ผลที่ได้จากการทดสอบด้วย เกมต่างๆ อาทิ PUBG, Overwatch, RD2, RE: Village และ GTAV เป็นต้น ด้วยการปรับ Detail ไปที่ High เป็นหลัก บนความละเอียด Full-HD 1080p ซึ่งส่วนใหญ่เรียกการใช้ทรัพยากรของ VRAM ไปเท่ากับหรือมากกว่าที่มีอยู่บนกราฟิกการ์ด อย่างไรก็ดีเราสามารถปรับรายละเอียด และความสวยงามเพิ่มเติมเข้าไปได้ในบางเกม

MSI Stealth 15M

โดยที่เกมที่บริโภคทรัพยากรหนักๆ อย่าง Resident Evil: Village และ GTAV รวมถึง Red Dead Redemption 2 ต่างก็ตอบสนองได้ดี และคุณยังเล่นบนภาพที่ดูสวยงาม มีแสงเงาสดใส บนเฟรมเรตเฉลี่ยที่มากกว่า 80fps. เพียงแต่ RD2 นั้นอาจจะหล่นลงมาถึง 54fps. ในฉากที่มีความซับซ้อน แต่ถ้าคุณชอบเกมที่ไม่ใช่แนวโหดหินมากเกินไป เช่น DOTA2 หรือ Overwatch ก็สามารถเล่นด้วยเฟรมเรตลื่นๆ ที่มากกว่า 100fps. ได้ไม่ยาก และแทบไม่มีอาการหน่วงหรือกระตุกให้ได้เห็น

MSI Stealth 15M

โอกาสในการเด็ดชีพศัตรูมีไม่มาก แต่หากภาพมีอาการกระตุก หรือได้ยินเสียงรอบข้างไม่ชัด ก็อาจจะถูกจัดการเสียเอง งานนี้ได้ฟีเจอร์ Crosshair บนโน๊ตบุ๊คมาช่วยเพิ่มวิถีการเล็งมาให้แทนเป้าเล็งเล็กๆ ก็ถือว่าทำงานได้ดีทีเดียว

MSI Center 8

ถ้าใครเป็นแฟนบอยตัวยงกับการเล่นเกมบนมือถือ น่าจะชื่นชอบกับฟีเจอร์นี้ของ MSI เพราะช่วยให้คุณเล่นเกมมือถือ บนโน๊ตบุ๊คได้ แถมยังเปลี่ยนการคอนโทรลจากการแตะบนหน้าจอ มาเป็นการเล่นบนจอยสติ๊ก กับหน้าจอขนาดใหญ่ของโน๊ตบุ๊ค โดยทาง MSI ร่วมกับทีม BlueStack พัฒนาขึ้นมา เพื่อความสะใจของเกมเมอร์โดยเฉพาะ แค่คุณซิงก์ Google Account เพื่อติดตั้งแอพพลิเคชั่นผ่านทาง MSI App Player นี้ หรือจะติดตั้งเกมที่เป็น APK ก็ได้ แค่ลากไฟล์มาใส่ไว้ในแอพฯ ก็พร้อมเล่นได้เลย


Battery / Heat / Noise

MSI Stealth 15M

จุดลมร้อนด้านหลังมาในสไตล์ที่ดูเรียบง่าย แต่มีขนาดใหญ่ ส่วนช่องลมร้อน ส่งออกทางด้านซ้าย-ขวา ทำออกมาเรียบง่ายมาก จนบางครั้งอาจเข้าใจผิดได้ว่าเป็นพอร์ต USB ตรงนี้ต้องระวังไว้สักนิด จิ้มผิดอาจโดนฟินของฮีตซิงก์ได้เช่นกัน

MSI Stealth 15M

ช่องทางการระบายความร้อน 4 จุด ตามสไตล์ของ MSI สายเกมมิ่ง โดยดูดลมเย็นจากด้านใต้เครื่อง ซึ่งมีช่องขนาดใหญ่ ระบายลมร้อนออกด้านข้างซ้าย-ขวา และด้านหลัง

MSI Stealth 15M

โดยการระบายความร้อน มีเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาให้ เพราะใส่มาแบบจัดเต็มทั้งในแง่ฮาร์ดแวร์ พัดขนาดใหญ่ 2 ตัว และใบพัดขนาดเล็กพิเศษ และฮีตไปป์ 4 เส้นด้วยกัน แยกส่วนการทำงานระหว่างซีพียูกับกราฟิกชิปอย่างชัดเจน ช่วยให้จัดการความร้อนได้ง่ายขึ้น

MSI Stealth 15M

เทคโนโลยี Cooler Boost 5 เป็นระบบระบายความร้อน มาพร้อมพัดลมภายในขนาดใหญ่และยังเป็นแบบบางพิเศษ ด้วยพัดลมที่มีใบบางเฉียบประมาณ 0.2mm เท่านั้น มาให้ถึง 2 ตัวด้วยกัน และฮีตไปป์จำนวน 4 เส้น ที่ช่วยในการดึงความร้อนจากซีพียูและกราฟิกชิปได้เร็วมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ผู้ใช้สามารถปรับเลือกโหมดในการใช้งานได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น การลดเสียงรบกวน หรือจะเน้นประสิทธิภาพ ด้วยการกดปุ่ม F7 บนคีย์บอร์ด ซึ่งทำได้ง่ายมากๆ

MSI Stealth 15M

ประสิทธิภาพในการระบายความร้อน ด้วยการทดสอบรันซีพียูแบบ Full-load 100% บนโปรแกรม Furmark ในโหมด CPU Burner ในอุณหภูมิห้องประมาณ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งผลทดสอบอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 97 องศาเซลเซียส และลดลงมาอยู่ในช่วง 88-93 องศาเซลเซียส ในการทำงานซีพียู 100% บนโหมด Performance ส่วนในโหมด idle ที่สแตนบายบนหน้าจอ Desktop ปกติ อยู่ที่ราวๆ 37-42 องศาเซลเซียส เท่านั้น ถือว่า MSI ยังคงออกแบบการระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

MSI Stealth 15M

ส่วนการเล่นเกม จากเกม Red Dead Redemption 2 ที่เมื่อดูจากโปรแกรม MSI Afterburner นั้น เรียกใช้พลังซีพียู อยู่ที่ราวๆ 40-50% และทำให้ความร้อนไปอยู่ที่ราว 80 องศาเซลเซียสหรือมากกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

MSI Stealth 15M

ระยะเวลาในการใช้งาน MSI Stealth 15M จากการทดสอบด้วยโปรแกรม และใช้การตั้งค่า Volume 30% และปรับความสว่างที่ 30% พร้อมการเชื่อมต่อ WiFi ใช้เมาส์ไร้สายร่วมด้วย เพื่อจำลองการใช้งานจริง ด้วยการสตรีมมิ่งวีดีโ 4K ต่อเนื่อง ตัวเลขที่ได้อยู่ที่ราว 4-4.30 ชั่วโมง แต่ถ้าโหลดการทำงานของคุณน้อยกว่านี้ และปรับการใช้พลังงานลง ก็จะยืดระยะเวลาออกไปได้อีกไม่น้อยเลยครับ เรียกว่าถ้าใช้งานทั่วไป เปิดเครื่องและสแตนบายสลับกันไป ก็น่าจะได้มากกว่า 6 ชั่วโมง

MSI Stealth 15M

เรื่องของ AI บนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ก็น่าสนใจด้วย MSI AI Engine นี้ระบบจะทำการปรับปรุงการทำงานให้สอดคล้องกับการใช้งานและสิ่งแวดล้อมของคุณให้อัตโนมัติ เช่น  การเร่งประสิทธิภาพ ด้วยโหมด Extreme Performance เร่งความเร็วในส่วนต่างๆ เพื่อให้ตอบโจทย์การเล่นเกมและการทำงานได้ทันที ในช่วงแบตใกล้หมด ระบบสามารถลดการใช้พลังงานให้อัตโนมัติ รวมถึงการตรวจเช็คสภาพเสียงรอบข้าง ไม่ให้เกิดเสียงรบกวน ในโหมด Silent Power และยังลดการใช้พลังงานลงได้อีกทางหนึ่ง


Conclusion / Award

หากเปรียบเทียบสเปคกับราคาในช่วง 50,000 – 60,000 บาทนี้ ตัวเลือกค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะในแง่ของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค และราคาอยู่ในเกณฑ์ของเกมมิ่งที่จริงจังกับการเล่นเกมมากขึ้น ส่วนตัวมองว่า MSI Stealth 15M รุ่นนี้ ราคาแม้จะขยับอยู่ราวๆ ครึ่งแสน ที่อาจเป็นราคาท้าทายของเกมมิ่งหลายรุ่นในตลาด แต่เรื่องของปัจจัยรอบด้าน เช่น น้ำหนัก ดีไซน์ และเทคโนโลยี รวมถึงสเปคในหลายจุด MSI รุ่นนี้ ทำออกมาได้น่าสนใจ โดยเฉพาะความพรีเมียมและความบางเบา ที่เป็นข้อได้เปรียบมากกว่า สำหรับคนที่ซีเรียสในเรื่อง Mobility เพราะส่วนใหญ่ จะขยับน้ำหนักไปที่ 2.1 กิโลกรัมเป็นอย่างน้อย ในสเปคเดียวกัน แต่เรื่องที่คาใจก็มีอยู่บ้าง เช่น การที่ MSI ใช้แรม DDR4 บนเซ็ตนี้ ที่ดูเกือบจะจัดเต็มอยู่แล้ว และไฟคีย์บอร์ด ที่ปรับสีสันไม่ได้ มีแค่การเพิ่ม-ลดความสว่างเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า ถ้าเติมเข้ามาแล้วราคาอัพขึ้นไปอีกเยอะ เท่านี้ก็เล่นเกมได้สนุกเหมือนกัน เงินที่เหลืออาจจะไปลงกับหูฟังเกมมิ่งหรือชุดเมาส์คีย์บอร์ดดีๆ เอามาเสริมการเล่นก็ดูจะน่าสนใจกว่า

Award

NBS award 7 Design

แม้ว่าหน้าตาภายนอกอาจจะดูเรียบๆ แต่ก็แฝงลูกเล่นและดีไซน์ในหลายจุด ที่เพิ่มทั้งในแง่ความสวยงามและความสมาร์ทเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ตั้งแต่โลโก้ที่ทำให้เรามองเห็นเฉดสีต่างกันไปในแต่ละมุมมอง ดึงดูดสายตาได้ดี สีสัน Core Black ก็ทำให้ใช้งานในโอกาสต่างๆ ได้ บนโต๊ะทำงาน ร้านกาแฟ ประชุมลูกค้าหรือว่ารวมก๊วนเล่นเกมบ้านเพื่อนก็ตาม แต่ที่น่าสนใจคือ คีย์บอร์ดที่มีแสงสีมาให้ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมมากขึ้น หน้าจอกางได้ 180 องศา พร้อมฟีเจอร์ Flip and Share ก็ใช้งานได้จริง รวมถึงช่องระบายความร้อนที่ดูกลมกลืนไปกับบอดี้อีกด้วย รางวัลนี้ดูจะลงตัวมากบน MSI Stealth 15M รุ่นนี้

award new performance

เชื่อว่าในด้านประสิทธิภาพที่ได้จากซีพียู Intel Core i7-1280P ที่เป็นซีรีส์ Performance ที่มี Core P ถึง 6 core ด้วยกัน และมีถึง 20 Thread ก็น่าจะเป็นที่วางใจของเหล่าคนทำงาน เกมเมอร์ และการทำงานในด้านต่างๆ ได้อย่างอุ่นใจ อีกทั้งมีกราฟิกการ์ด GeForce RTX 3060 มาเสริมกำลัง ทำให้การเล่นเกมในหลายๆ เกม ลื่นไหลได้มากกว่า 100fps. บน High Detail และมี SSD M.2 NVMe ที่มีความเร็วสูง ทั้งในเรื่องการอ่าน/เขียนมาอีก 1TB ทำให้ทุกอย่างดูลื่นไหล เช่นเดียวกับจอภาพที่มีรีเฟรชเรต 144Hz ก็ดูจะสอดคล้องกับการเล่น เพิ่มความสนุกสนาน ดูสบายตากับภาพที่ลื่นไหลมากขึ้น ก็น่าจะเป็นองค์ประกอบโดยรวมที่ทำให้คว้ารางวัลนี้ไปได้ไม่ยาก

from:https://notebookspec.com/web/653727-msi-stealth-15m-i7-rtx3060

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค 2022 ต้องมี NVIDIA GeForce RTX เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ เล่นเกมเฟรมเรตลื่น

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ 2022 ขุมพลัง GeForce RTX 30 series เพิ่มเทคโนโลยี เพื่อคอเกมและนักสร้างคอนเทนต์

GeForce NB cov3

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค จะให้เล่นเกมได้ลื่นไหล กราฟิกการ์ดหรือการ์ดจอที่ใช้ ก็ต้องแรงสั่งได้ โดยเฉพาะโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ที่เปิดตัวกันมาแบบครบไลน์ เกือบทุกค่าย ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นซีพียู Intel Gen 12 หรือแรม DDR5 ที่เรียกว่าประสิทธิภาพร้อนแรงไม่น้อยเลย กับสนนราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น นอกจากองค์ประกอบเหล่านี้แล้ว สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันสำหรับคอเกม นั่นคือ กราฟิกการ์ดหรือ GPU ที่ติดตั้งมาบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในแต่ละรุ่นจากค่าย NVIDIA ที่เวลานี้จัดทัพ GeForce RTX 30 series ลงโน๊ตบุ๊คในกลุ่มเกมมิ่ง ให้ได้สัมผัสกันในทุกกลุ่ม และมาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยให้การเล่นเกมลื่นไหลมากขึ้น อย่างเช่น DLSS และ Ray-tracing รวมถึง Max-Q รวมไปถึงผู้ใช้งานด้านสตูดิโอ

จัดได้ว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในปัจจุบันหลายรุ่น มาพร้อมกราฟิก NVIDIA GeForce RTX 30 series ที่ครบเครื่องในแง่ของการตอบสนองการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ด้วยกราฟิกเริ่มต้นอย่าง RTX 3050 น้องเล็ก แต่คุณสมบัติไม่ได้เล็กตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็วและ CUDA core สำหรับการประมวลผล และเล่นเกมในระดับ FHD ได้ลื่นไหล ตามมาด้วย RTX 3050 Ti, RTX 3060 สำหรับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับกลาง เพื่อเกมเมอร์ที่เริ่มต้นจริงจังกับการเล่นเกมที่ต้องการชัยชนะมากขึ้น RTX 3070, RTX 3070 Ti, RTX 3080 และกราฟิกท็อปสุด เพื่อฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ ที่ชื่นชอบในการเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ กระหายในชัยชนะ และเฟรมเรตที่ลื่นไหล โดยเฉพาะ RTX 3080 Ti ที่พร้อมให้การเกมสุดโปรดได้ลื่นไหล ด้วยเทคโนโลยีมากมาย ที่ติดตั้งอยู่ในกราฟิก NVIDIA GeForce RTX 3000 series นี้ โดยที่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ใช้กราฟิก GeForce RTX 3050 Ti ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 30,000 บาทเท่านั้น

