คลังเก็บป้ายกำกับ: การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

คอมช้า คอมกระตุก จอฟ้า จบใน 7 ขั้นตอนฟรี! คอมลื่นเหมือนใหม่ 2023

คอมช้า คอมกระตุก 2023 รีสตาร์ท เปิดคอมใหม่ก็เป็น จบใน 7 ขั้นตอน มือใหม่ทำตามได้

solve pc slowly and crash 2023 cov

คอมช้า คอมกระตุกเกิดได้จากหลายสาเหตุ 7 วิธีนี้ช่วยลดปัญหาได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมเก่าใช้มานาน หรือคอมใหม่เพิ่งซื้อ ก็อาจเกิดอาการช้า หรือจอฟ้า BSOD ได้เช่นกัน แต่ถ้าหาต้นเหตุของอาการได้ ก็แก้ไขได้ไม่ยาก แต่อาจจะต้องมีขั้นตอนวิธีในการเช็ค ว่าเกิดจากฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ โดยในบางกรณีอาจเกิดจากปัญหาเล็กๆ เช่น ไดรเวอร์ หรือการติดตั้งฮาร์ดแวร์ผิดปกติเท่านั้น เมื่อแก้ไขก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม อาการเหล่านั้นก็หายไป ดังนั้นมาลองดูกันครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นและทำให้คอมคุณช้า กระตุกหรือทำงานไม่ได้ตามปกติ ต้องทำอย่างไร กับวิธีง่ายๆ เหล่านี้

คอมช้า คอมกระตุกจบปัญหาใน 8 ขั้นตอน


แก้ปัญหาคอมช้า

ปัญหาคอมช้า คอมอืด กระตุกหรือหนักขึ้น จนเกิดอาการจอฟ้า BSOD สิ่งเหล่านี้ อาจจะต้องเริ่มที่การแก้ไขในแบบที่เราคุ้นเคย หรือสามารถทำได้ก่อน เช่น การใช้ฟีเจอร์จากบน Windows มาช่วยในการปรับปรุงแก้ไข และค่อยๆ ใช้ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์เข้ามาลองปรับเปลี่ยนตามลำดับ อย่างไรก็ดีการปรับลดหรือเพิ่มในฟังก์ชั่นบางอย่าง ก็มีส่วนช่วยลดอาการได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วควรทำควบคู่กันไป ตามอาการที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้วิธีต่างๆ เหล่านี้

Advertisementavw

โซลูชั่นแก้ปัญหาคอมช้า คอมกระตุก แบบเร่งด่วน

เริ่มจากการเช็ค สแกน > อัพเดต > ตรวจสอบระบบฮาร์ดแวร์ > อัพเกรดหรือเปลี่ยน


1.ปิดโปรแกรมที่ไม่ใช้บ้าง

หลานท่านชอบใช้งานคอมหลายอย่างพร้อมกัน เช่น ดูหุ้น พร้อมกับทำงานเอกสาร และเปิดเพลงฟัง หรือบางคนก็อาจจะแต่งภาพ ไปพร้อมๆ กับการดูหนัง ฟังเพลง รวมถึงเปิดเว็บไซต์หาข้อมูล หรือใช้ในการโอนถ่ายไฟล์งานต่างๆ สิ่งเหล่านี้ หากเป็นคอมที่สเปคกลางๆ ขึ้นไป เช่น ซีพียูระดับ Intel Core หรือ AMD Ryzen มีแรม 8GB หรือมากกว่า การทำงานระดับนี้ ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก แต่ถ้าเป็นคอมที่สเปคไม่แรง หรือเป็นรุ่นเก่า ใช้งานมานาน ใช้งานระดับนี้ก็อาจกระตุกหรือค้างได้ในบางจังหวะ

คอมช้า

สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือ ลองเช็คดูว่าคุณใช้งานโปรแกรมเยอะเกินไปหรือไม่ รวมถึงเปิดใช้เว็บเบราว์เซอร์ ไม่ว่าจะเป็น Chrome หรือ Microsoft Edge มากเกินไปหรือเปล่า เพราะอย่าลืมว่า เมื่อเปิดแต่ละแท็ปหรือแต่ละหน้าต่าง ก็ใช้แรมเพิ่มมากขึ้น หากคุณมีแรมน้อย ก็ย่อมส่งผลทำให้คอมช้า คอมกระตุกได้เลย

วิธีการแก้ไข

คอมช้า
  1. ปิดโปรแกรม ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในขณะนั้น
  2. เข้าไปดูใน Startup program ด้วยการกด Ctrl+Shift+Del ปิดโปรแกรมที่ทำงานอยู่เบื้องหลังออก
  3. ปิดแท็ปหรือหน้าต่างหรือเว็บไซต์บนเว็บเบราว์เซอร์ เหลือไว้เท่าที่ใช้งาน
  4. รีสตาร์ทระบบ เพื่อเคลียร์สิ่งต่างๆ ให้เหลือพื้นที่แรมเพิ่มขึ้น

2.ฮาร์ดดิสก์หรือ SSD เต็มหรือเปล่า

เรียกว่าเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคนก็ว่าได้ เก็บข้อมูลไฟล์ ลงเกม ติดตั้งโปรแกรมเพลิน จนลืมไปว่าแทบไม่เหลือพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์หรือ SSD แล้ว ยิ่งเป็นโน๊ตบุ๊คบางรุ่น มี SSD มาให้น้อยมาก ลงโปรแกรมที่จำเป็นกับเก็บข้อมูลส่วนตัวไว้อีกหน่อย ก็เกือบจะเต็มพื้นที่อยู่แล้ว เป็นแบบนี้ใช้งานไม่นาน คอมหรือโน๊ตบุ๊คก็ช้าลงได้ เพราะไม่มีพื้นที่ให้จัดการไฟล์ ระบบไม่สามารถทำงานได้ตามปกตินั่นเอง

คอมช้า

สิ่งที่ต้องแก้ไข ก็คงต้องเริ่มจากการปรับพฤติกรรมของผู้ใช้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดสรรพื้นที่เก็บไฟล์ การเคลียร์ไฟล์ที่ไม่จำเป็น ลดโปรแกรมที่ไม่ใช้ รวมไปถึงเกม และยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมาย ช่วยให้คุณได้พื้นที่เก็บข้อมูลกลับมา

วิธีการแก้ไข

  • เคลียร์ไฟล์ขยะและ Temporary file หรือไฟล์ตกค้างจากการทำงานของ Windows ที่ไม่ได้ลบทิ้ง
  • ให้เข้าไปที่ Disk Cleanup เลือกไดรฟ์ C: จากนั้นใส่เครื่องหมายหน้ารายการต่างๆ เลือก OK แล้ว Clean up ได้เลย จะลดไฟล์เหล่านั้นไปได้อีกหลาย GB เลยทีเดียว
  • ลบโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ออกไป ด้วยการเข้าไปที่ Program & Feature จากนั้น Uninstall or change a program แล้วเลือกโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งาน หมดอายุ หรือเป็นโปรแกรมเก่า ที่ไม่ได้ใช้มาเนิ่นนานออกไป ด้วยการ Remove จะได้พื้นที่กลับมาในระดับ GB หรือมากกว่า 10GB เลยทีเดียว
  • เกมที่ไม่ได้เล่น ไม่ว่าจะติดตั้งโดยตรงหรือลงผ่าน Game Platform ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Steam, Origins หรือ EPIC เป็นต้น ลบโดยตรงจากโปรแกรมได้เลย ตรงนี้ใครที่เล่นเกมใหญ่ๆ จะได้คืนมาระดับ 100GB เลยทีเดียว
  • ลบไฟล์ซ้ำๆ ออกบ้าง เพราะบางคนเก็บไฟล์เดียวกัน แต่เอาไว้หลายที่ เพราะไม่ได้วางแผนจัดเก็บที่ดี ทำให้กลายเป็นไฟล์ขยะ เปลืองพื้นที่บน Storage อย่างมากเลย วิธีลบถ้าทำแบบ Manual ไม่ได้ ก็เลือกใช้โปรแกรมที่ใช้ลบไฟล์ซ้ำ เช่น Duplicate file Cleaner, AllDup หรืออื่นๆ ตามที่พอหาได้
  • แต่ถ้าสุดท้ายอั้นไม่ไหว ไม่อยากลบ เพราะมีแต่ไฟล์ที่จำเป็น ก็ลองขยายพื้นที่จัดเก็บ เช่น การเปลี่ยน SSD, เพิ่มความจุฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ หรือจะใช้แบบจัดเก็บข้อมูลต่อภายนอก และสุดท้ายคือ ใช้บริการ Cloud Storage ก็ได้เช่นกัน
อุปกรณ์ ค่าใช้จ่าย
SSD 1TB เริ่ม 2,900 บาท
ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ SATA 1TB เริ่ม 1,000 บาท
External HDD 1TB เริ่ม 1,400 บาท
External SSD 1TB เริ่ม 3,300 บาท
Cloud storage MEGA ฟรี 20GB
Google One ฟรี 15GB
iCloud ฟรี 5GB
Dropbox ฟรี 2GB
Google One 2TB, 350 บาท/ด
iCloud 2TB, 349 บาท/ด
Dropbox 2TB, 350 บาท/ด
MEGA 2TB, 391 บาท/ด

3.แรมหาย คอมก็ช้าได้

แรมหายจากการที่ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมเรียกใช้งาน อย่างเช่น บางโปรแกรมที่เปิดอยู่กำลังทำงาน อาจจะเรียกใช้อยู่ไม่กี่ MB แต่เมื่อรวมการใช้งานร่วมกับภาพไฟล์ข้อมูลเข้าไปด้วย ก็ยิ่งใช้แรมมากขึ้น หรือแม้กระทั่งเว็บเบราว์เซอร์เอง ก็มีการเรียกใช้แรม เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนหน้าหรือแท็ปที่เปิดใช้งานอยู่เวลานั้น ยิ่งทำให้คอมช้าลง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแรมหาย จากความเสียหายทางกายภาพอีกด้วย มาดูสาเหตุกัน

คอมช้า

แรมไม่พอ: เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย และสังเกตได้ อาการจะมีหลายแบบ เช่น เปิดโปรแกรมช้า เปิดไฟล์ไม่ได้ หรือบางครั้งก็จะแฮงก์ค้างไปดื้อๆ

วิธีการแก้ไข

  1. เริ่มจากปิดหน้าเว็บเบราว์เซอร์ที่ไม่จำเป็น หรือปิดไปทั้งหมด แล้วจึงเปิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ถ้าเป็น Chrome หรือ Edge สามารถกดปุ่ม Ctrl+Shift+ปุ่ม T พร้อมกัน ก็จะเรียกหน้าต่างที่เราปิดไป กลับคืนมาให้
  2. กดปุ่ม Ctrl+Shift+Esc แล้วเข้าไปใน Task manager เลือกปิดโปรแกรมที่ใช้ Memory มากผิดปกติ แล้วคลิ๊กที่ End Task
  3. Restart ระบบ แล้วกลับมาใช้งานอีกครั้ง เพื่อเป็นการ Clear พื้นที่การใช้งานแรม ให้เหลือมากขึ้น
คอมช้า

แรมเสีย: อาการนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ทันรู้ตัว จนกว่าจะมีอาการช้าจนผิดปกติ เพราะจากเดิมอาจมีแรม 8GB แบ่งเป็น 4GB จำนวน 2 ตัว ก็ยังทำงานได้ลื่น แต่พอแรมพังไป 1 ตัว เหลือแค่ 4GB เราทำงานแบบเดิม แต่ก็จะช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ สำหรับคนที่ไม่ทราบข้อมูล หรือไม่ได้มีความรู้ด้านฮาร์ดแวร์มากนัก แต่ก็มีวิธีสังเกตง่ายๆ คือ

คอมช้า
  • คุณอาจจะต้องหาข้อมูลที่แท้จริงว่า โน๊ตบุ๊คหรือพีซีที่คุณใช้อยู่นั้น มีแรมอยู่เท่าไร โดยดูจากโบรชัวร์ หรือสอบถามจากร้านหรือคนที่ซื้อมาให้คุณ
  • เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ให้เช็คจากในเครื่องคุณว่ามีแรมครบถูกต้องมั้ย ทำได้หลายวิธี เช่น ดูจาก Task manager, ฟังก์ชั่น System ของระบบ หรือจะใช้โปรแกรมเสริมก็ได้
  • ดูจาก Task Manager ไปที่แท็ป Performance แล้วดูที่ Memory จะบอกความจุแรมให้ชัดเจน
  • ดูจาก System สำหรับ Windows 11 ให้คลิ๊กขวาที่ปุ่ม Start จากนั้นเลือก System เข้าไปดูใน Device Specification ลงมาตรง Installed RAM ตรงนี้จะบอกความจุที่ระบบมองเห็น ครบหรือไม่ครบ ก็ทราบได้เลย
  • แต่ถ้ายังรู้สึกคลุมเครือ มีคนสามารถวางใจได้ หรือมีสกิลในการแกะอยู่บ้าง ก็แกะดูได้ เป็นพีซีจะมองได้ง่าย แต่โน๊ตบุ๊คอาจจะยากนิดหน่อย
  • หากเสีย ก็เช็คอีกทีว่าเสียจริงมั้ย หรือแค่สกปรก หรืออาจจะเสียจากสล็อตแรมก็เป็นได้ ถ้าเป็นแบบสุดท้าย ก็ต้องพึ่งพาช่างซ่อมแล้วครับ

4.อัพเดตไดรเวอร์หรือ Windows บ้าง

เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำและทำได้ง่ายมากที่สุด อาจจะไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา คอมช้า คอมกระตุกโดยตรง แต่ก็มีส่วนช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะระบบจะได้รับการปรับปรุง แก้ไข หรือเพิ่มประสิทธิภาพ ก็มาจากการ Update Windows หรือ Update Driver นั่นเอง วิธีการค่อนข้างง่าย

คอมช้า

Update Windows: ให้คลิ๊กขวาที่ปุ่ม Win จากนั้นเลือก System แล้วเลือก Windows Update ที่อยู่ทางซ้ายมือ คลิ๊กที่ Check for Updates จากนั้นเลือก Download & Install รอจนกว่าจะติดตั้งเสร็จ แล้วรีสตาร์ทระบบใหม่อีกครั้ง

คอมช้า

Update Driver: สามารถใช้วิธีการเดียวกับ Update Windows ได้ แต่ให้เลือกที่ Advance Options แล้วเลือกที่ Additional options ทางด้านขวา แล้วคลิ๊กที่ Optional Updates ใส่เครื่องหมายด้านหน้าอุปกรณ์ในช่อง แล้วเลือก Download & Install

วิธีที่ 2 ในการอัพเดตไดรเวอร์ ด้วยการดาวน์โหลดจากหน้าเว็บไซต์ผู้ผลิต เพียงแต่คุณต้องทราบว่าคุณใช้โน๊ตบุ๊คหรือฮาร์ดแวร์ ซีรีส์ใด รุ่นใด จากนั้นดาวน์โหลดไฟล์มาติดตั้งได้ทันที

วิธีที่ 3 เข้าไปใน Device Manager จากนั้นคลิ๊กขวาบนฮาร์ดแวร์ตัวที่คุณจะอัพเดต แล้วเลือก Update Driver ได้ทันที


5.ปิดการใช้แอนิเมชั่นบางอย่าง

เราเคยสังเกตหรือไม่ว่า ระบบสามารถแสดงผล มีหน้าตาที่สวย โปร่งแสงดูทันสมัย เพราะสิ่งเหล่านั้นได้มาจากฟังก์ชั่นของ Windows ที่เพิ่มความสวยงามในการใช้งาน แต่ก็มาพร้อมกับการใช้ทรัพยากรของระบบอยู่ด้วยเช่นกัน การปิดใช้งานสิ่งเหล่านี้ ก็มีส่วนช่วยลดปัญหาคอมช้าได้

คอมช้า

ผลที่ได้จากการปิดเอฟเฟกต์แอนิเมชั่นของระบบ ทำให้ลดภาระในการสร้างกราฟิกและเอฟเฟกต์ต่างๆ ลง โดยเฉพาะกับแรมและซีพียู แม้จะไม่มาก แต่ถ้าทำร่วมกับวิธีการอื่นๆ ก็ลดปัญหาคอมช้าได้เช่นกัน อย่างไรก็ดีการเปิดหน้าต่าง เลื่อน การแสดงผล เปลี่ยนหน้าอาจลื่นไหล แต่ก็ยังสบายตา รวมถึงเอฟเฟกต์โปร่งแสงจะหายไป แต่ได้ Process ที่ดีกลับมา ทำให้เครื่องลื่นขึ้น

วิธีการแก้ไข

ให้คลิ๊กขวาบนหน้าเดสก์ทอป > เลือก Personalize > เลือก Accessibility ทางด้านซ้าย > เลือก Visual ที่อยู่ด้านขวา > Transparency effects ให้เลือกเป็น Off และ Animation effectss ก็เป็น Off เช่นเดียวกัน

คอมช้า

นอกจากนี้คุณอาจจะเลือกการตั้งค่า Theme เป็นแบบสีพื้น ไม่ต้องมีการเปลี่ยนไปมาแบบ Slide พร้อมกันไปด้วย อาจดูเรียบง่ายธรรมดา แต่ก็ช่วยให้ไหลลื่นมากขึ้น


6.สแกนระบบอย่างสม่ำเสมอ

บางครั้งที่เราเจอกับปัญหาคอมช้า คอมกระตุก อาจจะไม่ได้เกิดจากฮาร์ดแวร์เสีย ทำงานบกพร่องหรือไดรฟ์เต็มเพียงเท่านั้น แต่บางครั้งอาจเกิดจากความบกพร่องของระบบหรือซอฟต์แวร์ ที่ทำงานผิดปกติ มีสิ่งที่รบกวนการทำงาน หลังจากที่คุณทำการอัพเดตไดรเวอร์หรือ Windows Updates ไปแล้ว ก็อยากให้เพิ่มในส่วนของ Windows Security, Internet Security หรือบรรดาป้องกันไวรัส มัลแวร์เอาไว้ด้วย และอย่าลืมสั่ง Scan ทั้งหมด

คอมช้า

Scan Virus: ไวรัส มัลแวร์ โทรจัน มีส่วนอย่างมากในการรบกวนระบบ ทำให้คอมช้า คอมกระตุกได้เช่นกัน ยิ่งบางครั้งแฝงตัวอยู่แอบทำงานเบื้องหลัง ไม่ให้เรารู้ กว่าจะไปไล่หาเจอว่าตัวไหน บางทีก็ช้าไป ใช้การสแกนหาง่ายกว่าเยอะ จะใช้ Windows Security หรือ Internet Security หรือ Anti Virus มาช่วยเสริมก็ดีไม่น้อย

เลือกใช้ Anti-Virus ที่เหมาะสมกับระบบของคุณ ซึ่งมีทั้งป้องกันไวรัส และแบบครอบคลุมถึงการเชื่อมต่อต่างๆ เช่น Internet Security สำหรับผู้ใช้ที่มีธุรกรรมและการทำงานออนไลน์เต็มรูปแบบ เลือกที่มีการอัพเดตได้บ่อย เพื่อเพิ่มความทันสมัยในการตรวจจับภัยคุกคาม และหมั่นสแกนไวรัสแบบละเอียด หรือตั้งค่าการ Scan ให้ไม่กระทบต่อการใช้งานในแต่ละวันของคุณ

คอมช้า

Error checking: เพื่อ Scan ระบบเช็คความผิดปกติ เป็นตัวช่วยที่ดี ในการแก้ปัญหาจะซอฟต์แวร์ หรือระบบ เมื่อเกิดขึ้นในขณะที่ใช้งาน ซึ่งส่งผลต่อระบบ ทำให้คอมช้า คอมกระตุกได้เช่นกัน โดยวิธีใช้ตามขั้นตอนนี้ เปิด File Explorer (กดปุ่ม Win+E) จากนั้นคลิ๊กขวาที่ไดรฟ์ C: แล้วเลือก Properties > เข้าไปที่แท็ป Tools > คลิ๊กที่ Error checking แล้วคลิ๊กที่ Check รอจนกว่าระบบจะทำงานเสร็จสิ้น

คอมช้า

Optimize: เป็นการเสริมระบบการทำงานได้เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกับการทำ Error checking เมื่อเข้าไปที่แท็ป Tools > ให้เลือกที่ Optimized and Defragment Drive แล้วคลิ๊กที่ปุ่ม Optimized

คอเกมที่อยากเล่นเกมลื่นๆ มาทางนี้เลยครับ ทิปเล่นเกมลื่น


7.เช็ค Error Code เมื่อเกิดจอฟ้า

ปัญหาจอฟ้า เป็นผลข้างเคียง เมื่อคอมช้า ซึ่งอาจเกิดจากไฟล์ระบบหรือฮาร์ดแวร์ทำงานไม่เข้ากัน หรือไฟล์ระบบบางตัวเสีย ซึ่งจะมีผลออกมาในแต่ละ Code ไม่เหมือนกัน เราสามารถสังเกตรหัสที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาได้ง่ายขึ้น

คอมช้า

แต่ก่อนที่จะไปเช็ค Code ของ BSOD ได้นั้น คุณต้องมองเห็น Code ได้ทัน แต่ส่วนใหญ่ ระบบมักจะรีสตาร์ท จนเรามองไม่ทัน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือ ให้ระบบค้างหน้าจอ Stop Code ไม่ต้องรีสตาร์ท เมื่อเกิดปัญหากับระบบ ไม่ว่าจะเป็น Error หรือ BSOD ก็ตาม ให้ค้างหน้าจอเอาไว้นิ่งๆ วิธีการคือ

วิธีหยุดไม่ให้ระบบรีสตาร์ทอัตโนมัติ: เข้าไปที่ Control Panel จากนั้นเลือก System and Security จากนั้นเลือก System ไปที่ Advanced system settings คลิ๊กที่ Settings แล้วเลื่อนลงมาด้านล่าง ให้เอาเครื่องหมายหน้า Automatically restart แล้วคลิ๊ก Ok เพื่อบันทึกการตั้งค่า

วิธีการแก้ไข

สามารถหาข้อมูล Stop Code เพิ่มเติมมากกว่า 300 Code จากทาง Microsoft

สามารถเช็ค Stop Code ได้ตามข้อมูลในตารางนี้

Error Cause Solution
DATA_BUS_ERROR

Memory failure Check RAM stick function with MemTest, replace hardware if necessary
INACCESSIBLE_BOOT_DEVICE
 

 

Missing driver

Virus/Malware

Update or install driver

Antivirus scan, Switch from “IDE” to “AHCI” in BIOS under “SATA Mode Selection”

UNEXPECTED_KERNEL_MODE_TRAP Hardware error

Temperature too high

Uninstall and reinstall device driver (primarily for recently added devices)

Check fan performance, clean PC or check environment if necessary

NTFS_FILE_SYSTEM

High CPU memory usage Search for costly processes in the Task Manager; uninstall/reinstall programs in question if necessary; check hard drive on which Windows is installed for errors in Windows processes (Right-click, then “Properties”, “Tools”, and “Check”)
IRQL_NOT_LESS_OR_EQUAL

Incompatible or outdated device driver Deactivate drivers for recently installed devices via the device manager (search and run “mmc devmgmt.msc” command in Start menu); then obtain the newest version of the driver from the device manufacturer and install
BAD_POOL_CALLER

Unwanted memory access Deactivate drivers for recently installed devices (see above); then obtain the newest version of the driver from the device manufacturer and install
FAT_FILE_SYSTEM

Corrupt file system Check hard drive function; search and run “chkdsk” in Start menu
OUT_OF_MEMORY

Memory failure Check RAM stick function with MemTest, replace hardware if necessary
PAGE_FAULT_IN_NON_PAGED_AREA

Memory failure Check RAM stick function with MemTest, replace hardware if necessary
UNABLE_TO_LOAD_DEVICE_DRIVER

Defective device driver Deactivate drivers for recently installed devices (see above); then obtain the newest version of the driver from the device manufacturer and install
KMODE_EXCEPTION_NOT_HANDLED

 

Defective software

With .sys file: System file error

Uninstall/reinstall recently used software (newest or system-compatible version)

For system file error: Run Windows Repair Tool (see below: “Check and repair system files”)

ที่มา: ionos.com

Conclusion

สรุปส่งท้ายสำหรับคนที่เจอปัญหาคอมช้า คอมกระตุก ก็อย่าเพิ่งตระหนกไปว่าเจอกับปัญหาใหญ่ บางครั้งแค่รีสตาร์ทเครื่องใหม่ ก็กลับมาไหลลื่นได้เหมือนเดิมแล้ว เพียงแต่ขั้นตอนต่างๆ ที่เราแนะนำมานี้ บางอย่างก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในภายหลัง และยังช่วยให้การทำงานไหลลื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปิดหรือลบโปรแกรมบางอย่าง ที่แอบทำงานเบื้องหลัง หรือการป้องกันไวรัส และบรรดามัลแวร์ ที่มักจะสร้างความรำคาญ และเข้ามาล้วงตับข้อมูลของคุณได้ การอัพเดตและการสแกนบ่อยๆ จะช่วยให้เครื่องของคุณปลอดภัย ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ สุดท้ายคือ การจัดเรียงไฟล์ ให้เป็นหมวดหมู่ จะช่วยให้คุณทราบว่า ไฟล์ไหนควรเก็บ ไฟล์ใดควรลบ จะได้ไม่รกพื้นที่ภายในเครื่อง และทำให้คอมช้าลงนั่นเองครับ

from:https://notebookspec.com/web/688897-7-tip-solve-problems-pc-slowdown

Advertisement

จอคอมทำงาน 2023 เลือกแบบไหนดี? MSI PRO/MODERN series จอใหญ่ สีตรง คมชัด จบงานได้ไว

จอคอมทำงาน 2023 จาก MSI PRO series และ MODERN series เพื่อไลฟ์สไตล์ในบ้านและสายนักงานยุคใหม่ สีตรง คมชัด

MSI PRO MSI MODERN series monitor rev1

ก่อนจะซื้อคอมทำงานในปี 2023 นี้ ไม่ว่าจะนำไปใช้ในบ้าน หรือวางไว้ที่ทำงาน นอกจากการประเมินงบประมาณที่เหมาะสมแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่แสดงผล ขนาดของหน้าจอ การปรับแต่ง สีสันความแม่นยำ รวมถึงฟังก์ชั่นเสริมตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งาน โดยในวันนี้เรามีจอทำงาน 4 รุ่นจากทาง MSI ทั้งในซีรีส์ PRO ที่เป็นจอภาพเริ่มต้นขนาด 24″ สำหรับการทำงานดีไซน์เรียบง่าย ขอบจอบาง ให้การแสดงผลได้คมชัด และ MSI MODERN series ที่มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำสมัย ให้พื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ 27″ และความละเอียดสูง เช่น 2K 1440p หรือ 4K 2160p ช่วยเพิ่มพื้นที่ทำงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมภาพที่ยังคมชัด ให้การปรับแต่งที่สะดวกสบาย เหมาะสำหรับการทำงานในปัจจุบัน มาชมกันครับว่า จอรุ่นต่างๆ เหล่านี้ เหมาะกับการทำงานในรูปแบบใด และรุ่นไหนที่ลงตัวกับการใช้งานของคุณ

จอคอมทำงาน MSI PRO/ MODERN series


เลือกจอคอมสำหรับทำงาน

การเลือกจอคอมสำหรับใช้ทำงานนั้น มีด้วยกันหลายระดับ ตั้งแต่การทำงานทั่วไป เช่นงานเอกสาร ทำพรีเซนเทชั่น หรือซอฟต์แวร์พื้นฐานทั่วไป ซึ่งอาจจะใช้จอขนาดปกติ เทคโนโลยีพื้นฐาน ราคาประหยัดก็ยังได้ แต่ถ้าสำนักงานและการทำงานของคุณ ให้ความสำคัญกับภาพและการแสดงผล เช่น การใช้หน้าจอใหญ่ในการนำเสนองาน หรือต้องการจอที่มีความละเอียดสูง เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากยิ่งขึ้น จอขนาดใหญ่ระดับ 27″ ขึ้นไป ให้ความละเอียดระดับ 2K หรือ 4K ก็เป็นคำตอบที่ดี

Advertisementavw
จอคอม

แต่ถ้าคุณต้องการงานที่มีคุณภาพสูง ทั้งในด้านของภาพและวีดีโอ รวมถึงงานกราฟิก CG หรือ 3D นอกจากจอภาพขนาดใหญ่แล้ว ก็ต้องมองที่ Resolution หรือความละเอียดที่สูง เช่น 2K 1440p หรือ 4K 2610p ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้พื้นที่หน้าจอสำหรับงานได้มากขึ้น รวมถึงการจัดวางเครื่องมือ (Tool) ต่างๆ ได้สะดวกกว่า เช่น Adobe Premier Pro ก็จะได้พื้นที่พรีวิวที่กว้างขึ้น Timeline ที่กว้างขวาง และการปรับแต่งเครื่องมือใช้งานได้ดีกว่าจอภาพขนาดเล็กนั่นเอง

จอคอม

แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ในงานระดับมืออาชีพ สิ่งที่สำคัญก็คือ ความแม่นยำของสี และขอบเขตสีที่กว้าง ซึ่งจะมีผลต่อการทำงานที่จะให้ภาพและสีสัน มีความเที่ยงตรง เป็นมาตรฐาน เข้ากับรูปแบบการทำงานอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นงานสื่อสิ่งพิมพ์ ภาพยนตร์ ซึ่งจะมีค่าเป็นมาตรฐานที่แตกต่างกันไปในแต่ละงาน

อีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ เรื่องของการรับประกัน บริการหลังการขาย ที่จะทำให้คุณใช้งานได้อย่างอุ่นใจ ซึ่งผู้ผลิตแต่ละค่าย แต่ละโมเดลที่ออกมา อาจจะให้การรับประกันที่แตกต่างกันไปครับ


พาแนลแบบไหนดี

การเลือกพาแนลของจอให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะหลายคนต้องใช้งานหน้าจอเป็นเวลานานในแต่ละวัน และยิ่งเป็นงานที่มีความสำคัญ ภาพที่เห็นต้องคมชัด มีความสว่างสดใส พาแนลในแต่ละแบบก็จะมีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวที่ต่างกันออกไป

จอคอม

IPS – พาแนลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการทำงาน และความบันเทิง เพราะให้ภาพคมชัด มุมมองกว้าง ค่าสีที่แม่นยำ และเที่ยงตรง จึงเป็นจอที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ให้ความสนใจ

VA – เป็นพาแนลที่ได้รับความนิยมบนจอเกมมิ่งช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากราคาไม่สูง ครอบคลุมในหลายๆ งาน ให้ภาพสีสันสดใส มุมมองใกล้เคียงกับ IPS 

TN – ตอบสนองได้ไว อัตรารีเฟรชเรตสูง เหมาะกับการเล่นเกม แต่สีสันความสดใส อาจจะไม่เท่ากับจอแบบอื่นๆ รวมถึงมุมมองที่น้อยกว่า

OLED – ใช้เทคโนโลยีที่ต่างจากจอ LED ทั่วไป ที่เป็นหลอดไฟด้านหลังเพื่อให้เกิดแสงสว่าง ทำให้ได้ความคมชัดมากกว่า ภาพที่มีชีวิตชีวา ดูสมจริง สีที่ออกมาเที่ยงตรงตรง ไม่เกิดจุดแสงในสีดำ ภาพที่ได้ดำสนิท ประหยัดพลังงาน นำมาใช้บนจอโน๊ตบุ๊คหลายรุ่นในปัจจุบัน

QLED – มีพิกเซลขนาดเล็ก ให้ความสว่างและ Contrast สูง ทำให้สีสันสดใส ช่วงสีที่กว้าง ภาพดำเข้มลึก ไล่เฉดสีได้สมจริง เหมาะในด้านความบันเทิงทั้งการดูหนัง และเล่นเกมในปัจจุบัน


พื้นที่แสดงผลและความละเอียด

จอคอม 24″ ยังคงได้รับความนิยมในปัจจุบัน สำหรับคนส่วนใหญ่ที่มีการทำงานพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร ซอฟต์แวร์สำนักงาน การเรียน รวมถึงการเทรดหุ้นเป็นต้น รวมถึงการจัดวางง่าย ไม่เปลืองพื้นที่โต๊ะ กำลังพอดีกับสายตา ในขณะที่นั่งตามปกติ แต่การใช้งานจะต่างกันในแง่ของความละเอียด (Resolution) ที่มีให้เลือกทั้ง Full-HD 1080p, 2K 1440p และ 4K 2160p ซึ่งแต่ละแบบ ก็อาจจะเหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน

จอคอม
  • Full-HD 1080p: ได้รับความนิยม และใช้กันอยู่ทั่วไป เหมาะกับการใช้งานทุกประเภท ไม่ว่าจะทำงาน ดูหนังหรือเล่นเกม เทรดหุ้น และรองรับซอฟต์แวร์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
  • 2K QHD 1440p: เป็นจอคอมที่เราเริ่มเห็นกันได้บ่อยในท้องตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นจอสำหรับเกมเมอร์ แต่ก็เหมาะกับการทำงานด้วยเช่นกัน เพราะได้ความละเอียดที่มากขึ้น รองรับงานด้านตัดต่อ แต่งภาพ และการจัดวางเครื่องมือในโปรแกรมต่างๆ ได้ดีกว่าเดิม
  • 4K UHD 2160p: อาจจะเป็นจอที่หาได้ค่อนข้างยาก เพราะส่วนใหญ่มักจะเป็นจอคอมระดับพรีเมียม ที่เน้นตอบโจทย์สำหรับเกมมากกว่า แต่ก็สนับสนุนการทำงานด้วยเช่นกัน ด้วยค่า Gamut และขอบเขตสีที่กว้าง รองรับการเชื่อมต่อที่ทันสมัย จะนำไปใช้กับงานโปรแกรมเฉพาะทางก็ได้เช่นกัน แต่ราคาจะค่อนข้างสูง

โดยเรามีตัวอย่างของจอคอมขนาด 24″ มาให้ชมกันถึง 3 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย MSI MODERN MD241 และ MSI PRO MP243 ซึ่งมาพร้อมกับความละเอียด 1980 x 1080p อัตรารีเฟรชเรต 75Hz พาแนล IPS ให้ความคมชัด และ MSI PRO MP241X ที่เป็นพาแนล VA ทุกรุ่นรองรับการใช้งานร่วมกับ MSI Display Kit อีกด้วย

จอคอม

จอคอม 27″-29″ จัดว่าเป็นขนาดของจอที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะคนที่ต้องการตัวจบในการทำงาน หรือจะนำมาเป็นจอเสริม ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเอกสาร และใช้ในการพรีเซนเทชั่น รวมถึงการทำงานวีดีโอ และการเขียนโปรแกรมเป็นต้น เพราะให้พื้นที่กว้างขวาง สามารถจัดสรรการทำงาน และแบ่งหน้าต่างโปรแกรมได้ง่ายขึ้น และมีให้เลือกตั้งแต่ความละเอียด Full-HD สำหรับใช้งานเบื้องต้น ไปจนถึง 4K เพื่อคนที่ทำงานจริงจัง จัดว่าเป็นขนาดจอที่อยากจะแนะนำในการใช้งานในปัจจุบัน อีกทั้งราคาเริ่มต้นไม่สูง แต่อาจจะใช้พื้นที่มากขึ้นเล็กน้อย รวมถึงระยะการวางที่ห่างจากสายตามากกว่าจอ 24″ อยู่บ้าง สำหรับจอภาพ 29″

จอคอม

โดยที่เรามีตัวอย่างของจอขนาด 27″ มาให้ชมกับ MSI MODERN MD272QPW ที่มาพร้อมความละเอียดที่สูงถึง 2560x1440p หรือ 2K WQHD พาแนล IPS ที่มีมุมมองกว้าง ให้ขอบเขตสีที่กว้าง ปรับหมุนจอได้สะดวก กับการเชื่อมต่อสัญญาณที่ครบครัน

จอคอม 32″ หรือมากกว่า มาพร้อมพื้นที่ขนาดใหญ่ ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี พื้นที่กว้างขวาง มีให้เลือกตั้งแต่จอ 32″ ความละเอียด 2K หรือ 4K ในแบบพื้นฐาน ที่ให้คุณมองเห็นรายละเอียดของงาน หรือภาพได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเอกสาร เขียนโปรแกรม เทรดหุ้น หรือใช้ในการเรียนการสอน ไปจนถึงจอสำหรับเกมเมอร์ ที่มีความละเอียดสูง และอัตรารีเฟเรชเรตที่สูงระดับ 144Hz อีกด้วย แต่ก็จะมาพร้อมราคาที่ค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน


ขอบเขตสีก็สำคัญ

หากเป็นจอทำงาน ที่ต้องเน้นความแม่นยำของการแสดงผลสี และขอบเขตสีที่กว้าง ก็ต้องเลือกจอที่ให้ค่าขอบเขตสีในมาตรฐานต่างๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นค่า sRGB, Adobe RGB หรือจะเป็น DCI-P3 และ Delta-E ตัวเลขต่างๆ จะเป็นตัวชี้วัดความสามารถของจอแต่ละรุ่นได้อย่างชัดเจน อาทิเช่น

จอคอม

sRGB: เป็นค่าขอบเขตสีที่มีการใช้งานกันอยู่ทั่วไป ในแบบที่สายตาของคนเรามองเห็น ซึ่งถูกนำมาใช้กับอุปกรณ์อย่าง จอทีวี กล้องและสิ่งอื่นๆ ซึ่งได้รับความนิยมว่าเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก มีความสำคัญในการทำงานร่วมกับ นักสร้างคอนเทนท์ งานกราฟิก วีดีโอโปรดักส์ชั่น และงานดิจิตอลต่างๆ การที่จอให้ค่า sRGB 99% ก็หมายถึงการแสดงค่าสี ได้สูงถึง 99% นั่นเอง ถือว่ามีความแม่นยำสูง

Adobe RGB: เป็นค่าขอบเขตสีที่กว้างมากขึ้น ใช้กันอย่างหลากหลายบนโปรแกรมจากค่าย Adobe สำหรับงานกราฟิกโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Photoshop, Lightroom เป็นต้น เข้ากันได้กับงานที่เป็นสิ่งพิมพ์ที่เหล่ากราฟิกใช้เป็นมาตรฐานในการจัดทำและส่งพิมพ์ เพื่อจะได้สีไปในทิศทางเดียวกัน

จอคอม

DCI-P3: สำหรับ DCI-P3 เป็นมาตรฐานของสี ที่นิยมแพร่หลายในงานอุตสาหกรรมภาพยนตร์ จะมีขอบเขตกว้างกว่า sRGB อยู่เล็กน้อย โดยจะแสดงผลเป็นค่า % เช่นเดียวกัน

แต่จอภาพที่ยิ่งให้ขอบเขตสีที่กว้าง และความแม่นยำสีสูงนั้น ก็มักจะอยู่ในโมเดลระดับบน หรือถูกแยกออกมาเป็นกลุ่มจองานสตูดิโอหรืองานกราฟิกโดยเฉพาะ มีราคาค่อนข้างสูง แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ที่ไม่ได้เน้นงานจริงจัง หรือต้องเทียบสีเพื่อส่งงานพิมพ์หรืองานโปรดักส์ชั่นระดับมืออาชีพแล้ว จอคอมทำงานพื้นฐาน ที่มีตัวเลขของมาตรฐานต่างๆ ที่ว่ามาได้เกินระดับ 75% ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว


MSI MODERN MD272QPW

จอคอม

สำหรับคนที่ต้องทำงานหลายงานพร้อมกัน ต้องตรวจงานเอกสาร และการทำบัญชีที่ต้องการพื้นที่ Cell/ Column ในโปรแกรมกว้างมากขึ้น และงานวีดีโอหรือภาพที่ต้องพรีวิวชิ้นงานบ่อยๆ ในบางช่วงอาจจะใช้จอดูหนัง และเล่นเกมไปในตัว จอที่ให้พื้นที่แสดงผลที่กว้างเป็นพิเศษ เช่น จอคอม 27″-29″ จะตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีขึ้น อย่างเช่น MSI MODERN MD272QPW ที่เป็นจอขนาดใหญ่ 27″ และให้ความละเอียดถึง 2K หรือ 2560x1440p ภาพสีสดใส ด้วยพาแนลในแบบ IPS และมีฟีเจอร์สำหรับการทำงานครบครัน เช่นรองรับ FreeSync, KVM และ Picture profile เป็นต้น พร้อมพอร์ต Input สัญญาณทั้ง HDMI และ USB-C และเทคโนโลยีลดแสงสีฟ้า Less Blue Light Pro อีกด้วย

จอคอม

มาดูที่รูปลักษณ์กันบ้าง สำหรับจอรุ่นนี้มาในโทนสีขาว ตามสไตล์ของ MODERN series ที่เน้นความลงตัวของเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน หรือสำนักงาน ส่วนตัวผมมองว่าทำให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้น อีกทั้งมีขอบจอที่บางเป็นพิเศษ 3 ด้านเลย ยิ่งทำให้พื้นที่การชมภาพหรือทำงาน กว้างขวางมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ตัวฐานและขาตั้ง ยังออกแบบมาให้ปรับเลื่อนได้หลายมุมเลยทีเดียว

สำหรับการปรับเลื่อน น่าจะถูกใจคนที่ชอบการทำงานในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย เพราะมาพร้อมกับการให้เข้ากับสรีระได้ง่ายมาก ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของจอ MSI รุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นกันหันข้างซ้าย-ขวา (Swivel) ได้ด้านละ 30 องศา ทำให้การแบ่งปันหน้าจอ ดูข้อมูล ให้กับคนข้างๆ ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องยกให้หมุนให้เสียเวลา

ในการปรับความสูงก็ได้เช่นกัน เผื่อบางครั้งต้องใช้บนโต๊ะทำงานที่ต่างระดับกัน โดยตัวจอปรับความสูงได้ถึง 110mm และยังทำได้ง่ายอีกด้วย แค่ดันขึ้นไปหรือกดลงเท่านั้น

ส่วนมุมก้ม-เงย เพื่อให้ใช้งานขณะที่นั่งหรือยืนได้ง่ายกว่าเดิม โดยปรับได้ที่ -5° ~ 20° อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

ด้านหลังจอคือไฮไลต์ เพราะมีแกนหมุนที่ใช้หมุนจอแบบ Pivot ได้ 90 องศา สำหรับการใช้งานในโอกาสต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น การพรีเซนเทชั่น หรือการเป็นจอพรีวิวงาน ที่เป็นจอเสริม หรือจะเป็นจอหลักสำหรับการเขียนโปรแกรม หรือการท่องเน็ต ผมว่าเป็นฟีเจอร์สำคัญของสายนี้เลยทีเดียว

จอคอม

พอร์ตสัญญาณขาเข้าจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น HDMI, DisplayPort, USB-C ที่ใช้ในการรับสัญญาณจาก Thunderbolt หรือ USB-C ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มความสะดวกสบาย ด้วยการชาร์จไฟ 65W ไปพร้อมกับการแสดงผลได้อีกด้วย รองรับสัญญาณแบบ DP อย่างโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น ที่มีพอร์ตแบบนี้อยู่ และมี USB Hub และ USB Type-A เพื่อต่อกับอุปกรณ์อย่าง เมาส์ คีย์บอร์ด หรือ USB Flash Drive เป็นต้น

จอคอม

การปรับแต่งใช้เป็น 5 ปุ่ม เลือก เลื่อนซ้าย-ขวา ขึ้น-ลง และยกเลิก แรกๆ อาจจะยังไม่คล่องนัก ต้องใช้เวลาในการปรับตัวแยู่บ้าง แต่ถ้าได้แบบจอยสติ๊กบนจอเกมมิ่งของ MSI หลายๆ รุ่นที่ใช้ 5-Way Navigation Joystick ก็จะดีไม่น้อย นิ้วเดียวจบ

จอคอม

สำหรับการใช้งาน เรื่องความสว่างและความคมชัด ดูจะตอบโจทย์คนที่ทำงานเอกสาร และงานด้านภาพและวีดีโอได้ดีทีเดียว หากคุณเป็นฟรีแลนซ์ทำงานอิสระ หรือเป็นพนักงานที่ต้องอยู่กับงานเอกสาร การตรวจงาน และการพรีวิวภาพ วีดีโอเพื่อเช็คความผิดพลาด จอคอม MSI รุ่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความคมชัด เมื่อปรับความละเอียดเป็น 2560x1440p ให้ใช้งานเป็นแบบ Native หรือความละเอียดตรง ทำให้ตัวอักษรคมชัดมากขึ้น มากพอสำหรับการแบ่งหน้าจอ รวมถึงการดูข้อมูลหลายๆ หน้าต่างไปพร้อมกัน อย่างเช่น การใช้ซอฟต์แวร์สำนักงาน หรือการดูข้อมูลความเคลื่อนไหวของตลาด พร้อมกับการเทรดหุ้นไปด้วย

ส่วนการทำงานเอกสาร คุณจะเห็นพื้นที่หน้าจอกว้างขวางมากทีเดียว แม้ว่าการแสดงผล 2K อาจจะทำให้ขนาดตัวฟอนต์เล็กลงไปบ้าง เพราะให้พื้นที่การใช้งานได้มากกว่า แต่คุณสามารถปรับ Scale, Size of text ใน Windows ประกอบไปด้วยได้ เลื่อนให้ฟอนต์ได้ขนาดตามที่คุณต้องการได้เลย

Low Blue Light Pro ฟีเจอร์พิเศษ ที่ช่วยให้ผู้ใช้คอม ซึ่งต้องทำงานอยู่หน้าจอนานๆ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง สบายตา ด้วยการลดแสงสีฟ้าที่รบกวนสายตา แต่ที่พิเศษกว่าก็คือ ผลจากการใช้ฟีเจอร์นี้ จะไม่ทำให้ภาพที่คุณเห็นไปแบบโทนอมเหลือง เหมือนกับฟีเจอร์การลดแสงสีฟ้าธรรมดา แต่จะปรับให้โทนสีมีความสมจริงสดใส แบบไม่เสียอรรถรสในการใช้งาน

จอคอม

ไม่ใช่แค่การแบ่งหน้าจอแนวตั้งเท่านั้น แต่แนวนอนก็ทำได้เช่นเดียวกัน จากตัวอย่างนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานในหลายแบบได้ โดยเฉพาะการเทียบข้อมูลงาน สำหรับการแก้ไข หรือจะซื้อขายหุ้น ด้วยการดูข้อมูลประกอบไปด้วย ตรงนี้ถือว่าจอใหญ่กว่า ย่อมได้เปรียบกว่า เพราะคุณไม่ต้องซูม-ย่อ หรือสลับหน้าต่างโปรแกรม แค่แบ่งหน้าจอก็ใช้งานได้ทันที

จอคอม

หรือถ้าเป็นงานที่ต้องทำงานด้านข้อมูล เช่น รายงานประจำปี รายรับ-รายจ่าย หรือข้อมูลพนักงาน ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 27″ ก็ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้นได้ เพราะพื้นที่ทำงานมากกว่า มองเห็น Cell และ Column ได้ชัดกว่า ทำให้การสร้าง Chart หรือ Table จำนวนมากได้ดียิ่งขึ้น และการแก้ไขกราฟทีละจุดเป็นเรื่องง่าย

จอคอม

และคงไม่ได้หยุดแค่การทำงาน อย่างเช่นตัวอย่างนี้ หากคุณมีไลฟ์สไตล์ที่เน้นการท่องอินเทอร์เน็ต เก็บข้อมูล หรืออ่านรายงานบนหน้าต่างโปรแกรมแบบยาวๆ แค่หมุนจอ 90 องศา Pivot แล้วใช้แค่ Scroll wheel ก็เลื่อนดูได้สะดวก จะนั่งชิลๆ จิบกาแฟในบ้าน แล้วเปิดเว็บดูข้อมูลไป หรือจะเปิดไฟล์ที่ยาวเป็นหน้ากระดาษ ในสำนักงานก็ได้เช่นกัน

จอคอม

หรือถ้าในงานที่จำเป็นจะต้องใช้ 2 จอ อย่างเช่น งานตัดต่อวีดีโอ ที่อาจจะมีจอภาพหลัก สำหรับการตัดงาน ประโยชน์ของจอแบบ Ultra-Wide ก็คือ สามารถใช้เป็นจอสำรอง ในการพรีวิวภาพหรือวีดีโอฟุตเทจ ในแบบแนวตั้ง ซึ่งได้จำนวนไฟล์ที่มีมากกว่า และยังมองเห็นได้ชัด เมื่อปรับภาพเป็น Large icon หรือ Extra Large และเลือกนำไปใช้ได้ทันที ไม่ต้อง Scroll wheel บ่อยๆ หรือจะใช้เป็นจอหลักสำหรับการตัดงาน ก็ได้เช่นกัน ด้วยความละเอียดระดับ 2K 1440p นี้ ทำให้การจัดวาง Tools ในการใช้งานกว้างขวางมากขึ้น

ในด้านงานตัดต่อวีดีโอ หรือตกแต่งภาพ จอ MSI ออกแบบมาให้กับผู้ใช้งานในด้านนี้ เพราะนอกจากจะเป็นจอขนาดใหญ่ 27″ ให้พื้นที่กว้าง กับความละเอียด 2K ที่ทำให้พื้นที่จัดการวีดีโอได้สะดวกแล้ว ยังให้ขอบเขตสีที่กว้าง และค่า sRGB ที่ระบุมานั้นอยู่ที่ 95% และจากการทดสอบของทีมงาน ได้ค่า Gamut Coverage 98% sRGB อีกด้วย ด้วยความแม่นยำของค่าสีในระดับนี้ ก็สามารถนำมาใช้งานด้านภาพและวีดีโอในเบื้องต้นได้ไม่ยาก หากได้รับการ Calibrate ที่เหมาะสมก่อนใช้งาน

จอคอม

สำหรับเกมเมอร์และเกมแคสเตอร์ สามารถใช้จอภาพ MSI นี้ ในการ Cast stream ได้ จะเลือกใช้เป็นจอหลักในการเล่นเกม หรือจะเป็นจอเสริมสำหรับแสดงผลในการสตรีมก็ได้เช่นกัน สะดวกได้ทั้ง 2 แบบ แต่หากคุณมีเครื่องคอมแรง เล่นเกมระดับ 2K บน MSI MODERN MD272QPW แล้วใช้จอขนาด 24″ มาช่วยในการ Monitor เปิดโปรแกรม ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

มาในด้านความบันเทิงกันบ้าง หลายคนที่ซื้อจอใหญ่ๆ ความละเอียดสูง ก็จะคาดหวังกับการชมภาพยนตร์แบบเต็มตา คมชัด และสีสันที่สดใส นอกเหนือจากประโยชน์ในการทำงานเพียงอย่างเดียว ด้วยภาพที่มีความสดใส และขอบด้านข้างที่บาง ก็ไม่ทำให้เกะกะสายตา รวมถึงสีสันจัดว่าทำได้ดีทีเดียว และผู้ใช้ยังเลือกปรับโหมด Movie เพื่อให้ตัวจอปรับโพรไฟล์แสงและภาพสำหรับการดูหนังได้ทันที ไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าเอง

OSD settings

หากจะเลือกจอคอมสักรุ่น การปรับแต่งก็สำคัญ MSI ให้การปรับแต่งจอผ่านทาง OSD settings มาได้อย่างละเอียดบนจอรุ่นนี้ ด้วยปุ่มควบคุมที่อยู่ใต้จอ 5 ปุ่ม ให้การปรับเลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ดีพอสมควร โดยในส่วนของ OSD นั้น เลือกตั้งค่าได้ตั้งแต่โพรไฟล์ Eco, User, RGB, Anti-Blue, Movie, Office และ black & White นอกจากนี้ยังเลือกใช้งาน KVM และ FreeSync ให้ใช้งาน ส่วนโหมดภาพ ก็เป็นการปรับค่าความสว่าง Contrast และ Sharpness รวมถึง Low Blue Light เอาไว้ด้วย ถือว่าเป็นจอทำงาน ที่ไม่ได้เน้นเล่นเกม แต่ให้ตัวเลือกในการปรับแต่งได้มากทีเดียว

MSI Display Kit

จอคอม

และในการปรับแต่ง MSI ยังมีซอฟต์แวร์ตัวช่วยในการตั้งค่าจอภาพ และการใช้งานที่เกี่ยวกับแสดงผลเอาไว้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าภาพ กับโพรไฟล์ต่างๆ หรือจะเป็นการแบ่งหน้าจอ รวมถึงความละเอียด และอัตรารีเฟรชเรต ไปจนถึง Tools สำหรับจอ เมาส์ คีย์บอร์ด โดยไม่ต้องเข้าไปปรับใน OSD หรือฟังก์ชั่นใน Windows อีกด้วย

สำหรับ MSI MODERN MD272QPW มาพร้อมพื้นที่แสดงผล 27″ ความละเอียด 2560x1440p พาแนล IPS และรีเฟรชเรต 75Hz รองรับการปรับหมุนจอได้อย่างหลากหลาย และมีพอร์ต Type-C 65W กับการรับประกัน 3 ปี สนนราคาประมาณ 9,900 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI MODERN MD272QPW


MSI MODERN MD241P

จอคอม

แต่ถ้าคุณยังไม่ต้องใช้จอขนาดใหญ่ จอ 24″ ก็เพียงพอต่อการใช้งาน แต่อยากได้ฟังก์ชั่นแบบเดียวกับใน MODERN series ก็ยังมีอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจกับ MSI MODERN MD241P จอคอม 24″ ความละเอียด Full-HD 1080p พาแนล IPS เป็นแบบ Anti-Glare ลดแสงสะท้อน กับ Ratio 16:9 ปรับเลื่อนได้แบบเดียวกับ MSI MODERN MD272QPW และมีพอร์ตสำหรับ Input สัญญาณ HDMI และ USB-C มีลำโพงเสียงจัดจ้านในตัว เหมาะทั้งการทำงานและความบันเทิงในงบประมาณ 5,900 บาท

จอคอม

MSI MODERN MD241P เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนทำงาน ที่มีพื้นที่บนโต๊ะจำกัด หรือมีบ้าน สำนักงาน ที่เป็นแบบมินิมอล แต่รองรับการใช้งานที่หลากหลายได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานซอฟต์แวร์สำนักงาน ทำเอกสาร พรีเซนเทชั่น ไปจนถึงในชีวิตประจำวันอย่าง เล่นหุ้น ท่องอินเทอร์เน็ต และความบันเทิง เช่น การดูหนัง เล่นเกมเบาๆ ให้สีสันที่สดใส ด้วยพาแนล IPS จึงช่วยให้มุมมองที่กว้าง ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในหลายด้าน และความบันเทิงแบบจัดเต็ม

ความน่าสนใจของจอ MSI รุ่นนี้อยู่ที่การเป็นจอ IPS ได้มุมมองกว้าง 178 องศา ทั้งสองด้าน นั่นก็ทำให้การรับชม ไม่ว่าจะดูเอกสาร หรือความบันเทิง รวมถึงการแบ่งปันหน้าจอให้กับคนข้างๆ ได้ดูนั้นทำได้ง่ายกว่า เพราะมองเห็นเป็นภาพเดียวกัน

การปรับเลื่อนหน้าจอ ก็แทบจะไม่ได้ต่างไปจากจอรุ่นพี่อย่าง MODERN MD272QPW ที่เรียกว่าถอดแบบกันมา กับการเลื่อนขึ้นลง เพื่อปรับความสูงในระดับ 110mm เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์

มุมก้ม-เงย อยู่ในระดับมาตรฐาน -5 – 20 องศา จะนั่งหรือยืนใช้งาน ก็พร้อม โดยเฉพาะคนที่ใช้โต๊ะไฟฟ้า ปรับเลื่อนความสูงได้ เมื่อยหลัง ก็ยืนทำงาน เมื่อยขาก็กลับมานั่งใหม่ ปรับให้เข้ากับสรีระและการใช้งานของแต่ละบุคคลได้

จอคอม

และพอร์ต ก็ให้มาพร้อมใช้งานเช่นกัน แต่จะลดทอนลงจากรุ่นพี่เล็กน้อย คือมีเพียง HDMI และ USB-C ไม่ได้มี DisplayPort มาให้ แต่เท่านี้ คุณก็ต่อสัญญาณจากคอมหรือโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ได้แล้ว

จอคอม

และสิ่งที่เป็นไฮไลต์ในการปรับเลื่อนจอรุ่นนี้ ยังคงเอาใจผู้ใช้ที่ต้องการมุมมองและการใช้งานแบบใหม่ๆ ด้วยการปรับหมุน 90 องศาแบบ Pivot ได้ คล้ายกับใน MSI MODERN MD272QPW กับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโปรแกรม ท่องอินเทอร์เน็ต ใช้เป็นจอเสริมในการพรีวิววีดีโอฟุตเทจ หรือจะใช้ในการนำเสนอผลงาน แล้วแต่จินตนาการของแต่ละบุคคล

การปรับแต่ง OSD ก็ทำได้ค่อนข้างง่าย กับปุ่มที่อยู่ด้านใต้จอทางขวา มีให้ใช้ 5 ปุ่ม และตั้งคีย์ลัดได้เช่นกัน ส่วนการปรับก็มีทั้ง Brightness, Contrast, Temp Color และอื่นๆ เพียงแต่ไม่มีโพรไฟล์ภาพ หรือ Picture mode เท่านั้น แต่ก็ยังใช้งานได้สะดวกทีเดียว แต่ก็เลือกการปรับแต่งผ่านทางซอฟต์แวร์ MSI Display Kit ได้เช่นกัน

จอคอม

ในงานด้านเอกสาร แม้จะไม่ได้มีหน้าจอขนาดใหญ่ แต่ด้วยจอภาพ 24″ นี้ ก็รองรับการใช้งานได้ดีพอ กับความละเอียด Full-HD ที่ให้การมองหน้าเอกสารได้ชัดเจน หรือจะเลือกปรับแต่งขนาดของ Font Scale ของ Windows เพื่อให้ฟอนต์มีขนาดเล็กใหญ่ สอดคล้องกับความถนัดของผู้ใช้เองได้ ตัวอักษรคมชัด และยังแบ่งหน้าได้ด้วยการ Splt ในกรณีที่ใช้หลายงานพร้อมกันได้

จอคอม

ในด้านของความบันเทิง ด้วยความเป็นพาแนล IPS จึงเห็นความสดใส และความคมชัดของภาพได้อย่างชัดเจน สามารถตอบโจทย์ในด้านการชมภาพยนตร์ได้ดี ให้ความสว่างได้ถึง 250cd/m2 และจากการทดสอบของเรา ผลที่ได้ถือว่าใกล้เคียง จัดได้ว่าเป็นจอทำงานอีกรุ่นหนึ่ง ที่ให้ความสว่างของภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ตอบสนองกับความบันเทิงได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการเป็นจอแบบลดแสงสะท้อน คุณจะนั่งทำงานในบริเวณที่มีแสงรบกวนภายนอกค่อนข้างมาก ก็ยังสบายตา

การปรับแต่ง OSD settings สามารถได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เพียงแต่ปุ่มอาจจะดูงงไปบ้าง แต่สามารถดูสัญลักษณ์ได้จากหน้าจอ โดยไอคอนขนาดใหญ่ พร้อมรายละเอียด ช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้น

จอคอม

ด้านการเล่นเกมและงานตัดต่อ รวมถึงการแคสสตรีม จอจาก MSI รุ่นนี้ มีพื้นที่มากพอ สำหรับจัดการงานต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพื้นที่แสดงผล ที่ให้คุณจัดวาง Tools และการพรีวิวภาพได้ชัดเจน จะใช้เป็นจอหลักในการตัดต่องาน หรือสตรีมก็ได้ ด้วยค่า sRGB ที่ระบุมากว่า 100% รวมถึง Adobe RGB มากกว่า 90% มั่นใจได้ในความแม่นยำและขอบเขตสีที่คุณสามารถเริ่มต้นในงานด้านนี้ได้พอสมควร มิติแลความลึกของสีที่ปรากฏ ก็ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้ไม่น้อยเลย จะมีเพียงเรื่องของอัตตรารีเฟรชเรต 75Hz เท่านั้น ที่อาจจะไม่ได้สูงนัก แต่ก็ถูกทดแทนในเรื่องของจอภาพคมชัด และสีสันสดใส รวมถึงย้ำว่า MSI MODERN รุ่นนี้ ออกแบบมาเพื่อการทำงานเป็นหลัก แต่เล่นเกมได้ภาพสวยลงตัว

จอคอม

และ MSI MODERN MD241P รุ่นนี้ยังคงเป็นได้ทั้งจอหลักและจอเสริมในการเพิ่ม Productivity งานของคุณได้อย่างเต็มที่ ด้วยคุณสมบัติที่มีให้อย่างครบครันกับการรับประกัน 3 ปี ราคาประมาณ 5,900 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI MODERN MD241P


MSI Pro MP243

จอคอม

แต่สำหรับผู้ที่จะเริ่มต้นกับการทำงานและความบันเทิงทั่วไปในบ้าน MSI PRO series ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เหมาะกับผู้ใช้ภายในบ้าน และสำนักงาน ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและมีพื้นที่จำกัด ให้ฟังก์ชั่นการใช้งานที่พอเหมาะ หน้าจอคอมชัด เช่นเดียวกับ MSI PRO MP243 จอภาพขนาด 24″ ความละเอียด Full-HD 1080p พร้อมพาแนล IPS ให้ความคมชัด มุมมองกว้าง กับฟีเจอร์สำหรับการใช้งานอีกมากมาย ในราคาสบายกระเป๋า 4,350 บาท

ขอบจอบางเฉียบ มาพร้อมฐานและขาตั้งที่ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา เหมาะในการเคลื่อนย้ายและลดภาระการจัดวางบนโต๊ะทำงาน ไม่จำเป็นต้องมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ หรือรับน้ำหนักมากมายนัก และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางสิ่งอำนวยความสะดวกบนโต๊ะได้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น พรินเตอร์ โคมไฟ หนังสือ หรือจะเป็นพัดลมพกพา แต่ที่เป็นไฮไลต์ก็คือ มีช่องสำหรับวางโทรศัพท์มือถือมาบนฐานอีกด้วย ไม่ต้องวางบนโต๊ะให้เปลืองพื้นที่

จอคอม

ตัวจอมี 2 สีให้เลือกคือ สีดำ และสีขาว ขึ้นอยู่กับความชอบ โดยมีจุดที่ใช้ติดตั้ง VESA mount 75x75mm อยู่ด้านหลัง สำหรับติดตั้งกับกำแพงหรือ แขนจับจอ Monitor Arm ได้อีกด้วย พร้อมโลโก้ MSI โดดเด่นอยู่ทางด้านหลังนี้

การปรับเลื่อนมีข้อจำกัดเล็กน้อย รองรับได้เพียง มุมก้มและเงยในระดับ -5 – 20 องศาเท่านั้น แต่ด้วยน้ำหนักที่เบา ขนาดไม่ใหญ่มากนัก จึงสามารถหัน ขยับเลื่อนจอไปมาได้ง่าย ในกรณีที่จำเป็น เช่น หันให้ลูกค้าที่อยู่ตรงข้ามได้ดู หรือหันข้างให้คนที่นั่งใกล้ๆ กันได้ชม

จอคอม

กับดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ก็ดูเข้ากันได้กับเฟอร์นิเจอร์ หรือสถานที่ต่างๆ ทั้งในบ้าน สำนักงาน หรือนำไปออกบูธนอกสถานที่ ด้วยความบาง กระชับและน้ำหนักเบา ยกใส่ท้ายรถไปถึงที่จัดงานได้ไม่ยาก ด้วยขอบจอที่บางทั้ง 3 ด้าน ก็ทำให้จอดูไม่เทอะทะจนเกินไป แม้จะเป็นจอ 24″ ก็ตาม นอกจากนี้แล้วยังดีไซน์ให้มีที่ตั้งมือถือมาไว้บนฐานจออีกด้วย

จอคอม

พอร์ตรับสัญญาณมีมาให้ทั้งแบบ HDMI และ DisplayPort รวมถึงช่อง Audio สำหรับต่อหูฟัง หรือลำโพงได้อีกด้วย

จอคอม

ส่วนจุดที่ใช้ควบคุมตั้งค่า OSD settings จะอยู่ที่บริเวณด้านล่างขวาของจอคอมเช่นเดียวกัน เป็นแบบ 5 ปุ่ม และไฟแสดงสถานะอยู่ใกล้กัน การใช้งานค่อนข้างง่าย ไม่ซับซ้อนมากนัก

หากคุณต้องการจอที่มีขอบจอบาง ให้พื้นที่การแสดงผลได้แบบเต็มตา ทั้งด้านความบันเทิง เช่นการดูหนัง และการทำงาน MSI PRO MP243 รุ่นนี้ สามารถตอบความต้องการดังกล่าวได้ รวมถึงพาแนล IPS ให้สีสันสดใส และคมชัด กับหน้าจอแบบ Anti-Glare ก็ช่วยให้ใช้งานในที่ที่มีแสงรบกวนจากภายนอกได้สบายตามากยิ่งขึ้น โดยส่วนตัวมองว่า แทบไม่ได้ต่างไปจาก MSI MODERN MD241P เลยทีเดียว สีจัดจ้าน ทำให้การชมภาพยนตร์มีอรรถรสมากกว่า

จอคอม

แต่หากคุณเป็นคนทำงาน จริงจังกับการดูข้อมูล เทรดหุ้นหรือคริปโต ในแบบเรียลไทม์ ไม่อยากคลาดช่วงเวลาสำคัญ ด้วยพื้นที่แสดงผล และความละเอียด 1080p นี้ ก็มากพอที่จะทำให้คุณได้เช็คราคาตลาด และการเทรดได้อย่างรวดเร็ว จะเปิดดูกราฟแบบเต็มจอ หรือจะแบ่งจอสำหรับหาข้อมูลพร้อมกันไปด้วย ก็ไม่ได้ยาก แต่ถ้าให้ดีการใช้ Dual monitor น่าจะเป็นทางออกที่ดีของผู้ใช้ในกลุ่มนี้

ไม่ใช่แค่เพียงในแง่ของการใช้ในงานและความบันเทิงในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังรองรับงานในอีกหลายด้าน ที่เป็นซอฟต์แวร์พื้นฐาน เช่น งานตัดต่อ และการแคสสตรีม สำหรับมือใหม่ได้ แม้จะไม่ได้ให้ขอบเขตสีหรือความแม่นยำสีในระดับมืออาชีพ เพราะเป็นจอสำหรับเริ่มต้นการใช้งานหรืองานทั่วไป แต่ก็ใช้เรียนรู้กับงานเหล่านี้ได้ดีพอสมควร โดยค่าสีที่ระบุมาให้นั้น sRGB 99%, Adobe RGB 84% และ DCI-P3 78.9% เลยทีเดียว

การปรับแต่งใช้ตัวควบคุม 5 ปุ่มที่อยู่ด้านใต้จอทางขวา เลื่อนใช้งานได้สะดวกทีเดียว ที่สำคัญมี Professional mode ที่ให้เลือกโพรไฟล์สำหรับใช้งาน เช่น Eco, User, sRGB, Anti-Blue, Movie, Office และ Black-White รวมถึงการตั้งค่าอื่นๆ เช่น Adaptive-Sync และอื่นๆ ที่เป็นพื้นฐานเอาไว้ครบ

จอคอม

จุดไฮไลต์ที่เป็นลูกเล่นของจอรุ่นนี้ ก็คือ ช่องสำหรับวางมือถือ ที่ช่วยให้คุณสะดวกในการใช้งาน เช่น จะต้องติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ใช้ในการประชุมออนไลน์ หรือป้องกันมือถือหาย เพราะจะอยู่ด้านหน้าเครื่องตลอดเวลา และยังไม่เปลืองพื้นที่โต๊ะทำงานอีกด้วย

MSI PRO MP243 นี้ เป็นจอคอมที่เริ่มต้นการใช้งานของผู้ที่ต้องการจอทำงาน ที่มีรูปลักษณ์เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่รองรับการใช้งานได้หลากหลายกับพื้นที่แสดงผล 24″ อัตรารีเฟรชเรต 75Hz ให้ภาพที่ไหลลื่น มีความคมชัด สีสันสดใส ปรับแต่งได้บน OSD settings หรือบนซอฟต์แวร์ MSI Display Kit และให้การเชื่อมต่อสัญญาณพื้นฐานมาครบ ไม่เปลืองพื้นที่ ราคาประมาณ 4,350 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI PRO MP243


MSI PRO MP241X

จอคอม

แต่ถ้าคุณต้องการจอคอมมาเสริมกับจอหลัก หรือจอภาพที่มีความคมชัด สำหรับการทำงานทั่วไป ให้พื้นที่แสดงผล 24″ ความละเอียด Full-HD 1080p พาแนลในแบบ VA มีฟังก์ชั่นการใช้งานพอเหมาะ กับการออกแบบขอบจอบางเป็นพิเศษ เข้ากันได้กับในสำนักงานหรือภายในบ้าน ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา เหมาะกับการเคลื่อนย้าย และมีราคาที่เหมาะกับการเริ่มต้นใช้งาน MSI PRO MP241X มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่เข้ากันได้การใช้งานต่างๆ ได้อย่างลงตัว

จอคอม

ในด้านของดีไซน์จะบางกว่า MSI PRO MP243 อยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นได้ชัดเจน ตัวบอดี้เป็นสีดำทั้งหมด ตั้งแต่ฐาน ขาตั้งและตัวจอ โดยที่รองรับการปรับได้เพียงรูปแบบเดียวคือ มุมก้ม-เงยในระดับ -5 – 15 องศา แต่ในกรณีที่ต้องการเคลื่อนย้าย เพื่อปรับองศาการมอง ทำได้ง่ายมาก เพราะน้ำหนักเบาเพียง 2.85Kg. เท่านั้น เหมาะสำหรับบ้านหรือสำนักงานที่มีพื้นที่จำกัด หรือวางเป็นจอที่สองเสริมการใช้งานจอหลักก็สะดวก

จอคอม

ขาตั้งติดตั้งได้ง่ายดาย ไม่ต้องใช้เครื่องมือแต่อย่างใด แค่เสียบให้เข้ากับสลักที่มีให้ที่บริเวณด้านหลังของจอเท่านั้น โดยมี VESA Mount 75x75mm มาให้ สำหรับติด Wall mount เข้ากับกำแพง หรือ Monitor Arm ที่เป็นแขนจับจอ ยึดกับโต๊ะ ก็ช่วยประหยัดพื้นที่โต๊ะไปได้ไม่น้อยเลย