Advertisementavw
เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ 2022 ขุมพลัง GeForce RTX 30 series

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่

โดยโน๊ตบุ๊คโมเดลใหม่ สำหรับเกมเมอร์และงานสตูดิโอ ที่มาพร้อมกับกราฟิก GPU ในรุ่น RTX30 series พร้อมซีพียู Intel Gen 12 รุ่นใหม่ ได้เริ่มเปิดตัวไปในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ โดยมีกราฟิก GeForce RTX 3080 Ti และ RTX 3070 Ti มาพร้อมกับฟีเจอร์มากมาย ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและงานด้านสตูดิโอในปัจจุบัน

GeForce RTX 3080 Ti บนโน๊ตบุ๊ค
ต้องถือว่าเป็นกราฟิกเรือธงของค่าย ในคลาสของ 80 Ti ที่จัดว่าเป็นขั้นสุดของการ์ดจอบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในเวลานี้ ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยขุมพลังอย่าง GDDR6 16GB ให้ประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่า TITAN RTX บนเครื่องเดสก์ทอปเลยทีเดียว

GeForce RTX 3070 Ti บนโน๊ตบุ๊ค
เป็นกราฟิกในคลาสของ Ti ล่าสุดของค่าย NVIDIA ที่เพิ่มเติมเข้ามาในตลาดโน๊ตบุ๊ค โดยที่ GeForce RTX 3070 Ti นี้ ให้ความเร็วได้ดีกว่า GeForce RTX 2070 SUPER ในรุ่นก่อนหน้านี้ถึง 70% โดยที่กราฟิกนี้ ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพและความสวยงามในการเล่นเกมบนความละเอียด 1440p และราคาที่ไม่สูงเกินไปนัก

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

โดยในปัจจุบันโน๊ตบุ๊คที่ใช้กราฟิก GeForce RTX 3070 Ti และ GeForce RTX 3080 Ti ได้ทะยอยลงสู่ตลาดกันเกือบครบทุกค่ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Alienware, ASUS, MSI, Acer, Lenovo หรือ HP เป็นต้น


เทคโนโลยี Max-Q เจนเนอเรชั่นที่ 4

แต่กราฟิกในอีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่น่าสนใจ และได้การตอบรับที่ดีจากเกมเมอร์ในท้องตลาด นั่นคือ Max-Q ซึ่งเป็นกราฟิกที่มีความพิเศษ และได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันนับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 แล้ว ด้วยการเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุงด้วยระบบ AI เพื่อให้การเล่นเกมหรืองานด้านการสร้างคอนเทนต์มีความลงตัวมากขึ้น ภายใต้รูปลักษณ์ที่บางเบาของโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ในปัจจุบัน พร้อมกับคุณสมบัติที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ

CPU Optimizer

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

เป็นการแชร์การใช้พลังงานระหว่าง CPU และ GPU โดยที่พลังของซีพียูนั้น เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล เทคโนโลยีนี้ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพของ GPU มากขึ้น ลดอุณหภูมิและการใช้พลังงานลง ทำให้ซีพียูทำงานได้ไหลลื่น โดยที่มีการแชร์ระดับพลังงานที่ใช้บน CPU และ GPU ตามความเหมาะสมกับแอพพลิเคชั่นและเกมที่ใช้ เพื่อให้โน๊ตบุ๊คมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในการเล่นเกม และงานด้านสตูดิโอ สำหรับนักสร้างคอนเทนต์ รวมถึงผู้ใช้ซอฟต์แวร์มืออาชีพ

Rapid Core Scaling

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อให้ GPU เรียนรู้การทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นในด้านการออกแบบ และงานในด้าน Content Creator ในการดึงศักยภาพการประมวลผลร่วมกับซอฟต์แวร์ในแบบเรียลไทม์ โดยสามารถดึงพลังของแกนหลักให้มีความถี่สัญญาณที่สูงมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการปรับปรุงการใช้พลังงานไปพร้อมๆ กัน ทำให้งานลื่นไหล และยังใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างสอดคล้อง

Battery Boost 2.0

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

อีกสิ่งหนึ่งที่มีอยู่บน Max-Q Gen 4 ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้โน๊ตบุ๊คได้สัมผัสประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น แม้จะไม่ต้องต่อสายชาร์จไฟอยู่ก็ตาม โดย Battery Boost 2.0 ได้รับการออกแบบมาใหม่ ด้วยการให้ AI เป็นตัวควบคุมการทำงานทั้งแพลตฟอร์ม ในการตรวจเช็คและหาสมดุลที่เหมาะสมของการใช้พลังงานบน CPU และ GPU รวมถึงการใช้พลังงานของแบตเตอรี่ ภาพที่แสดงผลและอัตราเฟรมเรต ทำให้ได้ความสามารถที่เหมาะสมในการเล่นเกม ความลื่นไหล รวมถึงระยะการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน เพื่อให้เกมเมอร์สามารถสนุกกับการเล่นเกมโปรดในที่ต่างๆ ได้ต่อเนื่อง

  • Whisper Mode การใช้อัลกอริทึมของ AI เพื่อจัดการความเร็วรอบของพัดลมซีพียูและ GPU และซีพียู ให้พัดลมทำงานตามความเหมาะสม แต่ให้ประสิทธิภาพที่ดี ไม่ให้เกิดเสียงรบกวนในขณะที่เล่นเกม
  • Advance Optimus ให้อายุการใช้งานของแบตได้ยาวนานขึ้น และเล่นเกมร่วมกับ G-Sync ได้แบบไม่สะดุด
  • ปรับขนาดของบัฟเฟอร์ได้ โดยให้ซีพียูเข้าถึงเฟรมบัฟเฟอร์ของ GPU ทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเล่นเกมในหลายๆ เกมได้ดียิ่งขึ้น
  • ให้รูปแบบการเล่นเกมที่ดีที่สุด ด้วยการหาสมดุลที่ดีที่สุดของระบบ หลังจากนั้น ปรับสมดุลของประสิทธิภาพและคุณภาพของภาพที่ดีที่สุด
  • Dynamic Boost เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาอีกระดับ โดยที่โน๊ตบุ๊คจะทำหน้าที่แชร์การใช้พลังงานระหว่างซีพียูและกราฟิก NVIDIA GeForce Max-Q นี้ ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่เล่นเกมแล้วใช้การ์ดจอหนักขึ้น ก็จะถ่ายพลังงานไปที่การ์ดจอมากกว่า และในทางกลับกัน หากใช้ซีพียูเพิ่มขึ้น ก็จะแชร์พลังงานกลับไปที่ซีพียู ดังนั้นจึงให้ประสิทธิภาพที่ดี ในขณะที่ใช้พลังงานเท่าเดิมนั่นเอง
  • ให้คุณปรับตั้งค่าการเล่นที่เหมาะสมที่สุด ด้วยการค้นหาสมดุลของประสิทธิภาพและความสวยงามของภาพที่ดีที่สุด จากนั้นกำหนดเป็นค่าที่ต้องการได้อัตโนมัติ เพื่อให้เข้ากับ ซีพียู กราฟิกการ์ดและจอแสดงผลที่ใช้
  • DLSS ให้การเรนเดอร์ด้วย AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้สูงขึ้น ด้วยศักยภาพสูงสุดของกราฟิก

NVIDIA Studio

เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยยกระดับการสร้างสรรค์ผลงาน สำหรับงานในระดับมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นงานตัดต่อวีดีโอ, การเรนเดอร์ภาพกราฟิก 3D งานตกแต่งสตูดิโอและงานภาพถ่าย รวมถึงงานกราฟิก ออกแบบ สถาปัตยกรรม และการ Broadcast ด้วยการใช้เวลาในการเรนเดอร์งานที่สั้นลง เช่นเดียวกับการปรับแต่งสีและแก้ไขภาพ แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊ค แต่ก็ตอบสนองในงานเหล่านี้ได้ดี และสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากไดรเวอร์ NVIDIA Studio ที่ได้รับการพัฒนา ให้เข้ากับซอฟต์แวร์ และการปรับแต่งการทำงานของฮาร์ดแวร์ ให้เข้ากับแอพพลิเคชั่นเหล่านั้น ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และเพิ่มความเร็วให้กับกระบวนการของงาน ลดความยุ่งยาก โดยไดรเวอร์ Studio นี้ ผ่านการทดสอบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการทำงาน

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

สามารถดาวน์โหลดไดรเวอร์ล่าสุดได้ที่นี่ nVIDIA Driver Studio


เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คขุมพลัง GeForce RTX

MSI GS66 Stealth 12UGS-254TH

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมขุมพลัง Intel Core i9-12900H และกราฟิก GeForce RTX 3070 Ti GDDR6 8GB และแรมระบบที่มีมากถึง 32GB ในแบบ DDR5 4800 เพื่อการเล่นเกมในระดับฮาร์ดคอร์ และตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ในงานออกแบบ และสร้างคอนเทนต์ ด้วยหน้าจอแสดงผล 15.6″ ความละเอียดระดับ UHD 4K (3840 x 2160) จอแสดงผลที่มาพร้อมเทคโนโลยี True Color ปรับโหมดภาพได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูหนัง ท่องอินเทอร์เน็ต หรือทำงานก็ตาม ดีไซน์บอดี้ที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม ทันสมัย ให้ความบางกระชับ แต่มีการระบายความร้อนอันน่าทึ่ง ด้วยเทคโนโลยี Cooler Boost Trinity+ และพัดลมที่บางเป็นพิเศษ ช่วยให้การใช้งานในแต่ละวันของคุณเต็มไปด้วยประสบการณ์ในการใช้งานเต็มเปี่ยว ทั้งในเรื่องของ การแสดงผล ประสิทธิภาพ และการพกพา ด้วยน้ำหนักเพียง 2.1 กิโลกรัมเท่านั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI


Asus ROG Strix Scar 15 G543ZX

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นในสไตล์ที่ล้ำสมัย ใส่เทคโนโลยีมาแบบไม่กั๊กกับพลังในการเล่นเกมและงานด้านคอนเทนต์เต็มพิกัด ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูสวยงาม และบอดี้ที่บางลง ปรับแต่งความสวยงามให้เข้ากับสไตล์ของคุณด้วยแสงไฟ RGB ที่มีทั้งบนคีย์บอร์ดที่เป็นแบบ Per-key RGB และด้านใต้ของโน๊ตบุ๊ค ให้พลังในการประมวผลด้วยซีพียู Intel Core i9-12900H ความเร็วสูงสุด 5.0GHz และมีกราฟิกตัวแรงจาก NVIDIA GeForce RTX 3080 Ti ในการรีดเฟรมเรตให้กับเกมที่เล่นได้อย่างลื่นไหล พร้อมด้วย VRAM GDDR6 16GB เพิ่มความสบายตาให้กับการเล่นเกม และการสร้างคอนเทนต์ของคุณ บนหน้าจอแบบ IPS ให้ค่าขอบเขตสี sRGB 100% และรีเฟรชเรตสูงถึง 300Hz และมีแรมระบบ DDR5 4800 16GB มาให้ รองรับการอัพเกรดได้อีกด้วย พอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 4 ก็มีมาให้ โดยที่น้ำหนักอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


Asus TUF Gaming F15 FX507ZR

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค ที่มาพร้อมดีไซน์ดุดัน เน้นพลังในการเล่นเกม และรองรับการทำงานในการสร้างคอนเทนต์ ด้วยบอดี้ที่ทนทาน มาตรฐาน MIL-STD 810 ให้การใช้งานได้ยาวนาน และการพกพาใช้นอกสถานที่ โดยมีพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ เพื่อความหลากหลายในการใช้งาน ทั้งในแง่ของการชาร์จไฟ ถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว รวมถึงเพิ่มช่องทางการแสดงผลบนหน้าจอขนาดใหญ่ แต่ดีไซน์ให้บอดี้บางลง เพื่อความสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย โดยมีหน้าจอแสดงผล 15.6″ มาให้ พร้อมอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 300Hz ที่เอาใจเกมเมอร์มืออาชีพ ใช้ขุมพลังจากซีพียู Intel Core i7-12700H และทีเด็ดอยู่ที่กราฟิก GeForce RTX 3070 GDDR6 8GB ให้การเล่นเกมที่ลื่นไหล ไม่สะดุด และฟีเจอร์ที่รองรับการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ Content Creator เพิ่มความสวยงามด้วยแสงไฟ RGB บนคีย์อร์ด ปรับแต่งได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ Aura Sync และระบบจัดการกราฟิก MUX Switch + Optimus มาให้ น้ำหนักเพียง 2.2 กิโลกรัม

ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS


MSI GE66 Raider 12UGS-073TH

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีและดีไซน์ที่โดดเด่น พร้อมขุมพลัง Intel Core i7-12700H และกราฟิก GeForce RTX 3070 Ti GDDR6 8GB ที่ให้ผู้ใช้ได้เต็มอิ่มไปกับการเล่นเกมที่ลื่นไหล และรับชมภาพที่สวยงาม บนหน้าจอ IPS 15.6″ ความละเอียด Full-HD แต่อัตรารีเฟรชเรตที่สูงถึง 360Hz กับขอบเขตสีที่กว้าง ให้ความแม่นยำ รองรับการใช้งานบนซอฟต์แวร์ในกลุ่มนักสร้างคอนเทนต์ได้ดี มีเทคโนโลยี Dynamic Boost 2.0 ที่จัดการพลังงานและเร่งอัตราบูสท์ความเร็วให้กับ CPU และ GPU ได้ตามความเหมาะสมของซอฟต์แวร์และเกมที่เล่น โดยระบายความร้อนได้ดีผ่านทาง Cooler Boost 5 เพิ่มความสวยงามด้วยแสงไฟ RGB ที่ปรับแต่งได้ตามใจ พร้อมพอร์ตความเร็วสูงสำหรับงานมืออาชีพ Thunderbolt 4 มาให้อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI


Promotion

โปรโมชั่นเด็ด เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค

  • ASUS VIVOBOOK PRO 15 OLED D3500QC-L1701WS ราคา 27,990 บาท
  • ASUS VIVOBOOK PRO 15 OLED D3500QC-L1901WS ราคา 40,990 บาท
  • GIGABYTE G5 GD 51TH123SO ราคา 27,990 บาท
  • GIGABYTE G5 MD 51TH123SO – RTX 3050 Ti ราคา 29,990 บาท
  • MSI RAIDER GE66 12UGS-070TH ราคา 92,990 บาท
  • MSI STEALTH GS66 12UGS-087TH ราคา 92,990 บาท
  • MSI RAIDER GE66 12UGS-073TH ราคา 83,990 บาท
  • MSI KATANA GF66 12UC-024TH ราคา 40,990 บาท
  • MSI KATANA GF66 12UD-027TH ราคา 42,990 บาท
  • MSI KATANA GF76 11UC-477TH ราคา 33,990 บาท
  • MSI SWORD 15 A12UD-039TH ราคา 44,990 บาท
  • MSI KATANA GF76 12UE-021TH ราคา 52,990 บาท
  • MSI GF63 THIN 10SC-831TH ราคา 24,990 บาท
  • MSI KATANA GF66 11UC-1243TH ราคา 29,990 บาท
  • MSI KATANA GF66 12UD-026TH ราคา 43,990 บาท

สามารถหาซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คขุมพลัง NVIDIA GeForce RTX 30 series ได้ที่

JIB

ADVICE

IT City

from:https://notebookspec.com/web/648543-gaming-notebook-2022-geforce-rtx

จัดสเปคคอม 5 คอมเล่นเกม 15,000-50,000 บาทในงาน Commart Comverse 2022

จัดสเปคคอม เริ่ม 15,000 บาทในงาน Commart Comverse 2022 สเปคน่าใช้ เอาใจเกมเมอร์ ช่วงการ์ดจอถูก

จัดสเปคคอม

จัดสเปคคอมในครั้งนี้ เอาใจคอเกมที่ต้องการประกอบคอมใหม่ โดยเฉพาะคนที่มางาน Commart Comverse 2022 ในช่วงที่การ์ดจอราคาถูกลง และยังมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจอีกมากมายทีเดียว โดยจัดให้ 5 สเปคเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ไปจนถึง 50,000 บาท สเปคคอมการ์ดจอแยก เพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเล่นเกมเริ่มต้นสบายๆ เช่น DOTA2 หรือ PUBG ไปจนถึงเกมสายโหดอย่าง GTAV รวมถึง Red Dead Redemption หรือจะเป็นเกม SCUM ก็ตาม บนความละเอียด Full-HD และไปได้ถึง 2K ในบางเกม ซึ่งในงาน Commart นี้ เริ่มตั้งแต่ 31 มีนาคม ไปจนถึง 3 เมษายนนี้

จัดสเปคคอม 15,000 – 50,000 งาน Commart 2022


สเปคคอมเล่นเกม 15,000 บาท

จัดสเปคคอม

สำหรับการจัดสเปคคอม ในงบประมาณ 15,000 บาทนี้ จัดว่าพอให้การเล่นเกมได้ ด้วยศักยภาพของซีพียู AMD Ryzen 5600G ที่จัดว่าเป็นน้องรองในกลุ่มของซีพียู ที่มีกราฟิกมาในตัว ด้วย Radeon Vega ที่มาพร้อมการทำงานแบบ 6 core/ 12 thread รองรับการทำงานพื้นฐานต่างๆ ได้ดี บูสท์ความเร็วได้ถึง 4.4GHz เหมาะกับการเล่นเกมออนไลน์พื้นๆ ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น DOTA2 หรือ Valorant ปรับ Low ก็เล่นได้แบบไหลลื่น มาคู่กับแรม DDR4 16GB ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กราฟิกได้ดียิ่งขึ้น บนเมนบอร์ดชิปเซ็ตกลาง ปรับแต่งได้ B450 จากทาง Gigabyte มีลูกเล่นและการอัพเกรดได้พอสมควร และ SSD 240GB หากมีงบเพิ่มอีกสัก 1,500 บาท ก็จัดเป็น SSD M.2 500GB ได้อีกด้วย เพาเวอร์ซัพพลาย 700W เผื่ออัพเกรดได้อีกหน่อย เคาะราคารวมอยู่ที่ประมาณ 15,985 บาท

Advertisementavw
15,000 บาท รายละเอียด ราคา
ซีพียู AMD Ryzen 5 5600G 8,350
เมนบอร์ด GIGABYTE B450M S2H 2,050
แรม ADATA XPG GAMMIX DDR4 16GB 2,385
Storage WD Green 240GB SSD SATAIII 1,250
การ์ดจอ AMD Radeon Vega 7
เพาเวอร์ซัพพลาย AEROCOOL Supurb 700W 1,010
เคส Tsunami Galaxy G15 940
ราคา 15,985 บาท

สเปคคอมเล่นเกม 25,000 บาท

จัดสเปคคอม

มาถึงการจัดสเปคคอมในงบ 25,000 บาทกันบ้าง ด้วยงบประมาณที่สูงขึ้นมาอีกระดับ ก็ช่วยให้การจัดสเปคได้ยืดหยุ่น เลือกของได้สะดวกมากขึ้น โดยเริ่มที่ซีพียู Intel Core i3-12100F ถึงแม้จะเป็นน้องเล็ก แต่ก็มีศักยภาพพอให้กับการทำงานได้ปัจจุบันได้ดี รวมถึงเข้าคู่กับการ์ดจอตัวกลางๆ ได้ เช่น RX6500XT หรือจะเป็น RTX3050 หรือ RTX3060 ก็ตาม โดยมาคู่กับเมนบอร์ด ASUS H610 ที่เป็นน้องเล็กสุดประหยัด ทำงานกับแรม DDR4 3200 16GB ในแบบ Dual-channel ไหลลื่น และมี SSD Kingston 500GB มาให้ ติดตั้งเกมและโปรแกรม รวมถึงเก็บข้อมูลในชีวิตประจำวันได้พอสมควร โดยการ์ดจอที่เลือกมาให้เป็น Radeon RX6500XT จากทาง Gigabyte จัดเพาเวอร์ซัพพลาย 600W และเคสสวยๆ ข้างใสจาก Montech ที่ให้พัดลมแบบจัดเต็มมาในตัว ทั้งหมดนี้ราคาอยู่ที่ 24,630 บาทเท่านั้น

25,000 บาท รายละเอียด ราคา
ซีพียู Intel Core i3-12100F 4,150
เมนบอร์ด Asus H610M-K DDR4 3,150
แรม Kingston FURY BEAST DDR4 3200 16GB 2,650
Storage Kingston NV1 500GB 1,850
การ์ดจอ Gigabyte Radeon RX 6500XT EAGLE 9,900
เพาเวอร์ซัพพลาย Cooler Master ELITE V3 600W 1,340
เคส Montech X3 MESH 1,590
ราคา 24,630 บาท

สเปคคอมเล่นเกม 30,000 บาท

จัดสเปคคอม

มาถึงเซ็ตยอดนิยมกับราคาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราเป็นราคาที่สามารถจัดสเปคคอมเริ่มต้นสำหรับคอเกมได้อย่างลงตัว มาพร้อมซีพียู Intel Core i5-12400F ซึ่งมีความแรงที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดี เมนบอร์ดชิปเซ็ต B660 ถือว่าเป็นชิปเซ็ตตัวกลาง แต่ให้ฟังก์ชั่นบนเมนบอร์ดมาอย่างครบครัน สล็อตแรมมีพร้อมในการอัพเกรด จัดแรม DDR4 3200 มาให้ 16GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD 512GB ในแบบ M.2 NVMe การ์ดจอตัวคุ้ม GeForce RTX 3050 ตอนนี้ราคาอยู่ที่หมื่นกลางๆ และสามารถเล่นเกมในปัจจุบันได้ลื่นไหล ในโหมด Medium และความละเอียด Full-HD โดยได้เพาเวอร์ซัพพลาย 600W และเคส Thermaltake ที่มาพร้อมกระจกข้างใส ติดตั้งอุปกรณ์ได้ง่าย ในราคาสบายกระเป๋า เคาะราคาเซ็ตนี้อยู่ที่ 33,030 บาท แต่ถ้าต้องการจะตัดบางอย่าง เพื่อให้ถูกลง แนะนำปรับเมนบอร์ดให้เป็นชิปเซ็ต H610 ซึ่งจะลดลงไปอีกพันกว่าบาทเลยทีเดียว

30,000 บาท รายละเอียด ราคา
ซีพียู Intel Core i5-12400F 6,890
เมนบอร์ด Gigabyte B660M GAMING DDR4 3,490
แรม Kingston FURY BEAST DDR4 3200 16GB 2,650
Storage LEXAR NM620 512GB 2,060
การ์ดจอ Manli GeForce RTX 3050 GALLARDO 14,900
เพาเวอร์ซัพพลาย Zalman MEGAMAX ZM600-TXII 600W 1,550
เคส Thermaltake VERSA J21 TG 1,490
ราคา 33,030 บาท

สเปคคอมเล่นเกม 40,000 บาท

จัดสเปคคอม

การจัดสเปคคอมในงบประมาณ 40,000 บาทนี้ ต้องถือว่าเกือบจะขึ้นไปอยู่ในเซ็ตที่ขยับราคาขึ้นมาหมื่นบาท แต่ได้สเปคที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะกับเกมเมอร์ที่ต้องการขยับการเล่นเกม มาสู่การสตรีมและงานตัดต่อ ซึ่งได้ซีพียู Intel Core i5-12600KF ซึ่งให้ความเร็วพื้นฐานที่ดีกว่าในกลุ่มของซีพียูทั่วไป มาพร้อมกับเมนบอร์ด B660 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเริ่มต้นที่ดี แม้จะไม่ได้เป็น Z series แต่ก็มีฟังก์ชั่นแรมให้พอปรับใช้ได้ แต่ที่สำคัญ มีสล็อตและฟีเจอร์อื่นๆ ให้ใช้งานได้มากกว่า อัพเกรดก็สะดวกขึ้น พร้อมแรม DDR4 3200 16GB ติดตั้งระบบปฏิบัติการและลงโปรแกรมใช้งานได้ลื่นไหล ด้วย SSD M.2 NVMe PCIe 500GB ส่วนการ์ดจอก็ได้ตัวแรงเอาใจเกมเมอร์อย่าง RX6600XT ที่เล่นเกมในเวลานี้ได้ลื่นไหล มีเพาเวอร์ซัพพลาย 750W มาด้วย และประกอบลงเคสสวยๆ ข้างใส เพิ่มพัดลมและไฟ RGB เข้าไปอีกหน่อย ก็ดูสวยงามมากขึ้นแล้ว ราคาเซ็ตนี้อยู่ที่ 42,950 บาท หากงบประมาณสูงเกินไป แนะนำให้

40,000 บาท รายละเอียด ราคา
ซีพียู Intel Core i5-12600KF 10,350
เมนบอร์ด Asus PRIME B660M-A WIFI D4 5,150
แรม TEAM ELITE PLUS DDR4 3200 16GB 2,220
Storage Samsung 980 500GB 2,350
การ์ดจอ ASRock Radeon RX 6600XT CHALLENGER ITX 18,500
เพาเวอร์ซัพพลาย Thermaltake TR2 S 750W 1,990
เคส Thermaltake H200 TG 2,390
ราคา 42,950 บาท

สเปคคอมเล่นเกม 50,000 บาท

จัดสเปคคอม

และมาถึงการจัดสเปคคอม 50,000 บาท ที่ถือว่าเป็นระดับราคาที่เกมเมอร์หลายคนวางงบประมาณเอาไว้ เพราะสามารถเลือกฮาร์ดแวร์ได้อย่างเต็มที่ มีการ์ดจอหลายรุ่น สามารถเข้าคู่ลงตัว ให้เฟรมเรตในการเล่นที่ลื่นไหลทีเดียว เริ่มกันที่ซีพียู Intel Core i7-12700F มาคู่กับเมนบอร์ด Z690 ตัวแรงจาก Gigabyte ในราคาที่สบายกระเป๋า แต่ได้ฟีเจอร์ในการปรับแต่งมาเพียบ รวมถึงรองรับการอัพเกรดและเพิ่มเติมการ์ดต่อพ่วงเข้าไปได้ โดยมีแรม DDR5 5200 16GB ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับ SSD 1TB ได้การ์ดจอตัวแรง RTX 3060Ti ที่จัดว่ากระชากเฟรมเรตได้ถึงใจทีเดียว รวมถึงเพาเวอร์ 750W และเคสสวยๆ จาก Corsair รวมราคาชุดนี้อาจจะแรงไปบ้าง เพราะไปถึง 56,040 บาท แต่ถ้าจะลดบางส่วนลง อาจเลือกเมนบอร์ด B660 ตัวกลางๆ หรือขยับการ์ดจอไปที่ RTX3060 แทนก็จะลดลงได้อีกประมาณ 3 พันบาทเลยทีเดียว

50,000 บาท รายละเอียด ราคา
ซีพียู Intel Core i7-12700F 12,480
เมนบอร์ด GIGABYTE Z690 UD DDR5 7,090
แรม Kingston FURY BEAST DDR5 5200 16GB 5,500
Storage WD GREEN SN350 1TB 3,290
การ์ดจอ PNY GeForce RTX 3060 Ti 22,900
เพาเวอร์ซัพพลาย Thermaltake TR2 S 750W 1,990
เคส Corsair 4000D AIRFLOW TG 2,790
ราคา 56,040 บาท

Conclusion

สเปค 15,000 สเปค
20,000
สเปค
30,000
สเปค
40,000
สเปค
50,000
ซีพียู AMD Ryzen 5 5600G Intel Core i3-12100F Intel Core i5-12400F Intel Core
i5-12600KF
Intel Core i7-12700F
เมนบอร์ด Gigabyte B450M S2H Asus H610M-K DDR4 Gigabyte B660M GAMING DDR4 Asus PRIME
B660M-A WIFI D4
Gigabyte Z690 UD
แรม ADATA XPG GAMMIX DDR4 3200 16GB Kingston FURY BEAST DDR4 3200 16GB Kingston FURY BEAST DDR4 3200 16GB TEAM ELITE
PLUS RED
DDR4 3200 16GB
Kingston FURY BEAST DDR5 5200 16GB
Storage WD Green 240GB Kingston NV1 500GB LEXAR NM620 512GB SAMSUNG 980 500GB WD Green SN350 1TB
การ์ดจอ AMD Radeon Vega 7 Gigabyte Radeon RX 6500XT EAGLE Manli GeForce RTX 3050 GALLARDO ASRock Radeon RX 6600XT CHALLENGER ITX PNY GeForce RTX 3060 Ti
เพาเวอร์ซัพพลาย AEROCOOL Supurb 700W Cooler Master ELITE V3 600W Zalman MEGAMAX ZM600-TXII Thermaltake TR2 S 750W Thermaltake TR2 S 750W
เคส Tsunami Galaxy G15 Montech X3 MESH Thermaltake VERSA J21 TG Thermaltake H200 TG Corsair 4000D AIRFLOW TG
ราคา 15,985.- 24,630.- 33,030.- 42,950.- 56,040.-

ทั้งหมดนี้ก็เป็นการจัดสเปคคอม 5 ชุด สำหรับคอเกมในงาน Commart Comverse 2022 ที่กำลังจัดอยู่ในเวลานี้ ด้วยสเปคสำหรับคอเกมเริ่มต้น งบประมาณจำกัด 15,000 บาท ที่ได้ซีพียูตัวคุ้มที่มาพร้อมการ์ดจอในตัว ส่วนถ้าใครงบประมาณสูงหน่อย แนะนำสเปคคอม 30,000 บาท ที่ได้การ์ดจอแยกตัวคุ้ม RTX 3050 หรือจะเป็นสเปค 40,000 บาท ที่ได้ซีพียู Intel Core i5 ตัวแรงและการ์ดจอ RX6600XT ที่จะช่วยรีดเฟรมเรตให้กับการเล่นเกมได้แบบสุดๆ มากขึ้น ส่วนถ้าต้องการความลื่นไหลในการเล่นที่ยกระดับการเล่นได้ในโหมด High หรือ Ultra ได้ ในงบประมาณ 50,000 บาท ตอบโจทย์ได้เกือบทุกด้าน เพราะได้ซีพียู Intel Core i7 และแรม DDR5 รวมถึงการ์ดจอ RTX 3060Ti อีกด้วย สเปคเหล่านี้เรานำมาเป็นแนวทางให้ได้เลือกกัน ที่เหลือมาลองดูโปรโมชั่นกันที่งานกันได้เลย

from:https://notebookspec.com/web/644845-5-pc-15000-commart-2022

จัดสเปคคอม NBS 2022 ระบบใหม่ ประกอบคอมเล่นเกม แค่คลิ๊กก็สั่งซื้อได้ ง่ายกว่าเดิม

จัดสเปคคอม 2022 เลือกสเปค ประกอบคอมเองได้ แค่ไม่กี่คลิ๊กใน NBS ปรับเปลี่ยนสเปคตามใจ พร้อมสั่งซื้อได้ใน 5 นาที

จัดสเปคคอม

จัดสเปคคอม 2022 หลายคนอาจจะเคยได้เข้ามาใช้ระบบจัดสเปคในเว็บไซต์ของเรา Notebookspec ซึ่งใช้เป็นแนวทางในการประกอบคอมได้ง่ายดายทีเดียว เพราะแค่เข้ามาที่เว็บไซต์ www.Notebookspec.com/pc/spec จากนั้นเลือกฮาร์ดแวร์ที่ต้องการ ซึ่งในฐานข้อมูลก็มีอุปกรณ์อยู่มากมาย จากหน้าร้านออนไลน์รายใหญ่มาให้เลือกจัดสเปคกัน เช่น Advice หรือ Banana โดยมีทั้ง ซีพียู เมนบอร์ด แรม การ์ดจอ SSD และอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะมาประกอบเป็นคอมพิวเตอร์ หรือจะเลือกดูสเปคยอดนิยม จากเหล่าผู้ใช้งานที่เข้ามาจัดกันไว้ แล้วปรับเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ตามใจชอบ และยังคลิ๊กเข้าไปดูสเปค รวมถึงร้านค้าที่จำหน่าย ซึ่งมีการเปรียบเทียบราคาจริงจากหน้าร้านต่างๆ โดยคุณสามารถคลิ๊กเข้าไปในหน้าฮาร์ดแวร์แต่ละชิ้น เพื่อสั่งซื้อแบบออนไลน์ได้ทันที และล่าสุดปี 2022 นี้ ทีมงานได้ปรับปรุงหน้าจัดสเปคคอมนี้ใหม่อีกครั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในการจัดสเปคให้ทันสมัย และอัพเดตราคา รวมถึงสเปคแบบยกเครื่องใหม่อีกครั้ง แต่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไปชมกันเลยครับ

จัดสเปคคอมแบบมืออาชีพ ด้วยระบบจัดสเปค NBS 2022


เริ่มต้นจัดสเปคคอม

จัดสเปคคอม

อินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่ายกว่าเดิม และยังเพิ่มฟังก์ชั่นในการเลือกจัดสเปคตามสินค้าที่มีจำหน่ายตามร้านหลักๆ และฮาร์ดแวร์ที่มีในดาต้าของ NBS ซึ่งจะเพิ่มเติมโมเดลที่มีความหลากหลาย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ด้วยสเปคที่คุณอาจจะเลือกหาซื้อมาเพิ่มเติมจากร้านค้าอื่นได้อีกด้วย แต่ฟังก์ชั่นเหล่านี้ใช้งานอย่างไร และน่าสนใจแค่ไหน ไปชมทีละขั้นตอนกันเลย

Advertisementavw
จัดสเปคคอม

เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์ www.Notebookspec.com/pc/spec เพื่อเตรียมจัดสเปคคอม จะปรากฏหน้าต่างระบบจัดสเปคขึ้นมาให้เลือก 2 รูปแบบด้วยกัน คือ

จัดสเปคคอม
  • ใช้อุปกรณ์ที่มีจำหน่ายจากทุกร้าน: ซึ่งจะเน้นที่มีจำหน่ายอยู่ในหน้าร้านค้าที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลกับเรา โดยเวลานี้จะเป็นข้อมูลราคาจากทาง Advice และ Banana เป็นหลัก ซึ่งจะเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์ในกลุ่มต่างๆ เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของ Component และ Monitor
  • ใช้อุปกรณ์ทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบ: จะเป็นการรวมฮาร์ดแวร์ของเราที่มีทั้งในรุ่นเก่าและใหม่ รวมถึงฮาร์ดแวร์บางรุ่นที่ยังมีอายุอยู่ในท้องตลาด แต่อาจจะมีราคาในเฉพาะบางหน้าร้าน ซึ่งจะมีให้เลือกเช่นเดียวกัน แต่เป็นราคากลางที่ประเมินจากราคาในท้องตลาดเวลานั้นๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดสเปค และหาฮาร์ดแวร์จากแหล่งอื่นมาเพิ่มเติมกับสเปคที่ต้องการจัดได้ลงตัวมากขึ้น

จากตัวอย่างด้านบนนี้ ตัวเลือกทางแถบด้านซ้าย จะเป็นฮาร์ดแวร์ที่มีจำหน่ายอยู่ในหน้าร้าน ซึ่งจะมีให้เลือกกดสั่งซื้อสินค้าและเลือกเพื่อจัดสเปค แบบนี้ผู้ใช้สามารถกดลิงก์ไปยังร้านค้า เพื่อสั่งซื้อสินค้าได้ทันที ส่วนภาพทางด้านขวา จะเป็นแบบที่เลือกอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบ ซึ่งอาจจะเป็นรุ่นที่จำหน่ายหมดไปแล้ว หรือขาดตลาดหรือไม่ได้อยู่ในรายการของร้านค้าที่มีฐานข้อมูลกับเรา แต่ก็เราก็เตรียมเอาไว้ให้ เพื่อที่จะให้ผู้ใช้อาจจะจัดสเปคกับระบบของเราแล้ว ไปหาซื้ออุปกรณ์ที่ขาด มาเพิ่มเติมในภายหลังได้ ก็จะได้กำหนดราคาและประสิทธิภาพที่ต้องการได้อีกด้วย

ข้อดีของระบบจัดสเปคใหม่จาก NBS เวอร์ชั่น 2022 นี้กันดีกว่ามี 5 สิ่งที่จะช่วยให้คุณจัดสเปค และหาอุปกรณ์ที่ต้องการได้ง่ายขึ้นอย่างไร


1.จับคู่ฮาร์ดแวร์ ให้เข้ากันได้อัตโนมัติ

ทำให้ง่ายต่อการเลือกจัดสเปค โดยเฉพาะมือใหม่ ที่อาจจะยังไม่ชำนาญในด้านฮาร์ดแวร์มากนัก ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกซีพียู Intel Gen 12 เอาไว้ ระบบจัดสเปคก็จะคัดกรองเมนบอร์ดที่ออกแบบมาเฉพาะบนซ็อกเก็ต LGA1700 ให้ได้เลือก รวมถึงเมนบอร์ดที่มีชิปเซ็ตที่เหมาะสม เช่นเดียวกับแรม ที่จะถูกจับคู่ให้เข้ากับเมนบอร์ดและซีพียูของคุณให้ทันที ที่เหลือคุณก็แค่เลือกสเปคกับราคาที่ต้องการเท่านั้น ตัวอย่างเช่น

เมื่อเลือกเป็น ซีพียู Intel Core i5-12600K แล้วกดเลือก เมนบอร์ดที่ขึ้นมาให้คุณเลือกนั้น ก็จะเป็นแบบซ็อกเก็ต LGA1700 ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Z690, B660, H670 หรือ H610 ก็ตาม ส่วนการเลือกก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณและงบประมาณ

จัดสเปคคอม

เมื่อเลือกเมนบอร์ด ที่เป็นแบบ DDR5 เช่น MSI MAG Z690 Torpedo แล้วมาคลิ๊กเลือกที่แรม ระบบจะตั้งตัวเลือกให้เป็น DDR5 แบบอัตโนมัติ แต่ถ้าเลือกเป็นเมนบอร์ดที่ใช้ DDR4 เมื่อเลือกที่แรม ระบบจะจัดให้เฉพาะ DDR4 เช่นเดียวกัน

ในทางกลับกัน หากคุณเลือกเมนบอร์ดก่อน เช่นเลือก ชิปเซ็ต Z590 เมื่อไปเลือกซีพียู ระบบจะกรองแต่ซีพียู Intel Gen 10 และ Gen 11 มาให้เท่านั้น ในรูปแบบของซ็อกเก็ต LGA1200 นั่นเอง

และที่น่าสนใจคือ หากคุณเลือกการ์ดจอตัวแรงๆ เช่น RTX3060Ti หรือ RX6700XT ระบบก็จะเลือก PSU ในระดับที่เหมาะสม มาให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ตามตัวอย่างนี้

แต่ถ้าคุณเลือกการ์ดจอระดับเริ่มต้น เช่น GT1030 หรือ GTX1650 ระบบก็จะเลือกเพาเวอร์ที่วัตต์ลดลงมาให้เป็น Choice ที่น่าสนใจของคุณ สิ่งนี้ดีตรงที่ คุณจะได้คาดการณ์ความเหมาะสมในการเพิ่มหรือปรับลดค่าใช้จ่ายหรือวัตต์ได้ตามความเหมาะสมนั่นเอง


2.ฐานข้อมูลฮาร์ดแวร์หลากหลาย

มีตัวเลือกฮาร์ดแวร์ให้ได้จัดสเปคทั้งแบบ เฉพาะร้าน หรือทุกร้านที่มีจำหน่าย ไปจนถึงฮาร์ดแวร์ทุกรุ่นที่อยู่ในฐานข้อมูลของ NBS สามารถเลือกได้จากกล่องข้อความต้อนรับ เมื่อคุณเริ่มเข้ามาในหน้าจัดสเปค หรือจะคลิ๊กที่ด้านขวาของตาราง เลือกในแบบที่สะดวกได้เลย

จัดสเปคคอม
  • มีให้เลือกแบบที่มีจำหน่ายบนหน้าร้าน เรียกว่าเลือกแล้วคลิ๊กไปสั่งซื้อกันได้เลย เช่น เลือกเฉพาะ Advice หรือเลือกเฉพาะร้าน Banana เป็นต้น ข้อดีก็คือ หากคุณต้องการฮาร์ดแวร์เฉพาะที่มีอยู่ในร้านนั้นๆ ให้จบในร้านเดียว พร้อมสั่งซื้อ
จัดสเปคคอม
  • แบบที่เป็นฮาร์ดแวร์บนฐานข้อมูลเว็บ ที่จัดเก็บเอาไว้มากมาย อันนี้จะมีทั้งที่อยู่บนฐานข้อมูลของร้านจำหน่ายออนไลน์ ที่ลิงก์กับเว็บไซต์ และที่จำหน่ายในร้านต่างๆ รวมถึงฮาร์ดแวร์ที่อาจมีขายเฉพาะบางหน้าร้านอีกด้วย เผื่อว่าคุณจะเลือกจัดสเปคตามฮาร์ดแวร์ที่ต้องการ แล้วนำไปสอบถามรุ่นหรือราคาตามหน้าร้านข้างนอกที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์รายการได้อีกด้วย ลดข้อจำกัดในการเลือก หรือคนที่ประกอบคอมแบบที่มีของเฉพาะบางร้าน โดยมีราคากลางประเมินเอาไว้ให้แล้ว

3.ใช้งานง่ายแค่ไม่กี่คลิ๊ก!

อย่างที่ได้แนะนำกันไปตอนต้นคือ ระบบใช้งานง่ายมาก แค่ไม่กี่คลิ๊ก ก็จัดสเปคเสร็จแล้ว อีกอย่างคือ จะเริ่มจากซีพียูก่อน หรือจะเลือกเมนบอร์ดก่อนก็ได้ เพราะระบบจะทำการตรวจเช็คให้อัตโนมัติ ว่าคุณควรจะเลือกเมนบอร์ดหรือซีพียูซ็อกเก็ตใด รวมถึงเมื่อคุณเลือกทั้งหมดแล้ว ได้สเปคอื่นๆ ครบ ระบบจะกรองเพาเวอร์ซัพพลายที่เหมาะสมให้กับคุณได้เลือก ที่เหลือก็เลือกตามงบประมาณที่ต้องการได้เลย

จัดสเปคคอม

นอกจากนี้คุณยังสามารถจัดเรียงหรือคัดกรองฮาร์ดแวร์ได้หลายเงื่อนไข เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา เช่น เป็นรุ่นยอดนิยม ซึ่งดูจากยอดวิวที่คนเข้ามาดูฮาร์ดแวร์ตัวนั้นๆ ว่ามากน้อยเพียงใด หรือถ้าจำชื่อได้ ก็เลือกเป็นชื่อ เพื่อให้เรียงตาม A, B, C เป็นต้น หรือจะเลือกฮาร์ดแวร์ที่เพิ่งเข้ามาล่าสุด รวมไปถึงราคาน้อยไปมาก หรือมากไปหาน้อยก็ได้ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดหา

จัดสเปคคอม

หรือถ้าในกรณีที่สินค้าชิ้นนั้นๆ มีเงื่อนไขค่อนข้างเยอะ และอยากจะทำให้ดูง่ายขึ้น ผู้ใช้เองพอจำได้ว่า จะเลือกจากสิ่งใดก่อน ก็มีตัวเลือกการกรองได้แบบเจาะจง เช่น เมนบอร์ด ก็มีให้เลือกตั้งแต่ Chipset, Form factor และ Brand ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดได้เลยว่า ต้องการแบรนด์ยี่ห้อใด บนชิปเซ็ตแบบไหน และอยู่บนเมนบอร์ดมาตรฐานแบบใด เช่น เลือก Intel B660, Brand Gigabyte และ mATX form factor ก็จะมีเมนบอร์ดในกลุ่มที่คุณต้องการมาให้เลือก ตามตัวอย่างภาพด้านบนนี้เป็นต้น

จัดสเปคคอม

หรือถ้าเป็นกราฟิกการ์ด ก็จะมี Chipset, Series และ Brand มาให้เป็นตัวกรอง เพื่อให้คุณเลือกในรุ่นที่คุณต้องการได้อย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกจาก AMD หรือ nVIDIA หรือจะแยกตามรายซีรีส์ เช่น RX 6000 series, RTX 3000 series หรือ GTX 1600 series เป็นต้น หรือหากสนใจเป็นเฉพาะแบรนด์ ก็มีให้เลือกมากถึง 20 แบรนด์ด้วยกัน