ปุ่มควบคุม OSD settings มีด้วยกัน 5 ปุ่ม แต่จะต่างจากบรรดาจออื่นๆ ที่นำมาแนะนำกันในครั้งนี้ การใช้งานส่วนตัวมองว่าอาจจะสับสนเล็กน้อย เพราะต้องสังเกตดีๆ ว่าปุ่มใดใช้ทำอะไร ต้องใช้ไปสักระยะจนคุ้นเคย ก็จะง่ายขึ้น ส่วนโลโก้ MSI อยู่ด้านบนดูสะดุดตา

จอคอม

พอร์ตสัญญาณขาเข้า มีให้เลือกใช้ทั้งแบบ HDMI สำหรับสัญญาณดิจิตอล แต่ถ้าใครที่ใช้คอมสำนักงาน หรือคอมเก่าที่ยังใช้พอร์ต VGA หรือ D-Sub อยู่ จอคอม MSI รุ่นนี้ก็มีเตรียมเอาไว้ให้เช่นเดียวกัน

จอคอม

ในด้านการใช้งาน ความบันเทิงจากจอ MSI รุ่นนี้ เช่น การดูหนังและการสตรีมมิ่ง เป็นจอคอมอีกหนึ่งรุ่นที่มีความสดใสของภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ภาพที่ได้มีความลื่นไหล อีกทั้งเมื่อเล่นในโหมด Full-HD ที่แสดงผลแบบเต็มจอเช่นนี้ ยิ่งเพิ่มความสนุกและดูเต็มตามากยิ่งขึ้น เรียกว่าแม้จะเป็นจอทำงาน แต่เรื่องความสนุกสนานก็ไม่ขาดอรรถรส

และในการทำงานนั้น ขอบจอที่บางพิเศษนี้ ก็ช่วยให้มีพื้นที่ทำงานได้เต็มที่มากขึ้น ตัวอักษรคมชัด สามารถแสดงผลอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ ให้การใช้งานได้อย่างครอบคลุม ไม่ต้องปรับจูนมากมายนัก กับความละเอียด Full-HD นี้ ช่วยให้ใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ในปัจจุบันได้ดี

จอคอม

แม้ว่าจะเป็นพาแนลแบบ VA แต่ก็ให้มุมมองได้กว้าง สามารถมองจากด้านข้างซ้ายและขวาได้อย่างชัดเจน พื้นที่หน้าจอในระดับ 24″ ถือว่ากว้างขวางตามมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน การแบ่งหน้าจอทำได้ง่าย แม้ว่าจะแบ่งแล้วทำให้หน้าต่างการทำงานเล็กลงไปบ้าง แต่การปรับ Scale และขนาดฟอนต์ให้สอดคล้องกับการใช้งาน ก็ช่วยให้จัดสรรพื้นที่การทำงานดีขึ้น

จอคอม

การเล่นเกมบนจอขนาด 24″ บนความละเอียด Full-HD แม้จะไม่ได้ตรงกับจุดประสงค์ของจอรุ่นนี้มากนัก แต่เท่าที่ดูความสวยงาม และรายละเอียดที่ปรากฏบนเกมต่างๆ เหล่านี้ หลายคนก็น่าจะให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะเกมเมอร์มือใหม่ ที่กำลังเริ่มต้นกับการเล่นเกม และมีสเปคเครื่องระดับกลางๆ ก็จะสามารถสนุกไปกับจอ MSI รุ่นนี้ได้ อีกทั้งการแสดงผลแบบ Boarderless หรือไร้ขอบ ยิ่งเพิ่มความสนุกในการเล่นเกมได้มากยิ่งขึ้น หรือถ้างบน้อย ไม่อยากเล่นจอใหญ่ ก็สามารถใช้เป็นจอคู่มาเล่นได้ เพราะขอบจอที่บางเฉียบเช่นนี้

MSI PRO MP241X เป็นจอ MSI รุ่นน้องเล็กสำหรับผู้เริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ความบันเทิงหรือการเล่นเกม พาแนล VA เรื่องสีสันยังคงสดใส แม้จะไม่เท่า IPS แต่ในเรื่องของความสว่างและ Contrast จัดว่าช่วยให้การใช้งานต่างๆ ได้ดีขึ้น ขอบจอบาง ปรับแต่งได้ รวมถึงราคายังจับต้องได้ง่าย ประมาณ 3,900 พันบาทอีกด้วยกับการรับประกันถึง 3 ปี

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI PRO MP241X


Conclusion

MODERN
MD272QPW
MODERN
MD241P
PRO MP243 PRO MP241X
Display size 27″ 23.8” 23.8″ 23.8″
Resolution 1440p 1080p 1080p 1080p
Refresh rate 75Hz 75Hz 75Hz 75Hz
Panel IPS IPS IPS VA
View angle 178/178 178/178 178/178 178/178
Contrast ratio 1000:1 1000:1 1000:1 3000:1
Port 1x HDMI (1.4b),
1x DisplayPort (1.2),
1x Type C (DP Alternate)
1x USB 2.0 Type B,
2x USB 2.0 Type A
1x HDMI (1.4b),
1x Type C (DP Alternate)
1x HDMI (1.4b),
1x DisplayPort (1.2)
1x USB-C 65W
1x HDMI (1.4b)
1x D-Sub (VGA)
Speaker 2W 2W 2W
Swivel -30° ~ 30° -30° ~ 30°
Tilt -5° ~ 20° -5° ~ 20° -5° ~ 20° -5° ~ 15°
High 0 ~ 110mm 0 ~ 110 mm
Pivot -90° ~ 90° -90° ~ 90°
sRGB 95% 106.58% 99.08% 105%
VESA mount 75x75mm 75x75mm 75x75mm 75x75mm
Weight 5.85 kg 4.7 Kg 2.95 Kg 2.85 kg
Price 9,900 5,900 4,350 3,900
จอคอม

การเลือกจอคอมสำหรับทำงานนั้น มีด้วยการหลายระดับ ต่างเงื่อนไข ขึ้นอยู่กับการเลือกว่าจะนำไปใช้กับงานประเภทใด หากเป็นงานออฟฟิศ ซอฟต์แวร์ทั่วไป จอในรุ่น PRO series ขนาด 24″ จากทาง MSI ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้ดี เหมาะกับการเป็นจอภาพเริ่มต้น ทั้งในเรื่องความคมชัด ความสว่างและสีสัน ที่ช่วยให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น ในราคาที่ประหยัด แต่หากต้องการจอที่มีฟังก์ชั่น ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี MSI MODERN ที่เสริมเทคโนโลยี การปรับแต่ง และพื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ 27″ ก็ทำให้งานไหลลื่นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพาแนล IPS ปรับแต่ง Picture mode ได้ รวมถึงการปรับเลื่อนจอภาพในแบบต่างๆ ขอบจอที่บาง รองรับ FreeSync และมีเทคโนโลยี Less Blue Light Pro ที่ช่วยลดแสงสีฟ้า แต่ภาพยังมีสีสดใส ใช้งานได้อย่างสบายตามากขึ้น เหมาะทั้งการเป็นจอหลัก หรือจะใช้เป็นจอเสริม เพิ่มเติมประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีทีเดียว

from:https://notebookspec.com/web/686515-msi-pro-modern-monitor-2023

จอพับได้! โน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ราคาถูก 7 รุ่น เบา จอสัมผัส เริ่มแค่หมื่นกว่า ได้ทั้งโน๊ตบุ๊คและแท็ปเล็ต ปี 2023

จอพับได้ โน๊ตบุ๊ค Convertible 7 รุ่น สุดประหยัด 2023 เป็นโน๊ตบุ๊คและแท็ปเล็ตได้ในตัว สะดวกเวอร์

จอพับ

วันนี้เรารวบรวมโน๊ตบุ๊คในแบบ 2-in-1 หรือ Convertible Notebook ที่จอพับได้ ราคาประหยัดมาฝากกัน 7 รุ่น สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊ค ที่มีความหลากหลาย รองรับการใช้งานได้หลายอย่าง ด้วยความสามารถในการพับจอ 360 องศาหรือแบบถอดจอได้นี้ ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันได้ดี ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คโหมดทำงานทั่วไป โหมดแท็ปเล็ต ด้วยการทัชสกรีน และรองรับ Digital Pen ก็เหมาะอย่างยิ่งกับแอพพลิเคชั่นในเวลานี้ และยังจับถือได้สะดวกขึ้น รวมถึงโหมดอื่นๆ เช่น Tent/ Stand mode ที่ใช้กับความบันเทิง ดูหนัง เล่นเกม และในปัจจุบันได้ดีทีเดียว ใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คจอพับ จอสัมผัสราคาเบาๆ ติดตามกันได้เลยครับ

จอพับ! โน๊ตบุ๊ค Convertible 7 รุ่น ราคาถูก 2023

  1. เลือกโน๊ตบุ๊ค Convertible อย่างไร?
  2. ASUS Vivobook Go 14 Flip
  3. Lenovo DUET 3 10
  4. Lenovo Flex5 14
  5. Microsoft Surface GO 3
  6. ASUS Vivobook S 14 Flip
  7. ASUS ExpertBook B3 Flip
  8. HP Pavilion X360 14

เลือกโน๊ตบุ๊ค Convertible อย่างไร?

พับจอหรือถอดจอได้?: เรื่องนี้อยู่ที่ผู้ใช้เองจะเลือกแบบใด ถอดจอได้ข้อดีคือ พกพาสะดวก ประหยัดพลังงาน และบอดี้ง่ายต่อการจับถือ ส่วนพับจอได้ ทำให้การจัดวางในแบบต่างๆ ง่ายขึ้น แบตเยอะขึ้น แต่ก็ทำให้การจับถือในโหมดแท็ปเล็ตดูเทอะทะพอสมควร ซึ่งถ้ามองที่การพกพาเป็นหลัก แยกจอได้อาจจะสะดวก แต่ถ้าทำงานด้วย วางบนโต๊ะเป็นส่วนใหญ่ จอพับได้น่าจะเป็นคำตอบ

Advertisementavw
ASUS ExpertBook B5 Flip 6

สเปค: ถ้าคุณให้ความสำคัญกับการทำงาน มากกว่าฟังก์ชั่นอื่นใด ทำงานบนโต๊ะ หรือเน้นการอยู่กับที่ มีสายชาร์จ จะเลือกแบบที่ซีพียูแรง แรมเยอะ ก็ได้ เพราะทำให้งานคุณเสร็จได้ไวขึ้น ตัวอย่างเช่น ซีพียู Intel Core i family รุ่นใหม่หรือเป็น AMD Ryzen ก็น่าสนใจ แต่ในทางกลับกัน คุณใช้แค่พรีวิวภาพ ตรวจเช็คงาน ท่องอินเทอร์เน็ต หรือเทรดหุ้น สเปคพื้นฐาน ไม่ได้เปิดงานเยอะ ซีพียูรุ่นประหยัด แรม 8GB และมี SSD 256GB ก็เพียงพอ อยากเก็บข้อมูลหรือทำงาน ก็ใช้ระบบ Cloud มาเสริม ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และประหยัดไฟมากขึ้นอีกด้วย

จอแสดงผล: จอที่เราเลือกมานั้น ส่วนใหญ่จะเป็น Full-HD แต่มีหน้าจอหลายขนาด เริ่มตั้งแต่ 10.5″ ไปจนถึง 14″ โดยความละเอียดเป็นแบบ Full-HD ซึ่งถือว่าเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี แต่อาจจะต้องคำนึงถึงการใช้งานจริง เพราะพื้นที่การมองเห็นต่างกัน จอเล็กก็สะดวกต่อการพกพา นำไปใช้งานในโอกาสต่างๆ ได้ง่าย แต่เรื่องพื้นที่ใช้งานอาจมีน้อยกว่า ส่วนจอ 14″ มองเห็นได้ชัด เพราะเป็นขนาดพื้นฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไป แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการจับถือที่ยาก อาจจะสะดวกต่อการวางบนโต๊ะเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งมีผลต่อการใช้แบตเตอรี่ที่มากขึ้นอีกด้วย

Expertbook B3 DSC00221

ความถนัดมือ: เป็นสิ่งสำคัญมากๆ หากคุณจะต้องใช้งานอยู่ด้วยทั้งวัน หากคุณจะต้องพกโน๊ตบุ๊คพับจอได้ขนาดใหญ่ เดินเข้าไปในไซต์งาน นอกสถานที่บ่อยๆ อาจไม่สะดวกเท่ากับการถือแค่จอไปเพียงอย่างเดียว เลือกใช้การทัชสกรีนที่คล่องตัวกว่า แต่ถ้างานที่คุณต้องทำ ยังอยู่กับการพิมพ์เป็นหลัก และอยู่กับในสำนักงาน อยู่ในบ้าน ปรับโหมดทำงานได้ง่าย และต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่หลากหลายตลอดเวลา การเป็นโน๊ตบุ๊คพับจอได้น่าจะถนัดมือมากที่สุด


1.ASUS Vivobook Go 14 Flip

จอพับ

เป็นโน๊ตบุ๊คจอพับได้ในแบบ 2-in-1 จาก ASUS ใช้สำหรับการเริ่มต้นการเรียนรู้ ในชีวิตประจำ เช่น การเทรดหุ้น ดูหนัง พิมพ์เอกสาร แม้กระทั่งการแต่งภาพแบบเบาๆ ดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย น้ำหนักแค่ 1.6Kg จอ 14″ Full-HD คมชัด พับจอได้ 360 องศา เป็นได้ทั้งโน๊ตบุ๊คและแท็ปเล็ต และเป็นจอสัมผัส รองรับ ASUS Pen ให้อารมณ์ในการทำงานได้มากกว่าการแตะพิมพ์ทั่วไป มีคีย์บอร์ดที่มีไฟ Backlit มาให้ และพอร์ตมาแบบจัดเต็ม เช่น USB-C 3.2 ต่อจอใหญ่ผ่าน HDMI ได้อีกด้วย ติดอยู่เล็กน้อย ตรงมี SSD 256GB และน่าจะเพิ่มแบตมาให้ใหญ่อีกหน่อย แต่ถ้าคุณใช้ Cloud storage และใช้งานแบบเปิดๆ ปิดๆ ที่ให้มานี้ ก็ใช้ได้เกินครึ่งวันแล้วครับ เคาะราคาที่ 13,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
พับจอได้หลายโหมด ค่อนข้างหนาเมื่อใชโหมดแท็บเล็ต
คีย์บอร์ดแสงไฟ Backlit

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


2.Lenovo DUET 3 10

จอพับ

เป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 จอพับได้ ที่มาได้แบบครบเครื่อง บางเบา พกพาสะดวก ใครที่ชอบความกระทัดรัดแนะนำเลย DUET 3 เพราะมาในแบบ Detachable หรือถอดจอแยกกับคีย์บอร์ดได้ และเป็นแบบจอสัมผัส รองรับ Digital Pen หรือปากกาใช้จด วาดได้ง่ายขึ้น บนหน้าจอขนาด 10.3″ เหมาะทั้งใช้เรียน และการออกไซต์งาน ปรับพับให้ใช้งานได้หลากหลาย ความละเอียด Full-HD พร้อมแรม 8GB รวมถึงมี Windows 10 มาในตัว ระบบเสียง DOLBY เพิ่มอรรถรสด้านความบันเทิงได้เต็มอิ่ม มี WiFi/ Bluetooth มาในตัว แต่เรื่องขุมพลัง อาจจะเหมาะกับใช้งานเบื้องต้น รีวิวภาพ เล่นวีดีโอ ซึ่งไม่เหมาะกับงานหนักมาก และพอร์ตที่ให้มาไม่เยอะมากนัก ด้วยข้อจำกัดของบอดี้ ราคาอยู่ที่ 20,490 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
เบาเบา กระทัดรัด พอร์ตมีให้ไม่เยอะมาก
ถอดจอออกได้

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


3.Lenovo Flex5 14

จอพับ

ใครที่อยากได้โน๊ตบุ๊ค Convertible พับจอได้ ฟิลลิ่งคล้ายๆ กับแท็ปเล็ต แต่ได้สเปคดี กดคีย์บอร์ดสนุก หน้าจอ 14″ Full-HD กว้างๆ Lenovo Flex5 อาจจะเป็นคำตอบ แม้จะไม่กระทัดรัดมาก เมื่อเทียบกับบางรุ่นในครั้งนี้ แต่ให้สเปคระดับ Core i3 Gen12 พร้อมแรม 8GB ความเร็วสูง และ SSD 512GB แบบคุ้มๆ หาตัวเทียบยากในราคาประมาณ 2 หมื่นบาทนี้ จอทัชสกรีน รองรับ Digital Pen ในการจดและวาดภาพ คีย์บอร์ดนุ่มๆ มีแสงไฟ Backlit สว่างชัด เว็บแคมชัดมาก 1080p พอร์ตเป็นตัวเด่น เพราะมี Thunderbolt4 มาด้วย ชาร์จเร็ว ต่อจอได้ โอนถ่ายข้อมูลไว รวมถึงให้แบตมาใช้เกินครึ่งวันข้างนอก เพิ่มความปลอดภัยด้วยสแกนลายนิ้วมือ ข้อสังเกตคือ เมื่อพับเป็นแท็ปเล็ตจะดูค่อนข้างหนา แต่ก็ทดแทนด้วยวัสดุที่ดี และน้ำหนักเบา ราคาประมาณ 22,900 บาท แต่หน้าร้านออนไลน์ ไม่ถึง 2 หมื่น

จุดเด่น ข้อสังเกต
ขอบจอบาง สเปคดี เมื่อพับแล้วค่อนข้างหนา
พอร์ตมีให้เยอะ

รายละเอียดเพิ่มเติม: Lenovo


4.Microsoft Surface GO 3

จอพับ

เป็นโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากทาง Microsoft จอพับได้ เพราะถ้าในสายของความบางเบา กระทัดรัด ตอบสนองได้ดี Surface Go ก็จัดว่าน่าสนใจ ในราคาประมาณ 2 หมื่นต้นๆ กับการเป็น Detachable ที่ถอดคีย์บอร์ดได้ แต่ก่อนหน้านี้มักจะเห็นว่า มาแค่ตัวจอ ไม่มีคีย์บอร์ด แต่หลายร้านเวลานี้ บันเดิลคีย์บอร์ดให้พร้อมใช้ ดูน่าสนใจขึ้นมาอีกเยอะ กับขุมพลังอย่าง Core i3 ได้แรม 8GB จอไซส์แค่ 10.5″ แต่ได้แบบ Full-HD รองรับทัชสกรีน รวมถึง Surface Pen วาดเขียนได้แบบเนียนๆ ด้วยความที่แยกคีย์บอร์ด ก็ทำให้เหมือนใช้แท็ปเล็ตเลย จับถนัดมือ ไม่เหมือนแบบพับ 360 องศา ซึ่งสิ่งที่ได้มาคือ ความเบาน้อยกว่า 1Kg รวมถึงแบตที่ใช้ได้นานขึ้น มี Windows ในตัวพร้อมใช้กับราคาประมาณ 22,990 บาทเท่านั้น

จุดเด่น ข้อสังเกต
ถอดจอแยกคีย์บอร์ดได้ ราคาค่อนข้างสูง
ให้สัมผัสที่ดีเมื่อใช้กับ Surface Pen

รายละเอียดเพิ่มเติม: Microsoft


5.ASUS Vivobook S 14 Flip

จอพับ

ถ้าจะพูดถึงโน๊ตบุ๊ค Convertible สายบางเบา เชื่อว่า Vivobook เป็นอีกชื่อหนึ่งที่หลายคนใช้งานอยู่ และสำหรับ Flip นี้ จัดเป็นโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่มีฟังก์ชั่นแบบจัดเต็มให้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นจอ 14″ IPS Full-HD พื้นที่กว้าง รองรับทัชสกรีน และใช้ร่วมกับ ASUS Pen ได้ จะวาดเขียน จดก็ง่าย ความแรงไม่เป็นรองใคร ด้วยขุมพลัง AMD Ryzen 5 5600H ตัวแรง กับแรม 8GB ที่อัพเกรดเพิ่มได้อีกด้วย พอร์ตให้มาแน่นๆ โดยเฉพาะ USB 3.2 Type-C ชาร์จ โอนถ่ายรวดเร็ว ได้กล้อง Full-HD และระบบเสียงจัดจ้าน พับจอได้ 360 องศา คีย์บอร์ดปุ่มใหญ่ กดสะดวก มีไฟ Backlit ในตัว คู่มากับทัชสกรีนที่มีลูกเล่นในตัว ดูจะเป็นตัวจบครบเครื่องได้ ข้อสังเกตคือ เมื่อพับเป็นแท็ปเล็ตอาจไม่แนบดีนัก จากส่วนเว้าส่วนโค้ง รวมถึงพลังจากซีพียูที่แรง อาจจะมีผลต่อระยะการใช้งานแบตได้เช่นกัน เคาะราคาอยู่ที่ราว 25,990 บาท ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย

จุดเด่น ข้อสังเกต
จอภาพให้สีสันสดใส บานพับแข็งแรง
ซีพียูประสิทธิภาพสูง

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


6.ASUS ExpertBook B3 Flip

จอพับ

ในซีรีส์ของ ExpertBook จาก ASUS นั้น ต้องถือว่าแยกออกมาได้หลายรุ่น และ B3 Flip จะโดดเด่น นอกเหนือจากความเพรียวบาง และทนทาน แต่ให้การพับหน้าจอ 360 องศา และยังเป็นพาแนลแบบ OLED สีสันสดใส เอาใจคนทำงาน และสายบันเทิง รองรับการทัชสกรีน และใช้ร่วมกับ ASUS Pen ในการวาดเขียนหน้าจอ ที่มีให้ในตัว เป็นจอ 14″ ความละเอียด Full-HD แต่ที่โดดเด่นอยู่ที่พอร์ตมี Thunderbolt4 มาให้ และต่อ LAN RJ-45 ได้ในตัว แต่นั่นก็ทำให้บอดี้หนาขึ้นเล็กน้อย จุดแข็งมองว่าบานพับ ASUS ทำออกมาได้แน่นทีเดียว ชาร์จไฟได้ไว มีกล้อง 2 ตัว ทัชแพดยังใส่เป็น NumberPad มาอีกด้วย สเปคอาจจะเบาไปบ้าง ถ้าเทียบกับ Vivobook ในครั้งนี้ เพราะได้เป็น i3 แรม 4GB แต่ในราคาเดียวกันนี้ มีรุ่นที่เป็น AMD Ryzen 5 แรม 8GB ได้แบตใหญ่ขึ้น แต่ไม่มี Thunderbolt 4 ให้เลือกด้วยนะ แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละบุคคล ราคา 26,900 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
เน้นผู้ใช้ที่ชอบบางเบา แข็งแรง มีแรมให้ 4GB
มี Thunderbolt 4

รายละเอียดเพิ่มเติม: ASUS


7.HP Pavilion X360 14

จอพับ

มาถึงโน๊ตบุ๊ค Convertible จอพับได้จาก HP รุ่นโปรดของผู้ที่ชอบความพรีเมียมกันบ้าง แม้ว่าราคาจะเกินงบไปสักหน่อย แต่ถ้าดูจากดีไซน์เพรียวบาง สีเมทัลลิคมี Texture ที่เป็นเอกลักษณ์ และพับได้ 360 องศา หน้าจอ 14″ Full-HD ในแบบทัชสกรีน ที่คมชัดมุมมองกว้าง เพราะเป็นแบบ IPS ขอบจอบางสุดๆ รองรับ Digital Pen ให้คุณวาดเขียนได้ตามจินตนาการ ขุมพลัง Intel Gen12 รุ่นใหม่และได้แรม 16GB ความแรงที่ตอบโจทย์ได้ดี ไม่ว่าจะเป็น การดูหนัง แต่งภาพ ทำเอกสาร หรือการเทรดหุ้นไปพร้อมกัน มีระบบสแกนลายนิ้วมือมาให้ และพอร์ตที่มีให้ครบครัน แบตใช้ได้นาน 10 ชั่วโมง มี Windows 11 พร้อมใช้ อยากได้ตัวจบ งบไม่บาน ใช้งานง่าย HP รุ่นนี้ 28,000 บาทเท่านั้น

จุดเด่น ข้อสังเกต
วัสดุสวย สเปคดี
รองรับสแกนลายนิ้วมือ

รายละเอียดเพิ่มเติม: HP


Conclusion

Display Detachable/Flip CPU RAM Storage Graphic Weight Price
1.ASUS Vivobook Go 14 Flip 14″ FHD Flip Intel Pentium N6000 4GB 256GB Intel UHD 1.5Kg 13,900
2.Lenovo DUET 3 10.3″ FHD Detachable Intel Celeron N4020 8GB 128GB Intel UHD 0.6Kg 20,490
3.Lenovo Flex5 14 14″ FHD Flip Intel Core i3-1215U 8GB 512GB Intel Iris Xe 1.5Kg 22,900
4.Microsoft SURFACE GO 3 10.5″ 1280p Detachable Intel Core i3-10100Y 8GB 128GB Intel UHD 0.64Kg 22,990
5.ASUS Vivobook S 14 Flip 14″ FHD Flip AMD Ryzen 5 5600H 4GB 256GB Radeon Graphic 1.5Kg 25,990
6.ASUS ExpertBook B3 Flip 14″ FHD Flip Intel Core i3-1115G4 4GB 256GB Intel UHD 1.61Kg 26,990
7.HP Pavilion X360 14 14″ FHD Flip Intel Core i5-1235U 16GB 512GB Intel Iris Xe 1.51Kg 28,000

สุดท้ายนี้จะเห็นได้ว่าโน๊ตบุ๊คกลุ่มนี้มีให้เลือก 2 แบบคือ กลุ่มที่เป็นแบบแยกจอกับคีย์บอร์ด (Detachable) และพับจอได้ (Flip) ทั้งสองแบบมีความโดดเด่นต่างกันออกไป ซึ่งจุดหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ บอดี้และน้ำหนัก ถ้าเน้นคล่องตัวแบบที่ถอดจอออกได้สะดวกกว่า เบากว่า แต่แบบ Flip จะค่อนข้างหนาและหนักขึ้น เมื่อถือนานๆ อาจจะเมื่อยได้ รวมถึงอาจมีผลต่อการใช้พลังงาน และการจับถือ แต่ลูกเล่นของ Flip ก็มีพลัง ปรับได้หลากหลาย ใช้งานได้หลายประเภท โดยเฉพาะเมื่อตั้งอยู่บนโต๊ะ คุณให้ความสำคัญส่วนไหนมากสุด ก็เลือกตามสไตล์ที่ใช้งาน ส่วนเรื่องสเปคแรม 4GB อาจจะพอใช้ แต่ถ้าใช้งานหนักมาก เลือกที่ 8GB ขึ้นไป บางรุ่นอาจจะเพิ่มเติมในภายหลังไม่ได้ ต้องประเมินการทำงานเผื่อเอาไว้ด้วย และสุดท้ายราคาที่เหมาะสม ในแต่ละรุ่นสเปคต่างกัน แต่ก็เหมือนจะเป็นตัวกำหนดราคาไปด้วย เน้นความแรง ลูกเล่นดี ฟีเจอร์และพอร์ตเยอะ ราคาก็สูงขึ้นตามลำดับ ถ้างานที่ใช้อยู่ เน้นแค่การพรีวิวหรือท่องเน็ต ไม่ต้องแรงมาก ราคาสบายกระเป๋า ก็ตอบโจทย์ได้แล้วครับ

from:https://notebookspec.com/web/686619-convertible-20-in-1-notebook-2023

MSI PRODP20ZA คอมจิ๋ว เทรดหุ้น เล่นเกมเบาๆ ต่อได้ 3 จอ ดูหนัง 4K เริ่มหมื่นกว่า

MSI PRODP20ZA มินิพีซีขนาดฝ่ามือ เล่นเกมเบาๆ ดูหนัง 4K เทรดหุ้น ต่อได้ 3 จอ ประหยัดไฟ

MSI PRODP20ZA

MSI PRODP20ZA มินิพีซีเครื่องจิ๋ว แต่ประสิทธิภาพเกินตัว พร้อมการเชื่อมต่อครบครัน รองรับการอัพเกรดเพิ่มได้ ปรับเปลี่ยนการทำงานได้หลายสไตล์ เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานในยุคใหม่ได้หลายรูปแบบ ขุมพลัง AMD Ryzen 5000 series และแรม DDR4 รวมถึงกราฟิก Radeon Graphic ที่ตอบสนองได้ทั้งงานในสำนักงานทั่วไป งานเอกสาร และการทำบัญชี ไปจนถึงการตกแต่งภาพ รวมถึงการใช้งานส่วนตัว เช่นท่องอินเทอร์เน็ต ขายของออนไลน์ และความบันเทิงภายในบ้าน หรือเป็นพีซีเริ่มต้นการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ด้วยมิติที่เล็กกว่าเคสคอมทั่วไปหลายเท่า น้ำหนักเบา จึงติดตั้งได้ง่าย ใช้งานในจุดต่างๆ ของบ้านหรือสำนักงานได้ดี รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายรุ่นใหม่ กับดีไซน์ที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน และที่น่าสนใจคือ ประหยัดการใช้พลังงานลง ใครที่ชอบด้วยงบประมาณเริ่มต้นเพียง 15,000 บาท กับการรับประกัน 2 ปีอุ่นใจ ในแบบ Onsite Pickup & Return อีกด้วย ซื้อสินค้า MSI ได้ที่: https://msi.gm/DP20ZA-NBS

MSI PRODP20ZA มินิพีซีตัวจิ๋ว เพื่องานและความบันเทิง


จุดเด่น

Advertisementavw
  1. มิติที่เล็กมาก ขนาดเทียบเท่าฝ่ามือเองครับ เทียบกับเราเตอร์ขนาดย่อมๆ ก็ยังได้ เล็กกว่าพีซี 6-8 เท่าเลยทีเดียว เพราะขนาด 2.6L เท่านั้น ประหบัดพื้นที่บนโต๊ะไปได้เยอะ
  2. น้ำหนักประมาณ 1.5Kg เท่านั้นครับ วางมุมไหนก็ได้ โต๊ะไม่เอียงแน่นอน
  3. ออกแบบให้วางแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้หมด แล้วแต่ผู้ใช้จะดีไซน์ จัดโต๊ะคอมได้ง่ายขึ้น
  4. วางตรงไหนในห้องก็ได้ แทบจะเป็นดีไซน์แบบเดียวกับเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นในปัจจุบัน ต่อสายเข้าจอ ก็พร้อมทำงาน เพราะมี WiFi ในตัว
  5. ด้านหน้าทันสมัย เน้นเส้นสายสะดุดตา ติดอยู่นิดนึง คือปุ่มอาจจะดูกลมกลืนไปกับลายด้านหน้าอยู่บ้าง แต่ก็มีแสงไฟสถานะให้พอสังเกตครับ
  6. ด้านข้างซ้ายปิดทึบ ใช้วางแนวนอนได้, ด้านขวามีช่องระบายอากาศ สำหรับพัดลมซีพียู
  7. ด้านหลังจัดพอร์ตมาให้เยอะพอสมควร เช่น USB 3.2, USB 2.0, พอร์ตแสดงผล HDMI, DP และ VGA
  8. การใช้พลังงาน มาพร้อมอแดปเตอร์ 120W ขนาดย่อมๆ มาให้ ไม่เปลืองไฟครับ
  9. ต่อได้ 3 จอเลยครับ สำหรับคนที่ต้องใช้งานหลายจอพร้อมกัน

ข้อสังเกต

  • มีไฟสถานะแสดงผลไม่มาก
  • ไม่รองรับการอัพเกรดการ์ดจอแยก
  • ใช้แรมแบบ SODIMM เท่านั้น

Specification

Description
CPU MODEL AMD Ryzen 3 5300G, 4 core/ 8 thread
CPU COOLING Air cooling
MEMORY DDR4 SO-DIMM 2 slot, Max. 64GB
STORAGE SSD 256GB, PCIe GEN3x4
2x M.2 slot
2x 2.5″ Drive bay
WIRELESS LAN INTEL/3168.NGWG, 802.11ac 1×1+BT 4.2
AUDIO Realtek ALC233, 2.1 Channel HD Audio
I/O PORTS (FRONT) 1 x USB 3.2 Gen 2 Type A
1 x USB 3.2 Gen 2 Type C
Front Audio Mic-In x1,
Headphone x1
I/O Port (Rear) USB 3.2 Gen 2 Type A x1
USB 2.0 TYPE A x3
LAN (RJ-45) x1
WiFi Antenna x2
VGA x1
HDMI x1
DP Out x1
COM Port x1
Power 120W Adaptor
Keyboard/ Mouse RF1430, MA04
PRODUCT DIMENSIONS (WXDXH) 160.55 x 193.3 x 85mm
WEIGHT 1.42Kg.
VESA SIZE 75 x 75 mm
Source: MSI Pro DP20Z

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI PRODP20ZA


Hardware / Design

MSI PRODP20ZA

การออกแบบของมินิพีซีจาก MSI รุ่นนี้ ส่วนตัวผมมองว่ามินิมอลกว่ารุ่นที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้เสียอีก เพราะตัวถังแค่ 2.3L เท่านั้น มิติประมาณ 16cm x 19.3cm x 8.5cm หากเทียบกับเกมมิ่งตัวน้องอย่าง Trident AS ก็ยังเล็กกว่ามาก แต่จะพอๆ กับ MSI CUBI 5 ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี Pro DP20ZA มีความคล่องตัว และสนับสนุนการติดตั้งฮาร์ดแวร์เพิ่มเติมได้มากกว่า

ด้านหน้าออกแบบมาในโทนสีดำ มีเส้นสายที่มีการสลับไปมา ดูมีมิติ และทันสมัย แทรกปุ่มเพาเวอร์และแสงไฟสถานะมาด้วย พร้อมพอร์ตต่อพ่วง และโลโก้ MSI สีเงิน ซึ่งเป็นแนวที่เราอาจไม่ได้เห็นกันบ่อยบนพีซีขนาดเล็ก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแบบเรียบ ไม่มีลวดลายมากนัก

MSI PRODP20ZA

เมื่อมาดูกันแบบใกล้ๆ จะเห็นได้ว่าเส้นสายที่อยู่ด้านหน้านี้ จะมีมิติยื่นออกมา สลับกับภายในที่เป็นสีดำเงา โดยปุ่มเพาเวอร์จะซ่อนอยู่ในนี้ด้วย ซึ่งหากไม่ได้กด หรือมีแสงไฟสถานะลอดออกมา ก็แทบจะดูไม่ออกว่าเป็นปุ่มเปิดการทำงาน ไฟจะมีสีฟ้าและสีขาว อยู่ตรงด้านบนขวา ใกล้กันก็จะเป็นพอร์ต Front panel ที่อยู่หน้าเครื่อง ประกอบด้วย USB Type-C, Type-A และหูฟัง ไมโครโฟน

MSI PRODP20ZA

ด้านข้างขวา จะเป็นช่องระบายความร้อน โดยเราจะเห็นพัดลมพื้นฐานของทาง AMD ดูดลมเข้ามาจากช่องนี้ เพื่อระบายความร้อนให้กับฮีตซิงก์ของซีพียู ที่อยู่ด้านใน และโลโก้ Pro series และใกล้ๆ กับช่องพัดลม และใกล้กับด้านหน้าจะมีระบุไว้ว่า Design and Engineering by MSI