4.เพิ่มข้อมูลสำคัญในฮาร์ดแวร์แบบละเอียด

จัดสเปคคอม

ซีพียู – นอกจากจะมีข้อมูลทั้งเรื่องของความเร็วสัญญาณนาฬิกา Base clock และ Boost clock, Core/ Thread และรูปแบบซ็อกเก็ตมาให้ และในการอัพเดตใหม่กำลังจะเพิ่มเติมรายละเอียดของ Integrate Graphic หรือกราฟิกบนตัวซีพียูมาเพิ่มให้ด้วย เพื่อเป็นประโยชน์ในการเลือกใช้ในกรณีที่ต้องการสเปคประหยัดคุ้มค่า ซึ่งจะใช้ในการเปรียบเทียบราคาได้อีกทางหนึ่ง

เมนบอร์ด – นอกจากจะมีรายละเอียดของ จำนวนสล็อตแรม ความเร็ว ชิปเซ็ต และพอร์ตมาแบบครบครัน รวมถึงภาพกราฟิก ที่จะบอกคุณได้ว่า รูปแบบหน้าตาในมุมต่างๆ ของเมนบอร์ดเป็นอย่างไร เพื่อไว้ใช้ในการตัดสินใจ หรือบางคนอาจจะมองถึงธีมในการจัดแต่งเคสคอมของตน

การ์ดจอ – สำหรับการ์ดจอ เรียกว่าเพิ่มรายละเอียด Core clock, Interface และ Memory มาอย่างครบครัน รวมไปถึง Shader หรือ CUDA core ที่จะทำให้การเลือกใช้ เปรียบเทียบกับการ์ดรุ่นอื่นๆ ทำได้ง่ายขึ้น

จัดสเปคคอม

แรม – และอย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น คือ นอกจากระบบจะจัดสรรแรมให้กับคุณ ในกรณีที่เลือกเมนบอร์ดเป็น DDR4 หรือ DDR5 ให้อัตโนมัติแล้ว ก็ยังมีตัวเลือกทั้ง ความจุ, Speed หรือบัสของแรม และแบรนด์มาให้เลือกอีกด้วย โดยความจุมีให้เลือกสูงสุดถึง 128GB ทั้งในแบบ 32GB x4 หรือ 16GB x8 พร้อมทั้งค่า CL และแรงดันไฟมาให้ โดยมีภาพกราฟิกของแรม เพื่อให้เห็นรายละเอียดของแรมในแต่ละรุ่น ว่ามีฟีเจอร์พิเศษอย่างไร เช่น แสงไฟ RGB เป็นต้น

SSD – SSD ในระบบจะมีทั้งข้อมูล NAND Flash, Interface ความเร็วและการรับประกันไว้ให้ครบ ในอนาคตจะมีเพิ่มเติมในค่า Endurance มาให้อีกด้วย ซึ่งเป็นตัวบอกถึงความทนทาน และค่าการเขียนซ้ำอย่าง TBW มาด้วย เพื่อจะได้นำไปใช้เปรียบเทียบและตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น เมื่อมีราคาเป็นเกณฑ์ในการเลือกซื้อ

Monitor – มีข้อมูลตั้งแต่พื้นที่แสดงผล และสัดส่วนหน้าจอ (Ratio) รูปพาแนลของจอ เช่น TN, VA หรือ IPS รวมถึง Resolution เพื่อให้เลือกได้เหมาะตามรูปแบบการใช้งาน แต่ที่สำคัญคือ บอกถึงรีเฟรชเรต และพอร์ตแสดงผลต่างๆ รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่นำมาใช้ในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยมีราคาเปรียบเทียบของหน้าร้านที่มีวางจำหน่ายอยู่ด้วยเช่นกัน

จัดสเปคคอม

และในหน้าของสเปคอุปกรณ์แต่ละชิ้น หากสังเกตพาแนลทางด้านขวามือ จะเห็นว่ามีฟังก์ชั่นให้ใช้งานอีก 3 ส่วนด้วยกันคือ

  • รุ่น Top chart – จะเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยม มียอดคนติดตามหรือเข้าชมมากที่สุด โดยจะเป็นอุปกรณ์ที่น่าสนใจในกลุ่มเดียวกัน
  • รุ่นใกล้เคียง – เป็นอุปกรณ์ที่มีสเปค ขนาดหรือคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับที่คุณเลือกดูอยู่นี้ เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ในกรณีที่ของที่คุณต้องการเลือกหรือสนใจหมดหรือปรับราคาใหม่
  • รุ่นแนะนำ – เป็นรุ่นที่น่าสนใจ มีคุณสมบัติสูง หรือมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ รวมถึงราคาที่ดี เมื่อเทียบกับซีรีส์เดียวกันนั่นเอง

CPU Cooler – นอกจากนี้ ยังเพิ่มเติมชุดระบายความร้อนมาให้ได้เลือกใช้กันอีกด้วย โดยมีทั้งภาพตัวอย่าง และรายละเอียดของอุปกรณ์มาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการระบายความร้อน การสนับสนุนซ็อกเก็ต รองรับซีพียูในแบบใดบ้าง เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจ จุดที่น่าสนใจก็คือ ระบบบอกมิติหรือขนาดของฮีตซิงก์มาให้อีกด้วย เพื่อให้เราประเมินพื้นที่ในการติกตั้งลงไปในเคสได้ เพราะเคสบางรุ่น ความสูงไม่มากนัก หรือพื้นที่รอบข้างซ็อกเก็ต ไม่เยอะ ก็จะได้เช็คว่า เพียงพอสำหรับการติดตั้งลงไปหรือไม่ รวมถึงบอกจำนวนพัดลมและขนาดมาให้อีกด้วย แนะนำว่าหากใครใช้ซ็อกเก็ตใหม่ๆ เช่น LGA1700 ของซีพียู Intel Gen 12 ให้เลือกตัวกรอง “ล่าสุด” เพื่อให้ระบบแสดงเฉพาะฮีตซิงก์ใหม่ มาให้เลือกใช้


5.มีสเปคแนะนำจากนักจัดสเปคจำนวนมาก

กรณีที่คุณไม่อยากจัดสเปคเอง หรืออยากได้สเปคเจ๋งๆ ที่มีงบประมาณใกล้เคียงกับที่คุณต้องการ ก็สามารถเข้าไปเลือกใช้หรือนำมาประยุกต์กับสเปคที่คุณต้องการได้ทันที โดยมีให้เลือกตั้งแต่ การจัดอันดับประจำปี, หรือสเปคยอดฮิตประจำเดือน และยังเลือกตามงบประมาณได้อีกด้วย ถ้าคุณอยากเป็นหนึ่งในมือฉมังเหล่านี้ ก็ลองจัดสเปคที่โดนใจ แล้วรอ Like จากเพื่อนๆ กันได้เลย

จัดสเปคคอม

จากภาพด้านล่างนี้ จะเห็นได้ว่า คุณสามารถเลือกแท็ป ดูข้อมูลของสเปคที่ได้รับความนิยมทั้งในส่วนของ Top Chart ที่เรียกว่ายอดฮิตติดท็อป 10 ประจำในแต่ละเดือน หรือจะเลือกดูจากสเปคล่าสุดก็ได้ แต่ถ้าต้องการดูสเปคย้อนหลัง ก็สามารถคลิ๊ก ไล่ตามเดือนปัจจุบันไปได้แบบยาวๆ เผื่อจะใช้เป็นแนวทางในการอัพเกรดมาเป็นสเปคปัจจุบันก็ได้เช่นกัน โดยในส่วนของตัวกรอง (Filters) ที่อยูแถบด้านบน ก็มีให้เลือกตั้งแต่ CPU, VGA และช่วงราคา เพื่อให้ง่ายต่อการกำหนดค่าใช้จ่ายให้อยู่ในงบประมาณที่คุณต้องการได้อย่างลงตัว และหากถูกใจสเปคไหน ก็เลือกกด Vote ปุ่มสีส้มๆ ทางขวามือ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเหล่านักจัดสเปคได้มาจัดสเปคใหม่ๆ ให้ได้ดูกันต่อไป

จัดสเปคคอม

และสุดท้าย แค่คุณ Log-in การใช้งานในระบบของคุณจะมีการจัดเก็บสเปคที่เป็น My List ที่คุณเคยจัดเอาไว้ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการจัดสเปคหรือแนะนำสเปคที่น่าสนใจให้กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะซื้อคอมใหม่ และหากสเปคของคุณได้รับการแนะนำหรือมีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ก็จะขึ้นแท่น Top Spec ที่อยู่ในหน้า Top 5 ในการจัดอันดับ ปรากฏอยู่ในโพรไฟล์ของคุณอีกด้วย ข้อนี้น่าจะถูกใจคนที่ต้องการจะขยายช่องทางในการทำธุรกิจประกอบคอมได้อีกทางหนึ่ง

จัดสเปคคอม

นอกจากนี้แถบด้านขวาในโพรไฟล์ของคุณ ยังมีตัวกรอง ที่ใช้ในการค้นหาสเปคของคุณได้ ในกรณีที่จัดสเปคไปเยอะมากๆ แล้วจำไม่ได้ว่าสเปคไหนอย่างไร ก็จะมีตัวเลือกอย่าง ซีพียู กราฟิกการ์ดหรือช่วงราคาให้ได้ค้นหาได้ง่ายขึ้น

จัดสเปคคอม

และสุดท้าย เมื่อจัดสเปคคอมสุดโปรดเสร็จสิ้น แล้วจะนำไปใช้งานจริง ก็สามารถทำได้หลายรูปแบบเลยทีเดียว ด้วยปุ่มด้านบน กรณีที่ต้องการแชร์สเปคดังกล่าวนี้ ก็แชร์ผ่านช่องทาง Facebook ส่วนตัวที่ล็อคอินเอาไว้กับระบบได้ทันที หรือหากต้องการนำภาพสเปคและราคาไปใช้ หรือเอาไปเทียบกับสเปคหน้าร้าน เมื่อจะเลือกซื้อ ก็ให้คลิ๊กที่ภาพกล้องด้านบน หรือ Copy link ไปแปะ เพื่อเข้ามาสู่หน้าสเปคนี้ได้อีกครั้ง และหากคุณมีโพรไฟล์และต้องการบันทึกสเปคนี้ไว้ ก็ให้คลิ๊กที่ปุ่มสีส้ม “เก็บสเปคนี้” ทางขวามือ ก็จะเซฟสเปคนี้ให้กับคุณอัตโนมัติอีกด้วย


Conclusion

จัดสเปคคอม

สำหรับระบบจัดสเปค NBS จากเว็บไซต์ Notebookspec นี้ ที่มีฐานข้อมูลและราคา รวมถึงลิงก์ไปยังร้านค้าออนไลน์เจ้าดังต่างๆ มากมาย ให้คุณเลือก จัด สั่งสเปคที่ต้องการได้ในไม่กี่คลิ๊กเท่านั้น โดยที่คุณไม่ต้องมีความรู้พื้นฐานข้อมูลมากมาย ก็สามารถจัดสเปคเองได้ หรือต้องการจะเช็คข้อมูลฮาร์ดแวร์ ดูสเปคยอดนิยมจากที่หลายคนเคยจัดเอาไว้ เช็คราคาหน้าร้านก็ง่าย หรือจะแคปเจอร์นำไปให้ที่ร้านเทียบราคาก็สะดวก กับฟีเจอร์ต่างๆ ที่เราได้รวบรวมมาไว้ในครั้งนี้ ก็เพื่อให้ผู้ใช้ทั้งมือใหม่ และมือฉมัง ที่ต้องการทดลองจัดสเปค หรือจัดสเปคคร่าวๆ ให้กับลูกค้าที่มาสั่งซื้อ ได้ประเมินในเรื่องของราคา และยังมีสเปคและรายละเอียดให้ได้ตัดสินใจกันได้มากขึ้น รวมไปถึงยังมีนักจัดสเปคหลายคน ที่ขึ้นแท่นสเปคแนะนำไว้ให้นำไปเป็นแนวทาง สำหรับเลือกสเปคคอมที่โดนใจ หากคุณยังไม่มีสเปคในดวงใจ ก็สามารถใช้สเปคที่ได้รับความนิยมนี้ นำไปปรับปรุงให้เข้ากับฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ที่ต้องการใช้งานในปัจจุบันได้ดีทีเดียว และหากเพื่อนๆ มีข้อสงสัยในจุดใดกับการจัดสเปคเหล่านี้ หรือต้องการให้ปรับปรุง อัพเดตในส่วนใด ก็คอมเมนต์กันเข้ามาที่ด้านล่างนี้กันได้เลย เพื่อที่ทางทีมงานจะได้นำไปพัฒนากันต่อไป

from:https://notebookspec.com/web/642649-nbs-pc-spec-2022-5-min

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ 4 ขั้นตอน ง่ายแต่ได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เล่นเกมลื่น 2021

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ เพิ่มความแรงใน 4 ขั้นตอน nVIDIA, Radeon 2021 และซอฟต์แวร์ช่วยดาวน์โหลด

Driver VGA Cov

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ เป็นเรื่องที่ผู้ใช้อาจจะต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเกมเมอร์ ที่ต้องการประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการอัพเดตไดรเวอร์กราฟิกการ์ดนั้น ไม่ได้มีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากมายนัก เรียกว่าถ้าคุณเป็นมือใหม่ ก็สามารถเข้าใจกระบวนการได้ในการลองอัพเดตการทำงานในไม่กี่ครั้ง ประโยชน์ในการลงไดรเวอร์ใหม่ หรือการอัพเดต ก็มีอยู่มากมายเลยทีเดียว ในครั้งนี้เราจึงนำกระบวนการติดตั้งและลงไดรเวอร์ใหม่ มาให้กับผู้ใช้ที่เป็นมือใหม่ หรือต้องการมองหาวิธีในการอัพเดตที่ไม่ยุ่งยาก ด้วยวิธีการ 4 ขั้นตอน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้คอมหรือเพิ่งประกอบคอม ลงวินโดว์ใหม่ ได้ปรับใช้ในการปรับปรุงคอมเกมมิ่งของตนให้ดียิ่งขึ้น ในช่วงวันหยุดปลายปี 2021 นี้

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ วิธีเพิ่มประสิทธิภาพง่ายๆ

ข้อดีของการลงไดรเวอร์การ์ดจอ

หลายคนคิดว่าแค่ลงวินโดว์ใหม่ แล้วใช้งานได้เลย จะทำงานหรือเล่นเกม ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว ก็เป็นเช่นนั้น เพราะระบบตะค้นหาไดรเวอร์ที่เหมาะสม แล้วติดตั้งให้ ผู้ใช้จะสามารถเปิดโปรแกรม เกม และใช้งานได้ทันที แต่ถ้าลองเช็คเวอร์ชั่นดูดีๆ อาจจะเป็นไดรเวอร์ที่เก่า ซึ่งหากคุณต้องการเรียกประสิทธิภาพในการทำงานของระบบให้ดีขึ้น รวมถึงเสถียรภาพและการทำงานร่วมกับฟีเจอร์บนการ์ดจอได้อย่างเต็มที่ รองรับฟังก์ชั่นใหม่ๆ รวมถึงการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นได้ การลงไดรเวอร์ การ์ดจอใหม่ จะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับศักยภาพได้มากขึ้นอีกด้วย