MSI PRODP20ZA

ด้านซ้ายจะเป็นช่องเล็กๆ สำหรับติดตั้ง VESA Mount กับด้านหลังจอมอนิเตอร์ และฝาผนังเป็นแบบ 75mm x 75mm ส่วนตัวมองว่าเป็นประโยชน์ค่อนข้างมาก เพราะผู้ใช้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลายแบบ ไม่ว่าจะใช้ติดตั้งจอทีวีในบ้าน สำนักงาน สำหรับต้อนรับแขก พรีเซนเทชั่น หรือจะต่อกับจอภาพบางรุ่น เพื่อประหยัดพื้นที่บนโต๊ะทำงาน ยิ่งใช้งานแบบไร้สาย ก็จะทำให้โต๊ะไม่ดูรกรุงรังอีกด้วย

MSI PRODP20ZA

MSI PRODP20ZA วางได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ขึ้นอยู่กับการจัดวางองค์ประกอบบนโต๊ะ และความสะดวก ด้วยความกว้าง x ยาวระดับ 160.5 x 193mm เท่านั้น จึงไม่เปลืองพื้นที่บนโต๊ะทำงาน เรียกว่าโต๊ะขนาด 120cm ก็ยังเหลือพื้นที่ใช้สอยได้อีกมากมาย

ด้านหน้าที่มีพอร์ตต่อพ่วงมาให้ทั้ง USB และแจ๊ค 3.5mm อีกด้านจะเป็นโลโก้ MSI บนเพลทสีเงินสวยงาม

และอีกสองด้านที่เหลือ จะเป็นช่องระบายอากาศ ซึ่งมาในแบบตะแกรงขนาดเล็ก เพื่อให้อากาศไหลเวียนในตัวเคสได้ดีขึ้น ซึ่งหากดูตามการใช้งานแล้ว พีซีเครื่องนี้แทบไม่เกิดความร้อนขึ้นมากมายนัก โดยพัดลมซีพียูสามารถจัดการเรื่องอุณหภูมิได้ดีทีเดียว

MSI PRODP20ZA

ด้านหลังตัวเครื่องมาพร้อมช่องระบายความร้อนแบบตะแกรงช่องเล็กและพอร์ตต่อพ่วงมากมาย รวมถึงจุดติดตั้งเสาสัญญาณ WiFi อีกด้วย และเป็นจุดที่ใช้ไขน็อต เพื่อแกะฝาครอบ สำหรับการอัพเกรด

MSI PRODP20ZA

การดีไซน์โดยรวมถือว่าทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว แตกต่างจากมินิพีซีทั่วไป ทั้งเส้นสาย พอร์ตการเชื่อมต่อ เพียงแต่อาจจะเน้นไปที่ Business เป็นหลัก ทำให้ไม่ได้ใส่เรื่องของแสงสีมากมายนัก แต่ก็เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้ดี ดูมินิมอลมากขึ้น


Connector / Thin And Weight

MSI PRODP20ZA

พอร์ตการเชื่อมต่อด้านหน้า มีเป็นพอร์ต USB 3.2 Gen2 Type-C ที่ใช้ได้ทั้งการชาร์จไฟ และโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูง ส่วนที่เป็น Type-A ผมว่าเหมาะกับผู้ใช้ที่มี External HDD หรือ SSD ที่ต่อภายนอก โอนถ่ายไฟล์ข้อมูลได้ไว เพราะเป็น USB 3.2 Gen2 ความเร็วระดับ 10Gbps เร็วกว่า Gen1 เท่าตัวเลยทีเดียว หรือใครสะดวกจะใช้พอร์ตด้านหลัง จะใช้พอร์ตนี้ในการต่อ เมาส์ คีย์บอร์ดได้เช่นกัน

ใกล้กันจะเป็นแจ๊ค 3.5mm ที่ทาง MSI ใส่แยกเอามาไว้ให้เป็น หูฟัง และไมโครโฟน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน จะต่างจากบนโน๊ตบุ๊คที่เป็นคอมโบมาให้ อาจจะไม่สะดวก เมื่อต้องแยกใช้ไมโครโฟน กับเอาท์พุตเสียง เพื่องานในสำนักงาน

MSI PRODP20ZA

ด้านหลังจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่อหลักจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น USB 2.0 Type-A 2 พอร์ต จุดนี้ผมมองว่าเหมาะกับการต่อเมาส์ คีย์บอร์ดเป็นหลัก เพราะไม่ได้เน้นความเร็ว ส่วนด้านล่างจะเป็น USB 3.2 Gen2 ซึ่งตอบโจทย์พรินเตอร์รุ่นใหม่ หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูล และอื่นๆ ที่เน้นเรื่องความเร็ว ใกล้กันเป็นพอร์ตเชื่อมต่อเครือข่าย RJ-45 สำหรับ Gigabit LAN และพอร์ตแสดงผล ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของมินิพีซีจาก MSI รุ่นนี้ เพราะมีให้ถึง 3 พอร์ตด้วยกัน ประกอบด้วย

  • VGA สำหรับต่อจอพื้นฐานแอนาลอกบนความละเอียด Full-HD
  • DisplayPort ต่อจอแสดงผลดิจิตอล รองรับความละเอียด 4K เหมาะกับจอรุ่นใหม่
  • HDMI ใช้ได้ทั้งจอมอนิเตอร์ โปรเจกเตอร์ และจอพื้นฐานที่มีอยู่ทั่วไป
MSI PRODP20ZA

เสาสัญญาณ WiFi รองรับ 802.11ac และ Bluetooth 4.2 ทำให้การเชื่อมต่อของคุณไม่ติดขัด เพราะมีให้เลือกทั้ง LAN และ WiFi


Inside / Upgrade

MSI PRODP20ZA

การแกะอัพเกรดทำได้ค่อนข้างง่ายบน MSI PRODP20ZA นี้ เพราะไขน็อตเพียง 4 ตัวเท่านั้น สามารถไขออกได้ทั้ง 2 ด้านซ้ายและขวา

MSI PRODP20ZA

ด้านที่เป็นช่องระบายอากาศ จะเห็นพัดลมซีพียูขนาดใหญ่ พร้อมฮีตซิงก์ติดตั้งมากลางตัวเครื่อง ซึ่งข้อดีคือ การกระจายลมออกไปได้ทั่วๆ ภายในเคส และให้ลมออกได้ถึง 3 ด้านด้วยกัน โดยสามารถอัพเกรดได้สูงสุด AMD Ryzen 7 5700G ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดที่วางจำหน่าย

MSI PRODP20ZA

พื้นที่ติดตั้ง Storage ด้านใน ติดตั้งได้ถึง 3 แบบ และยังอัพเกรดได้ โดยที่ติดตั้งมาให้เริ่มต้นเป็น SSD M.2 NVMe PCIe 256GB การถอดใช้เพียงไขควงแกะน็อตยึดเพียงตัวเดียวเท่านั้น แต่พื้นที่ค่อนข้างแคบเล็กน้อย

MSI PRODP20ZA

ด้านล่างจะเป็นสล็อตสำหรับติดตั้งแรมเป็นแบบ SODIMM DDR4 3200 เดิมจะติดตั้งมาให้ 8GB มาตรฐาน แต่สามารถอัพเกรดเพิ่มได้จากสล็อตที่เหลือ อัพเกรดได้สูงสุด 64GB (32GB x2)

MSI PRODP20ZA

แรมในแบบ SODIMM DDR4 3200 8GB จาก Samsung ที่ติดตั้งมาในระบบ

MSI PRODP20ZA

ด้านบนของโมดูล SSD M.2 เป็นพอร์ต SATA III เพิ่มเติมมาให้ สำหรับติดตั้งฮาร์ดดิสก์ 2.5″ หรือสำหรับโน๊ตบุ๊ค รวมถึง SSD SATA III เพิ่มได้อีก 2 ตัวด้วยกัน

MSI PRODP20ZA

นอกจากนี้แล้ว อีกฝั่งหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของเมนบอร์ด ก็สามารถแกะเปิดออกมาได้ ให้คุณสามารถอัพเกรดอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้อีก

MSI PRODP20ZA

MSI PRODP20ZA มีสล็อต M.2 PCIe รองรับการติดตั้ง SSD M.2 NVMe PCIe เพิ่มได้อีก 1 โมดูล รวมเป็น 2 โมดูลทั้งด้านหน้าและหลัง ได้ทั้งพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มากขึ้น และความเร็วที่จาก SSD อีกด้วย เหมาะกับคนที่ไม่สะดวกจะใช้อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบต่อภายนอก


Performance / Software

MSI PRODP20ZA

โปรแกรม CPUz รายงานซีพียูที่ติดตั้งมาบน MSI PRODP20ZA รุ่นนี้เป็น AMD Ryzen 3 5300G เป็นแบบ 4 core/ 8 thread ความเร็วสูงสุดประมาณ 4.2GHz ซีพียูรุ่นนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มของกราฟิกในตัว ให้ประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ความบันเทิง หรือเล่นเกมเบาๆ แต่อาจจะไม่ได้เจาะจงสำหรับงานเฉพาะทาง เช่นงานตัดต่อ แต่งภาพจริงจังหรืองานด้านวิศวกรรมโหดๆ ได้มากนัก

MSI PRODP20ZA

ติดตั้งแรม DDR4 3200 ในแบบ SODIMM 8GB และใส่เพิ่มอีก 8GB เป็น 16GB มีให้ติดตั้งได้ 2 สล็อต

MSI PRODP20ZA

การทดสอบเบื้องต้นบน CPUz นี้ เทียบกับซีพียูรุ่นพี่อย่าง AMD Ryzen 7 2700X ที่เป็นแบบ 8 core/ 16 thread ซีพียู Ryzen 3 สามารถเบียดบี้ได้อย่างสูสี และโดดเด่นในงาน Single core ด้วยสัญญาณนาฬิกาที่สูง แม้จะเป็นรองในแง่ของ Multi-thread เพราะคอร์ เธรดน้อยกว่านั่นเอง

MSI PRODP20ZA

กราฟิกเป็นแบบ Integrate ที่มาในตัวซีพียู AMD Ryzen 3 รุ่นนี้ กับ Radeon Graphic ที่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์กับการเล่นเกมโดยตรง เพราะจะเน้นที่การทำงาน ดูหนัง กับงานกราฟิกพื้นฐาน แต่ก็สามารถเล่นเกมที่ไม่ใช้ทรัพยากรมากๆ หรือแนวเกมออนไลน์ เช่น Genshin, Chrono Odyssy รวมถึงเกมพีซีที่แค่ปรับ Detail ก็สามารถเล่นได้ในหลายๆ เกม สามารถชมในส่วนการทดสอบเกมด้านล่างนี้ได้

MSI PRODP20ZA

การทดสอบ PCMark10 ให้ผลออกมาได้น่าพอใจ เพราะถ้าเทียบกับพีซีพื้นฐานขนาดใหญ่ MSI Pro DP20ZA นี้ ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นในชีวิตประจำวันได้ดีพอสมควร กับคะแนนรวมที่มากถึง 5,621 คะแนน รวมถึงคะแนน Essentials และ Productivity ที่มาแตะเกือบ 10,000 เพราะหลายครั้งที่เราทดสอบมาใน 2 ส่วนนี้ เฉลี่ยจะอยู่ที่ 10,000 ต้นๆ แสดงถึงความไม่ธรรมดาของซีพียูและการทำงานในภาพรวม

MSI PRODP20ZA

สำหรับ CINEBench นั้น จะเป็นการทดสอบด้านกราฟิก 3D Animation แม้ว่าจะเป็นซีพียูน้องเล็กอย่าง AMD Ryzen 3 แต่ก็สามารถผ่านการทดสอบได้ไม่ยาก แม้ว่าจะทำคะแนนได้ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับซีพียูรุ่นพี่ๆ ที่มี Core/ Thread จำนวนมากกว่า แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพลังของซีพียูระดับ 4 core นี้ ก็พอจะช่วยให้ใช้งานได้ แต่อย่างไรก็ไม่ได้จะแนะนำให้ใช้งานกับโปรแกรมขั้นสูงเช่นนี้ เพราะไม่ได้ออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และอาจใช้เวลาในการประมวลผลมากเกินไป แต่ถ้าเป็นโมเดล AMD Ryzen 7 ก็พอจะช่วยงานนี้ได้ดียิ่งขึ้น

MSI PRODP20ZA

กับผลทดสอบด้านเกมกราฟิก ด้วยโปรแกรม 3DMark กับกราฟิก Radeon Graphic บนซีพียู AMD Ryzen 3 5300G นี้ แม้ว่าจะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมเป็นหลัก แต่ก็แสดงศักยภาพได้ดีในระดับหนึ่ง โดยคะแนนอาจจะไม่ได้สูงมากนัก แต่ก็ผ่านการทดสอบมาได้ อยู่ในเกณฑ์ของกราฟิกบนซีพียูในหลายๆ รุ่น อย่างไรก็ดี หากมีความต้องการเล่นเกม ร่วมไปกับการใช้งานพื้นฐาน บนเคสขนาดเล็กเช่นนี้ แนะนำโมเดลที่เป็น Ryzen 7 5700G ที่จะช่วยเพิ่มเฟรมเรตได้พอสมควร

ทดสอบการเล่นเกม

MSI PRODP20ZA

เราทดสอบการเล่นเกม เพื่อให้เห็นศักยภาพของมินิพีซีจาก MSI รุ่นนี้ กับเกมพื้นฐานแนว MOBA อย่าง DOTA2 กับการปรับ Detail Fastest mode บนความละเอียด Full-HD เพื่อเน้นความลื่นไหล ตัวเกมสามารถให้เฟรมเรตได้ถึง 80-90fps. แต่ถ้าปรับเป็น High ให้เฟรมเรตเฉลี่ยที่ 47-48fps. แม้จะมีเอฟเฟกต์จากเวทย์ของฮีโรก็ตาม แนะนำตั้งค่านี้ได้เลยหากต้องการเล่น

MSI PRODP20ZA

ส่วนเกม PUBG บนความละเอียด Full-HD 1080p ตั้งค่า Very Low Detail ให้เฟรมเรตได้ในระดับ 39-45fps มีบ้างที่ขึ้นไป 50fps. บางจังหวะ แต่ก็ทำให้เล่นเกมนี้ได้ แนะนำให้ตั้ง Render scale ในระดับ 70-90 จะไม่กระทบต่อเฟรมเรตมากนัก และเล่นเกมได้สบายตามากขึ้น

MSI PRODP20ZA

มาสู่บททดสอบในด้านงานวีดีโอกันบ้าง ด้วยการ Export คลิปวีดีโอความละเอียด Full-HD มีความยาว 15 นาที ใส่เอฟเฟกต์ทั่วไป ด้วยการ Insert ภาพและเสียง ระบบใช้เวลาในการทำงานประมาณ 32 นาที ก็เป็นอันเสร็จสิ้น อย่างที่ได้แนะนำไปว่า หากต้องการจะเน้นไปที่การทำงานที่หนักมากขึ้น กับโปรแกรมเฉพาะทาง ทางเลือกของโมเดลรุ่น AMD Ryzen 7 มีความน่าสนใจ ส่วนในช่วงการใช้งานอาจมีบางจังหวะที่กระตุกเล็กน้อย เช่น ระหว่างการเลื่อนไทม์ไลน์ และพรีวิวภาพ เป็นปกติของการใช้งานที่เป็นซีพียูรุ่นน้องเล็ก และการ์ดจอแบบออนบอร์ดนั่นเอง แต่ในภาพรวมถือว่าทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง

MSI PRODP20ZA

และในครั้งนี้เราใช้งานร่วมกับจอแสดงผล MSI PRO MP241X ซึ่งเป็นจอที่ให้พื้นที่แสดงผล 23.8″ ใกล้เคียงกับ MSI PRO MP243 ความละเอียด Full-HD โดยเป็นจอพาแนล VA ให้ความสว่างสดใส และมุมมองที่กว้างใกล้เคียงกับ IPS เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือจะนำไปใช้ในสำนักงาน กับความสว่างสดใส และสีสันที่คมชัด ปรับแต่งได้ง่ายผ่านทางปุ่ม OSD ด้านหลังจอ มาพร้อมพอร์ตแสดงผล ที่มีให้เลือกทั้ง HDMI และ VGA เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน

MSI PRODP20ZA

แต่ที่น่าสนใจคือ MSI PRO MP241X รุ่นนี้ มี VESA Mount ด้านหลัง สำหรับติดตั้งกับ Wall mount หรือ Arm table เพื่อแขวนหรือติดกับขาจับจอบนโต๊ะได้ง่าย รวมถึงเมื่อใช้ร่วมกับอแดปเตอร์ ก็จะสามารถต่อ MSI Pro DP20ZA เข้ากับด้านหลังจอ เพื่อประหยัดพื้นที่บนโต๊ะทำงานได้อีกด้วย นับว่าเป็นโซลูชั่นที่เหมาะกับการทำงานในทืุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี

MSI PRODP20ZA

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ ทำให้แบ่งหน้าจอในการใช้งานได้สะดวก และใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเอกสาร ตรวจเช็คไฟล์งาน หรือจะด้านความบันเทิง ดูหนัง พร้อมดูหุ้นไปพร้อมกัน ด้วยการปรับแต่งเพียงเล็กน้อย เช่น การเพิ่มหรือลด Scale บนหน้าจอ ก็ช่วยให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้นแล้ว

MSI PRODP20ZA

ด้วยมุมมองที่กว้าง ก็ทำให้การใช้งานด้านภาพและวีดีโอได้ชัดเจน ผิดเพี้ยนน้อย รวมถึงใช้ในการแบ่งปันหน้าจอให้กับคนข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน ลูกค้าหรือสมาชิกภายในบ้านให้เห็นได้อย่างชัดเจน

MSI PRODP20ZA

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถต่อจอแสดงผลได้ถึง 3 จอพร้อมกัน ผ่านทางพอร์ตสัญญาณ Output ที่อยู่ทางด้านหลังของ MSI PRODP20ZA ไม่ว่าจะเป็น HDMI, DisplayPort และ VGA ให้คุณขยายศักยภาพการทำงานของคุณได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การท่องอินเทอร์เน็ตหาข้อมูล เทรดหุ้น ไปจนถึงการสตรีมมิ่งได้แบบลื่นๆ เลยทีเดียว


Battery / Heat / Noise

MSI PRODP20ZA

สุดท้ายก็เป็นเรื่องของอุณหภูมิในการทำงาน เห็นเคสเล็กๆ แบบนี้ แต่ก็จัดการเรื่องอุณหภูมิได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะกับพัดลมซีพียูขนาดใหญ่ และครอบคลุมอุปกรณ์อื่นๆ ทั่วทั้งเมนบอร์ด ลมที่พัดเข้าไป ก็สามารถกระจายลมไปได้ทั่ว ลดความร้อนได้ดี โดยอุณหภูมิสูงสุดในการทดสอบบนแบบ Full load บนโปรแกรม FURmark อยู่ที่ราว 76 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 65-68 องศาเซลเซียสเท่านั้น ถือว่าทำได้ดี เพราะโอกาสการใช้งานซีพียูระดับ 100% แบบนี้ มีไม่มากนัก ฉะนั้นหากเป็นการทำงานโดยทั่วไปน่าจะอยู่ที่ราว 55-60 องศาเซลเซียส เท่านั้น


Conclusion / Award

MSI PRODP20ZA

สรุปภาพรวมของ MSI PRODP20ZA รุ่นนี้ ผมว่าเหมาะกับคนที่ต้องการคอมทำงาน หรือใช้ในสำนักงานยุคใหม่ เน้นความมินิมอล ดูมันสมัย ลองนึกภาพดูครับว่า บ้านที่เป็นแบบ Smart Home ใช้งานไร้สายให้มากที่สุด โต๊ะคอมที่ไม่ต้องเทอะทะ และพีซีที่จัดวางได้ในทุกแนว ตกแต่งห้องได้สวย แต่ทำงานที่เหมือนกับใช้คอมเครื่องใหญ่ จะต่อ 3 จอก็ง่าย ทำงานเอกสาร ท่องเน็ตหาข้อมูล หรือจะเทรดหุ้น สตรีมมิ่งวีดีโอไปพร้อมกัน ก็ยังได้ครับ

แต่ก็บอกตรงๆ ว่าอาจจะไม่ใช่สำหรับคอเกม ด้วยสเปคที่ไม่ได้ใส่การ์ดจอแยกมาให้ จะเล่นได้ในบางเกม ที่ไม่ได้เรียกใช้ทรัพยากรมากมายนัก เกมออนไลน์พอเล่นได้แบบที่เราได้ทดสอบบน DOTA2 และ PUBG ที่เล่นได้ลื่นในระดับ Low หรือ Medium Detail ในแง่ของการอัพเกรด ก็ยังทำได้ แม้ในเคสจะมีพื้นที่จำกัดก็ตาม เพราะเพิ่มได้ทั้ง SSD และ RAM บนสล็อตที่เหลือ 

สุดท้ายก็คือ พอร์ตที่ให้มาก็เรียกว่าเกือบครบครัน ให้คุณต่อพ่วงอุปกรณ์ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงมี WiFi มาในตัวอีกด้วย สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท การรับประกัน 3 ปี เป็นแบบ Onsite Pickup and Return อุ่นใจได้ในการใช้งาน โดยซีรีย์ DP20ZA จะมีทั้งหมด 3 รุ่น

ซื้อสินค้า MSI ได้ที่: https://msi.gm/DP20ZA-NBS

  • MSI PRODP20ZA 5M-205TH เริ่มต้น 23210.-
  • MSI PRODP20ZA 5M-206TH 18920.-
  • MSI PRODP20ZA 5M-207TH 15070.-

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI PRODP20ZA

from:https://notebookspec.com/web/682753-msi-pro-dp20za-mini-pc

จอคอมมือสอง 2023 น่าซื้อมั้ย? เลือกแบบไหนดี เช็คอย่างไรให้ได้ของดี คุ้มค่า

จอคอมมือสอง 2023 รุ่นไหนน่าใช้ เลือกอย่างไรดี จอคอมเกมมิ่ง วิธีเช็คง่ายๆ ก่อนเลือกซื้อ

จอคอมมือสอง

จอคอมมือสอง อย่าไปซื้อ! ปี 2023 แล้วซื้อจอใหม่ดีกว่า… มักคำเตือนแบบนี้มักจะเป็นเรื่องที่หลายคนอาจเคยเจอ เมื่อรู้ว่าเราจะซื้อจอมือ 2 มาใช้งาน ซึ่งก็อาจจะเป็นคำเตือนที่ดี แต่บางทีก็ขัดกับใจใครบางคน เพราะบางทีงบประมาณจำกัด แต่ก็อยากได้จอคอมใหญ่ๆ ความละเอียดสูงมาใช้ 2K, 4K หรือยิ่งได้รีเฟรชเรตสูงๆ 144Hz ขึ้นไป แบบจอเกมมิ่ง ก็ยิ่งดี แต่ราคาต้องเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าด้วย การที่จะได้จอที่ถูกใจมานั้น คงไม่ใช่แค่กำเงินที่มี แล้วเดินไปหาอย่างเดียว เพราะคุณจะต้องพอเช็คสภาพจอ รวมถึงกลไกต่างๆ ในการขายของจากบรรดาพ่อค้า วันนี้เรามาดูกันครับว่า การจะเลือกจอมือ 2 เหล่านี้ จะซื้ออย่างไร ที่ไหนและต้องเช็คอะไรบ้าง


จอคอมมือสอง น่าซื้อมั้ย? เลือกแบบไหนดี


จอคอมมือสอง น่าซื้อมั้ย?

จอคอมมือสองน่าซื้อมั้ย ข้อนี้ต้องถามใจคุณดูก่อนว่า คุณพร้อมที่จะรับสภาพได้แค่ไหน มีความอดทนมากพอมั้ย และจอที่คุณมองไว้ เหมาะสมกับงบประมาณที่ตั้งเอาไว้หรือไม่ เพราะราคาจะเป็นตัวกำหนด บางครั้งถูกมากไป ก็ได้ลุ้น แพงไปก็อาจจะไม่คุ้ม ฉะนั้นก็ต้องอยู่กลางๆ แต่หากคุณได้จอดีๆ มาใช้ ในราคาที่ถูกกว่าราคากลางในตลาด ก็ถือว่าคุณโชคดีมาก แต่กว่าจะได้จอมือสองแบบนั้นก็คงจะไม่ง่าย

Advertisementavw
จอคอมมือสอง

จอคอมมือสอง ก็คล้ายกับของมือสองอื่นๆ ในตลาด มีให้ลุ้นกันอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การได้ของที่ถูกใจ ในราคาถูกมาใช้ แต่ของเหล่านั้น ก็ถูกใช้งานมาแล้ว โอกาสที่มีข้อบกพร่องหรือเกิดความเสียหายก็มีเช่นกัน เช่นเดียวกับสภาพของจอ บางคนก็ดูแลดี เก็บรักษาอยู่ในห้อง แต่บางคนก็ไม่ได้ดูแล มีกระแทกบ้าง สัตว์เลี้ยงมาแทะ ซนชนจนหล่นตกแตก หรือบางทีก็ชอบเอานิ้วจิ้มจอ เป็นต้น ก็อาจจะมีผลต่อการใช้งานเช่นกัน

จอคอมมือสอง

รวมถึงของที่ใช้แล้ว ก็มีความเสื่อมเป็นธรรมดา ยิ่งเป็นจอที่มีอายุในตลาดมายาวนาน และใช้งานต่อเนื่อง ลองนึกสภาพว่า ผู้ใช้ไม่เหมือนกัน บางท่านก็อาจจะเปิดใช้ทำงานแค่วันละ 5-8 ชั่วโมง ส่วนเกมเมอร์บางคน อาจจะเล่นต่อเนื่องวันละ 12 ชั่วโมง ความเสื่อมสภาพของหน้าจอ หรืออายุการทำงาน ก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อครบปี โอกาสที่คุณจะรับไปใช้ต่อ แล้วเกิดปัญหาหรือการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนได้บ้าง ก็มีอยู่ไม่น้อย

จากข้อมูลพื้นฐานของผู้ผลิต จอภาพในแบบ LED นั้น จะมีอายุการใช้งานราวๆ 80,000-120,000 ชั่วโมง หรือราวๆ 20 ปี ในกรณีที่ใช้วันละ 8 ชั่วโมงนะ (อ้างอิง: digitalworld839.com) ยังไม่รวมปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อุณหภูมิ ความชื้นหรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่อาจทำให้แผงวงจรหรือพาแนลเสียหายได้

จอคอมมือสอง

ยังไม่รวมถึงสภาพแวดล้อมหรือการจัดเก็บดูแล บางบ้านอยู่ในห้องปรับอากาศ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ ก็จะยังอยู่ในสภาพที่ดี เพราะชิ้นส่วนภายใน ไม่เจอกับอุณหภูมิที่สูง ก็จะทนทานกว่าจอภาพที่อยู่ในห้องธรรมดา อากาศร้อน หรือบางทีก็เสี่ยงกับความชื้น เช่นวางใกล้หน้าต่าง หรือสัตว์เลี้ยง แมลง มด สิ่งเหล่านี้ มีส่วนทำให้จอภาพเสียได้ไวขึ้น

แม้จะมีความเสี่ยง แต่ถ้าคุณได้จอคอมมือสองที่ถูกใจ ในราคาถูกลงเกือบครึ่ง สภาพดี มีประกัน แบบนี้ใครก็อยากเสี่ยง ไม่มีผิดหรือถูก ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล ดังนั้นถ้าคุณชอบของดี ราคาโดน เราไปดูรายละเอียดกันครับ ว่าจะเลือกอย่างไรบ้าง


ซื้อที่ไหนดี?

หลายคนตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อจอคอมมือ 2 มาใช้เป็นการชั่วคราว และเก็บเงินซื้อจอใหม่ที่ดีกว่า อาจจะด้วยสาเหตุที่จอเก่าเสีย ส่งต่อให้คนอื่นหรือบางทีก็งบประมาณจำกัด ต้องการจะใช้จอที่มีคุณสมบัติตามต้องการ ซึ่งของใหม่อาจจะราคาสูงเกินเอื้อม แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าซื้อจอได้ที่ไหนบ้าง เรามีข้อมูลมาเป็นแนวทางครับ

ห้างไอที ร้านตู้ มีร้านเยอะ ความหลากหลายอยู่ที่จังหวะ ราคาอาจสูงบ้าง แต่เห็นของ เช็คสภาพได้เลย ร้านออนไลน์ มีให้เลือกหลากหลาย ชำระผ่านแพลตฟอร์ม ราคาอยู่ที่สภาพและความต้องการ จัดส่งมั่นใจได้ กลุ่มและคอมมูนิตี้ มีให้เลือกเยอะ ราคาดี มีให้บิดกับพ่อค้า ความไว้วางใจ ชำระเงิน ส่งของ เร็วช้าอยู่ที่เครดิต

ห้างไอที: ห้างเหล่านี้ หลายๆ แห่งจะมีบรรดาร้านที่มีจำหน่ายอุปกรณ์คอมมือสองอยู่ด้วย จะมีทั้งร้านเล็กและร้านใหญ่ บางร้านก็จะมีหน้าร้านออนไลน์เอาไว้ด้วย คุณสามารถสอบถามข้อมูล ราคา ก่อนจะเข้าไปดูตัวจริงที่ร้าน ข้อดีของการซื้อแบบนี้อยู่ที่ การได้เห็นตัวจริงสินค้า สภาพ มีร้านการันตี หน้าร้านชัดเจน ต่อรองราคาได้ และมั่นใจเรื่องการบริการ แต่อาจจะมีให้เลือกไม่หลากหลาย รวมถึงราคาอาจจะสูงเล็กน้อย เพราะร้านมีค่าใช้จ่าย รวมถึงเราต้องเดินทางไป และบางครั้งก็อาจจะไม่มีของที่เราต้องการ

จอคอมมือสอง

ร้านค้าออนไลน์: ในนี้เราจะรวมเว็บไซต์ที่เป็นตลาดซื้อขายเข้าไปด้วย ซึ่งในบ้านมีให้เลือกเข้าไปช้อปมากมายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, Kaidee หรือ Pantipmarket เป็นต้น ข้อดีของร้านค้าเหล่านี้คือ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการ ตั้งแต่ คัดกรองสินค้า ผู้จำหน่าย รวมถึงการค้นหา การชำระเงิน ส่วนใหญ่จะปลอดภัย สะดวก แต่ที่เหลือคือ ผู้ซื้อและผู้ขาย ต้องเช็คสินค้าและดูรายละเอียดให้ครบถ้วน ก่อนจ่ายเงิน และหลังจัดส่ง รวมถึงมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย สอบถามรายละเอียดในแต่ละร้านได้โดยไม่ต้องโทรหา หรือเดินหาด้วยตัวเอง แค่แชทผ่านช่องทางที่กำหนด ทำราคาได้ค่อนข้างดี มีระบบจัดส่งที่วางใจได้ แต่คุณจะไม่ได้เห็นสินค้าแบบสัมผัสได้ หรือว่าทดสอบได้นั่นเอง

จอคอมมือสอง

Group หรือ Community: ส่วนใหญ่จอคอมมือสองจะเป็นกลุ่มใน Facebook ที่มักรวมกันเป็น Community ที่มีคนที่เป็นสมาชิกที่ชื่นชอบในสินค้าหรืออุปกรณ์แบบเดียวกัน เช่น กล้อง การ์ดจอ คอมพิวเตอร์ รวมถึงจอคอมด้วยเช่นกัน ข้อดีของ Community แบบนี้คือ ไม่ใช่แค่การมองหาแล้วซื้อ แต่คุณยังเปิดรับสินค้า ให้ผู้ขายเข้ามานำเสนอได้ บางครั้งแข่งกันเรื่องราคา ผู้ซื้อก็จะได้ราคาพิเศษไป แม้จะเป็นข้อดี แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผู้ซื้อก็ต้องรับความเสี่ยงด้วยเช่นกัน เพราะกลุ่มไม่ได้เป็นแพลตฟอร์ม การคัดกรองค่อนข้างยาก มีทั้งผู้ที่จำหน่ายจริง และคนที่ไม่สุจริตเข้ามาแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน ขั้นตอนที่สำคัญคือ การชำระเงิน การส่งของ จนกว่าจะถึงปลายทาง เพราะโอกาสที่ผิดพลาดก็มีสูง จากเคสต่างๆ เช่น โอนเงินแล้ว แต่ไม่ส่งของ ส่งของไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ ส่งของเสียมาให้ หรือบางครั้งก็เป็นการหมุนเงินก่อน กว่าจะส่งของก็เป็นเดือนๆ หรือบางทีก็ไม่ส่ง การติดตามก็ยาก ช่วงหลายปีมานี้ ก็มีการใช้วิธี Verify ตัวบุคคล การสร้างเครดิตผู้ขาย รวมถึงการชำระแบบผ่านกลางแอดมินเป็นต้น

ห้างไอที ร้านค้าออนไลน์ Group หรือ Community
ความสะดวก ต้องเดินทางไป ดูข้อมูลง่าย ดูข้อมูลง่าย
ความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา มีหลายร้านให้เลือก มีผู้ค้าจำนวนมาก
เช็คสินค้า เช็คได้ทันที ดูจากภาพ วีดีโอ ดูจากภาพ วีดีโอ
การชำระเงิน สะดวกจ่ายได้เลย หลายช่องทางตามสะดวก ขึ้นอยู่กับผู้ขาย
การจัดส่ง รับกลับได้ทันที รอร้านตามกระบวนการ ช้า/เร็ว อยู่ที่ความรับผิดชอบผู้ขาย
การรับประกัน เช็คได้ที่ร้าน ตามเงื่อนไข ตามที่ตกลงกับผู้ขาย
ความเชื่อมั่น มีหน้าร้านอุ่นใจ มีแพลตฟอร์มคืนได้ อยู่ที่เครดิตและความรับผิดชอบ
ราคา บวกจากปกติอยู่บ้าง ตามกลไกตลาด ถูก แพงอยู่ที่จังหวะและความต้องการ

เลือกอย่างไร?