Advertisementavw
  • มีเสถียรภาพที่ดีขึ้น ด้วยการปรับปรุงความเข้ากันได้ให้กับระบบ
  • เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการ์ดจอ
  • แก้ไขปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นบนไดรเวอร์เวอร์ชั่นเก่า
  • เพิ่มความเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์
  • ให้ระบบสามารถทำงานเข่ากับการ์ดจอและซอฟต์แวร์ รวมถึงเกมได้ดียิ่งขึ้น
  • เปิดความสามารถให้กับการ์ดจอหรือเกมที่เล่น

1.เช็คเวอร์ชั่นไดรเวอร์

ก่อนจะลงไดรเวอร์ การ์ดจอใหม่ หรือลงไดรเวอร์ปัจจุบัน ก่อนการอัพเดต ก็อาจจะต้องเช็คเวอร์ชั่นของไดรเวอร์ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องของคุณ โดยมีวิธีในการเช็คเวอร์ชั่นของไดรเวอร์การ์ดจอ อยู่หลายวิธีทีเดียว แต่ที่น่าสนใจและเหมาะสมที่สุด นั่นคือ การใช้เครื่องมือในการใช้เครื่องมือในการอัพเดตไดรเวอร์ของแต่ละค่าย ที่คุณเคยติดตั้งไว้ เช่น GeForce Experience หรือ AMD Radeon Software

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

โดยใน GeForce Experience สามารถเข้าไปดูได้ในหน้า Driver > Currently Installed เช่นจากตัวอย่างนี้ จะบอกว่าเป็นเวอร์ชั่น 496.76 และยังมี Release Date บอกเอาไว้ด้วยว่า วันที่ 16 เดือน 11 ปี 2021 ซึ่งสามารถนำไปเทียบกับเวอร์ชั่นล่าสุดในเว็บไซต์ได้

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

ส่วนการเช็คไดรเวอร์จากค่าย Radeon สามารถเช็คเวอร์ชั่นของไดรเวอร์ที่ใช้ ผ่านทาง Radeon Software เข้าไปในหน้า Settings > System > Software & Driver ตัวอย่างนี้ เข้าไปดูในหน้า Driver Version จะบอกเอาไว้ว่า 20.10.20.02-200616a ประมาณนี้ ซึ่งนำไปเทียบกับหน้าเว็บไซต์ เพื่อทำการอัพเดตได้ทันที

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

แต่ถ้าในกรณีที่คุณติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ว่ามานี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น GeForce Experience หรือ Radeon Software ก็สามารถเลือกอัพเดตไดรเวอร์แบบง่ายๆ ผ่านทางซอฟต์แวร์เหล่านี้ได้เลย ผ่านทางฟีเจอร์ของแต่ละค่าย อย่างเช่นใน GeForce Experience เอง เลื่อนขึ้นมาจาก Currently Installed จะมีแถบที่เรียกว่า Check for update ซึ่งให้ผู้ใช้คลิ๊ก เพื่อให้ระบบทำการสแกนไดรเวอร์ใหม่ให้ แต่ถ้าโดยทั่วไปแล้วระบบจะทำการตรวจเช็คให้อัตโนมัติ และแจ้งให้เราได้ทราบ จากนั้นให้คลิ๊ก Download ที่เป็นปุ่มสีเขียวแบบนี้ เพื่อทำการดาวน์โหลดไดรเวอร์ตัวใหม่เมื่อใดก็ได้ ตามความสะดวกของคุณ ซึ่งแนะนำว่าอาจจะเป็นช่วงที่คุณกำลังจะเลิกงานหรือปิดเครื่อง เมื่อติดตั้งไดรเวอร์ พร้อมติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ก็ปิดเครื่องหรือรีสตาร์ทระบบ จะได้ไม่เสียเวลาการทำงานของคุณ เมื่อเปิดคอมขึ้นมาใหม่ ก็สามารถใช้งานไดรเวอร์ใหม่ได้ทันที


2.อัพเดตไดรเวอร์อัตโนมัติ

การลงไดรเวอร์ การ์ดจอ ผ่านเครื่องมืออัตโนมัติของผู้ผลิตชิปกราฟิกทั้ง 2 ค่าย ก็เป็นตัวเลือกที่สะดวกไม่น้อยเลย เพราะระบบจะทำการติดตั้งเครื่องมือเล็กๆ หรือใช้เอนจิ้นบางอย่างในการตรวจสอบไดรเวอร์เดิมที่คุณมีอยู่ จากนั้นจะแนะนำไดรเวอร์ที่เหมาะสมกับคุณให้ทำการอัพเดต ข้อดีคือ แม้ว่าคุณจะไม่ทราบว่า การ์ดจอในคอมหรือโน๊ตบุ๊คของคุณจะเป็นรุ่นใด ก็ยังสามารถอัพเดตไดรเวอร์การ์ดจอรุ่นใหม่ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งมีให้เลือกทั้งจากค่าย nVIDIA GeForce และ AMD Radeon

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

มาดูกันที่เครื่องมือจากทาง GeForce กันก่อน แบบแรกจะเป็นเครื่องมืออย่างง่ายของค่ายนี้ สามารถคลิ๊กเข้ามาเพื่อใช้งานได้ ที่นี่ โดยจะเป็นเอนจิ้นในการสแกนหาไดรเวอร์ที่เหมาะสมของระบบ แต่ต้องอาศัยจาวาสคริปต์ในการติดตั้งเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันหลายคนอาจไม่ได้ใช้แล้ว ซึ่งระบบจะร้องขอให้ติดตั้งในกรณีที่จะใช้เครื่องมือนี้ในการตรวจเช็คไดรเวอร์ให้อัตโนมัติ แต่ถ้าคิดว่าไม่สะดวก ก็อาจใช้วิธีด้านล่างนี้ต่อไป

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

ซึ่งวิธีนี้ก็คือ การดาวน์โหลด GeForce Experience มาใช้นั่นเอง ด้วยการคลิ๊กเข้าไป ที่นี่ จากนั้นดาวน์โหลดโปรแกรมจากทาง nVIDIA มาใช้ข้อดีคือ ไม่ต้องไปยุ่งยากตรวจเช็คหรือตรวจหาไดรเวอร์ของคุณให้วุ่นวาย แต่โปรแกรมจะทำการเช็ค และแจ้งการอัพเดตให้กับคุณได้ทันที พร้อมเมื่อไรก็คลิ๊กดาวน์โหลดมาติดตั้งได้ทันที สะดวกมากกว่า

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

แต่ถ้าคุณใช้การ์ดจอของทาง AMD Radeon ก็สามารถใช้เครื่องมือ Radeon Software มาใช้ได้เช่นกัน รูปแบบการทำงานจะคล้ายกันกับคู่แข่ง คือ ติดตั้งซอฟต์แวร์ Radeon Adrenalin 2020 จากนั้นให้ซอฟต์แวร์เป็นตัวจัดการ ตรวจพบเวอร์ชั่นใหม่ ระบบจะแจ้งอัพเดตให้เราทราบอัตโนมัติ พร้อมตอนไหน ก็ดาวน์โหลดไดรเวอร์มาอัพเดตได้ทันที


Tips

2 Graphic Int Discrete

ทริคง่ายๆ ของคนที่ใช้โน๊ตบุ๊ค นอกจากการลงไดรเวอร์ การ์ดจอ ซึ่งมีทั้งกราฟิกในตัวซีพียูและการ์ดจอแยกมาด้วยนั้น เช่น AMD Ryzen ที่มี RX Vega มาในตัว ใช้คู่กับ nVIDIA GeForce GTX หรือ RTX series เป็นต้น ซึ่งเป็นการ์ดจอแยก ให้ผู้ใช้เลือกการทำงานของกราฟิกการ์ด แม้ว่าในบางครั้งระบบจะสามารถจัดการสลับกราฟิกที่ใช้ให้เหมาะสมได้ ซึ่งค่าเริ่มต้นจะเป็น Auto-select ก็ตาม แต่การกำหนดให้ใช้กราฟิกแยกโดยตรง ก็จะเป็นเหมือนต้องการใช้ศักยภาพของการ์ดจอแยกเฉพาะ ในหัวข้อ Preferred graphic processor: ให้เลือก High-performance nVIDIA processor ด้วยการระบุไปเลยว่า หากเปิดแอพฯ นี้ ให้ใช้การ์ดจอแยก


3.อัพเดตไดรเวอร์ด้วยตัวเอง

แต่ถ้าในกรณีที่คุณทราบหรือสามารถตรวจสอบการ์ดจอ รวมถึงพอเข้าใจในเวอร์ชั่นและการอัพเดตไดรเวอร์อยู่บ้าง อาจใช้วิธีการติดตั้งไดรเวอร์แบบ Manual หรือการอัพเดตด้วยการค้นหาเวอร์ชั่นที่เหมาะสมกับการ์ดจอของคุณเองได้ ด้วยการเข้าไปค้นหาจากเครื่องมือที่แต่ละค่ายจัดเตรียมเอาไว้ให้ได้เลย

nVIDIA GeForce

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

สำหรับค่าย nVIDIA สามารถค้นหาไดรเวอร์การ์ดจอที่เหมาะสมกับระบบที่คุณใช้ในรูปแบบ Manual ได้จาก ที่นี่ แล้วเลือกไปตามขั้นตอน โดยระบบจะมีให้เลือกตั้งแต่ ซีรีส์ เช่น Product Type ซึ่งมีทั้ง GeForce, Quadro รวมถึงซีรีส์ จะแยกเป็นพีซีและโน๊ตบุ๊ค ไปจนถึงรุ่นของ GPU แต่ละรุ่น โดยมีรหัสต่อท้าย Ti, SUPER และรุ่นอื่นๆ สุดท้ายจะเป็นระบบปฏิบัติการที่คุณใช้ เมื่อได้ทั้งหมดแล้ว ให้คลิ๊กที่ช่อง Search ระบบจะเริ่มต้นค้นหาไดรเวอร์ที่เหมาะสมกับการ์ดจอที่คุณใช้มากที่สุด

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

จากตัวอย่างนี้ เราใช้กราฟิก GeForce GTX1650 โดยให้คลิ๊กที่ Product Type เป็น GeForce จากนั้นเลือก Product series: GeForce GTX 16 series (Notebooks) แล้วเลือก Product: เป็น GeForce GTX1650 แล้วเลือก Operating System: Windows 11 จากนั้นคลิ๊กที่ Search

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

เลื่อนลงมาดูด้านล่าง จะมีรายการของไดรเวอร์ปรากฏให้คุณได้เลือกใช้ สามารถเช็คว่าไดรเวอร์ใดที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะมีหลายเวอร์ชั่นและช่วงเวลาให้ได้เลือก ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกล่าสุด ที่เพิ่งอัพเดตแบบสดๆ ร้อนๆ หรือจะเลือกเวอร์ชั่นก่อนหน้าเล็กน้อย ที่คุณอาจจะมั่นใจได้มากกว่า อย่างไรก็ดีตัวเลขเวอร์ชั่นเหล่านี้ จะเป็นตัวบอกคุณได้ เมื่อใช้ตัวไหนแล้วประสิทธิภาพลดหรือไม่เข้ากับการ์ดจอของคุณนัก ก็สามารถเปลี่ยนได้ถูกต้องตรงรุ่นนั่นเอง

*WHQL เป็นไดรเวอร์ที่ผ่านการทดสอบจาก Windows Hardware Quality Labs แล้ว ว่ามีความเสถียรและพร้อมสำหรับการใช้งานบน Windows ในเวอร์ชั่นที่กำหนด

ในการลงไดรเวอร์ การ์ดจอจะมีให้เลือก 2 รูปแบบ ประกอบด้วย

  1. nVIDIA GeForce Driver & GeForce Experience: ใช้สำหรับคนที่ต้องการอัพเดตโปรแกรม GeForce Experience เวอร์ชั่นใหม่ พร้อมไปกับการอัพเดตไดรเวอร์
  2. nVIDIA GeForce Driver: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการติดตั้งเพียงแค่ไดรเวอร์การ์ดจอ nVIDIA GeForce เท่านั้น ไม่ต้องการอัพเดตส่วนเพิ่มเติมอื่นๆ หรือคนที่ไม่ได้ต้องการจะใช้ GeForce Experience เพื่อลดการใช้พื้นที่และใช้แรมน้อยลง

AMD Radeon

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

แต่สำหรับคนที่จะดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์ AMD Radeon สามารถเข้ามาดาวน์โหลดได้ ที่นี่ โดยวิธีการใช้งานจะคล้ายกับค่าย nVIDIA เช่นกัน โดยเมื่อเข้ามายังหน้า Driver support ตามลิงก์ที่ให้ไว้แล้ว ให้เลือกกราฟิกที่คุณต้องการ โดยเริ่มจากรูปแบบ เช่น Graphic, Professional…Server, Chipset หรืออื่นๆ ซึ่งหากเป็นการ์ดจอติดตั้งอยู่ในคอมของคุณเลือกที่ Graphics ช่องถัดไป ให้เลือกการ์ดจอที่คุณใช้ เช่นตัวอย่าง AMD Radeon 6000 series แล้วเลือกรุ่นของการ์ดในช่องต่อมา AMD Radeon 6600 series และสุดท้ายจะเป็นโมเดลที่คุณใช้งานตามตัวอย่างเป็น RX 6600 XT เป็นต้น จากนั้นให้กด Submit

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

เมื่อกด Submit เพื่อเป็นการยืนยันว่าเงื่อนไขของการ์ดที่เราใช้อยู่นั้นเป็นรุ่นอะไร ผลลัพทธ์ที่ให้มา จะเป็นไดรเวอร์ทางเลือก ให้คุณเลือกตามระบบปฏิบัติการที่คุณใช้ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าแตกต่างจากการค้นหาไดรเวอร์ของคู่แข่งในขั้นตอนบางอย่างเล็กน้อย กรณีที่คุณใช้ Windows 11 ก็สามารถคลิ๊กดาวน์โหลดที่ไดรเวอร์ภายใต้เงื่อนไข Windows 11 – 64-bit Edition ได้เลย

ให้คลิ๊กที่รูปหน้าจอทางด้านขวา ในหัวข้อ Install จากนั้นให้เลือกที่ Install แล้วรอจนกว่าระบบจะ Install เสร็จสิ้น แล้ว Restart Now เพื่อให้เริ่มการทำงานของระบบใหม่อีกครั้ง เป็นการ Optimize แล้วอย่าลืม Save งานหรือสิ่งที่ทำอยู่ ก่อนที่ระบบจะเริ่มต้น Restart เพื่อความปลอดภัย


5.ซอฟต์แวร์ช่วยอัพเดต ง่าย ปัง!