ก่อนจะเลือกจอคอมมาใช้งาน ก็ต้องดูจากความต้องการของตนเองก่อนว่า อยากได้จอแบบไหน มาใช้งานอะไรบ้างในชีวิตประจำวัน ก่อนที่จะไปส่องจอคอมมือสอง เพราะจอแต่ละแบบก็มีคาแรคเตอร์ที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งราคาก็จะต่างกันด้วย เราไปดูกันก่อนว่าจอแบบไหน มีลักษณะอย่างไร

จอคอมมือสอง

จอคอมใช้งานทั่วไป: โดยพื้นฐานจะใช้สำหรับงานทั่วไป เช่นงานเอกสาร การเรียนรู้ หรือทำรายงาน แต่งภาพบ้าง สามารถใช้จอใหญ่ระดับ 24″-27″ ได้ ความละเอียด Full-HD และมีฟีเจอร์ถนอมสายตา เช่น Low Blue Light อัตรารีเฟรชเรตพื้นฐาน 60Hz อาจจะรองรับ HDR ได้บ้าง พาแนล IPS ปรับแต่งได้บ้าง แต่อาจไม่ถึงขั้นมี Game Mode ราคาจะไม่ค่อยสูง เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน หรือสำนักงาน

จอคอมทำงานเฉพาะทาง: จอคอมในกลุ่มนี้ ต้องการขอบเขตสี และความแม่นยำของสีสูง เพื่อให้สอดคล้องกับการทำสื่อสิ่งพิมพ์หรืองานด้านการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นกราฟิก 3 มิติ แอนิเมชั่น คอมพิวเตอร์กราฟิก รวมถึงงานด้านภาพ ตัดต่อวีดีโอ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นคือ จอต้องมีการแสดงภาพที่แม่นยำ สีสันคมชัด มองเห็นในมุมต่างๆ ได้ไม่ผิดเพี้ยน ปัจจุบัน เช่น มีขอบเขตสีครอบคลุมระดับ 100% sRGB พร้อมความแม่นยำของสี Delta E (ΔE) < 2 (น้อยกว่า 2) ความละเอียดสูง เพื่อให้รองรับงานและแอพพลิเคชั่นได้ดี เช่น 2K หรือ 4K มีความสว่างสูง ลดแสงสะท้อน การมีอัตรารีเฟรชเรตสูง ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเช่นกัน แต่ด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าจอทั่วไป ก็ทำให้ราคาของจอภาพพุ่งสูงกว่าจอแบบอื่นๆ

จอคอมมือสอง

จอคอมเล่นเกม: Gaming monitor เป็นจอคอมที่เราเห็นได้บ่อย เมื่อค้นหาคำว่า จอเกมมิ่ง จอเล่นเกมนี้จะต่างจากแบบทั่วไปในหลายด้าน ว่ากันตั้งแต่พื้นที่แสดงผล ตั้งแต่ 24″ ขึ้นไป หากคุณอยากใช้จอใหญ่ 27″-29″ อาจจะยังไม่ทำให้คุณต้องถอยร่นจากจอมากนัก เห็นได้เต็มตายิ่งขึ้น รวมถึงความละเอียด ส่วนใหญ่อยากได้ฟีเจอร์ครบ เทคโนโลยีจัดเต็ม 24″ Full-HD เป็นตัวเริ่มต้น แต่ถ้าเครื่องคอมคุณแรงพอ การ์ดจอเทพ จัดไป 2K (1440p) และ 4K (2160p) แต่อย่าลืมอัตรารีเฟรชเรตที่สูงขึ้น เริ่มต้นที่ 144Hz จะเพิ่มอรรถรสในการเล่นได้ดีทีเดียว

จอคอมมือสอง

นอกจากนี้หากคุณเลือกจอที่มีการปรับแต่งเพิ่มได้ เช่น Game Mode ให้เลือก รวมถึงเทคโนโลยีสนับสนุน เช่น nVIDIA G-Sync หรือ AMD FreeSync เป็นต้น เช่นเดียวกับฟีเจอร์ที่ติดกับตัวจอมาด้วย ในการช่วยให้การเล่นเกมสนุกหรือได้เปรียบมากขึ้น เช่น Crosshair หรือ Night Vision เป็นต้น และที่สำคัญถ้าได้ปุ่มที่ปรับแต่ง OSD ได้ง่าย ยิ่งใช้ซอฟต์แวร์ปรับแต่งได้ก็จะดีไม่น้อย แต่ทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่จะมาพร้อม Gaming monitor ที่ราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

จอคอมมือสอง

จอคอมสำหรับความบันเทิง: จะเน้นไปที่จอคอมที่มีพื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ ให้ความละเอียดสูง และมีสีสันสดใส ไม่จำเป็นต้องมีอัตรารีเฟรชเรตที่สูงมาก แต่ให้การสนับสนุนด้านภาพที่ดี มีความสว่างสูง และมุมมองที่กว้าง เพื่อการรับชมได้อย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงพาแนลแบบ IPS ปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย บนจอกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น OLED, Mini OLED, QuantumDot เป็นต้น ที่นอกจากจะให้ความคมชัดสดใส สีดำดำสนิทแล้ว ก็ยังสนับสนุนหรือได้ Certified DisplayHDR ที่ทำให้การแสดงผลมีความกลมกลืนสวยสมจริง ให้ขอบเขตสีที่กว้าง และผู้ใช้ยังสามารถเลือกโหมดการแสดงผลให้เข้ากับการใช้งานได้อีกด้วย สนนราคาก็ขึ้นอยู่กับพาแนลที่ใช้และเทคโนโลยีที่เติมเข้ามานั่นเอง


เช็คสภาพจอได้อย่างไร?

เมื่อได้รับจอคอมมาแล้วต้องเช็คอะไรบ้าง? เป็นคำถามที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ซื้อจอมือสองมาใช้ โดยเฉพาะคนที่ซื้อแบบออนไลน์ และไม่ได้ทดสอบมาก่อน แนะนำว่าให้รีบทดสอบก่อนภายใน 7 วัน ที่มักจะเป็นประกันแบบสากล มีความผิดปกติจะได้แจ้งกับผู้ขายให้ได้รับทราบก่อน เผื่อว่าอาจจะต้องส่งคืน หรือส่งเคลม (อย่างไรก็ดี ย้ำกันอีกทีว่า การซื้อของมือสอง ก็อาจจะไม่ได้ใหม่กริ๊บ สวยไร้ริ้วรอยเสมอไป ยกเว้นว่าคุณได้มาครอบครอง ก็ถือว่าโชคดีสุดๆ)

จอคอมมือสอง

สภาพโดยทั่วไป น่าจะเป็นสิ่งที่เห็นได้ง่ายที่สุด ก่อนจะไปดูสิ่งอื่นๆ ว่ากันที่ กรอบจอ ไม่อ้า ไม่กางออก ไม่แตกหัก งานประกอบเรียบสนิท ไม่มีคราบกาวไหลเยิ้ม อย่างน้อยถ้าเป็นงานซ่อม ก็ต้องออกมาดี รวมถึงด้านหลังจอ ควรยึดกับฐานได้แน่น ไม่หลวมหลุดแกว่งไปมา ซึ่งจะบอกถึงความแข็งแรงได้ดี

จอคอมมือสอง

ฐานขาตั้ง ข้อต่อ ขาตั้งจอควรมีความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ หากเป็นจอที่ปรับมุม ก้ม-เงย, หันซ้าย-ขวา, หรือ Pivot ได้ ก็ควรให้เป็นไปตามนั้น ยกเว้นว่าคุณยอมรับสภาพนั้นอยู่แล้ว เพื่อราคาที่ถูกลงมากๆ ก็เป็นข้อยกเว้น เพราะอย่าลืมว่า เวลาที่ใช้งาน สายตาคุณจะไม่แกว่งไปตามจอภาพนั่นเอง

จอคอมมือสอง

ปุ่มปรับแต่ง สำคัญมากๆ สำหรับการใช้งาน เพราะบางครั้งคุณต้องปรับเลื่อนเลือกฟังก์ชั่น เพิ่ม-ลดความสว่าง หรือการเปลี่ยนโหมดการใช้งาน บางรุ่นมีแค่ OSD settings มาให้ แต่ไม่ได้มีซอฟต์แวร์ หากปุ่มเสียไปกด เลื่อน เลือกไม่ได้ ก็จะปรับอะไรไม่ได้เลย จึงต้องเช็คให้แน่ใจ

จอคอมมือสอง

พอร์ตสัญญาณ ควรจะต้องใช้ได้ทุกช่อง ให้ต่อสายจากคอมมาเช็คในทุกๆ พอร์ต ไม่ว่าจะเป็น VGA, DVI, HDMI หรือ DisplayPort บางรุ่นมี USB Type-A, Type-C สำหรับ PD Charging หรือช่อง Audio-Out มาอีกด้วย วันนี้คุณอาจไม่ได้ใช้ แต่วันข้างหน้าก็ไม่แน่ ยิ่งมีฟีเจอร์ KVM หรือ Display-Out ต่อจอเสริมได้ ก็ควรจะต้องใช้งานได้ตามปกติ

จอคอมมือสอง

ระบบไฟ ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่จำเป็น ไม่ว่าจะใช้อแดปเตอร์ตัวแปลงไฟ หรือต่อสาย Powercord ต่อตรงก็ตาม ต้องแน่น ไม่หลุดหลวม เพราะโอกาสที่เกิดการลัดวงจร หรือภาพดับบ่อยๆ สามารถส่งผลเสียต่อการใช้งานอยู่ไม่น้อยเลย

จอคอมมือสอง

อุปกรณ์เสริม บางครั้งอาจจะครบ หรือไม่ครบ ก็ไม่ได้เป็นประเด็น แต่สิ่งที่ควรมี ก็ต้องมี เช่น น็อตสกรูสำหรับยึดจอเข้ากับขาตั้ง หรือสายไฟ สายสัญญาณ ในส่วนอื่นๆ ที่เสริมมานั้น ก็แล้วแต่กรณีไป ซึ่งถ้าเป็นเฉพาะของจอรุ่นนั้นๆ ก็ควรต้องสอบถามผู้ขายให้แน่ใจ

จอคอมมือสอง

หลังจากที่เช็คสภาพจอโดยทั่วไปแล้ว ก็ได้เวลาเช็คสิ่งสำคัญ นั่นคือการแสดงผล แม้จะเป็นจอคอมมือสอง แต่ก็ควรจะอยู่บนพื้นฐานของการใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสว่าง ภาพที่คมชัด ไม่มี Dead/Bright dot จนรบกวนการใช้งาน ไปจนถึงไม่มีเส้น แตก ลายเมื่อใช้งานต่อเนื่อง เป็นต้น แล้วจะเช็คได้อย่างไร?

เช็คบนวินโดว์ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจเช็ค ด้วยการเปิดจอในหน้า Desktop ว่างๆ ด้วยการคลิ๊กขวาบนเดสก์ทอป จากนั้นเลือก View > เอาเครื่องหมายหน้า Show icon ออก แล้วเปลี่ยนสีของหน้าจอ ไปเป็นสีต่างๆ แล้วสังเกตสิ่งเหล่านี้

จอคอมมือสอง
  • เปิดหน้าจอสีขาว ต้องไม่มีจุดดำหรือ Dead pixel หรือถ้ามีมากสุดแค่จุดเดียว ก็ทำให้คุณเสียสมาธิและเสียอารมณ์ในการใช้งานได้แล้ว ยกเว้นว่าคุณรับได้
  • เปิดหน้าจอสีดำ ต้องไม่มีจุดสะดุดตา สีขาวหรือสีแดง ที่เป็น Hot pixel หรือ Bright pixel เพราะจะอารมณ์เดียวกันกับ Dead pixel และเป็นไปได้ว่า จะมีแนวโน้มเกิดขึ้นเพิ่มได้อีกด้วย
  • ไม่มีเส้นในแนวยาว หรือแนวตั้งปรากฏให้เห็น ไม่ว่าจะตอนเปิดจอใหม่ๆ หรือใช้งานไปนานๆ ก็ตาม
  • อาการแสงรั่ว ตรงนี้อยู่ที่การผลิตจอ ซึ่งเราแทบจะไม่เห็นกันในจอรุ่นใหม่ๆ ถามว่าน่ากังวลมั้ย ก็อาจจะมีอยู่บ้าง เมื่อเราใช้ในสภาพแวดล้อมที่มืดๆ ตรงจุดที่รั่วออกมาเยอะ อาจทำให้ความชัดลดลง และมีความรำคาญบ้างในบางครั้ง ซึ่งหากคุณงบน้อยจริง ต้องซื้อจอรุ่นเก่า พอรับได้ก็ดี แต่ถ้าจะซื้อจอกลางเก่ากลางใหม่ ก็ให้สังเกตเอาไว้หน่อยครับ รั่วเล็กน้อย แค่ขอบมุม พอได้ แต่ถ้ารั่วออกมากินพื้นที่จอเยอะเกินไป ก็ลองคุยกับผู้ขายดูอีกที

แต่ถ้าในกรณีที่ไม่แน่ใจจอคอมมือสองที่ได้มานี้ ใช้งานได้ดีมั้ย อยากจะเช็คการแสดงผลให้ละเอียดไปกว่านั้น ก็สามารถใช้ซอฟต์แวร์ทดสอบมาเป็นตัวช่วยได้ เรียกว่า DPT หรือ Dead Pixel Tester ดาวน์โหลดได้ ที่นี่ โปรแกรมนี้สามารถแสดงผลให้เราทราบได้เลยว่า มีความผิดปกติใด เกิดขึ้นกับจอคอมมือสองที่ซื้อมาบ้าง ไม่ใช่แค่ Dead/ Hot/ Bright Pixel เท่านั้น แต่การแสดงผลสีขาว/ ดำ หรือวงกลม สมดุล เส้นขอบแนว ก็ทำได้หมด จากตัวอย่างที่เรานำมาให้ชมนี้

จอคอมมือสอง ซื้อได้ ควรระวัง
สภาพโดยรวม ไม่แตกร้าว เบี้ยวหัก เสียหาย แตก งอ ชิ้นส่วนหาย
ขาตั้ง ฐาน รับน้ำหนักจอได้ สมดุล ปรับหมุนปกติ เอียง พับ เขย่าหรือเสียสมดุลเมื่อใช้
จอภาพ แสดงผลชัดเจน สว่าง สีสดใส ไม่มัว ภาพคมชัด ไม่กระพริบ จอสีเหลือบ มีเส้น หรือ Dead pixel เยอะ
พอร์ต ใช้งานได้ครบ ต่อพ่วงได้ตามปกติ พอร์ตเสีย สัญญาณขาดหาย ขั้วต่อเบี้ยง เอียง เสียบไม่แน่น
ปรับแต่ง ปุ่มใช้งานปกติ ตั้งค่าการทำงานได้ เปิด OSD settings ไม่ได้ ปุ่มพัง กดไม่ติด
เสียง เสียงดัง ฟังชัด ไม่ขาดหาย เสียงแตก ติดๆ ดับๆ
ประกัน ประกันศูนย์ ประกันร้าน ประกันใจ

Conclusion

จอคอมมือสอง

นอกจากคอมมือสอง จอคอมมือสองก็เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ สำหรับคนที่งบประมาณจำกัด หรือบางทีอาจจะหามาใช้เป็นจอสำรอง และนำไปใช้เป็นจอเสริม ต่อแบบมัลติมอนิเตอร์ได้อีกด้วย แต่จากที่ว่ามาทั้งหมด จะเห็นได้ว่า การมองหาจอคอมให้ได้แบบที่ต้องการ บางครั้งก็ไม่ได้ง่าย และมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เมื่อมีการซื้อหาแบบออนไลน์ เพราะหลายท่านก็ไม่สะดวก ที่จะเดินทางไปดูที่ร้าน หรือชอบซื้ออยู่กับบ้านมากกว่า ดังนั้นการพิจารณาตามความเหมาะสม ไม่เร่งรีบ หรือเช็คให้ถี่ถ้วนจะเป็นการดี นอกเหนือจากให้ความสำคัญกับสเปค ความสวยงาม บางครั้งถ้าถึงขั้นจะต้องขอ Live เพื่อดูการใช้งานจริงๆ ได้ ก็คงต้องทำ เพราะเมื่อเงินโอนออกจากคุณไปแล้ว โอกาสจะได้คืนก็จะยากขึ้น ในกรณีที่ปลายทางไม่มีของอยู่จริง หรือเป็นมิจฉาชีพมาหลอกคุณนั่นเอง การเลือกซื้อจากร้านค้าที่มีแพลตฟอร์มก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง หรืออยากจะไปช้อปดูหน้าร้าน จ่ายเพิ่มอีกหน่อย แต่ได้เห็นของเช็คสภาพได้เลย ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ถ้าคุณคร่ำหวอดในตลาดมากพอ และรู้ช่องทางซื้อ จะทางไหนก็เลือกหากันได้เลย ตามความสะดวกของแต่ละบุคคลครับ


2nd hand gaming monitor 2023 63

จอคอมไม่ติด ไฟกระพริบ เช็คอาการ แก้ไขใน 7 ขั้นตอนปี 2023

from:https://notebookspec.com/web/684875-select-2nd-hand-display-2023

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 ลดคุ้ม 8 รุ่น ขายของออนไลน์ เล่นเน็ต ดูหนังปี 2023

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 สุดประหยัด 8 รุ่น งานเอกสาร แต่งภาพ ดูหนัง เล่นเกมออนไลน์ ปี 2023

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 งบประหยัดที่อาจจะดูยาก แต่ก็พอหาซื้อได้ สำหรับคนที่งบจำกัด เช่น 8 โน๊ตบุ๊คสุดราคาต่ำกว่าหมื่นที่เรานำมาเป็นตัวอย่าง ที่ต้องการได้โน๊ตบุ๊คมาทำงานเบาๆ เช่นการเรียน ขายของออนไลน์ ทำเอกสาร ท่องเน็ตหรือดูหนังเพลินๆ ได้ ปี 2023 นี้ก็มีให้เลือกเยอะ แต่ก็ต้องมีข้อพิจารณาหลายจุด เพราะโน๊ตบุ๊คราคานี้ ส่วนใหญ่จะเป็นโน๊ตบุ๊คมือสอง จะมีตั้งแต่สภาพกลางเก่า กลางใหม่ หรือถ้าโชคดีอาจจะได้โน๊ตบุ๊คที่ใช้งานน้อย สภาพสวยมาใช้ นอกจากนี้อาจจะมีมือใหม่ๆ หลุดมาบ้าง สเปคประหยัด แต่รองรับงานพื้นฐานต่างๆ ได้พอสมควร ซึ่งถ้าใครมองว่าไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องเหล่านี้ ก็ตามเรามาเลยครับ วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกันครับ

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 ปี 2023

  1. HP Chromebook 11MK G9
  2. Toshiba Dynabook R82
  3. Lenovo ThinkPad T530
  4. HP Elitebook 725 G3
  5. Dell latitude e7250
  6. Toshiba Satellite R35M
  7. Fujitsu Lifebook A574/K
  8. Acer TravelMate Spin B3

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 บาท สเปคอะไร? ใช้อะไรได้บ้าง?

บางส่วนก็ต้องทราบกันก่อนว่า โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 บาทนี้ อาจจะหาซื้อโน๊ตบุ๊คมือหนึ่งได้ยากมาก และส่วนใหญ่ก็จะเกินกว่า 5 พันบาท ไปแตะที่ 6-7 พันบาท ที่เป็นตัวเริ่มต้น ยกเว้นว่าจะมีโปรโมชั่นให้เลือกในบางโอกาส หรือบางเทศกาลพิเศษ ซึ่งหากใครที่ซื้อทัน ก็ถือว่าโชคดี เพราะมักจะมีจำกัด ดังนั้นโน๊ตบุ๊คที่เราได้เจอราคานี้ในท้องตลาด ก็จะมีของมือสอง ที่ตกรุ่น หรือเป็นรุ่นเก่า ใช้งานมาพอสมควรให้เลือกใช้ ซึ่งหากคุณคิดว่า ไม่พร้อมกับการซื้อโน๊ตบุ๊คมือสอง ที่อาจจะต้องลุ้นกันว่าจะใช้ได้ดีแค่ไหน ก็แนะนำว่าเก็บเงินเพิ่ม เพื่อซื้อของใหม่ ในปัจจุบันพอจะมีให้เลือกในงบ 9,900 บาท

Advertisementavw
โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

แต่ถ้าคุณไม่มีทางออก การเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คมือ 2 ก็ควรต้องพิจารณาในหลายๆ ส่วน เช่น

สภาพ: ควรจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นมือสองในราคาที่ประหยัดแบบนี้ หากได้โน๊ตบุ๊คสภาพดี มีการดูแล ใช้งานได้ตามปกติ ไม่สวยมาก แต่โดยรวมใช้ได้ ก็น่าสนใจ แต่ถ้าสภาพเกินจะรับไหว เช่น บานพับหัก บอดี้แตก ทัชแพดพัง ปุ่มหลุด พอร์ตเสีย จอสีเพี้ยนหรือเปิดเครื่องแล้วเสียงดังผิดปกติ แม้ราคาจะดี แต่เลี่ยงได้ ก็เลี่ยงครับ เพราะเราซื้อไปใช้ ไม่ได้ซื้อไปซ่อมต่อ เพราะฉะนั้นดูให้ละเอียดก่อนจะจ่ายเงินครับ

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

ประสิทธิภาพ: อาจจะเป็นเรื่องรองลงมา แต่ว่าก็ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะคุณจะต้องใช้ไปอีกนานกับเครื่องนี้ มันควรจะตอบสนองงานของคุณได้ดีมากพอ เพราะทำงานไปกระตุกไป เปิดไฟล์ช้ามาก ย้ายไฟล์เยอะๆ ก็แฮงก์อีก แบบนี้คงไม่ดี การเลือกโน๊ตบุ๊คให้มีประสิทธิภาพ เหมาะกับเงินที่จ่ายไป ไม่ใช่เรื่องยากนัก เช่น ดูราคาในรุ่นต่างๆ แล้วเอามาเปรียบเทียบกัน อาจไม่ต้องถูกสุด แต่อยู่ในงบที่คุณมี และให้สเปคที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ซีพียู แรม SSD การ์ดจอ เป็นต้น

ระยะเวลาการใช้งาน: อีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ใช้โน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่เจอกันก็คือ แบตเตอรี่ ที่เสื่อมสภาพตามการใช้งานและการจัดเก็บ ซึ่งอาการที่เจอก็คือ ไม่เก็บประจุ ทำให้ใช้งานได้ไม่นาน หรือบางครั้งต้องเสียบชาร์จไปด้วยตลอดเวลาเมื่อใช้งาน เพราะชาร์จไฟไม่เข้าแล้ว ถ้าแบบนี้ผมไม่แนะนำครับ เพราะค่อนข้างลำบากในการนำไปใช้ข้างนอก อีกทางเลือกหนึ่งก็อาจใช้การเปลี่ยนแบตฯ ใหม่ ซึ่งราคาเริ่มที่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน แล้วแต่รูปแบบ ขนาดและรุ่นของโน๊ตบุ๊ค ซึ่งในปัจจุบันสามารถหาได้เกือบทุกรุ่นในตลาด

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

การรับประกัน: โน๊ตบุ๊คมือสอง ส่วนใหญ่จะใกล้หมดประกัน หรือหมดไปแล้ว ยิ่งเป็นเจนเนอเรชั่นเก่าๆ ก็มักจะไม่มี เลยเป็นแค่การรับประกันของร้าน อาจจะเป็นวันหรือเดือนเท่านั้น ตรงนี้อาจต้องเจรจากับทางร้านเป็นเอกสารชัดเจน เพื่อความสบายใจ แต่หลายร้านก็มีบริการที่ดี แม้จะหมดประกันไปแล้วก็ตาม

ถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คมือสอง โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 แบบนี้ จะได้สเปคอะไร เอามาใช้ทำอะไรได้บ้าง?

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

สเปคของโน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 บาทนี้ มีค่อนข้างหลากหลาย เพราะขึ้นอยู่กับร้านหรือผู้ขายที่จะตีราคาตามสภาพ ความสดใหม่ และสเปคที่มีความแรง ตามซีพียู การ์ดจอ แรมเป็นต้น แต่ที่เรามักจะพบกันบ่อยๆ เวลานี้ ก็จะเป็น Intel Core Gen3 หรือ Gen4 และ Intel Celeron เป็นบางครั้ง รวมถึง AMD A8 เป็นต้น โดยพื้นฐานจะเป็นซีพียู 2 core หรือ 4 core รวมถึงแรมเริ่มต้น 4GB ส่วนการจัดเก็บข้อมูลอาจเป็นฮาร์ดดิสก์หรือ SSD 240-256GB เป็นต้น บนหน้าจอระดับ 13.3″ ไปจนถึง 15.6″ โดยมีกราฟิก

ซึ่งหากเรามองกันที่สเปคเหล่านี้ ในแง่ของประสิทธิภาพ การทำงานพื้นฐาน เช่น งานด้านเอกสาร ท่องเว็บไซต์ ดูหนัง เรียกว่าใช้งานได้ แต่อาจจะเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ได้ช้า หรือว่าเปิดหน้าเว็บเยอะๆ พร้อมกันไม่สะดวกนัก เนื่องจากแรมมีค่อนข้างน้อย รวมถึงซีพียูที่ไม่ได้รองรับการทำงานแบบมัลติทาส์กกิ้ง หลายอย่างพร้อมๆ กันได้มากนักนั่นเอง

แต่ถ้าใครรับได้กับงบประมาณที่ไม่สูง แต่ได้โน๊ตบุ๊คมาทำงาน แล้วค่อยอัพเกรดในภายหลังก็ได้ อย่างน้อยๆ เพิ่มแรมกับ SSD ในปัจจุบันก็มีค่าใช้จ่ายไม่มากนัก

แต่ก่อนที่จะไปดูโน๊ตบุ๊คในงบประมาณ 5,000 บาท ทีมงานของแจ้งไว้ก่อนว่า โน๊ตบุ๊คที่นำมาให้ชมกันนี้ “เป็นเพียงแนวทาง และตัวอย่างของสเปค ราคา เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชี้นำ” การตัดสินใจเลือกซื้อ เป็นวิจารณญาณของแต่ละบุคคล หากสนใจก็สามารถนำไปเป็นไอเดียในการเลือกซื้อกันต่อไปครับ ส่วนถ้าอยากจะลองเข้าไปดูในรายละเอียด สามารถคลิ๊กได้จาก “ตัวเลขราคา” ของแต่ละรุ่นกันได้เลย


1.HP Chromebook 11MK G9

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

เป็นโน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 ที่เรียกว่าเป็น Chromebook ซึ่งใช้ซีพียูโมบาย และใช้ระบบปฏิบัติการ ที่เป็น Chrome OS แต่สามารถดาวน์โหลดแอพฯ มาใช้ รวมถึงได้หน้าจอขนาดกระทัดรัด 11.6″ HD (1366 x 768) พกพาสะดวก ซีพียู MediaTek MT8183 ความเร็ว 2GHz มาให้ พร้อมแรม LPDDR4x 8GB ออนบอร์ด ส่วนการจัดเก็บข้อมูลมีแค่ 32GB แต่ผู้ใช้สามารถเลือกเก็บข้อมูลผ่านระบบ Cloud storage ได้ หรือใช้ External Drive ในการจัดเก็บ กราฟิกจาก ARM Mali G72 MP3 ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นเกมออนไลน์บนโมบายได้ดี น้ำหนักประมาณ 1.34Kg เท่านั้น รองรับการเชื่อมต่อ WiFi และ Bluetooth ได้อีกด้วย พอร์ตมีทั้ง USB 2.0, USB-C ซึ่งใช้เป็น PD Charging และ DP ได้อีกด้วย ราคา 3,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ราคาประหยัด มี Storage มาเพียง 32GB
น้ำหนักเบา

2.Toshiba Dynabook R82

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

โน๊ตบุ๊คกึ่งแท็ปเล็ต ที่มีทีเด็ดน่าใช้ ถอดจอได้ ทัชสกรีน น้ำหนักเบา พอร์ตจัดมาให้เต็ม ขุมพลังจาก Intel Core M-5Y10C ทำงานแบบ 2 core/ 4 thread และความเร็วสูงสุด 2.0GHz ถือว่าให้การทำงานที่เหมาะกับงานใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงเป็นซีพียูที่ใช้ในแบรนด์อื่นๆ หลายรุ่นอีกด้วย หน้าจอขนาด 12.5″ แต่พิเศษคือ ความละเอียดสูงถึง 1920 x 1200 และเป็นแบบทัชสกรีน มีแรม DDR3 4GB และใส่ SSD M.2 128GB มาให้อีกด้วย ส่วนกราฟิกเป็น Intel Graphic HD 5300 พอร์ตก็ไม่น้อยเช่นกัน มีทั้ง USB 3.0, HDMI, VGA, MicroSD card reader และ RJ-45 โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 บาท อยู่ที่ 4,590 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
พับจอ ถอดจอได้ มีแรมให้ 4GB
ความละเอียดหน้าจอสูง

3.Lenovo ThinkPad T530

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

แต่ถ้าจะว่ากันที่โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 บาทบ้านเรา Lenovo ThinkPad ก็น่าจะอยู่ในใจใครหลายคน ด้วยบอดี้ที่เรียกว่า ยังมีมนต์เสน่ห์ ไม่ล้าและไม่ล้ำ แต่ฟังก์ชั่นมาแบบจัดเต็ม เช่นเดียวกับความอึดทน ที่มีให้บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ พร้อมด้วยขุมพลังอย่าง Intel Core i5-3230M แม้ว่าจะค่อนข้างเก่าไปสักนิด เพราะรุ่นใกล้เคียงกันขยับไปที่ Gen3, Gen4 กันแล้ว แต่ในแง่ขององค์ประกอบถือว่าดี และราคาไม่ถึง 5 พันอีกด้วย ให้แรม DDR3 8GB พร้อมใช้ อัพเกรดเพิ่มได้ และฮาร์ดดิสก์ 500GB กับกราฟิก Intel HD Graphics 4600 หน้าจอใหญ่ 15.6″ HD (1366 x 768) กว้างขวาง ดูสบายตา ให้พอร์ตมาแบบครบๆ เช่น USB 3.0, Mini-DisplayPort, VGA, RJ-45 และ SD Card Reader น้ำหนักตัวประมาณ 2.1Kg ราคาอยู่ที่ 4,890 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้แรม 8GB และ HDD 500GB น้ำหนักค่อนข้างเยอะ
ความทนทานสูง

4.HP Elitebook 725 G3

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

โน๊ตบุ๊คในกลุ่มทำงาน และการใช้งานทั่วไป บอดี้กระทัดรัด หน้าจอ 12.5″ ความละเอียด HD (1366×768) มาพร้อมซีพียู AMD PRO A8-8600B ทำงานแบบ 4 core/ 4 thread ความเร็วสูงสุด 3.0GHz ใช้พลังงานต่ำ และมีกราฟิกในตัว AMD Radeon R6 ที่ให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีในระดับหนึ่ง เช่น การดูหนัง ฟังเพลง และงานเอกสาร แต่ที่น่าสนใจคือ ให้แรม DDR3 8GB และ SSD 128GB เช่นเดียวกับพอร์ตต่อพ่วง มีให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0, พอร์ต Type-C รวมถึงพอร์ตแสดงผล VGA และ RJ-45 สำหรับต่อ LAN เช่นเดียวกับ WiFi ก็มีมาในตัวอีกด้วย ซึ่งจากตัวอย่างเคาะราคาไว้ที่ 5,390 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้ความบาง กระทัดรัด ให้ SSD 128GB
ให้แรมมา 8GB

5.Toshiba Satellite R35M

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

สำหรับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจในราคาระดับนี้ แม้จะเกินไปบ้าง คืออยู่ที่ 5,590 บาท แต่ถ้าดูจากสเปคและฟังก์ชั่นที่มีให้ ก็น่าใช้งาน เพราะได้ซีพียู Intel Core i5-4210U เป็นตัวประหยัดไฟ ทำงานในแบบ 2 core/ 4 thread ความเร็วสูงสุด 2.7GHz แคชขนาด 3MB รองรับแรม DDR3L ได้ที่ 16GB นั่นหมายความว่า ถ้าบนโน๊ตบุ๊คมีสล็อตเพิ่ม ก็จะอัพเกรดได้ ซึ่งพื้นฐานในรุ่นนี้มีให้ 4GB แต่เพิ่มได้ในภายหลัง โดยชุดเก็บข้อมูลเป็นฮาร์ดดิสก์ 500GB และมีกราฟิก Intel HD มาในซีพียู ให้พอทำงาน ความบันเทิงได้ดีในระดับหนึ่ง พอร์ตพื้นฐานมีให้ เช่น USB 3.0, LAN, VGA หรือจะเป็นช่องต่อหูฟัง รองรับการใช้งาน WiFi กับหน้าจอขนาดใหญ่ 15.6″ ที่น่าจะเป็น HD และมี NumPad มาให้ในตัว ใครชอบจอใหญ่ๆ โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นนี้ตอบโจทย์ได้

จุดเด่น ข้อสังเกต
จอและคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ แรมพื้นฐาน 4GB
มีฮาร์ดดิสก์มา 500GB

6.Dell latitude e7250

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

เป็นโน๊ตบุ๊คในซีรีส์ทำงาน ที่ได้รับความนิยมไม่น้อยในบ้านเรา ด้วยความเรียบง่ายของการออกแบบ แต่ให้ความทนทาน และฟังก์ชั่นมาไม่น้อยเลยหน้าจอขนาด 12″ ความละเอียด HD พกพาสะดวก ภาพสีสันสดใส และยังให้ซีพียูตัวแรงอย่าง Intel Core i5-5300U มาอีกด้วย กับการทำงาน 2 core/ 4 thread ความเร็วบูสท์สูงสุด 2.9GHz รองรับแรม DDR3 ติดตั้งมาให้แล้ว 8GB ทำงานต่างๆ ได้ไหลลื่น และยังมีกราฟิกอย่าง Intel® HD 5500 ที่มาบนซีพียูให้ใช้งาน สามารถแชร์หน่วยความจำให้อัตโนมัติ พร้อมกับกล้องเว็บแคม และมี Windows 10 พร้อมใช้ โดยมีทั้งพอร์ต USB, RJ-45 และ HDMI มาให้ครบ ในราคา 5,500 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้แรมมา 8GB
ซีพียูค่อนข้างใหม่ Intel Gen 5

7.Fujitsu Lifebook 574/K

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

สำหรับโน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่เห็นในตลาดมือสองบ้านเราค่อนข้างเยอะ จัดเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงาน ที่มีความอึดทนอีกรุ่นหนึ่ง อย่างในรุ่น A574/K นี้ มาในดีไซน์ที่ค่อนข้างบึกบึน กับพื้นสีดำ ตัดเส้นสายสีแดง ปุ่มใหญ่ กดได้สนุกพร้อม NumberPad มาในตัว ทัชแพดขนาดใหญ่ มีระบบสแกนลายนิ้วมือ โดยให้ซีพียู Intel Core i3-4100M ทำงานแบบ 2 core/ 4 thread ความเร็ว 2.5GHz ตัวเลือกเป็นแรม DDR3 4GB อัพเกรดได้ ฮาร์ดดิสก์ 320GB กราฟิก Intel® HD Graphics 4600 รองรับงานและความบันเทิงได้ดีพอตัว แสดงผลบนจอขนาด 15.6″ HD พร้อมการเชื่อมต่อ WiFi โดยมีพอร์ตต่อพ่วงมาพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0, HDMI, ที่พิเศษก็คือ มีไดรฟ์ DVD มาด้วย เผื่อสำหรับใครจะใช้สื่อประเภทนี้อยู่ เคาะราคาที่ 5,790 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ได้ซีพียู Intel Gen 4 ขนาดบอดี้ค่อนข้างใหญ่

8.Acer TravelMate Spin B3

โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000

ขยับมาที่โน๊ตบุ๊คแบบทัชสกรีน เอาใจสายพกพา ขีดเขียน เน้นความคล่องตัวกันบ้าง กับโน๊ตบุ๊คจากทาง Acer TravelMate Spin พับจอในโหมดต่างๆ ได้ เช่น แท็ปเล็ต เตนท์ หรือสแตนก็ตาม จุดเด่นอยู่ที่ฟังก์ชั่น เพราะเป็นจอทัชสกรีนขนาดเล็ก 11.8″ แบบ Gorilla Glass จนเหมือนแท็ปเช็ตมากกว่า แต่ให้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มาพร้อมซีพียู Intel Celeron N4020 ประหยัดไฟ ความเร็วบูสท์ 2.0GHz และมีแคชขนาดใหญ่ เพื่อความคล่องตัว แต่ที่น่าสนใจคือ ได้แรม DDR4 มาที่ 4GB และ SSD 64GB กราฟิก Intel UHD Graphics 600 ให้ความทนทานผ่าน MIL-STD 810H ทนละอองน้ำ แรงกระแทกในระดับหนึ่ง แบตอึดใช้ได้นาน พร้อมการเชื่อมต่อ WiFi น้ำหนักประมาณ 1.49Kg. พอร์ตมีทั้ง USB 3.2, Type-C และ HDMI ราคา 5,990 บาท ในนี้แจ้งว่าประกัน 2 ปีอีกด้วย

จุดเด่น ข้อสังเกต
ปรับพับหน้าจอในโหมดต่างๆ ได้ มี SSD 64GB
ให้เป็นแรม DDR4

Conclusion

ซีพียู แรม Storage กราฟิก จอภาพ ราคา
1.HP Chromebook
11MK G9
MediaTek
MT8183
LPDDR4x
8GB
SSD 32GB ARM Mali
G72 MP3
11.6″ HD 3,990
2.Toshiba Dynabook
R82
Intel Core M-5Y10C DDR3 4GB SSD 128GB Intel Graphic
HD 5300
12.5″ FHD 4,590
3.Lenovo ThinkPad
T530
Intel Core i5-3230M DDR3 8GB HDD
500GB
Intel HD Graphics
4600
15.6″ HD 4,890
4.HP Elitebook
725 G3
AMD PRO
A8-8600B
DDR3 8GB SSD 128GB Radeon R6 12.5″ HD 5,390
5.Toshiba Satellite
R35M
Intel Core i5-4210U DDR3L 4GB HDD 500GB Intel HD Graphic 15.6″ HD 5,590
6.Dell latitude
e7250
Intel Core i5-5300U DDR3 8GB SSD 128GB Intel HD Graphic
5500
12″ HD 5,500
7.Fujitsu Lifebook
574/K
Intel Core i3-4100M DDR3 4GB HDD 320GB Intel HD Graphics
4600
15.6″ HD 5,790
8.Acer TravelMate
Spin B3
Intel Celeron N4020 DDR4 4GB SSD 64GB Intel UHD Graphics
600
11.8″ 5,990

สุดท้ายนี้ก็คงต้องฝากกันไว้ สำหรับใครที่ต้องการใช้โน๊ตบุ๊คราคาประหยัด และมีงบจำกัด โน๊ตบุ๊ค ราคาไม่เกิน 5000 เหล่านี้ ก็พอจะตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่เน้นเล่นเกมเป็นหลัก เพราะจากองค์ประกอบ และสเปคพื้นฐาน มุ่งเน้นไปที่การใช้งานทั่วไป สิ่งที่อยากจะแนะนำเพิ่มเติม ก็คือ เลือกและดูรายละเอียดให้ได้มากที่สุด ตรวจเช็คสิ่งต่างๆ ให้เรียบร้อย รวมถึงถ้ามีโอกาส อาจจะอัพเกรดบางอย่างเพิ่มเติม ให้ใช้งานได้ลื่นมากขึ้น ส่วนถ้าใครเน้นโน๊ตบุ๊คมือสองเล่นเกม ผมแนะนำว่ามือสองในงบหมื่นต้นๆ ก็พอมีให้เลือกเช่นกัน เอาไว้โอกาสหน้าจะมาแนะนำกันอีกครั้ง ขอบคุณที่ติดตามกันครับ

from:https://notebookspec.com/web/681810-8-notebook-value-5000-2023

CES 2023 – พาไปชมโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ไลฟ์สไตล์ บาง แรง Intel Gen 13 + RTX เพื่อ Creator และเกมเมอร์

โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ใน CES 2023 ขุมพลัง Intel Gen 13 + GeForce RTX 40 โฉมใหม่ เทคโนโลยีล้ำๆ

โน๊ตบุ๊ค MSI

โน๊ตบุ๊ค MSI ที่เปิดตัวครั้งใหญ่ในงาน CES 2023 ครั้งนี้ จัดว่ายกทัพมาครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ผู้ใช้ทั่วไป เกมเมอร์ และทำงานจริงจัง เรียกว่า All New เลยทีเดียว เพราะนอกจากรูปลักษณ์ที่ถูกปรับใหม่ให้ดูล้ำสมัยมากขึ้น ยังยกเครื่องมาใหม่ ใส่ขุมพลัง Intel Gen 13 รุ่นล่าสุด เกือบทุกซีรีส์ และหลายรุ่นก็มาพร้อมแรม DDR5 แล้ว พร้อมกับ SSD PCIe รุ่นใหม่ กับการ์ดจอระดับ GeForce RTX 40 series อีกด้วย บนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ยังไม่รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทาง MSI เติมเข้ามาให้กับผู้ใช้โน๊ตบุ๊คได้สัมผัสกันอย่างจุใจเลยทีเดียว โดยในครั้งนี้จะเป็นส่วนของโน๊ตบุ๊คพกพก โน๊ตบุ๊คทำงาน และไลฟ์สไตล์ ใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คใหม่สไตล์ล้ำสมัย มาใช้งานในปีนี้ ไม่ควรพลาดครับ


โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ ในงาน CES 2023


MSI Creator series

มากันที่โน๊ตบุ๊ค MSI ในกลุ่มนักสร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตัดต่อวีดีโอ ตกแต่งภาพ กราฟิกดีไซน์และเหล่ายูทูปเบอร์ อย่าง Creator มีด้วยกัน 2 ซีรีส์ อย่าง Creator Z16 HX Studio และ Creator Z17 HX Studio จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสอดคล้อง ไม่ว่าจะเป็นความบาง เบา มิติที่ดูกระชับ ขอบจอบาง โดยบอดี้นั้นขึ้นรูปในแบบ CNC ที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม ซึ่งบางเพียง 19mm และน้ำหนักเบาเพียง ปปปKg. เท่านั้น

Advertisementavw
โน๊ตบุ๊ค MSI

พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน เพื่อตอบสนองการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการโอนถ่ายข้อมูลหรือการแสดงผลก็ตาม โดยที่ MSI CREATOR Z16 HX Studio นี้ มีทั้ง USB 3.2 Gen2 และ Thunderbolt 4 รวมถึงพอร์ต HDMI มาด้วย

และที่สุดของการทำงานคือ ขุมพลังอย่าง Intel Core i9-13950HX ซึ่งเป็นซีพียูที่มีประสิทธิภาพสูง ให้การทำงานแบบมัลติทากส์กรวมกันถึง 24 core และยังเป็นรุ่นใหม่ Intel Core Gen 13 จึงทำให้การทำงานในด้านคอนเทนต์ วีดีโอ กราฟิก 3 มิติ และงานด้านสตูดิโอ ภาพและเสียง ไหลลื่นได้ดีทีเดียว

โน๊ตบุ๊ค MSI

ไม่เพียงแค่นั้น เพราะทาง MSI ยังได้ใส่ขั้นสุดของเทคโนโลยีกราฟิกมาให้โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ด้วยกราฟิกการ์ด GeForce RTX ที่สนับสนุน nVIDIA Studio มาด้วย เพื่อให้สายทำงานและนักสร้างคอนเทนต์ได้ยกระดับการทำงานให้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานด้าน 3D, Video และการบรอดแคส โดยทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับ GeForce RTX ได้อย่างลงตัว

20230104 135156 1600x1200 1

จุดที่เป็นไฮไลต์อีกสิ่งหนึ่งบนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ก็คือ ชุดระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost มาพร้อมพื้นที่หน้าสัมผัสขนาดใหญ่ ช่วยลดเสียงรบกวน และให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดีขึ้น เพิ่มเสถียรภาพในการทำงาน

โน๊ตบุ๊ค MSI

นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ความละเอียด QHD+ (2560×1600) ให้ความแม่นยำสีสูง เพื่อการทำงานอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น 100% DCI-P3 และ Delta-E <2 อีกด้วย โดยหน้าจอนี้ยังผ่าน Calman Verify ด้วยการ Calibrate สีบนหน้าจอ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ด้านภาพและวีดีโอได้อย่างเหมาะสม

โน๊ตบุ๊ค MSI

และไม่ใช่แค่เรื่องของการทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความบันเทิง ด้วยระบบเสียงชั้นยอดจากลำโพง 2W จำนวน 4 ตัว ที่ติดตั้งมาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ รองรับเสียงคุณภาพสูง Hi-Res Audio และระบบเสียง DTS กับบิตเรตที่สูง เก็บรายละเอียดได้ดี พลังเสียงจัดจ้าน

สามารถปรับแต่ง และตรวจเช็คระบบการทำงานต่างๆ ผ่านทางซอฟต์แวร์ MSI Center ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การตั้งค่าจอ ระบบเสียง หรือการเลือกโหมดใช้งาน รวมถึงการมอนิเตอร์อุณหภูมิ ความเร็ว หรือการใช้แรมได้

โน๊ตบุ๊ค MSI

ด้วยคุณภาพและการออกแบบที่ลงตัว พร้อมความทนทานระดับ Military Grade ทำให้มั่นใจในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่การทำงานในสำนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเดินทาง พกพา เคลื่อนย้ายไปใช้งานนอกบ้านได้อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

โดยในงานมีการจัดแสดงโน๊ตบุ๊ค MSI CREATOR 2 รุ่นด้วยกันคือ CREATOR Z16 HX Studio และ CREATOR Z17 HX Studio โดยจะต่างกันในแง่ของมิติ และดีไซน์อยู่เล็กน้อย องค์ประกอบส่วนใหญ่จะคล้ายกัน


MSI Modern series

สำหรับโน๊ตบุ๊ค MSI Modern ที่มาโชว์ตัวในงาน CES 2023 ครั้งนี้ มี 2 โมเดลด้วยกัน ตามไลน์เดิมที่เคยวางอยู่ในตลาด ประกอบด้วย Medern 14 C13M และ Modern 15 B13M ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ แม้จะค่อนข้างคล้ายคลึงกับในรุ่นก่อน แต่ก็มีการปรับปรุงในเรื่องของวัสดุ และดีไซน์อยู่พอสมควร ทำให้ดูพรีเมียมมากขึ้น โดยยังคงคอนเซปต์ บาง กระทัดรัด พกพาสะดวก น้ำหนักเท่าเดินประมาณ 1.4Kg เท่านั้น สำหรับ Modern 14 โดยที่ MSI Modern รุ่นใหม่ปี 2023 นี้ มาในสไตล์ที่ Slim บางลง และบางสุดเพียง 19.35mm เท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

พร้อมกันนี้ยังได้เปลี่ยนไปใช้ขุมพลังรุ่นใหม่ อย่าง Intel Core Gen 13 ที่ให้การประมวลผลที่รวดเร็ว และมาคู่กับกราฟิกอย่าง Intel Iris Xe Graphic รุ่นใหม่ ในการตอบสนองด้านกราฟิก หรือด้านความบันเทิง โดยที่ยังใช้ร่วมกับแรมในแบบ DDR4 3200 และอัพเกรดเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ส่วนคีย์บอร์ดนั้นเป็นแบบปุ่มใหญ่ ตอบสนองไวเช่นเดียวกัน และมีแสงไฟ Backlit สว่างขึ้นบนคีย์อีกด้วย โดยมีปุ่ม Hot key มากมายให้ใช้ พร้อมทัชแพดขนาดใหญ่กว่าเดิม และสนับสนุนการใช้งาน Multi-Gesture

โน๊ตบุ๊ค MSI

พอร์ตต่อพ่วงมีมาอย่างครบครัน อาทิ USB-A, USB-C 3.2 Gen2 ใช้กับ PD-In ชาร์จไฟได้ แสดงผล และต่อสัญญาณไปยังจอนอกได้อีกด้วย รวมถึงมี HDMI และ Micro-SD card reader มาอีกด้วย

และ MSI ไม่เคยลืมที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง ปลอดภัยให้กับโน๊ตบุ๊คทุกๆ รุ่น เช่นเดียวกับ MSI Modern นี้ ก็ให้ความทนทานในระดับ MIL-STD-810G เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงสั่นสะเทือน อุณหภูมิ ละอองน้ำ รวมถึงการกระแทก

โน๊ตบุ๊ค MSI

โดยสามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ MSI Center ได้เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในการตรวจเช็ค ปรับแต่ง และอัพเดตสิ่งต่างๆ ในระบบผ่านทางโปรแกรมนี้ได้ทันที


MSI Prestige series

สำหรับ โน๊ตบุ๊ค MSI Prestige เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มบางเบา ดีไซน์ลงตัว พกพาสะดวก โดยมี 3 โมเดลคือ Prestige 13 EVO, Prestige 14 EVO และ Prestige 16 EVO พร้อมจบได้ทุกงาน กับการออกแบบที่พิเศษมากขึ้น ด้วยวัสดุ Mg-Al หรือแมกนิเซียมอัลลอย ซึ่งโดดเด่นทั้งในด้านความแข็งแรง และน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยที่ Prestige 13 EVO นี้ เบาเพียง 990 กรัมเท่านั้น แต่ให้ขุมพลังในการทำงาน พร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมาอย่างครบครัน และระยะเวลาในการทำงานต่อการชาร์จที่ยาวนานเลยทีเดียว เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นการใช้งานนอกสถานที่

โน๊ตบุ๊ค MSI

แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดเล็ก หน้าจอ 13.3″ แต่เพื่อให้งานได้นานขึ้น MSI ใส่แบตระดับ 75Whrs มาให้ ซึ่งรองรับการใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว พร้อมกันนี้ยังสนับสนุน Fast Charging โดยสามารถชาร์จได้ถึง 60% ภายใน 53 นาที ด้วยการชาร์จผ่าน PD-Charging 20V และสเปคยังระบุมาว่า ใช้ได้นานกว่า 1.5 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จเพียง 15 นาทีเท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

จอภาพขนาด 13.3″ พร้อมขอบจอที่บางเฉียบ ให้พื้นที่การมองภาพแบบเต็มตา สามารถทำงานหรือใช้ในความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ สีสันสดใส ความละเอียดระดับ Full-HD และยังเป็นพาแนล IPS ให้ค่า sRGB 100%

โน๊ตบุ๊ค MSI

ขุมพลังที่นำมาใส่ไว้ในโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 13 นี้ มาพร้อม Intel Core Gen 13 รุ่นใหม่ ประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ ตอบสนองในงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ และประหยัดพลังงาน แต่ที่น่าสนใจคือ ข้อมูลแจ้งมาว่า ทำงานร่วมกับแรม DDR5 แล้ว และมีกราฟิก Intel Iris X รุ่นใหม่มาอีกด้วย

คีย์บอร์ดปุ่มขนาดใหญ่ กดง่าย สวยงาม และยังสว่างชัดเจนในที่มืด ด้วยแสงไฟ Backlit เป็นแบบสีเดียว เปิด-ปิดได้ ทัชแพดกว้างกว่าเดิม รองรับ Multi-Gesture ด้วยเช่นกัน

โน๊ตบุ๊ค MSI

พอร์ตต่อพ่วงก็ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง ของโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 ที่มีให้ถึง 2 พอร์ต HDMI และUSB-A 3.2 พร้อม micro-SD card reader

ระบบความปลอดภัย มีมาให้แบบจัดเต็ม โดยโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 13 EVO นี้ มาพร้อมกล้อง IR FHD camera รองรับการสแกนใบหน้า เพื่อเข้าเครื่อง อีกทั้งเพิ่มในส่วนสแกนลายนิ้วมือมาให้ บนปุ่มเพาเวอร์ สำหรับการ Log-in เข้าระบบอีกด้วย และไม่พลาดกับฟีเจอร์อย่าง Tobii Aware ที่เข้ามาเสริมความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ เมื่อไม่ได้ใช้งานอยู่หน้าจอ โดยระบบจะเบลอหน้าจอให้อัตโนมัติ ป้องกันการลอบมองหรือเข้าใช้งาน โดยไม่ได้รับอนุญาต

โน๊ตบุ๊ค MSI

อีกรุ่นหนึ่งเป็น MSI Prestige 16 Studio จะเป็นรุ่นที่เพิ่มฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา เพื่อมอบพลังในการสร้างสรรค์ผลงาน แก่เหล่านักสร้างคอนเทนต์ทั้งหลาย ดีไซน์ที่เน้นไปทางพรีเมียม ดูหรูหรา แต่ยังคงความ Mobility บางเบา พกพาสะดวก พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันเช่นกัน บนขุมพลัง Intel Core Gen 13

มาพร้อมการสนับสนุน nVIDIA Studio ร่วมกับกราฟิการ์ด GeForce RTX ทำให้การทำงานในด้าน 3D, Video หรือการบรอดแคสนั้นไหลลื่น

โน๊ตบุ๊ค MSI

เสริมความมั่นใจด้วยระบบระบายความร้อน Dynamic Cooler Boost ที่ออกแบบฮีตซิงก์และฮีตไปป์ พัดลมให้ลดความร้อนในระหว่างการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เสียงรบกวนน้อยที่สุด โดยพื้นฐานการออกแบบ เรียกว่าเป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Ultra-Slim ก็ไม่ผิดไปนัก เพราะบางเพียง 16.85mm เท่านั้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

จอแสดงผลที่ให้มาบน MSI Prestige 16 Studio นี้ ให้พื้นที่แสดงผล 16″ ความละเอียด QHD+ 2560×1600 ขอบจอบางพิเศษ ให้ค่า DCI-P3 100% ความแม่นยำของสีสูง Delta-E <2 พร้อม Calman verified และเทคโนโลยี True Color และพิเศษคือ เป็นพาแนลแบบ Mini LED ซึ่งเม็ดพิกเซลเล็กลง แต่ให้ความสว่างสดใสมากขึ้น เหมาะทั้งการทำงาน และความบันเทิง ที่ให้สีสันสดใสสวยงาม รองรับระบบเสียง Hires และ DTS เพื่อเพิ่มอรรถรสในด้านความบันเทิง และไมโครโฟน ที่รองรับการสนทนาได้อย่างคมชัด

พอร์ตให้มาแบบจัดเต็มเช่นกัน เพราะมีทั้ง Thunderbolt 4, HDMI, USB 3.2 Type-A และ microSD card reader สำหรับ MSI Prestige 16 Studio นี้ มาพร้อมการใช้งานที่ยาวนานถึง 11 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ และให้แบตเตอรี่ระดับ 82Whrs มาอีกด้วย เหมาะกับคนที่ใช้งานนอกบ้าน หรือไปพรีเซนต์งานลูกค้านอกสถานที่ และสนับสนุนการชาร์จไวด้วย PD Charging 100W


MSI Stealth series

โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน ที่สามารถเล่นเกมได้ดี บนบอดี้ที่บางเบา หากเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คทั่วไป กับดีไซน์ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ มีสไตล์ Stealth 14 Studio นั้น มาในโทนสีที่ดูเคร่งขรึม มีให้เลือกทั้ง Star Blue และ Pure White ที่จะเหมือนยานอวกาศ มีการตัดเส้นสายได้อย่างลงตัว จุดเด่นอยู่ที่บางเพียง 19mm และน้ำหนักแค่ 1.8Kg เท่านั้น ซึ่งเป็นรุ่นที่คว้ารางวัล Gaming Award ในงานนี้อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

กับความเบาบางนี้ ยังแฝงด้วยความแข็งแรง เพราะผลิตจาก Mg-Al หรือแมกนิเซียมอัลลอย ทำให้เบาลงกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้วัสดุทั่วไป อีกทั้งลดการเกิดรอยนิ้วมือบนบอดี้ได้ง่ายอีกด้วย

20230104 134037 1600x1200 2

นอกจากการออกแบบที่สวยงามแล้ว MSI ยังได้เติมสีสันมาบน Stealth 14 Studio รุ่นนี้ ด้วยแสงไฟ RGB บนคีย์บอร์ด ซึ่งเป็นบบ RGB per-key คือแยกสีบนปุ่มได้อิสระ และด้านหลังเครื่องยังมีแสงไฟที่ปรับแต่งเพิ่มเติมได้

20230104 135637 1600x1200 1

พอร์ตต่อพ่วงตอบโจทย์ในการใช้งานครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-C รองรับ PD Charging รวมถึง USB 3.2 Type-A และ Thunderbolt 4 พร้อมพอร์ตแสดงผล HDMI มาในตัว

ยกระดับความแรงด้วยซีพียู Intel Core Gen 13 รุ่นใหม่ ในแบบ H-series ที่พร้อมสำหรับงานด้านภาพ สตูดิโอ วีดีโอและการบรอดแคส รวมถึงการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่

โน๊ตบุ๊ค MSI

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกราฟิกการ์ด GeForce RTX 40 รุ่นล่าสุด ให้ประสิทธิภาพที่มากพอสำหรับคอเกม และยังใช้พลังงงานได้อย่างคุ้มค่า รองรับ Ray-tracing ทั้งในงานและการเล่นเกม เช่นเดียวกับสนับสนุนไดรเวอร์ nVIDIA Studio ด้วยเช่นกัน โดยมีชุดคอนโทรลกราฟิกอย่าง MUX switch มาในตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้มากขึ้น เช่นเดียวกับการสนับสนุนแรม DDR5 ที่ให้แบนด์วิทธิ์สูง และรองรับ SSD PCIe Gen4 อีกด้วย

โน๊ตบุ๊ค MSI

ไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาด 14″ ที่ให้ความละเอียดได้สูงถึง QHD+ 2560×1600 และอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 240Hz ให้ภาพที่ดูสวย นุ่มนวล เพิ่มระดับความบันเทิงให้เร้าใจมากขึ้นด้วยลำโพงที่ติดตั้งมาให้ 2 ชุด และยังมีซับวูเฟอร์อีก 2 ชุด พร้อมระบบเสียง Nahimic สนับสนุน Hi-res Audio โดยที่ผู้ใช้ยังเพิ่มความสนุกสนานกับระบบเสียงรอบทิศทาง ด้วยการต่อพ่วงลำโพงบลูทูธเข้าไปเท่านั้น ก็จะได้มิติของเสียงที่เร้าใจมากขึ้น

โน๊ตบุ๊ค MSI

Vapor Chamber ขนาดใหญ่ เพื่อการระบายความร้อนให้กับซีพียูและกราฟิกได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้น ลดเสียงรบกวน

โน๊ตบุ๊ค MSI

ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะเป็น โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 16 Studio ซึ่งฟีเจอร์และเทคโนโลยีส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน จะต่างกันในส่วนของมิติ และฟังก์ชั่นบางรายการ แต่ยังคงมาพร้อมขุมพลัง Intel Core Gen13 และแรม DDR5 รวมถึงกราฟิกการ์ด GeForce RTX 40 เพียงแต่มีหน้าจอใหญ่ขึ้น 16″
บนความละเอียด QHD+ 2560×1600 เช่นกัน แต่อัตรารีเฟเรชเรต 120Hz

20230104 134059 1600x1200 1

โดยที่เสริมระบบความปลอดภัยมาเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น Webcam shutter ปิดกล้องแบบ Manual ด้วยตัวเอง ชุดสแกนลายนิ้วมือ เพื่อเข้าระบบ พร้อมกล้อง FHD IR Camera ที่ใช้ในการสแกนใบหน้าได้

โน๊ตบุ๊ค MSI

เช่นเดียวกับระบบพลังงาน ที่ให้แบตขนาดใหญ่ถึง 99.9Whrs มาด้วย เรียกว่าเป็นไซส์ที่ใหญ่ที่สุดในเวลานี้ เพื่อให้ผู้ใช้งานนอกสถานที่ทำงานได้ยาวนานมากขึ้น และที่น่าสนใจคือ โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 16 Studio ใช้ชุดระบายความร้อนที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ กับไปป์ไลน์จำนวนมาก พัดลม 2 ตัว และเทคโนโลยี Cooler Boost 5 อีกด้วย

ให้การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบ WiFi 6E ร่วมกับ Intel KILLER ที่ให้การรับส่งข้อมูลรวดเร็ว เชื่อมต่อได้ไว ช่องทางขนาดใหญ่ในการติดต่อ และการสนับสนุน 2.5G LAN


MSI Summit series

โน๊ตบุ๊ค MSI Summit มีมาโชว์ตัวในงานนี้ถึง 3 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย Summit E13 Flip Evo, Summit E14 Flip Evo และ Summit E16 โดยโน๊ตบุ๊คซีรีส์นี้ มุ่งเป้าไปที่งานธุรกิจ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบความบางเบา แต่ให้การใช้งานได้อย่างหลากหลาย จุดเด่น ไม่ได้อยู่ที่ขนาดกระทัดรัด และขุมพลังที่แรงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมหน้าจอที่พับได้ 360 องศา เป็นแบบทัชสกรีน รวมถึงใช้ร่วมกับปากกา MSI Pen ได้อีกด้วย เช่นเดียวกับระยะเวลาในการใช้งานที่ยาวนานต่อการชาร์จ และระบบความปลอดภัย ที่ทาง MSI จัดมาให้อย่างครบครัน พร้อมกับแพลตฟอร์ม Intel EVO เพื่อยืนยันว่า โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ทั้่งประสิทธิภาพที่ดี น้ำหนักเบา การเชื่อมต่อไร้สายรุ่นใหม่ และประหยัดไฟใช้งานได้นาน

โน๊ตบุ๊ค MSI

โน๊ตบุ๊ค MSI Summit E13 Flip Evo และ E14 Flip Evo โดดเด่นด้วยดีไซน์พรีเมียม มีให้เลือกทั้งตัวเคสสีดำ ตัดเส้นสายสีทอง และแบบสีขาวทั้งตัว ทำให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น นั่งที่ทำงาน พบลูกค้า จิบกาแฟในคาเฟ่ และการพรีเซนเทชั่น ให้ความยืดหยุ่นด้วยการปรับพับหน้าจอเพื่อการใช้งานในรูปแบบต่างๆ เช่น โหมดโน๊ตบุ๊คปกติ, Tablet mode, Desk mode และ Tent mode

20230104 135055 1600x1200 1

หน้าจอแสดงผล 13.4″ FHD+ (Summit E13 Flip Evo) และ 14″ QHD (E14 Flip Evo) เป็นพาแนล IPS ให้ความคมชัดสูง ระดับ sRGB 100% พร้อมขอบจอที่บางพิเศษ ให้พื้นที่ในการรับชมกว้างขึ้น รองรับการทัชสกรีน และสนับสนุน MSI Pen สำหรับการเขียน จดบันทึกบนหน้าจอ

โน๊ตบุ๊ค MSI

ขุมพลัง Intel Core Gen13 ใหม่ล่าสุด และกราฟิก Intel Iris Xe ที่รองรับทั้งการทำงานและความบันเทิงครบครัน และทำงานร่วมกับแรม LPDDR5 รุ่นใหม่แล้ว และการสนับสนุน SSD M.2 PCIe Gen4

คีย์บอร์ดกดได้ไว ปุ่มใหญ่ ตอบสนองเร็ว พร้อมแสงไฟ Backlit สีขาวสว่างสดใส เพื่อการใช้งานในที่แสงน้อย เช่นเดียวกับทัชแพดขนาดใหญ่ ง่ายต่อการใช้งาน รองรับ Multi-Gesture ใช้หลายนิ้วพร้อมกัน ในการเลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ พอร์ตสำคัญมีให้ใช้งานครบครัน โดยเฉพาะพอร์ตความเร็วสูงอย่าง Thunderbolt 4, USB Type-A หรือจะเป็น HDMI และ microSD card reader ก็ตาม

โน๊ตบุ๊ค MSI

ทนทานด้วยการผ่านการรับรอง MIL-STD-810G ที่แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ช่วยให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตกกระแทก แรงสั่นสะเทือน หรือความร้อนเย็นมากๆ และความชื้นเป็นต้น โน๊ตบุ๊ค MSI Summit E13 Flip Evo มาพร้อมแบตเตอรี่ 70Whrs ใช้ได้นาน 14 ชั่วโมง ส่วน Summit E14 Flip Evo จะเป็นรุ่น 72Whrs รองรับการใช้งานได้ถึง 13 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ อีกทั้งสนับสนุน PD-Charging อีกด้วย ชาร์จได้ถึง 60% ภายใน 53 นาที

นอกจากนี้ยังมี Tobii Aware เพื่อป้องกันผู้อื่นมาแอบมองข้อมูล หรือใช้งานขณะที่คุณไม่อยู่ที่หน้าจอ เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น เช่นเดียวกับกล้องเว็บแคม ที่มีปุ่มสำหรับเปิด-ปิดหน้ากล้อง ในกรณีที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หลังจากเลิกประชุม ที่สำคัญคือ ให้การป้องกันอย่างเต็มระบบ ไม่ว่าจะใช้การสแกนใบหน้าผ่าน FHD IR Camera หรือการสแกนลายนิ้วมือเข้าใช้งาน

ส่วน MSI Summit E16 Flip นั้น เป็นโน๊ตบุ๊คในซีรีส์เดียวกัน แต่ออกแบบมาเพื่อ นักธุรกิจ และเจ้าของกิจการ รวมถึงนักสร้างงานอิสระ ที่ต้องการพื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่มากขึ้น ในการทำงาน โดยสามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้กลุ่มนี้ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ รองรับการทัชสกรีน และ MSI Pen พับได้ 360 องศา พร้อมขุมพลัง Intel Core Gen13 และกราฟิก GeForce RTX 40 series รวมถึงแรม LPDDR5

ให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 82Whrs เพื่อการทำงานในแต่ละวันได้ยาวนานระดับ 11 ชั่วโมงต่อการชาร์จ อีกทั้งรองรับ PD-Charging 20V อีกด้วย เพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการระบบระบายความร้อนในแบบ Dynamic Cooler Boost ที่ช่วยลดความร้อนได้อย่างรวดเร็ว และมีเสียงรบกวนที่น้อย ไม่ทำให้การชมภาพยนตร์ หรือการนำเสนอผลงานของคุณถูกรบกวน


Conclusion

นอกจากโน๊ตบุ๊ค MSI ในกลุ่มบางเบา พกพาสะดวก และตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันเหล่านี้แล้ว MSI ยังยกทัพเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คมาอวดโฉมภายในงานกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น MSI Titan, Raider, Pulse, Katana รวมถึงซีรีส์ใหม่อย่าง MSI Cyborg ที่จัดเต็มทั้งด้านประสิทธิภาพและการแสดงผลอันยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถเข้าไปดูบทความโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่เหล่านี้ได้ที่นี่ และเชื่อเหลือเกินว่าจะยังมีโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ทะยอยเปิดตัวกันอย่างสนุกจากทาง MSI ให้คุณได้สัมผัสกันอย่างเต็มอิ่มในช่วงปี 2023 นี้ ทาง Notebookspec จะนำข่าวสาร และการรีวิวมาให้ได้ชมกันอย่างต่อเนื่องต่อไปครับ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง MSI ที่เปิดโอกาสให้เราได้ไปเยี่ยมชมและสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างใกล้ชิดในงาน CES 2023 มา ณ ที่นี้ด้วย รวมถึงขอบคุณผู้ชมทุกท่าน และขอต้อนรับเข้าสู่ปีใหม่ 2023 นี้ด้วยครับ

from:https://notebookspec.com/web/681406-msi-intel-gen-13-rtx-ces-2023

MSI PRO AP242 All-in-One PC ฟังก์ชั่นครบ แต่งภาพ เทรดหุ้น จบได้ทุกงาน สำนักงานยุคใหม่

MSI PRO AP242 ออลอินวันพีซียุคใหม่ ต่อได้ 3 จอ กล้องชัดลำโพงเสียงจัด ความปลอดภัยสุดล้ำ

MSI PRO AP242

MSI PRO AP242 เป็นออลอินวันพีซี ที่มาแบบครบเครื่อง ราคาเบาๆ เริ่มที่ 2 หมื่นกว่าบาท แต่ได้คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งจอมาในตัว ขุมพลัง Intel Core i5 Gen12 และแรม 8GB หน้าจอ 24″ Full-HD พาแนล IPS คมชัดและมุมมองที่กว้าง มิติกำลังพอเหมาะ น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย สะดวกกับการจัดวางบนโต๊ะหรือคนที่มีพื้นที่ทำงานจำกัด พร้อมกล้องเว็บแคม Full-HD และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน โดยให้ความปลอดภัยมาเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นการ สแกนใบหน้าหรือ Tobii Aware รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6 รวมถึงพอร์ตต่อพ่วงมากมาย เช่น USB-C, HDMI และ DP เป็นต้น รองรับการต่อจอภายนอกเพิ่มได้อีก 2 จอและซอฟต์แวร์เสริมการทำงาน ในการตรวจเช็ค ปรับปรุงตั้งค่า เพื่อการใช้งานที่คล่องตัว การรับประกัน 3 ปี พร้อม On-site pickup and return ติดต่อ รับซ่อม และส่งคืน ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สนนราคาอยู่ที่ 27,400 บาท

MSI PRO AP242 สวยลงตัว งาน บันเทิง


จุดเด่น

Advertisementavw
  • มิติที่บางเบา กระทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
  • มาพร้อมความปลอดภัยครบครัน
  • รองรับการสแกนใบหน้าเข้าระบบ
  • กล้องเว็บแคม Full-HD
  • มีระบบรักษาความเป็นส่วนตัว Tobii Aware
  • ลำโพงด้านหลัง ให้พลังเสียงในระดับที่ดี
  • รองรับการต่อจอภายนอกเพิ่มได้
  • มีพอร์ต USB-C
  • ประกอบง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือ
  • มี Windows 11 Home มาในตัว
  • รับประกัน 3 ปี พร้อม On-site pickup and return

ข้อสังเกต

  • พอร์ต USB ความเร็วสูงอยู่ด้านหลัง การต่ออุปกรณ์ต้องขยับเล็กน้อย
  • ถ้าเพิ่มแรมเป็น 16GB จะทำให้ไหลลื่นมากขึ้น
  • การปรับ OSD ต้องใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ Display Kit

Specification

Description
CPU Intel® Core™ i5-12400
OS Windows 11 Home
CHIPSET Intel® H610
STORAGE 1x 256GB M.2 SSD (auto switch)
1x 2.5” HDD / SSD
GRAPHICS Intel® UHD Graphics
PANEL RESOLUTION 23.8″ IPS Grade Panel LED Backlight (1920*1080 FHD) with MSI Anti-Flicker technology
AUDIO SPEAKER 2x 2.5W
I/O 1x USB 3.2 Gen 2 Type C
1x USB 3.2 Gen 2 Type A
2x USB 3.2 Gen 1 Type A
2x USB 2.0 Type A
1x RJ45
1x HDMI out (2.0)
1x DP out (1.4)
1x Mic-in
1x Line-out
AUDIO Realtek ALC897
LAN Realtek RTL8111H
WIRELESS LAN Intel Wireless AC 3168
Intel Wireless AX201
BLUETOOTH 4.2 (with Intel AC 3168) / 5.2 (with Intel AX201)
WEBCAM Built-in FHD Webcam which supports Windows Hello
Removable webcam cover design
KEYBOARD / MOUSE Optional
AC ADAPTER 120W
ADJUSTMENT (TILT) -5° ~ 20°
NET WEIGHT 4.63 kg / 10.21 lbs
Price 27,400 บาท