แต่ในบางกรณีการลงไดรเวอร์ การ์ดจอ ก็ยังมีตัวช่วยอย่างเช่นซอฟต์แวร์ทางเลือก มาอำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานได้เช่นกัน ข้อดีของซอฟต์แวร์เหล่านี้คือ ใช้ซอฟต์แวร์ตัวเดียว ในการกำหนดการอัพเดต ตรวจเช็คและ Optimize ระบบได้พร้อมๆ กัน แต่จุดสังเกตก็คือ ผู้ใช้ควรจะต้องทำความเข้าใจโปรแกรมเหล่านี้ให้ท่องแท้ ก่อนที่จะใช้งานแบบเปิดทำงานอัตโนมัติ หรือทำการปรับแต่งเพื่อให้เหมาะกับรูปแบบการทำงานของคุณ รวมถึงโปรแกรมที่ติดตั้งลงไป อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับระบบอยู่บ้าง การปรับปรุงหรืออัพเกรดสิ่งใดๆ ก็ตาม ก็อาจมีผลกระทบต่อระบบที่ใช้ได้เช่นกัน โดยตัวอย่างซอฟต์แวร์ช่วยดาวน์โหลดที่ว่านี้ ประกอบด้วย

Driver Booster

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

ซอฟต์แวร์ตัวช่วยในการดาวน์โหลด Driver Booster ที่มีอินเทอร์เฟสเป็นกันเอง ดูง่าย ให้การอัพเดตไดรเวอร์อุปกรณ์ของคุณแบบไม่ยุ่งยาก สามารถตรวจเช็คไดรเวอร์ได้ในคลิ๊กเดียว ก็พร้อมในการดาวน์โหลดและอัพเดตได้ตามกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็น เมนบอร์ด ชิปเซ็ต คอนโทรลเลอร์ รวมไปถึงการ์ดต่อพ่วงหรือกราฟิกการ์ด และยังมีฟีเจอร์ช่วยในการแก้ไขปรับปรุงระบบ ไม่ว่าจะ เสียงลำโพงไม่ดัง เสียงไม่ออก ต่อเน็ตเวิร์กไม่ได้ รวมไปถึงฟีเจอร์ในการ Remove/ Uninstall Program มาในตัว แต่การใช้งานตามที่ได้แจ้งไว้ในเบื้องต้น ผู้ใช้ควรศึกษาการตั้งค่าฟังก์ชั่นการตรวจเช็ค อัพเดตและการปรับปรุงระบบด้วยตัวเองแบบ Manual ก่อนจะเข้าสู่การตั้งค่าอัตโนมัติ


DriverMax

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

DriverMax โปรแกรมช่วยในการดาวน์โหลดและอัพเดตไดรเวอร์ให้แบบอัตโนมัติ เป็นซอฟต์แวร์ตัวเล็กๆ ที่มีฟังก์ชั่นจัดเต็ม สำหรับคนที่เริ่มต้นการดูแลระบบอย่างจริงจัง รวมถึงอยากลดขั้นตอนในการดูแลรักษาให้รวดเร็วยิ่งขึ้น รองรับการใช้งานทั้งบน Windows 7, Vista 32-bit ไปจนถึง Windows 11 โดยที่ DriverMax นี้ทำงานในแบบมัลติฟังก์ชั่น คือ สแกน ตรวจเช็ค ดาวน์โหลด อัพเดต รองรับอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันได้มากมายทีเดียว ซึ่งรวมไปถึงโปรแกรมประเภท Open AL, DirectX, C++ Runtime หรือ Java เป็นต้น ให้ความปลอดภัยสูง ในกรณีที่คุณไม่มั่นใจว่าไดรเวอร์ใหม่ จะเหมาะหรือมีความเสถียรและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้หรือไม่ ก็สามารถ Backup ไดรเวอร์เดิมเอาไว้ และ Restore กลับมาได้เช่นกัน รวมถึงการตั้งเวลาให้ซอฟต์แวร์ทำการสแกนหรืออัพเดตในช่วงที่ว่างจากการทำงานเป็นต้น


Driver Talent

ลงไดรเวอร์ การ์ดจอ

Driver Talent เป็นอีกหนึ่งซอฟต์แวร์ที่มีโซลูชั่น ให้คุณได้ทำการอัพเดตไดรเวอร์รวดเร็ว และสะดวกได้ในคลิ๊กเดียวเท่านั้น ซึ่งหากใช้งานแล้วถูกใจ ก็สามารถเลือกซื้อในเวอร์ชั่น Pro ได้ในราคา 8.99USD หรือประมาณ 300 บาทเท่านั้น รองรับการทำงานทั้ง Windows 7, XP รุ่นเก่า มาจนถึง Windows 10 โดยฟีเจอร์สำคัญนั่นคือ การค้นหาไดรเวอร์ และดาวน์โหลดมาติดตั้งให้กับคอมของคุณได้อัตโนมัติ และยังรองรับการแก้ไข เมื่อไดรเวอร์เกิดปัญหา ดาวน์โหลดไดรเวอร์มารอก่อนได้ และติดตั้งในภายหลัง เพิ่มเติมในส่วนของการ Backup และ Restore มาให้ รวมถึงการ Remove/ Uninstall รวมไปถึงการดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บไซต์ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ได้โดยตรง อินเทอร์เฟสอาจจะดูซับซ้อนไปบ้าง แต่ก็มีลูกเล่นให้คลิ๊กและใช้งานได้ไม่ยากนัก ใช้เวลาทำความเข้าใจไม่นาน


Conclusion

AMD Driver performance

ก่อนจะจบในเรื่องของการลงไดรเวอร์ การ์ดจอ หากคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งใช้การ์ดจอจาก nVIDIA GeForce ไม่ว่าจะเป็นการ์ดรุ่นเก่า หรือเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ แล้วต้องการจะเพิ่มเฟรมเรตให้ไหลลื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางคนก็เพิ่งซื้อการ์ดจอมาใหม่ ติดตั้งลงเครื่องแล้วลงเกมเล่นเลย บางทีอาจจะพอสังเกตได้ว่า ภาพที่ได้อาจจะไม่ลื่นไหล หรือไม่แรงเท่าที่ควรจะเป็น ไม่ได้เฟรมเรตตามที่คิด สิ่งหนึ่งอาจเป็นเพราะยังไม่ได้ทำการ Optimize Driver ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หรือใช้ไดรเวอร์เก่า ที่เคยใช้กับการ์ดจอตัวเดิม ประสิทธิภาพของตัวการ์ดจอใหม่ จึงไม่ได้แสดงออกมาเต็มที่ การอัพเดตไดรเวอร์ก็เป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพได้ แต่การปรับแต่งไดรเวอร์อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้การเล่นเกมลื่นขึ้น และบางส่วนก็ทำให้ภาพสวยขึ้นได้เช่นเดียวกัน ซึ่งคุณสามารถเข้าไปดูวิธีการปรับแต่งไดรเวอร์ nVIDIA กันก่อนได้เลย

สุดท้ายนี้ก็อยากจะฝากไว้สำหรับคนที่ติดตั้งวินโดว์ใหม่ หรืออัพเกรดการ์ดจอ รวมไปถึงการประกอบคอมใหม่ นอกจากในเรื่องของฮาร์ดแวร์ ที่ต้องใส่ใจในการติดตั้งให้ละเอียด เช่น สล็อตที่ติดตั้ง การต่อสายที่พอร์ตแสดงผลบนการ์ดจอ การระบายความร้อน รวมถึงสายไฟเลี้ยงจากเพาเวอร์ซัพพลาย ที่ควรจะต้องต่อให้ครบ ปรับระบบทิศทางการระบายอากาศภายในให้ไหลเวียนได้ดีแล้ว ก็ควรจะต้องคำนึงถึงการติดตั้งหรืออัพเดตไดรเวอร์การ์ดจอ เพื่อให้การเล่นเกมของคุณไหลลื่น เฟรมเรตต่อเนื่องไม่สะดุด และการปรับแต่งไดรเวอร์การ์ดจอให้เหมาะกับการเล่น ควบคู่กันไปกับการตั้งค่าภายในเกมอย่างเหมาะสม เท่านี้ก็จะช่วยให้คุณใช้งานคอมเล่นเกมตัวโปรดได้อย่างเต็มที่ คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไปในยุคที่การ์ดจอราคาแพงเช่นนี้

from:https://notebookspec.com/web/629437-4-step-install-vga-driver-2021

ไดรเวอร์ nVIDIA 2021 ตั้งค่าการ์ดจอ เพิ่มเฟรมเรต ภาพในเกมสวย ปรับแต่งง่าย แค่นิ้วคลิ๊ก

ไดรเวอร์ nVIDIA 2021 ตั้งค่าการ์ดจอ เพิ่มเฟรมเรต ภาพในเกมสวย ปรับแต่งง่าย แค่นิ้วคลิ๊ก

ไดรเวอร์ NVIDIA

ไดรเวอร์ nVIDIA หลายคนที่ใช้การ์ดจอ GeForce อาจจะเป็นรุ่นเก่า ที่ซื้อมานาน บางทีที่เล่นเกมแล้ว อยากจะให้เฟรมเรตไหลลื่นยิ่งขึ้น หรือบางคนเพิ่งซื้อการ์ดจอมาใหม่ ประกอบลงเครื่องแล้วเล่นเกมเลย ภาพที่ได้อาจจะไม่ต่อเนื่องเท่าที่ควร แม้จะเป็นการ์ดจอแรงๆ แต่ก็ไม่ได้เฟรมเรตตามที่คิด สิ่งหนึ่งอาจเป็นเพราะยังไม่ได้ทำการ Optimize Driver ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หรือใช้ไดรเวอร์เก่า ที่เคยใช้กับการ์ดจอตัวเดิม ประสิทธิภาพของตัวการ์ดจอใหม่ จึงไม่ได้ถูกรีดออกมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย การอัพเดตไดรเวอร์ก็เป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพได้ แต่การปรับแต่งไดรเวอร์อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้การเล่นเกมลื่นขึ้น และบางส่วนก็ทำให้ภาพสวยขึ้นได้เช่นเดียวกัน ถ้าวันนี้คุณเจอกับอาการนั้นอยู่ เรามีวิธีในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเล่นเกมมาแนะนำกัน สำหรับผู้ใช้การ์ดจอ GeForce นี้

ไดรเวอร์ nVIDIA

วิธีดาวน์โหลดไดรเวอร์ nVIDIA อย่างง่าย

ไดรเวอร์ NVIDIA

เริ่มดาวน์โหลดไดรเวอร์ nVIDIA GeForce ด้วยการเข้าไปที่ลิงก์ของ nVIDIA.com โดยตรง หรือจะเข้าทางลิงก์นี้ Click ก็สามารถเข้าไปยังหน้าดาวน์โหลดไดรเวอร์ได้แล้ว โดยในขั้นตอนนี้ค่อนข้างสำคัญทีเดียว เพราะคุณจะต้องจำให้ได้ว่า การ์ดจอหรือกราฟิกการ์ด ที่คุณใช้อยู่นั้นเป็นรุ่นอะไร จากนั้นจึงเลือกไปทีละขั้นตอน ซึ่งจะมีให้เลือก ซีรีส์ เช่น Product Type จะมีทั้ง GeForce, Quadro รวมถึงซีรีส์ จะแยกเป็นทั้งพีซีและโน๊ตบุ๊ค ไปจนถึงรุ่น ที่จะมีต่อท้าย Ti, SUPER และอื่นๆ สุดท้ายจะเป็นระบบปฏิบัติการที่คุณใช้ เมื่อได้ทั้งหมดแล้ว ให้คลิ๊กที่ Search ระบบจะทำการค้นหาไดรเวอร์ ที่เหมาะสมกับการ์ดจอที่คุณใช้มากที่สุด

ไดรเวอร์ NVIDIA

เมื่อระบบค้นหาไดรเวอร์ nVIDIA เสร็จสิ้น ก็จะได้ไดรเวอร์ที่ระบบแนะนำและเหมาะสมที่สุด ให้ได้ใช้งาน โดยบางเวอร์ชั่น จะเป็นไดรเวอร์ที่เรียกว่า WHQL กำกับมาด้วย แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีแล้วจะใช้ไม่ได้ แต่อาจจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในภายหลัง และหากเป็นเวอร์ชั่นใหม่กว่าที่มีอยู่ในระบบเดิมของคุณ ให้คลิ๊กที่ปุ่ม Download ได้ทันที

*WHQL เป็นไดรเวอร์ที่ผ่านการทดสอบจาก Windows Hardware Quality Labs แล้ว ว่ามีความเสถียรและพร้อมสำหรับการใช้งานบน Windows ในเวอร์ชั่นที่กำหนด

ไดรเวอร์ NVIDIA

เมื่อเลือกไดรเวอร์ nVIDIA GeForce ในเวอร์ชั่นที่ต้องการได้แล้ว ให้คลิ๊กที่ปุ่ม Download สีเขียวที่อยู่ตรงกลางได้เลย

ไดรเวอร์ NVIDIA

เมื่อดาวน์โหลดไฟล์ไดรเวอร์เสร็จสิ้น ก็เตรียมพร้อมสำหรับการติดตั้งได้แล้ว ตัวไฟล์จะมีขนาดประมาณ 700MB

ไดรเวอร์ NVIDIA

เมื่อดับเบิลคลิ๊กที่ไฟล์ไดรเวอร์ nVIDIA ที่ดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์ เพื่อ Unzip หรือแตกไฟล์ แล้วระบบจะเข้าสู่หน้าต่างเริ่มการติดตั้ง ซึ่งจะมีให้เลือกทั้ง 2 แนวทาง คือ

ไดรเวอร์ NVIDIA
  • แบบแรก nVIDIA GeForce Driver & GeForce Experience: ใช้สำหรับคนที่ต้องการอัพเดตโปรแกรม GeForce Experience เวอร์ชั่นใหม่ พร้อมไปกับการอัพเดตไดรเวอร์
  • แบบที่สอง nVIDIA GeForce Driver: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการติดตั้งเพียงแค่ไดรเวอร์การ์ดจอ nVIDIA GeForce เท่านั้น ไม่ต้องการอัพเดตส่วนเพิ่มเติมอื่นๆ หรือคนที่ไม่ได้ต้องการจะใช้ GeForce Experience เพื่อลดการใช้พื้นที่และใช้แรมน้อยลง

เมื่อเลือกแล้ว ให้คลิ๊กที่ Agree and Continue ที่เป็นปุ่มสีเขียว ซึ่งอยู่ด้านล่างสุดของหน้าต่าง