รายละเอียดเพิ่มเติม: MSI PRO AP242


Install

MSI PRO AP242

ในปัจจุบันเรียกว่าแทบแยกไม่ออก สำหรับ All-in-One PC กับจอมอนิเตอร์ของทาง MSI เพราะอย่างที่เห็นคือดีไซน์มาบาง กระทัดรัดมากๆ ครับ เรื่องการจัดวางองค์ประกอบ และปุ่มควบคุมที่ถูกซ่อนเอาไว้ ก็ดูลงตัวไม่น้อยเลย แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่า การประกอบติดตั้งใช้งาน จะยุ่งยากมั้ย มาดูขึ้นตอนกันครับ

MSI PRO AP242

จากชิ้นส่วนที่มีอยู่ในกล่องนั้น ประกอบด้วยกัน 3 ส่วน ชิ้นหลักอยู่ที่ขาตั้ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการใช้งาน จะมีสลักที่เป็นล็อคแบบนี้ สำหรับต่อเข้าไปด้านหลังจอ

MSI PRO AP242

เริ่มแรกให้นำชิ้นขาตั้ง วางให้ตรงกับจุดยึดบริเวณด้านหลังของจอ และกดลงไป โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ตัวล็อคที่อยู่บนขาตั้ง จะทำงานอัตโนมัติ และถ้าต้องการถอดขาตั้งออก ก็เพียงปลดล็อค แล้วดึงออกจากด้านหลังเครื่องได้เลย

MSI PRO AP242

ชิ้นวงกลมที่ให้มาด้วยนี้ ใช้เป็นตัวฐาน ติดตั้งได้แบบไม่ต้องใช้ตัวล็อคเช่นกัน แค่เสียบขาตั้งลงไป แล้วหมุนฐานครึ่งรอบ เมื่อล็อคกันดีแล้ว ก็ใช้งานได้ทันที

MSI PRO AP242

ทั้งหมดทุกชื้นที่นำมาประกอบกัน ไม่ต้องใช้เครื่องมืออื่นใด ที่เหลือจะมีตัวเก็บสายกลมอันเล็กที่สามารถประกบเข้ากับขาตั้ง และเสียบสายเพื่อใช้งานได้เลย

MSI PRO AP242

สำหรับออลอินวันพีซีรุ่นนี้ ใช้ตัวแปลงที่เป็นอแดปเตอร์ 120W @6.15A โดยเป็นแจ๊คหัวกลม ต่อเข้ากับพอร์ตด้านหลังตัวเครื่อง สายที่ให้มาความยาวมากกว่า 3 เมตร ซึ่งช่วยให้คุณจัดการพื้นที่วางได้ยืดหยุ่นมากขึ้น

MSI PRO AP242

นอกจากนี้ในกล่องยังมีเมาส์ คีย์บอร์ดแบบไร้สายในแบบคอมโบ เพื่อนำมาใช้ร่วมกันกับตัวเครื่อง ซึ่งข้อดีคือ ใช้ตัวรับ-ส่งสัญญาณตัวเดียวเท่านั้น ทำให้ประหยัดพอร์ตบนพีซี เพื่อไปใช้งานกับอุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมได้

MSI PRO AP242

เมาส์ไร้สายที่ให้มาด้วยนี้โมเดล MA004 ขนาดมาตรฐาน ไม่ได้เป็นไซส์เล็ก จับกระชับมือดีทีเดียว ใช้พลังงานจากถ่านขนาด AAA จำนวน 2 ก้อน แต่ที่ชื่นชอบก็คือ มีสวิทช์เปิด-ปิดการใช้งานมาอีกด้วย


Hardware & Design

MSI PRO AP242

มาในเรื่องดีไซน์ของ MSI PRO AP242 ออกแบบให้ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยลง เพื่อจะได้เหลือพื้นที่ใช้สอยบนโต๊ะมากขึ้น ตัวฐานเป็นแบบวงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางแค่ 23cm เท่านั้น และวัดความยาวของจอได้ประมาณ 54cm แต่ผมมองว่าเป็นจอที่กว้าง เพราะออกแบบขอบจอมาให้บาง แทบจะเป็นแบบไร้ขอบ บนหน้าจอระดับ 23.8” เช่นนี้ ทำให้สัดส่วนพื้นที่ในการแสดงผลกับบอดี้มีมากกว่า 80% เลยทีเดียว

ขอบด้านข้างสังเกตได้ว่ามิตินั้นบางพอสมควร ซึ่งเป็นแบบที่ถูกใช้อยู่ในจอของ MSI หลายรุ่น เพื่อให้พื้นที่ในการแสดงผลที่กว้างมากขึ้น

MSI PRO AP242

ขอบด้านล่าง ก็แทบจะเรียกได้ว่า บางเป็นพิเศษ แต่ก็เสริมความแข็งแรงมาด้านใน ทำให้ดูเหมือนเป็นแค่จอภาพ ที่ไม่มีพีซีติดตั้งมาด้านหลังด้วย ซึ่งจากที่เรานำจอ MSI Modern MD241 มาวางคู่กัน เกือบแยกไม่ออกเลยทีเดียว ว่าฝั่งไหนเป็นพีซี มีโลโก้ MSI สีขาววางอยู่ตรงกลาง

MSI PRO AP242

มาดูที่ด้านข้างกันบ้าง จุดหนาสุด ถ้าวัดเฉพาะขอบจอด้านหน้า มาที่ส่วนยื่นบริเวณที่เป็นชุดคอมทางด้านหลัง ความหนาประมาณ 5.5cm เท่านั้น โดยขาตั้งให้สมดุลได้ค่อนข้างดี เพราะไม่โยกคลอนได้ง่าย และรองรับการปรับได้รูปแบบเดียวคือ มุมก้ม-เงย อยู่ที่ระกับ -5 – 20 องศา ซึ่งพอให้การใช้งานบนโต๊ะทำงานได้สะดวกในระดับหนึ่ง

MSI PRO AP242

แม้ว่าการปรับเลื่อนจะได้เพียงมุมก้ม-เงย แต่ด้วยความเบาของตัวเครื่องที่อยู่ราวๆ 4Kg. และ MSI ยังดีไซน์ตัวฐาน ให้เอียงเล็กน้อย ทำให้คุณจับตัวเครื่องหันซ้าย-ขวาได้ไม่ยาก ทดแทนการปรับตัวหมุนที่ฐานได้ดีทีเดียว

MSI PRO AP242

กล้องเว็บแคมที่ติดตั้งมาบน MSI PRO AP242 All-in-One PC เครื่องนี้ ให้ความละเอียดระดับ Full-HD มีความคมชัดสูง ซึ่งมาพร้อมเซ็นเซอร์ที่วางใกล้กัน สำหรับตรวจเช็คการเคลื่อนไหว รวมถึงไมโครโฟนในการตัดเสียงรบกวนในการสนทนาได้ดีเลย

MSI PRO AP242

เชื่อว่าหลายคนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย ในการเลือกใช้พีซีสักเครื่อง คงไม่ได้หยุดแค่การ กรอกพาสเวิร์ดแล้วเข้าใช้งานได้เลย เพราะบางคนก็แอบมองรหัสเรา ก็แอบใช้ได้แล้ว MSI PRO AP242 มีระบบ Log-in ได้ทั้ง ใส่รหัสหรือการสแกนใบหน้าด้วยกล้องเว็บแคม ผ่านทาง Windows Hello นั่นเอง

Tobii Aware

MSI PRO AP242

แต่นอกเหนือจากระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน อย่างการตั้งรหัสเข้าเครื่อง หรือการสแกนใบหน้าแล้ว MSI ยังได้เสริมความปลอดภัยไปอีกขั้น ด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่า Tobii Aware ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกับกล้องเว็บแคมของ MSI ในการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ได้มากขึ้น ด้วยเงื่อนไขหลักๆ คือ

  • Privacy Screen – เมื่อคุณไม่ได้นั่งอยู่หน้าเครื่อง ระบบจะเบลอหน้าจอให้ทันที และจะกลับมาชัดเหมือนเดิม เมื่อคุณเข้ามานั่งใช้งาน แต่จะเพิ่มความปลอดภัยไปอีกชั้น นั่นคือ ระบบจะ Lock Windows ทันที เพื่อไม่ให้ผู้อื่น มาแอบเข้าใช้งานได้ ซึ่งตรงนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเวลาล็อคอินใหม่ เพราะแค่คุณมาอยู่ตรงหน้ากล้อง ระบบก็เปิดให้พร้อมใช้งานได้แล้ว
  • Peeker Detection – และเป็นเรื่องปกติที่เมื่อคุณนั่งหันหน้าเข้าคอม บางคนที่อาจจะไม่ประสงค์ดี แอบยื่นหน้ามาดูจอได้ ระบบนี้จะทำให้หน้าจอเบลอ เมื่อกล้องตรวจพบว่ามีใบหน้าเข้ามาใกล้หน้าจอ หรือยู่ด้านหลังของคุณ
  • Auto Lock Windows – ระบบนี้จะช่วยเสริมการทำงานของ Privacy Screen ด้วยการ Lock หน้าจอให้ทันที เมื่อคุณเดินออกไปจากหน้าคอม โดยผู้ใช้เลือกเวลาได้ว่า จะให้ล็อคหลังจากที่ออกไปจากหน้าจอเมื่อไร มีให้เลือกตั้งแต่ 0-5 นาที
MSI PRO AP242

ตัวอย่างดังเช่นภาพด้านบนนี้ เมื่อคุณออกห่างจากหน้าจอ ระบบจะทำการเบลอหน้าจอให้ทันที หรือในกรณีที่มีคนจะแอบใช้คอมของคุณ เมื่อไม่อยู่ที่โต๊ะ ระบบก็จะเบลอหน้าจอเช่นเดียวกัน เรียกว่าเป็นความปลอดภัย 2 ชั้น กรณีที่คุณซีเรียสกับความเป็นส่วนตัว

MSI PRO AP242

MSI ให้กล้องเว็บแคมความละเอียด Full-HD ภาพคมชัด เห็นรายละเอียดได้ครบ รองรับ Windows Hello ล็อกอินด้วยใบหน้า และยังมีของเล่นเล็กๆ มาให้ครับ Webcam Cover สำหรับคนที่ใช้กล้องเว็บแคมเป็นประจำ และต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องกลัวใครมา Hack กล้องเว็บแคมคุณได้ ดูมินิมอลดีทีเดียว

MSI PRO AP242

ด้วยความเป็น ออล-อิน-วันพีซี ข้อดีก็คือ รวมคอมพิวเตอร์และจอเอาไว้ด้วยกันแล้ว จึงประหยัดพื้นที่บนโต๊ะไปได้มากทีเดียว เหลือพื้นที่ให้คุณใช้งานได้อีกมากมาย โดยเฉพาะคนที่มีห้องเล็กๆ หรือต้องทำงานบนโต๊ะมาตรฐาน 120cm นอกจากนี้ ยังไม่ต้องต่อสายต่างๆ ให้วุ่นวาย อย่างเช่น MSI PRO AP242 เครื่องนี้ มีทั้ง WiFi, กล้องเว็บแคม และจอคอมในตัวอยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่ต่อ สายไฟ AC เข้ากับเครื่องเท่านั้น ก็ใช้งานได้ทันที


Screen & Speaker

MSI PRO AP242

จอ IPS ที่มากับ MSI เครื่องนี้ มองเห็นได้ชัด ด้วยมุมมองที่กว้าง ให้ความละเอียดที่ระดับ Full-HD 1080p และยังเป็นจอแบบ Anti-Glare ลดแสงสะท้อน เข้ากับการใช้งานในออฟฟิศได้ดีเลยทีเดียว หรือจะใช้ใกล้กับบริเวณที่มีแสงมาก ก็ยังมองเห็นได้ชัด รองรับกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร ดูหนัง หรือแม้กระทั่งการตกแต่งภาพ หรือท่องอินเทอร์เน็ตก็ตาม

MSI PRO AP242

ท่องเว็บ เล่นอินเทอร์เน็ตและเทรดหุ้น น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานหลายคน เลือก ออลอินวันพีซีมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะสะดวก จบในตัวและได้จอใหญ่ ไม่ต้องไปซื้ออะไรเพิ่ม กับการแสดงผลถือว่า 24″ กำลังดี ให้พื้นที่แสดงผลข้อมูลกว้างขวาง เรียกว่าแค่กรอกตาไปมา ก็มองได้ทั่ว เรื่องความคมชัดและสีสันสดใส ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ เพราะไม่ว่าจะใช้ดูหุ้น กราฟ รวมถึงต้องมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน จุดที่น่าสนใจคือ สามารถเปิดดูกราฟ และข้อมูลการเทรดไปพร้อมๆ กัน หรือจะแบ่งหน้าจอ เพื่อดูข่าว และเทรดคริปโตไปพร้อมกันได้ ประสิทธิภาพแรงพอสำหรับการใช้งานมัลติทาส์กได้ดีทีเดียว

MSI PRO AP242

ชมภาพยนตร์และการสตรีมมิ่ง ในด้านความบันเทิงสีสันที่สดใสคือหัวใจของจอบนออลอินวันจาก MSI เครื่องนี้ก็ว่าได้ เพราะไม่เพียงให้แค่ภาพที่คมชัด แต่ยังเลือกการแสดงผลได้อย่างเต็มตา ยิ่งเป็นวีดีโอในแบบ Full screen และปรับแสงที่เหมาะสมบน OSD ในโหมด Cinema ก็ได้ความสว่างสดใสมากขึ้น และหน้าจอแสดงผลเอง ยังรองรับการปรับ HDR ได้อีกด้วย การดูวีดีโอสตรีมมิ่งบอกได้เลยว่า ภาพดูสดใสและแสงที่ได้มีความอิ่มมากขึ้น แบบที่แทบจะไม่ต้องไปแตะกับค่าอื่นๆ เลย

MSI PRO AP242

ในแง่ของการทำงาน หน้าจอขนาด 24″ เช่นนี้ ก็เหมาะกับการใช้งานพื้นฐานต่างๆ ได้ไม่ยาก หากเป็นงานเอกสาร ซอฟต์แวร์สำนักงาน ให้คุณลองปรับ Scale ของหน้าจอได้อย่างเหมาะสม จากเดิม 100% โดยส่วนตัวมองว่าเป็นหน้าจอที่กำลังพอเหมาะ ซึ่งมองเห็นฟอนต์ได้ง่าย รวมถึงการทำงานในด้านของภาพหรือวีดีโอ ก็อยู่ในระดับที่ดี แต่อาจจะไม่ได้กว้างขนาดที่เวลาคุณวาง Tools ต่างๆ จะมองเห็นได้ครบทุกจุด แต่ก็แนะนำว่าให้ลองปรับขนาดของ Font เล็กลงอีกหน่อย ก็จะทำให้ใช้งานด้านนี้ได้ดียิ่งขึ้น

MSI PRO AP242

อย่างไรก็ดีหากคุณมองว่ายังได้พื้นที่การทำงานบน ออลอินวัน MSI รุ่นนี้ไม่เต็มอิ่ม หรืออยากได้จอส่วนต่อขยาย สำหรับใช้งานอื่นๆ ด้วย เช่น การแสดงหน้าจอพรีวิวฟุตเทจวีดีโอ หรือจะให้โชว์ไฟล์บน File Explorer ไว้ใช้งาน หรือการเปรียบเทียบเอกสาร MSI PRO AP242 รุ่นนี้ สามารถต่อจอแสดงผลผ่านทาง HDMI ได้อีกด้วย อย่างเช่น ในครั้งนี้เราได้จอ MSI Modern MD241 มาใช้งานร่วมกัน ซึ่งดูลงตัวมากขึ้น

MSI PRO AP242

เพราะจอรุ่นนี้ นอกจากจะให้ความละเอียดระดับ 1080p แล้วยังมาพร้อมกับคุณภาพในด้านการแสดงผลสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความแม่นยำสี และเทคโนโลยีถนอมสายตา ที่สำคัญยังรองรับการปรับหมุนในแนวต่างๆ ได้ครบ ไม่ว่าจะเป็น ก้ม-เงย, ปรับความสูง, หันซ้าย-ขวา และการปรับ Pivot 90 องศา เรียกว่าปรับจูนเข้ากับ

MSI PRO MP242 รุ่นนี้ เค้าใส่เทคโนโลยีถนอมสายตามาเต็ม ไม่ว่าจะเป็น การลดแสงสีฟ้า, ลดการกระพริบของจอ และเป็นจอที่ลดแสงสะท้อนมาให้ เอาง่ายๆ ว่าวันนี้คุณจะสามารถเคลียร์เอกสาร ดูหนัง หรือจะเทรดหุ้นกันได้ยาวๆ แบบไม่แสบตา ซึ่งเดิม MSI จะใส่ไว้ในจอระดับงานธุรกิจ และวันนี้ก็เอามาลงในจอทำงาน และใช้ในชีวิตประจำวัน


OSD settings

MSI PRO AP242

โดยพื้นฐานของจอบนออลอินวัน MSI รุ่นนี้ มีปุ่มด้านหลังมาให้ก็จริง แต่ใช้สำหรับเป็นปุ่มเพาเวอร์ และเพิ่ม-ลดความสว่าง แต่ทาง MSI เสริมซอฟต์แวร์อย่าง DisplayKit มาให้ ซึ่งคุณจะสามารถปรับแต่งการแสดงผลของจอได้เหมือนกับการปรับใช้ OSD เลยทีเดียว แต่สะดวกกว่า เพราะใช้เมาส์คลิ๊กเท่านั้น

MSI PRO AP242

ในหน้าแรก Split Window จะให้คุณเลือก Split หน้าต่างโปรแกรมได้ 4 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น 2 หรือ 4 หน้าต่างบนหน้าจอเดียวกัน

MSI PRO AP242

และยังตั้งค่าในหน้าของ Display ได้อีกด้วย เลือกการปรับแต่งทั้งแนวตั้งหรือแนวนอน ความละเอียด อัตรารีเฟรชเรต ไปจนถึงการแสดงผล

MSI PRO AP242

มาถึงส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญของโปรแกรมนี้ และเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณปรับแต่งค่าต่างๆ ของหน้าจอได้ถูกใจ เพราะคุณสามารถเลือกโพรไฟล์การแสดงผลได้ถึง 7 โพรไฟล์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นใช้งานทั่วไป เล่นเกม FPS, RTS หรือการชมภาพยนตร์และถนอมสายตา แต่ที่น่าสนใจก็คือ ระบบจะให้การปรับเห็นผลในแบบเรียลไทม์ เรียกว่าปรับก็เห็นผลลัพทธ์ได้ทันที ส่วนตัวผมมองว่าสะดวกกว่าการกดปุ่มเยอะเลย

MSI PRO AP242

แท็ป Tools เป็นเครื่องมือที่ช่วยปรับจูนเมาส์ คีย์บอร์ด และการซูม-ย่อขยายหน้าจอ และการจัดการเรื่องสัญญาณภาพต่อภายนอกได้รวดเร็ว คล้ายกับการกด Win+P แต่ทุกอย่างรวมเอาไว้ในที่เดียว ปรับเปลี่ยนได้ง่ายกว่าเดิม

MSI PRO AP242

MSI ก็ให้จอระดับคุณภาพมาบน ออลอินวันพีซี รุ่นนี้ด้วย เพราะให้ค่า Gamut Volume ไปถึง 98.5% sRGB แสดงให้เห็นถึงความเป็นจอ High Gamut ที่เป็นจอระดับ Creator ได้ในระดับเริ่มต้น และยังได้ค่า Delta-E น้อยกว่า 2 จัดว่ามีความเที่ยงตรงของสีมากพอสมควร รองรับการใช้งานด้านภาพและวีดีโอพื้นฐานได้ดี เช่น การพรีเซนเทชั่นงานวีดีโอ และการทำชิ้นงาน เพื่อนำเสนอและงานพิมพ์ให้กับงานลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง

MSI PRO AP242

ด้วยระบบเสียง dts ที่มาบน MSI PRO AP242 รุ่นนี้ จัดว่าเร้าใจเลยทีเดียว โดยเฉพาะการชมภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นไซไฟ ไม่ว่าจะเป็น Avenger: End Game, Transformer หรือใครชอบแนวยกพลขึ้นบก อย่าง Saving Private Ryan ที่จัดว่าระทึกเร้าใจ แต่แนะนำว่า หากจะให้เสียง มีความแน่นทุ้ม ลองขยับจอเข้าไปใกล้ผนังสัก 15-20cm จะได้อรรถรสในการฟังมากขึ้น


Keyboard & Mouse

MSI PRO AP242

เมาส์และคีย์บอร์ดไร้สาย ที่มีมาให้ใช้งานคู่กับ MSI ดูลงตัวกับการใช้งานได้ดีทีเดียว เพราะใช้ USB Receiver เพียงตัวเดียวเท่านั้น ทำให้โต๊ะทำงานของคุณดูโล่ง สะอาดตา และมีที่วางของอย่างอื่นได้อีกมากมาย

MSI PRO AP242

เมาส์ไร้สายรุ่นนี้ มาในมิติกำลังพอเหมาะถนัดมือสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่เคลื่อนไหวได้สะดวก โดยเฉพาะกับคนที่ชอบเมาส์เบาๆ ตอบสนองได้ดี ใช้ถ่าน AAA จำนวน 2 ก้อนเท่านั้น เท่าที่ลองก็ใช้งานกันแบบยาวๆ หรือจะพกไปใช้กับโน๊ตบุ๊คนอกบ้านก็ได้นะ พกพาใส่กระเป๋าไปได้ไม่เกะกะ

MSI PRO AP242

สำหรับมือผู้รีวิวเอง ก็ประมาณนี้เลยขนาดกำลังดี และมีปุ่มด้านข้างมาให้ เลือกใช้งานหรือ Undo ได้ตามสะดวก ปุ่มคลิ๊กเสียงดังเล็กน้อย แต่ก็นุ่มนวล เช่นเดียวกับ Scroll wheel ที่ทำขึ้นมาให้ใช้งานถนัดมือ

MSI PRO AP242

คีย์บอร์ดไร้สายตัวบาง ขนาดกระทัดรัด แต่ก็มี Number Pad มาให้ พร้อมปุ่มขนาดใหญ่ ที่ให้การกดที่แม่นยำ และมีปุ่มฟังก์ชั่นมัลติมีเดียมาให้ใช้ เช่น เพิ่ม-ลดเสียง, Play/ Pause หรือจะ FW/RW รวมถึงไฟสถานะ การตอบสนองอยู่ในระดับที่ดี กดไม่ต้องลึก เหมาะกับคนที่ชอบการพิมพ์สัมผัส รวมถึงคนที่เล่นอินเทอร์เน็ต คีย์หาข้อมูลเป็นประจำ


Connector

MSI PRO AP242

สำหรับพอร์ตต่อพ่วง มีให้ใช้งานอย่างครบครันเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งเพราะความเป็นพีซี ไม่ได้เป็นจอแสดงผลเพียงอย่างเดียว เลยทำให้ไม่ต่างไปจากคอมพิวเตอร์พีซี หรือโน๊ตบุ๊คมากนัก เหมาะทั้งการใช้งานทั่วไปในบ้าน สำนักงานหรือธุรกิจส่วนตัว ไม่ว่าคุณจะมีฮาร์ดไดรฟ์ต่อภายนอก พรินเตอร์ แฟลชไดรฟ์ เพราะมีพอร์ต USB Type-A ให้รวม 5 พอร์ตด้วยกัน หรือจะใช้ต่อจอเพิ่ม เพื่อขยายพื้นที่การทำงาน ด้วยพอร์ต HDMI และ DisplayPort

  • 1x USB 3.2 Gen 2 Type C
  • 1x USB 3.2 Gen 2 Type A
  • 2x USB 3.2 Gen 1 Type A
  • 2x USB 2.0 Type A
  • 1x RJ45
  • 1x HDMI out (2.0)
  • 1x DP out (1.4)
  • 1x Mic-in
  • 1x Line-out
MSI PRO AP242

แต่จุดที่ติดตั้งพอร์ต อาจจะอยู่ลึกเข้าไปนิดหน่อย อาจจะต้องเอียงตัวจอ ให้สามารถติดตั้งพอร์ตได้ง่ายกว่าเดิม และมีจุดที่ติดอยู่นิดหน่อยก็คือ ด้วยการที่พอร์ตความเร็วสูง USB 3.2 อยู่ในบริเวณด้านใต้นี้ด้วย การต่อพอร์ตก็จะยุ่งยากหน่อย เพราะคุณอาจจะต้องก้มลงมาดู เวลาใส่หรือถอด หากเป็นไปได้ก็ให้มองหาสาย USB Extended ต่อมาวางไว้ด้านหน้า ก็จะง่ายขึ้น

MSI PRO AP242

ด้านข้างก็มีพอร์ตมาให้ แต่เป็น USB 2.0 Type-A เหมาะกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์อย่าง USB Flash drive หรือ USB Receiver เพราะไม่ต้องใช้ความเร็วสูงมากนัก อีกทั้งอยู่ตรงด้านขวาของตัวเครื่องใช้งานได้ง่ายกว่า

MSI PRO AP242

โดยการต่อจอเพิ่ม ก็สามารถเลือกได้ว่าคุณจะต่อจากพอร์ตใด มีให้เลือกทั้งแบบ HDMI และ DP ขึ้นอยู่กับจอที่คุณนำมาใช้ อย่างเช่น MSI Modern MD241 ที่มี HDMI มาให้ คุณอาจจะเลือกจออีกรุ่นที่เป็น DP เพื่อการขยายเป็น 3 จอก็ได้เช่นกัน


Performance & Software

MSI PRO AP242

หลังจากที่เราได้ลองใช้งานในโหมดการทำงานต่างๆ กันมาพอสมควรแล้ว ต่อไปจะเป็นการทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรมทดสอบในด้านต่างๆ กัน

MSI PRO AP242

CPUz รายงานข้อมูลซีพียูเป็น Intel Core i5-12400 ทำงานแบบ 6 core/ 12 thread และความเร็วบูสท์อยู่ที่ราวๆ 4.4GHz ทำงานคู่กับชิปเซ็ต Intel H610 พร้อมการเชื่อมต่อแบบ PCI-Express 3.0

MSI PRO AP242

มีแรมมาให้เป็น DDR4 3200 ความจุ 8GB ซึ่งสามารถอัพเกรดเพิ่มเติมได้ในภายหลัง แนะนำอยากจะให้อัพเกรดเพิ่ม เพื่อให้การใช้งานไหลลื่นมากกว่า และยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกราฟิกการ์ดได้อีกด้วย

MSI PRO AP242
MSI PRO AP242

โดยกราฟิกที่มาพร้อมกับซีพียูรุ่นนี้ เป็นกราฟิกในเจนเนอเรชั่นใหม่อย่าง Intel UHD Graphic 730 และบน GPUz ก็รายงานมาตรงกัน ซึ่งมีชุด Shader แชร์แรมร่วมกับระบบอัตโนมัติ รวมถึงความเร็วในการบูสท์สูงกว่า 1,450MHz เลยทีเดียว

MSI PRO AP242

จากนั้นมาดูการทดสอบแรก เทียบกับซีพียูพีซีอย่าง Intel Core i7-10700 ที่มีจำนวน Core/ Thread มากกว่า ซีพียูบน MSI PRO AP242 รุ่นนี้เรียกว่าหายใจรดต้นคอก็ว่าได้ เพราะมีคะแนน Multi-thread ห่างอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับทำคะแนนได้ดีกว่าในส่วนของ Single-thread

MSI PRO AP242

ส่วน SSD ที่ติดตั้งมาให้นั้น เป็นรุ่น WD SN530 ความจุ 256GB ประสิทธิภาพจัดว่าอยู่ในระดับเบื้องต้น ความเร็วประมาณ 2,485MB/s สำหรับการ Read และ Write ใกล้ๆ 1,000MB/s แม้จะดูไม่ร้อนแรงจัดมากนัก แต่ก็เร็วกว่า SSD พื้นฐานและไวกว่า HDD พอสมควร คุณอาจจะเริ่มต้นใช้งานไปก่อน และอัพเกรดหรือเปลี่ยนในภายหลังก็ได้ แต่ที่น่าสนใจคือ MSI All-in-One รุ่นนี้ ยังรองรับการอัพเกรดเพิ่มเติมได้ หรือจะเพิ่มด้วยชุดคิทอัพเกรด HDD ในแบบ SATA ก็ได้เช่นกัน

MSI PRO AP242

ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark10 คะแนนในภาพรวมไปได้มากถึง 5,029 คะแนน ซึ่งจัดว่าทำได้ค่อนข้างดี ส่วนหนึ่งมาจากการที่ซีพียูตอบโจทย์งานในส่วนต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น Productivity กับงานด้านเอกสารและงานวีดีโอ Digital Content ทำให้มั่นใจได้ว่า ผู้ใช้จะสามารถใช้งานเหล่านี้ได้ไหลลื่นพอสมควร

สำหรับ 3DMark แม้จะดูโหดหินไปสักหน่อย เพราะใช้กราฟิกของซีพียูเป็นหลัก รวมถึงแรมมีให้ 8GB ก็อาจจะอึดอัดไปบ้าง แต่ก็ยังทำผลทดสอบผ่านออกมาได้ แม้ตัวเลขไม่ได้สูงมากนัก แต่อย่าลืมว่าเป็นพีซีออลอินวัน ที่ใช้กราฟิกในตัว ซึ่งคะแนนทีได้นี้ เป็นเครื่องยืนยันความสามารถในด้านเกมได้ดีในระดับหนึ่ง ยังพอตอบโจทย์เกมออนไลน์แบบง่ายๆ ได้อีกด้วย

MSI PRO AP242

ขยับมาที่ DOTA2 กันบ้าง บนความละเอียดระดับ Full-HD ด้วยการตั้งค่า Detail ในระดับต่างๆ ดังนี้ เน้นที่ความลื่นไหล ลองที่โหมด Fastest ภาพอาจไม่สวย ตัวละครจะดูแปลกๆ แต่เฟรมเรตไปได้เกือบ 100fps. เมื่อมีเอฟเฟกต์โจมตีด้วยเวทย์ใหญ่ แต่ถ้าเน้นไหลลื่นด้วย ภาพดีกว่าเดิมพอสมควร Medium ดูเหมาะ เพราะ Hero ของคุณยังดูสวยอลังการ เล่นไปได้ราวๆ 55fps. สวยๆ แต่ถ้าเอาภาพงามๆ ตัวละครคมกริบ High ได้แต่เฟรมเรตไม่ถึง 30fps. ไม่แนะนำครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ถ้าคุณอัพแรมเพิ่มขึ้น จะได้ความสวยงามกับเฟรมเรตที่ดีขึ้นอีกระดับได้ไม่ยาก

MSI PRO AP242

มากันที่เรื่องของอุณหภูมิในการทำงานบน MSI PRO AP242 รุ่นนี้กัน ทดสอบกันแบบโหดๆ เพื่อจำลองการทำงานกับการเรียกใช้ซีพียูหนักๆ Full load 100% ตามภาพที่ปรากฏอยู่นี้ และมีซอฟต์แวร์ตรวจเช็คสถานะ MSI Center แสดงให้เห็นถึงการออกแบบชุดระบายความร้อน ที่คอนโทรลได้ในระดับ 77-78 องศาเซลเซียสเท่านั้น กับความเร็วที่พุ่งไปมากกว่า 3GHz โดยพัดลมทำงานไปประมาณ 50% ก็ถือว่า MSI ก็มีการจัดวางโครงสร้างได้ดี ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องของความร้อนขณะใช้งาน

MSI PRO AP242

MSI Center นอกเหนือจากการเป็นซอฟต์แวร์ตรวจสอบ บอกสถานะระบบได้แล้ว ยังมีฟังก์ชั่นอีกมากมายให้ได้เลือกใช้ ซึ่งหากเริ่มติดตั้งเราจะสามารถเลือกธีมของการใช้งานคุณได้อีกด้วย เช่น Gaming, Work, Entertainment ในส่วนนี้เราแนะนำให้คุณจัดการได้ตามความเหมาะสม หรือเลือกที่จะไม่ใช้ฟังก์ชั่นบางอย่างก็ได้เช่นกัน แต่โดยส่วนตัวมองว่า หากคุณได้ลองปรับจูนหรือใช้โหมดการทำงานที่เหมาะกับตัวคุณดู จะพบว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ


Conclusion

Conclusion Content MSI

สุดท้ายนี้ ถ้าใจให้ผมสรุปกับการใช้งานและความชื่นชอบบน All-in-One PC จากทาง MSI PRO AP242 รุ่นนี้ เรื่องแรกคือ ความง่ายและสะดวกในการใช้งาน หากใครไม่อยากจะยุ่งยากกับการถอด ประกอบ เดินสายหรือมีฟังก์ชั่นที่ซับซ้อนเกินไป พีซีรุ่นนี้ตอบโจทย์คุณได้ครับ เพราะง่ายตั้งแต่ประกอบ ไปจนถึงการใช้งาน กล้องชัด ความลื่นไหลของการทำงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะงานเอกสาร ท่องเว็บ เทรดหุ้น ดูคริปโตหรือจะดูหนัง 4K ระบบก็อยู่ในระดับที่พร้อม แต่ถ้าจะให้ดี อัพเกรดเพิ่มความจุ SSD และใส่แรมเป็น 16GB ก็จะทำให้งานต่างๆ ต่อเนื่องมากขึ้น ส่วนการเล่นเกม เพราะกราฟิกเป็นแบบออนซีพียูเท่านั้น กราฟิกเกมเบาๆ ออนไลน์ให้ความสนุกได้ แต่ถ้าเกมจะโหดหนัก เลือกใช้งานพีซีมีการ์ดจอแยกจะเหมาะกว่า

นอกจากนี้หน้าจอที่ชัด มุมมองกว้างช่วยให้การใช้งานสะดวกกว่า ระบบความปลอดภัยมาแบบจัดเต็ม Tobii Aware ก็ใช้ง่ายมาก แทบไม่ต้องคีย์รหัสทุกครั้ง เพราะระบบจัดการ Lock และ Unlock ให้ทันที พอร์ตต่อพ่วงก็มีให้ใช้ครบครัน โดยเฉพาะพอร์ต USB Type-A ก็มีให้ถึง 5 พอร์ต และมี USB-C มาให้อีก เลือกติดตั้งอุปกรณ์ได้บนพื้นที่โต๊ะตามความเหมาะสม และที่ดูน่าสนใจก็ตรงมี Windows 11 Home มาให้ เปิดเครื่องก็พร้อมใช้งานได้ทันทีอีกด้วย ในราคา 27,400 บาท ถือว่าน่าใช้งานไม่น้อยเลย

MSI PRO AP242 Series ราคา 27,400 บาท รับประกัน 3 ปีเต็ม
ซื้อสินค้า MSI ได้ที่: https://msi.gm/nbsWTB

ติดตามโปรโมชั่นได้ที่:https://msi.gm/Promotionth
MSI Facebook: https://www.facebook.com/MSIThailandOfficial
MSI Call Center: 02 409 2984(8.30 –17.30 น.)
#MSI #Monitor