ไดรเวอร์ NVIDIA

หน้าต่างการติดตั้งไดรเวอร์ต่อมาจะเป็นทางเลือกสำหรับการ Install ซึ่งจะมีแบบแรก ที่ทาง nVIDIA แนะนำคือ Express เพราะจะเป็นการติดตั้งทุกสิ่งที่เหมาะกับการใช้งานให้ ไม่ว่าจะเป็นไดรเวอร์หรือซอฟต์แวร์ ไม่ยุ่งยาก ซึ่งเป็นรูปแบบที่ส่วนใหญ่มักจะใช้กันเพราะรวดเร็ว ส่วนถ้าต้องการเลือกติดตั้งเฉพาะบางอย่าง ไม่เอาทั้งหมด สามารถใส่เครื่องหมายหน้าหัวข้อ Custom ได้ จากนั้นคลิ๊ก Next

ไดรเวอร์ NVIDIA

ในกรณีที่เลือก Custom (Advanced) จะเห็นได้ว่าหน้าต่างติดตั้ง จะมีตัวเลือกอยู่ด้านใน 4 หัวข้อ ซึ่งในแต่ละอันนั้น คุณสามารถเลือกจะติดตั้งหรือไม่ก็ได้ ผ่านทางการใส่เครื่องหมายถูก ในแต่ละช่อง ประกอบด้วย

  • Graphic Driver: ไดรเวอร์ จำเป็นต้องติดตั้งหรืออัพเดต
  • HD Audio Driver: เป็นการอัพเดตไดรเวอร์ Sound เมื่อใช้สายต่อร่วมกับการ์ดจอ
  • nVIDIA GeForce Experience: ซอฟต์แวร์อเนกประสงค์ ข่วยเพาเวอร์อัพให้กับการเล่นเกมได้ แต่ถ้าไม่ต้องการใช้ ก็ไม่ต้องติดตั้งได้เช่นกัน
  • PhysX System Software: อัพเดตการทำงานของ PhysX ที่ผู้พัฒนาเกมหรือซอฟต์แวร์หลายค่ายยังคงรองรับ โดยจะเริ่มจากกราฟิกซีรีส์ 900 series ของทาง nVIDIA ขึ้นไป
ไดรเวอร์ NVIDIA

ในส่วนนี้ รอจนกว่ากระบวนการติดตั้ง ที่เป็นแถบสีเขียวจะสิ้นสุด ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป จะใช้เวลาไม่นานมาก

ไดรเวอร์ NVIDIA

สุดท้าย เมื่อระบบติดตั้งไดรเวอร์และซอฟต์แวร์เสร็จสิ้น ทางด้านซ้ายมือจะแจ้งว่าเป็น Finish และระบบจะให้ผู้ใช้ทำการ Restart ระบบปฏิบัติการใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่แนะนำ ให้กด Restart Now ได้ทันที แต่ถ้ายังทำงานอยู่ และยังไม่อยากเริ่มต้นระบบใหม่ ก็ให้คลิ๊กที่ Restart Later ไปก่อน และพร้อมเมื่อใด ก็ค่อยรีสตาร์ทอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ดี หากคุณต้องการจะเริ่มเล่นเกมกับไดรเวอร์ใหม่ในทันที แนะนำว่าในขั้นนี้ ให้คุณกด Restart Now จะดีที่สุด เพื่อให้ระบบ Windows และ Driver ทำการ Optimize ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานนั่นเอง

ปรับแต่งไดรเวอร์ nVIDIA อัพเกรดประสิทธิภาพให้กับการเล่นเกม

ไดรเวอร์ NVIDIA

เริ่มต้นเมื่อต้องการจะปรับแต่งไดรเวอร์ nVIDIA ให้เข้าไปที่ nVIDIA Control Panel ด้วยการคลิ๊กเมาส์ขวาบนหน้าเดสก์ทอป จากนั้นคลิ๊กเพื่อเปิดใช้งาน

ไดรเวอร์ NVIDIA

สิ่งแรกที่ควรจะต้องปรับให้ใช้งาน โดยเฉพาะคนที่ใช้โน๊ตบุ๊คที่มีทั้งกราฟิกบนซีพียู เช่น Intel HD Graphic หรือ AMD RX Vega และมีการ์ดจอแยกมาด้วยก็คือ ให้ผู้ใช้เลือกการทำงานของกราฟิกการ์ด แม้ว่าในบางครั้งระบบจะสามารถจัดการสลับกราฟิกที่ใช้ให้เหมาะสมได้ ซึ่งค่าเริ่มต้นจะเป็น Auto-select ก็ตาม แต่การกำหนดให้ใช้กราฟิกแยกโดยตรง ก็จะเป็นเหมือนต้องการใช้ศักยภาพของการ์ดจอแยกเฉพาะ ในหัวข้อ Preferred graphic processor: ให้เลือก High-performance nVIDIA processor ด้วยการระบุไปเลยว่า หากเปิดแอพฯ นี้ ให้ใช้การ์ดจอแยกนั่นเอง

ไดรเวอร์ NVIDIA

ในแท็ปแรกของหน้า nVIDIA Control Panel เมื่อหน้าต่างนี้ปรากฏขึ้น จะปรากฏเมนู Adjust Image settings with preview ในส่วนนี้จะเป็นการปรับเปลี่ยนการทำงานของ Hardware-accelerated 3D ที่ใช้งานบน Direct3D หรือ OpenGL มีให้เลือกว่าต้องการความสวยงามของกราฟิกที่จะใช้ ให้เลือกที่ Quality แต่ถ้าต้องการความลื่นไหล ให้ภาพที่ต่อเนื่อง ความละเอียดบางส่วนจะลดลงบ้าง ให้เลือกที่ Performance ในส่วนนี้สามารถกำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้นได้เลย

ไดรเวอร์ NVIDIA

Power management mode – ให้ตั้งเป็น Optimal Power หรือ Prefer maximum performance ได้เลย บนพีซี

Preferred graphic processor – ส่วนใหญ่ค่าเริ่มต้นจะเป็น Auto-Select สำหรับโน๊ตบุ๊ค แต่ถ้าเป็นพีซี ก็มักจะใช้การ์ดจอที่เราเสียบต่อเอาไว้เป็นหลัก เช่น ต่อจอแสดงผลบนการ์ดจอแยก ก็จะเริ่มต้นด้วยการ์ดจอนั้นๆ ซึ่งเราสามารถกำหนดให้เป็น High Performance ได้เลยในกรณีที่เน้นเล่นเกมเป็นหลัก หรือการทำงานอื่นๆ ที่ใช้การประมวลผลจากการ์ดจอนั่นเอง

ไดรเวอร์ NVIDIA

Image Sharpening – ความคมชัดของภาพ ในที่นี้จะเกี่ยวกับการแสดงผลภาพกราฟิกอยู่ด้วย โดยจะเพิ่มความคมชัดและรายละเอียดของพื้นผิวและสิ่งต่างๆ ของออปเจกต์ให้เด่นชัดขึ้น หากมีการ Enable หรือ On และยังเลือกระดับได้ตั้งแต่ 0, 0.5 และ 1.0 ซึ่งจะได้ความสวยงามและสมจริง แต่ก็จะใช้ทรัพยากรของระบบมากขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ดี Sharpening จะไม่สามารถใช้งานร่วมกับหน้าจอในโหมด HDR ได้

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้สูงขึ้น หากคุณใส่เครื่องหมายหน้า GPU Upscale เพื่อการเรนเดอร์บนความละเอียดที่ต่ำกว่า และใช้ GPU ในการ Upscale บนความละเอียดที่เป็น Native ของจอคุณได้

ไดรเวอร์ NVIDIA

Ambient occlusion – คือการจำลองแสงเงาระหว่างวัตถุในฉาก ตัวอย่างตามภาพจะเห็นได้ว่าตัวฉากมีความมืดเพิ่มขึ้นตามสภาพแวดล้อม ซึ่งจะมีผลต่อเงาในฉากมีความลึกตื้นแตกต่างกัน ตัวเลือกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของเงาหรือ Shadow Quality เป็นเพียงการแสดงผลเงาโดยรวมของฉากเท่านั้น ซึ่งหากคุณไม่ซีเรียสเรื่องนี้ แต่เน้นที่เฟรมเรตให้ลื่นมากกว่า การเลือก Off ก็ดูน่าสนใจ แต่ถ้าอยากให้สวยสมจริงขึ้นอีกนิด เน้นเป็น Performance ก็ได้ ส่วนถ้าจะไปขั้นสุด เครื่องที่ใช้แรงดีอยู่แล้ว ก็เปิดเป็น Quality ได้เช่นกัน

ไดรเวอร์ NVIDIA

Anisotropic filtering – การลดความไม่คมชัดเจนของสภาพแวดล้อมและพื้นผิวในตัวเกมในระยะที่ห่างไกลออกไป แบ่งเป็นหลายระดับ เช่น bilinear, trilinear, anisotropic 2x 4x 8x 16x ตัวเลขเหล่านี้ มีค่ายิ่งมากก็จะเห็นวัตถุในระยะไกลชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ก็แลกกับการประมวลผลของการ์ดจอที่หนักขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าสเปคไม่แรงมาก แนะนำเลือกให้ค่าน้อยเข้าไว้ หรือ Off ไปเลย กรณีที่อยากให้เฟรมเรตลื่น

ไดรเวอร์ NVIDIA

Antialiasing FXAA – เน้นการเกลี่ยขอบภาพให้ดูเบลอ นุ่มกลมกลืน มากกว่าจะเป็นการเน้นให้ขอบภาพคมชัดเหมือน AA ตัวอื่น FXAA มันจะดูเหมือนว่าไม่ค่อยมีมิติ แต่ข้อดีคือ ไม่ใช้ทรัพยากรเครื่องมากนัก ถ้าเทียบกับ MSAA ที่ให้ภาพคมชัดสมจริง ไม่เน้นเบลอให้กับการเกลี่ยภาพ สิ่งที่ได้คือ ภาพจะคมทั้งฉาก และแน่นอนว่าใช้ทรัพยากรหนักหน่วงพอสมควร (เครื่องไม่แรงให้ Off ไว้ได้)

ไดรเวอร์ NVIDIA

CUDA – GPUs – เปิดเป็น All

ไดรเวอร์ NVIDIA

Low Latency Mode – จะเป็นการนำเฟรมของภาพที่ได้ไปยังคิวการเรนเดอร์ได้ก่อนที่ GPU จะเรียกร้องมาเพื่อเรนเดอร์เป็นภาพแสดงผลบนหน้าจอ ซึ่งเป็นนัยว่าจะลดเวลาในการตอบสนองที่สั้นลงกว่าการทำงานปกติ อย่างไรก็ดีกรณีที่เกมนั้น เน้นหนักที่การทำงานของ GPU ก็จะค่อนข้างเห็นผลได้ดี โดยเฉพาะในช่วง 60fps. ขึ้นไป แต่ถ้าเกมเน้นหนักไปที่ซีพียู ฟีเจอร์นี้อาจไม่จำเป็นมากนัก แนะนำว่าให้เปิดการทำงานหัวข้อ Max Frame Rate ดีกว่า

ไดรเวอร์ NVIDIA

Max frame rate – เปิดการทำงานของเฟรมเรตให้สูงสุด ไม่จำกัด ข้อดีคือ เฟรมก็จะไปถึงจุดสูงสุดได้ แต่ก็อาจจะสะดุดได้ ตรงนี้ให้ Off เป็นค่าเริ่มต้นไว้ แต่ถ้าอยากให้สอดคล้องกับจอที่ใช้ กรณีที่เล่นเกมใดเป็นประจำ และพอจะเห็นเฟรมเรตเฉลี่ยที่เกิดขึ้น ก็สามารถตั้งเป็น On และเลือกระดับเฟรมเรตให้เหมาะสม เพื่อให้ภาพที่ได้มีความนุ่มนวลเข้ากับจอแสดงผลได้ดี

ไดรเวอร์ NVIDIA

MFAA – เป็นเทคโนโลยีลดรอยหยักในเกม ที่มีมาตั้งแต่ในยุค GPU Maxwell ว่ากันตั้งแต่ GeForce GTX970/ 980 และรุ่นใหม่ๆ ต่อมา ซึ่งมี MSAA มาเป็นตัวช่วยให้ภาพมีความสวยงาม เรียบเนียนมากขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยการใช้ทรัพยากรที่หนักหน่วง ดังนั้น MFAA จึงได้รับการพัฒนามาให้กับผู้เล่น ที่ทำให้ภาพมีความเรียบเนียนเช่นกัน แต่ใช้ทรัพยากรน้อยลงกว่า และให้ภาพที่ดูสวยงามไม่แพ้กัน โดยที่ MFAA จะให้ผลเทียบเท่าการทำงาน 4x MSAA ซึ่งหากกราฟิกที่คุณใช้อยู่ในระดับกลางๆ จะ On ไว้ก็ไม่เสียหาย

ไดรเวอร์ NVIDIA

Texture filtering Quality – คือตัวเลือกที่ช่วยให้เวลาคุณเคลื่อนที่เข้าใกล้วัตถุอย่างกำแพง พื้นผิวของกำแพงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกระทันหันให้คุณเห็นเด่นชัด ส่วนใน Anisotropic คุณจะเห็นวัตถุที่ยื่นออกจากคุณไปไกล ๆ อย่างถนนหรือทางเดินชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในนี้มีให้เลือกทั้ง Quality, High Quality, Performance และ High Performance ถ้าเล่นเกมที่เน้นการเคลื่อนไหวเร็วๆ เปิดแค่ Performance ก็พอ แต่ถ้าเล่นสไตล์ที่เก็บรายละเอียดฉาก หรืออยากได้ภาพสวยงาม ก็ไป High Quality ได้เลย

ไดรเวอร์ NVIDIA

Threaded optimization – ให้เกมสามารถตอบสนองกับซีพียูได้เต็มที่ โดยเฉพาะซีพียูที่มีหลายเธรด เท่าที่เกมจะกำหนดมาให้ ตั้งไว้เป็น Auto ได้เลย

Conclusion

ไดรเวอร์ NVIDIA

สำหรับวิธีการในการปรับแต่งไดรเวอร์ ให้สามารถเล่นเกมได้ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการ์ดจอ nVIDIA ที่คุณใช้งาน เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีรายละเอียดเล็กๆ และการใช้ซอฟต์แวร์ในการรีดพลังออกมาได้อีก เช่น การโอเวอร์คล็อก หรือเพิ่มสัญญาณนาฬิกาให้กับ GPU และ VRAM ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่อาจจะมีผลต่ออายุการใช้งานของการ์ดจอที่ใช้งานอยู่ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นเพียงการปรับแต่งในเบื้องต้น แต่ก็มีผลต่อคุณภาพ อัตราเฟรมเรต และการเล่นเกมอยู่ไม่น้อย ดังนั้นแนะนำว่าให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม ซึ่งต้องดูว่าคุณชื่นชอบในเรื่องของภาพ หรือให้ความสำคัญกับเฟรมเรตมากกว่ากัน ก็สามารถเลือกปรับไปตามการ์ดจอที่คุณใช้ได้อย่างเหมาะสม สุดท้ายนี้ก็ขอให้สนุกกับการเล่นเกมโปรดตามที่คุณต้องการครับ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมในจุดใด เราจะมาเสริมกันในบทความนี้กันต่อครับ

from:https://notebookspec.com/web/613343-customize-nvidia-driver-2021