รับเพิ่มฟรี! ของพรีเมี่ยมสุดพิเศษ จาก MSI
เมื่อเขียนรีวิวการใช้งานสินค้าที่ร่วมรายการ
ดูเพิ่มเติมที่นี่: https://msi.gm/ShoutOutTH

from:https://notebookspec.com/web/674578-msi-pro-ap242-all-in-one-pc-2022

MSI MODERN 15 B12M โน๊ตบุ๊คจอใหญ่ พกพาได้ ทนทาน ทำงาน ดูหนัง เล่นเกมครบ

MSI MODERN 15 B12M โน๊ตบุ๊คทำงาน เรียนและงานออนไลน์ เบา 1.7Kg ชาร์จไว จอกางได้ 180 องศา คีย์บอร์ดใหญ่ เล่นเกมได้

MSI MODERN 15

MSI MODERN 15 B12M โน๊ตบุ๊คสำหรับกลุ่มคนทำงาน หรือใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คจอใหญ่ แต่น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ขุมพลัง Intel Core i7-1255U รุ่นใหม่ ประหยัดพลังงาน ใช้ได้นานขึ้น พร้อมกับ Intel Xe Graphic มีให้เลือกแรม 8GB – 16GB และ SSD ความเร็วสูงรุ่นใหม่ กล้องเว็บแคมชัด และไมโครโฟนเสียงคมชัด พอร์ตมีให้ครบครัน รวมถึง USB-C PD Charge ชาร์จได้ไว หรือจะเน้นไปที่ความบันเทิงก็มีจอแสดงผล 15.6″ ความละเอียด Full-HD ดูภาพได้เต็มตา พรีเซนเทชั่นสะดวก เพราะกางหน้าจอได้ 180 องศา พร้อมฟีเจอร์ Flip & Share ให้คนรอบข้างมองเห็นได้ถนัด พิมพ์งานก็สะดวก เพราะปุ่มคีย์ขนาดใหญ่ กดนุ่มเบาสบายนิ้ว และมีแสงไฟ Backlit เห็นได้ชัดแม้แสงน้อย ฮอตคีย์มีให้ใช้มากมาย และทัชแพดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 30% รองรับ Multi-Gesture ปรับใช้ฟังก์ชั่นได้หลากหลาย โดยมีซอฟต์แวร์ช่วยจัดการอย่าง MSI Center Pro มาให้ ที่สำคัญความทนทานมาตรฐาน MIL-STD แกร่งรองรับการใช้งานในสภาวะต่างๆ ได้ มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่น ตั้งแต่ 25,990 บาท ไปจนถึง 30,990 บาท ซึ่งเป็นท็อปสุดที่เรารีวิวอยู่นี้ การรับประกัน 2 ปี โดยปีแรก ประกันแบบ Global เข้าเคลมได้ที่ศูนย์ MSI ทั่วโลก


MSI MODERN 15 จอใหญ่ น้ำหนักเบา สเปคแรง


จุดเด่น

Advertisementavw
  • หน้าจอขนาดใหญ่ แต่ไซส์พกพา
  • กางจอได้ 180 องศา
  • มีฟีเจอร์ Flip & Share สลับหน้าจอได้
  • MSI Center Pro ตรวจเช็ค ดูแลระบบด้วยตัวเอง
  • คีย์บอร์ดปุ่มใหญ่ มีแสงไฟ Backlit ปรับระดับได้
  • ซีพียู Intel Core i7 มาพร้อมแรม 16GB
  • มีพอร์ตจำนวนมากและ USB-C PD Charge
  • สามารถเล่นเกมเบาๆ ได้ เช่น DOTA2, PUBG

ข้อสังเกต

  • แรมเป็นแบบออนบอร์ด
  • จอแสดงผลเหมาะกับงานและความบันเทิงพื้นฐานทั่วไป
  • ถ้ามีพอร์ต RJ-45 มาให้เป็นทางเลือกนอกจาก WiFi ก็จะดี

Specification

Description
CPU Up to 12th Gen Intel® Core i7-1255U Processor
OS Windows 11 Home (MSI recommends Windows 11 Pro for business.)
DISPLAY 15.6″ FHD (1920×1080), IPS-Level
GRAPHICS Up to Intel® Iris® Xe graphics
MEMORY Max 16GB DDR4-3200 onboard
STORAGE 1x M.2 SSD slot (NVMe PCIe Gen3) 512GB
WEBCAM HD type (30fps@720p)
KEYBOARD Backlight Keyboard (Single-Color, White)
COMMUNICATION 802.11 ax Wi-Fi 6 + Bluetooth v5.2
AUDIO 2x 2W Speaker
I/O PORTS 1x Type-C USB3.2 Gen2 with PD charging
1x Type-A USB3.2 Gen2
1x (4K @ 30Hz) HDMI™
1x Micro SD Card Reader
2x Type-A USB2.0
AUDIO JACK 1x Mic-in/Headphone-out Combo Jack
BATTERY 39.3/53.8 Battery (Whr)
3-Cell
AC ADAPTER 65W adapter
DIMENSION (WxDxH) 359 x 241 x 19.9 mm
WEIGHT (W/ BATTERY) 1.7 kg
COLOR Classic Black
Price 30,990

ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI


Hardware / Design

MSI MODERN 15

มาเริ่มกันที่เรื่องของดีไซน์ของ MSI MODERN 15 รุ่นนี้กันก่อนกับสีที่เรียกว่า Classic Black ออกเป็นโทนสีดำกึ่งด้านเล็กน้อย และเป็นสีเดียวกันตลอดทั้งบอดี้ ด้านบนมีโลโก้ MSI สีเงินเงาดูสะดุดตากับการออกแบบที่ดูเรียบง่าย เหมาะกับการนำไปใช้ในที่ต่างๆ

MSI MODERN 15

เป็นโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6″ ในโทนสีดำ แต่กลับดูไม่ได้บึกบึน แม้จะไม่ได้มีเส้นสายนำสายตา ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่ MSI ทำให้กรอบบานของหน้าจอบางลง จนทำให้ดูมีความกระทัดรัดมากขึ้น ด้วยวัสดุที่กึ่งเงา ก็อาจจะมีรอยนิ้วมือได้บ้างในบางครั้ง แต่เช็ดออกง่ายเช่นกัน แต่จุดที่สำคัญคือ โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ให้คุณใช้งานได้อย่างอุ่นใจ เพราะผ่านมาตรฐาน MIL-STD 810G ที่ให้ความมั่นใจในเรื่องของความทนทาน ใช้ในสภาพอากาศที่ร้อนหนาว และรองรับแรงกระแทกได้ทีระดับหนึ่ง คุณจะเอาไปใช้งานข้างนอกหรือไปไซต์งานยังสบายใจได้

MSI MODERN 15

จากบอดี้ที่เป็น Cover ด้านนอก มาสู่ขอบจอด้านใน อย่างที่ได้เห็นคือ ขอบจอซ้ายและขวา ที่บางเป็นพิเศษ ข้อดีคือ ทำให้ได้พื้นที่ในการแสดงผลมากขึ้น ในขณะที่บอดี้ไม่ใหญ่เทอะทะเกินไป และยังเป็นจอแบบ Anti-Glare ช่วยลดแสงสะท้อนได้ดีพอสมควร

ขอบจอในแต่ละด้าน มีความบางพิเศษ และดูลงตัวมากขึ้น ขอบบนหนาเล็กน้อย เพราะเป็นจุดที่ติดตั้งกล้องเว็บแคม ส่วนด้านล่าง เป็นตัวรับน้ำหนักกับส่วนของบานพับ ก็จะเพิ่มขนาดขึ้นมา โดยมีโลโก้ MSI จัดวางอยู่ตรงกลางชัดเจน

MSI MODERN 15

ในด้านของมิติจุดที่บางสุดเพียง 1.99cm เท่านั้น ทำให้ใส่ได้ทั้งซอฟต์เคสและกระเป๋าเอกสารบางๆ ได้ไม่ยาก ทำให้การพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น

MSI MODERN 15

ขอบด้านหลังของจอโน๊ตบุ๊ค MSI MODERN 15 ทำเป็นขอบยางยาวตลอดเกือบทั้งบอดี้ เมื่อคุณกางหน้าจอออก จะเป็นตัวยกทำมุมของคีย์บอร์ดให้สูงขึ้น รับกับการวางมือสะดวกกว่าเดิม อีกทั้งกันไม่ให้ขอบจอเป็นรอยอีกด้วย เรียกว่าออกแบบมาให้ใช้งานได้ประโยชน์ 2 ต่อ

MSI MODERN 15

จากมุมมองด้านข้าง ผมสังเกตว่าจะค่อนข้างต่างจาก MODERN 14 เล็กน้อย คือ จะไม่เว้าตรงกลางที่เป็นคีย์บอร์ดลงไป แต่ทำเสมอกันตลอดทั้งบอดี้ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะทำให้เมื่อกางหน้าจอออกแล้ว พิมพ์ได้ระดับมากขึ้น ระยะของคีย์บอร์ดอยู่ในแนวระนาบพอดี และกางได้สุดๆ 180 องศา

MSI MODERN 15

และที่สำคัญคือ ไม่เพียงกางหน้าจอออกไปได้แบบสุดๆ เท่านั้น แต่ MSI ยังให้ฟีเจอร์อย่าง Flip & Share มาให้สำหรับคนที่ต้องใช้งานแชร์หน้าจอ ให้คนรอบข้างได้ดู โดยกดปุ่ม F12 เพื่อสลับหน้าจอ เพื่อคนที่อยู่ตรงข้ามได้มองเห็นชัดเจนได้อีกด้วย

บานพับมีด้วยกัน 2 จุดอยู่บริเวณซ้ายและขวาของตัวเครื่องรับหน้าที่ทั้งการรับน้ำหนักหน้าจอ และดันกับพื้นเมื่อต้องกางหน้าจอออกแบบสุดๆ 180 องศา ค่อนข้างมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คจอใหญ่เช่นนี้ แต่ก็เป็นสไตล์ที่ทาง MSI ใช้อยู่บนโน๊ตบุ๊คทำงานทั่วไปหลายรุ่น

ด้านบน MSI MODERN 15 มาพร้อมกล้องเว็บแคม 720p ที่ให้ความคมชัดในระดับหนึ่ง จุดนี้มองว่าเหมาะกับการใช้สนทนา ประชุมออนไลน์และการเรียนได้ดี แต่ถ้าต้องการให้เห็นรายละเอียดได้มากขึ้น แนะนำให้หาแสงไฟมาเพิ่มบริเวณด้านหน้าคุณ จะเสริมความสว่างสดใสได้ไม่น้อย

MSI MODERN 15

คีย์บอร์ดมาในแบบ Full-size ปุ่มใหญ่พิเศษ แต่ที่สำคัญคือ ฟอนต์สวย มองเห็นง่าย และมีปุ่ม Number-pad มาในตัว เพิ่มการมองเห็นด้วยแสงไฟ Backlit บนตัวคีย์บอร์ด ปรับระดับความสว่างได้อีกด้วย

MSI MODERN 15

ด้านหลังเป็นจุดที่ใช้ในการระบายความร้อน ซึ่งเราจะเห็นการออกแบบในลักษณะนี้บน MSI MODERN 14 มาบ้างแล้ว โดยใช้ในการดูดลมเย็นเข้าด้านใต้ของเครื่อง เพื่อนำพาความร้อนออกไปบริเวณช่องลมออก ด้านใต้ของจอนั่นเอง

MSI MODERN 15

Keyboard / Touchpad

MSI MODERN 15

ทาง MSI จัดวางคีย์บอร์ดที่ตอบโจทย์คนเล่นเน็ต พิมพ์งานและใช้งานหนักมาให้บน MSI MODERN 15 ว่ากันตั้งแต่ปุ่มคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ ในแบบ Island มีระยะห่างจากปกติเล็กน้อย เพื่อให้การพิมพ์แม่นยำมากขึ้น กับพื้นที่ปุ่มขนาดใหญ่ ทำให้การพิมพ์สัมผัสมีประสิทธิภาพ และจุดเด่นคือ ระยะ Travel key ที่สั้นประมาณ 1.5mm เท่านั้น ส่วนตัวมองว่าเหมาะกับงานพิมพ์เป็นหลัก การเล่นเกมอาจจะไวไปสักนิด แต่ก็พอปรับให้ชินได้

MSI MODERN 15

คีย์บอร์ดในแบบ Full-size ที่มีปุ่ม Number-Pad มาด้วย ฟอนต์มีความคมและสวยงาม มองเห็นได้ชัด การจัดเรียงปุ่มดูลงตัวทีเดียว

ปุ่มคีย์บอร์ดมีแสงไฟ Backlit มาให้ด้วย มองเห็นในที่แสงน้อยหรือใช้งานในห้องที่มืดได้ดี ไม่รบกวนคนอื่น ปรับความสว่างแสงได้ 2 ระดับ รวมถึงปิดใช้งานได้ หากคุณไม่ต้องการใช้ และยังช่วยประหยัดไฟ ใช้แบตได้นานขึ้นอีกด้วย

MSI MODERN 15

ปุ่มเพาเวอร์เปิดเครื่อง จะอยู่ด้านบนมุมขวาสุดของคีย์บอร์ด มีแสงไฟเล็กๆ ปรากฏขึ้น เมื่อระบบทำงาน

MSI MODERN 15

จุดที่ชอบเป็นพิเศษก็คือ ปุ่มลูกศร ขึ้น,ลง,ซ้าย,ขวา ที่เป็นแบบปุ่มเต็ม ไม่ย่อครึ่งปุ่ม ทำให้กดใช้งานได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อทำเอกสารหรือเลื่อนหน้าเว็บเป็นต้น

  • ปุ่มด้านบนสุดจะเป็นฮอตคีย์หรือฟังก์ชั่น การใช้ปุ่ม Fn+Lock เพื่อจะเปิดใช้ปุ่ม Fn ร่วมด้วยหรือไม่ใช้ก็ได้ ด้วยการกด Fn+Esc
  • เปิด-ปิดเสียง
  • ลดเสียง, เพิ่มเสียง
  • เปิด-ปิดใช้งานทัชแพด
  • เปิด-ปิดไมโครโฟน
  • ใช้งานกล้องเว็บแคม
  • เปิดใช้โปรแกรม MSI Center Pro
  • เพิ่ม-ลดแสงคีย์บอร์ด
  • เพิ่ม-ลดแสงสว่าง
  • ส่งสัญญาณไปยังจอภายนอก
  • เปิดใช้งาน Flip & Share
  • Printscreen
MSI MODERN 15

สัมผัสในการกดนุ่มนวลดีครับ ถ้ามองถึงระยะการกด ส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างสั้น และมีแรงต้านในระดับหนึ่ง ให้อารมณ์ในการกดที่ดี เพราะไม่จมลึกเกินไป และมีแรงสะท้อนเล็กๆ พิมพ์งานได้สนุก ที่สำคัญคนไม่พิมพ์สัมผัส ก็มองได้ง่าย ฟอนต์ใหญ่ ทั้งไทยและอังกฤษ

MSI MODERN 15

ทัชแพดขนาดใหญ่บน MSI MODERN 15 มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เมื่อ เอาใจสายท่องอินเทอร์เน็ตและทำงาน พรีเซนเทชั่น ความลื่นไหลอยู่ในระดับที่ดี แตะสัมผัสเพื่อสั่งงานได้ง่าย เพราะรองรับ Multi-Gesture ใช้งาน 2 นิ้วหรือ 3 นิ้วได้สะดวกอีกด้วย พร้อมปุ่มคลิ๊กซ้าย-ขวาที่ซ่อนอยู่ใต้ทัชแพด

MSI MODERN 15

แถบวางมือด้านข้างซ้าย มีสติ๊กเกอร์ 3 ชิ้นด้วยกันคือ Intel Core i7, Intel Iris Xe Graphic และ HDMI มีพื้นที่สำหรับการวางมือ ใช้งานได้สะดวก ยิ่งเป็นคนที่พิมพ์งานบ่อยๆ ผมว่าน่าจะถูกใจไม่น้อย เพราะอุ้งมือคุณจะไม่ยื่นออกมาจากตัวเครื่องเลย


Screen / Speaker

MSI MODERN 15

MSI MODERN 15 มาพร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ 15.6″ เป็นพาแนลในแบบ IPS ซึ่งทำให้มุมมองของภาพกว้างขึ้น โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานอยู่กับหน้าจอนานๆ ในแต่ละวัน อีกทั้งเป็นจอแบบ Anti-Glare ก็ยิ่งช่วยลดแสงสะท้อนได้ไม่น้อยเลย เรื่องสีสันอย่างที่ได้เห็นในภาพกันเลยครับ ส่วนตัวมองว่าให้ความสดใสได้ดีในระดับหนึ่ง หากเป็นการสตรีมมิ่งวีดีโอ หรือการดูภาพถ่าย จากทริปที่ไปเที่ยว ก็ให้ความรู้สึกเต็มอิ่มและได้ระลึกถึงบรรยากาศได้ดี หรือจะแชร์หน้าจอให้กับคนข้างๆ ได้ดูก็ง่ายมาก

MSI MODERN 15

ในด้านความแม่นยำของการแสดงผลและขอบเขตสีของหน้าจอ MSI MODERN 15 รุ่นนี้ ต้องถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลางตามมาตรฐานของจอทำงานในปัจจุบัน ให้ค่าหลังจากการทดสอบได้ในส่วน Gamut Coverage/ Volume ที่เป็นขอบเขตสีของจอรุ่นนี้ อยู่ที่ประมาณ 60% sRGB และในส่วนของ Delta-E อยู่ที่ประมาณ 0.13 ก็จัดว่าเป็นจอภาพสำหรับการทำงานทั่วไป รวมถึงการแสดงผลที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ในด้านของงานกราฟิก หรือการแสดงผลภาพสี ที่ต้องการความแม่นยำสูง หรือการตรวจเช็คงานอาร์ตสิ่งพิมพ์ อาจจะต้องพึ่งพาจอภาพมาต่อพ่วงเสริมเข้าไป เพื่อให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

MSI MODERN 15

แต่สำหรับการดูหนัง เล่นเกม หรือการเล่นไฟล์วีดีโอสตรีมมิ่งทั่วไป ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว การปรับสภาพแสงแบบสุดๆ ก็ให้ผลทดสอบในแง่ของความสว่าง (Brightness) ออกมาได้อย่างน่าสนใจ ใช้งานกับสภาพแสงภายนอกห้องได้อย่างชัดเจน โดยสรุปต้องถือว่าเป็นจอที่ใช้งานพื้นฐานได้ มีความสว่างสูง อีกทั้งตอบสนองกับการแสดงผลได้ดี ทั้งด้านของงานและความบันเทิง

MSI MODERN 15

ขยับมาดูทางด้านของเสียงที่ติดตั้งมาบนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้กันบ้าง ลำโพงเป็นแบบ 2W จำนวน 2 ตัว วางทางฝั่งซ้ายและขวา เป็นแนวเฉียงออกด้านข้างเล็กน้อย เพื่อให้เสียงกระจายออกไปได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้กันอยู่ทั่วไป เรื่องคุณภาพเสียงตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้ดี เสียงแม้จะออกโทนกลาง แต่เสียงเบสไม่หนักมาก อาจจะเน้นไปที่การดูหนัง และเล่นเกมเป็นหลัก ส่วนเสียงตัวละคร อาจไม่โดดเท่ากับเอฟเฟกต์ แต่ก็ให้อารมณ์ความสนุกได้ดีพอสมควร แต่แนะนำว่าให้วางโน๊ตบุ๊คไว้บนโต๊ะที่ระดับใกล้กับตัวคุณ จะได้อรรถรสของเสียงได้มากขึ้น


Connector / Thin And Weight

MSI MODERN 15

MSI MODERN 15 มีพอร์ตมาให้ค่อนข้างเยอะ พอร์ตทางด้านซ้ายของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องต่อไฟเลี้ยง DC, HDMI, USB 3.2 Gen2 Type-A, USB 3.2 Gen2 Type-C โดยพอร์ตนี้ จะรองรับการชาร์จไฟ PD และการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงเท่านั้น และสุดท้าย 3.5mm Audio jack

MSI MODERN 15

อีกหนึ่งประโยชน์จาก USB Type-C ที่มากับโน๊ตบุ๊ค สามารถชาร์จไฟในแบบ PD หรือ Fast Charge ได้ เรียกว่าพอสำรองให้ใช้งานได้ในระดับหนึ่ง กรณีที่เร่งด่วนหรือต้องใช้แบตมือถือชั่วคราว ให้การติดต่อธุรกิจสำคัญไปต่อได้ หรือจะใช้เพาเวอร์แบงก์ 65W ในแบบ PD ก็สามารถชาร์จไฟเข้าโน๊ตบุ๊คได้เช่นกัน

MSI MODERN 15

ทางด้านขวามีพอร์ต USB 2.0 Type-A ให้มา 2 ช่อง เหมาะกับการต่ออุปกรณ์พื้นฐานเช่น USB flash drive, Printer หรือของที่ไม่เน้นความเร็วสูงมากนัก และสล็อต microSD card reader

MSI MODERN 15

ช่องระบายความร้อน ที่อยู่ทางด้านหลังของตัวเครื่อง โดยระบายลมร้อนออกมาได้ดี เมื่อกางหน้าจอออก

MSI MODERN 15

อแดปเตอร์ 65W ที่ใช้สำหรับการชาร์จไฟให้กับโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ โดยคุณยังสามารถหาอแดปเตอร์ขนาดเล็ก ที่รองรับการชาร์จแบบ PD มาใช้ร่วมกันได้ ด้วยการต่อผ่านพอร์ตชาร์จ USB-C ที่มีมาบนโน๊ตบุ๊ค

MSI MODERN 15

น้ำหนักตัวเครื่อง MSI MEDERN 15 อยู่ที่ราวๆ 1.8Kg ซึ่งสูงกว่าที่เคลมเอาไว้เล็กน้อยครับ แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ของโน๊ตบุ๊คจอใหญ่พกพาได้

MSI MODERN 15

และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์แล้ว อยู่ที่ราวๆ 2.1Kg กับน้ำหนักประมาณนี้ การใส่กระเป๋าไปทำงาน หรือหาลูกค้าถือว่าทำได้ เพราะระยะการเดินทางไม่ไกล และบางครั้งก็วางได้ แต่ถ้าจะต้องสะพายไปด้วยไกลๆ ก็อาจจะต้องหาโซลูชั่นมาช่วยแบ่งเบา หรือจะไม่พกอแดปเตอร์ไปด้วย ก็พอจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง เพราะแบตเดิมๆ ปรับจูนไว้ดีๆ ใช้งานได้ราว 5-6 ชั่วโมง


Inside / Upgrade

MSI MODERN 15

สำหรับอุปกรณ์ภายในและการอัพเกรดของ MSI MODERN 15 เมื่อเปิดด้านใต้ออกมา ด้วยการไขน็อต 4 แฉกจำนวนประมาณ 13 ตัวออกมาแล้ว การเปิดฝาเคสไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแต่จะมีบางจุดที่ค่อนข้างแน่น อาจจะต้องเริ่มแกะจากขอบด้านหน้าก่อน แล้วค่อยๆ เลาะไปยังด้านหลังเครื่อง ภายใต้ฝาปิดจะออกมาเป็นเช่นนี้ พื้นที่เมนบอร์ดจะค่อนข้างใหญ่ และมองเห็นภายในได้เกือบทั้งหมด แบตเตอรี่ก็วางเอาไว้เกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่ภายใน

MSI MODERN 15

MSI ใส่แบตขนาด 39.3Whr มาไว้ให้ ซึ่งถือว่าไม่ได้เล็กหรือใหญ่ อยู่ในขนาดกลางๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คระดับเดียวกันในท้องตลาด

MSI MODERN 15

ที่เห็นนี้คือ แรมหรือหน่วยความจำระบบ เป็นแบบ On-board โดยในรุ่นนี้ติดตั้งมาให้แล้ว 16GB เป็นแบบ DDR4 3200 แต่ไม่มีสล็อตเพิ่มเติมมาให้ ซึ่งก็จะคล้ายกับโน๊ตบุ๊คทำงานที่เน้นทำให้มิติบางลง ซึ่งมักจะมาพร้อม แรมในลักษณะนี้ อาจมีข้อจำกัดอยู่บ้างในการอัพเกรดเพิ่ม แต่โดยส่วนตัวมองว่า หากเป็นการทำงาน หรือการเรียนทั่วไป RAM 8GB ก็เพียงพอต่อการใช้งานได้แล้ว และอีกส่วนหนึ่งก็คือ ซอฟต์แวร์ MSI Center Pro ก็ยังให้คุณสามารถจัดสรรทรัพยากรในเครื่องได้ง่าย และมีระบบ Smart auto ai คอยจัดการระบบเครื่องให้ทำงานได้ไหลลื่นได้อีกทางหนึ่ง

MSI MODERN 15

ในส่วนของ Storage มาพร้อม SSD 512GB จากทาง Kingston บนอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4 และมีมาให้เพียงสล็อตเดียวเท่านั้น ซึ่งการอัพเกรดอาจจะต้องเป็นการเปลี่ยนความจุ รองรับได้ถึง 1TB

MSI MODERN 15

MSI MODERN 15 มีพัดลมระบายความร้อนขนาดใหญ่ ที่นำมาระบายความร้อนภายในระบบ สามารถตอบโจทยช่วงการทำงานหนักได้ดีทีเดียว อาจจะมีเสียงอยู่บ้างในโหมดที่เป็น Full load แต่ก็ไม่ได้ดังจนถึงขั้นรบกวน อยู่ในเกณฑ์ของพัดลมโน๊ตบุ๊คทั่วไป ตรงนี้คุณสามารถเลือกปรับโหมดได้จาก MSI Center Pro ได้อีกด้วย

MSI MODERN 15

ฮีตไปป์ทองแดง 2 เส้นที่ช่วยในการนำพาความร้อนจากชุดซิงก์ระบายความร้อนของซีพียูไปยังพัดลม โดยเป็นไปป์ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่

MSI MODERN 15

ภายในที่เป็นชุดลำโพงมีอยู่ทั้ง 2 ด้าน ติดตั้งในมุมเฉียงออก ทำมุมสะท้อนบนโต๊ะทำงาน ตามพื้นฐานการใช้งานของโน๊ตบุ๊คทั่วไป


Performance / Software

MSI MODERN 15

ซีพียูที่ติดตั้งมาบน MSI MODERN 15 รุ่นนี้ใช้เป็น Intel Core i7-1255U ทำงานในแบบ 10 คอร์ 12 เธรด สัญญาณนาฬิกาสูงสุด (Boost clock) 4.70GHz โดยเป็นซีพียูในรุ่นประหยัดพลังงาน แต่ให้ความเร็วและเทคโนโลยีต่างๆ มาครบถ้วน เช่นเดียวกับกราฟิกในตัว จุดเด่นอยู่ที่ค่า TDP 15W เท่านั้น กินไฟน้อย ความร้อนต่ำ เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่อง

MSI MODERN 15

ส่วนแรมออนบอร์ดในเครื่องมีความจุ 16GB DDR4 3200MHz ติดตั้งมาให้บนเมนบอร์ดจากโรงงาน โดยรุ่นนี้จะมี 2 โมเดลคือ แรม 8GB และแรม 16GB โดยรุ่น 16GB จะมีอยู่บนโมเดลที่เป็น Intel Core i7 เท่านั้น แนะนำว่าหากคุณต้องการประสิทธิภาพและความไหลลื่นในการทำงานมากขึ้น เลือกตัวท็อปสุดก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

MSI MODERN 15

ทดสอบในเบื้องต้น ทั้งในส่วนของ Single Thread และ Multi-Thread เมื่อเทียบกับซีพียูเดสก์ทอป Intel Core i7-10700 ก็เรียกว่าเป็นรองอยู่เล็กน้อย เพราะเป็นซีพียูในแบบประหยัดพลังงานและ Core/ Thread ที่น้อยกว่านั่นเอง แต่ใน Single-Thread ทำงานคอร์เดียว ทำคะแนนแซงหน้าได้

MSI MODERN 15

กราฟิกที่มากับโน๊ตบุ๊ค Intel Iris Xe Graphic ซึ่งเป็นกราฟิกออนซีพียู ที่มีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานกับแอพพลิเคชั่นทั่วไป การชมภาพยนตร์ 4K หรือการเปิดไฟล์มัลติมีเดีย รวมไปถึงการเล่นเกมแบบเบาๆ โดยแชร์หน่วยความจำร่วมกับระบบแบบอัตโนมัติ

MSI MODERN 15

CrystalDiskMark เป็นการทดสอบระบบ Storage โดยให้ผลทดสอบมาในเกณฑ์มาตรฐาน นั่นคือ การอ่านข้อมูลอยู่ที่ราว 2,500MB/s Read และ 1,200MB/s Write โดยประมาณ ตามพื้นฐานของอินเทอร์เฟส PCIe 3.0 x4

MSI MODERN 15

CINEBench เป็นการทดสอบซีพียูในด้านของการเรนเดอร์ CG และผลที่ได้ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้จะเป็นซีพียูในซีรีส์ “U” ที่ประหยัดพลังงาน แต่ก็ให้คะแนนน่าพอใจ แต่ก็แนะนำว่าโน๊ตบุ๊คถูกออกแบบมาเพื่องานเอกสาร แอพพลิเคชั่นในชีวิตประจำวัน และความบันเทิง เช่นการเล่นเกมที่ไม่หนักมากเท่านั้น หากจะจริงจังกับงานระดับนี้ แนะนำให้โน๊ตบุ๊คในกลุ่ม MSI Stealth, Titan หรือ Bravo จะตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น

MSI MODERN 15

PCMark10 คะแนนออกมาเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ สำหรับผลของ Essential อาจจะลดลงมาเล็กน้อย หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ใช้ซีพียู Core i7 “P” series แต่ก็ใกล้เคียงกันมาก และการได้แรมมา 16GB ก็เป็นตัวที่ทำให้ผลคะแนนในหลายจุดเพิ่มขึ้นมาได้ ซึ่งรวมถึงด้าน Productivity อีกด้วย

MSI MODERN 15

3DMark แม้ว่า MSI MODERN 15 จะเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีกราฟิกบนซีพียูอย่าง Intel Iris Xe Graphic แต่ก็รันโปรแกรม 3 มิติสุดโหดอย่างนี้ได้ และผลคะแนนที่ออกมา อาจจะไม่ได้สูงมากนัก แต่ถ้าดูจากรายละเอียด สามารถทำได้ดีกว่าผลทดสอบบน UHD Graphic ที่เราเคยได้ทดสอบมา ก็เป็นแนวโน้มที่ดีว่า สามารถรองรับการเล่นเกมพื้นฐานได้อยู่

MSI MODERN 15

มาถึงการทดสอบบนเกมพื้นฐานกันบ้าง แม้ระบบจะไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยตรง แต่ถ้าดูจากผลที่ได้บน 3DMark ก็พอจะตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์ หรือคนทำงานที่อาจจะใช้เวลาว่างในช่วงพักมาผ่อนคลายด้วยการเล่นเกม ซึ่งเราก็นำเกมยอดนิยมอย่าง DOTA2 และ PUBG มาทดลองเล่นกันว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งผลที่ได้นั้น DOTA2 – ตั้งค่าไว้ที่ Fastest ให้เฟรมเรตได้สูงถึง 98-99fps. เลยลองขยับมาที่ High settings เพื่อเพิ่มความสวยงาม และดูจะลงตัวที่สุด เพราะรีดเฟรมเรตไปได้ถึง 49-51fps. ได้ภาพที่สวยขึ้นและยังไหลลื่นอีกด้วย

ส่วนเกม PUBG นั้นก็ค่อนข้างจะโหด กินสเปคเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย เพราะเราลองเริ่มต้นที่ Low settings ปรากฏว่าเฟรมไปอั้นๆ ที่ประมาณ 28fps. แต่พอลองปรับเป็น Very Low เฟรมเรต ก็ขยับไปได้ถึง 42fps. แม้จะมองเห็นภาพไม่ละเอียดสวยงามมากนัก แต่ก็เล่นได้ลื่นมากขึ้น

MSI Center Pro

MSI MODERN 15

สำหรับใครที่ใช้โน๊ตบุ๊คจากทาง MSI ที่รองรับซอฟต์แวร์นี้ แนะนำให้ติดตั้งและเปิดใช้งานเลยครับ เพราะเครื่องมือและฟังก์ชั่นต่างๆ จะช่วยให้คุณทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างจากที่นำมาให้ชมนี้ เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น โดยคุณสามารถใช้งานโน๊ตบุ๊คในโหมดต่างๆ ตามความเหมาะสม ด้วยการคลิ๊กเมาส์ไม่กี่ครั้งเท่านั้น และมีตัวเลือกเป็นแบบโพรไฟล์ให้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นด้านประสิทธิภาพ หรือการใช้พลังงานก็ตาม หรือจะใช้เป็น Ai ในแบบ Smart Auto ระบบจะประเมินให้ว่า ในช่วงเวลานั้น จะจัดการกับพลังงานหรือให้ประสิทธิภาพแบบใดดี

MSI MODERN 15

หรือจะเป็นการรายงานสถานะของฮาร์ดแวร์ เพื่อให้ระบบไหลลื่นขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Optimize ระบบไว้ให้อีกด้วย เร่งความเร็วขึ้นได้ โดยที่ไม่ต้องไปปรับแต่งบน Windows ให้ยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็นการ Clear cache หรือ Clear Memory ก็ตาม และคุณยังเลือกสร้างการคืนค่าระบบ หรือการทำ Recovery เอาไว้ได้เองแบบง่ายๆ

MSI MODERN 15

หรือถ้าติดปัญหาในการใช้งาน ก็สามารถเลือกขอคำปรึกษา หรือแนวทางแก้ไขได้ มีทั้งระบบอัตโนมัติ บอร์ดแนะนำข้อมูลหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ก็ได้เช่นกัน


Battery / Heat / Noise

MSI MODERN 15

อแดปเตอร์ที่มีมาให้เป็นแบบ 65W ขนาดกระทัดรัด ประมาณฝ่ามือเท่านั้น ใครที่ชอบการพกพา ก็ไม่ต้องกังวล เพราะใส่กระเป๋าติดไปกับโน๊ตบุ๊คได้ไม่สบาย พร้อมกับสายต่อที่เป็นแจ๊ค DC หัวกลมมาให้ คู่กับสายไฟ 3 ขา กับสายที่ยาวมากกว่า 2 เมตร เมื่อวัดความยาวรวมกัน ช่วยให้คุณลากสายได้แบบยาวๆ กรณีที่ปลั๊กต่ออยู่ไกล

MSI MODERN 15

ช่องชาร์จอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่อง ด้วยหัวต่อขนาดไม่ใหญ่นัก ทำให้ไม่เกะกะเวลาเชื่อมต่อ และยังมีพื้นที่สำหรับต่ออุปกรณ์ใกล้เคียงได้อีกด้วย

MSI MODERN 15

แบตเตอรี่ที่ทาง MSI ที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ 39.3Whr ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ติดตั้งอยู่บริเวณด้านล่าง ใต้ทัชแพด ซึ่งมีโครงสร้างโลหะเสริมมาอย่างแข็งแรงเลยทีเดียว

MSI MODERN 15

ทดสอบระยะการใช้งานด้วย BatteryMon เพื่อดูระยะเวลาในการทำงานของแบตเตอรี่ ด้วยการเปิดสตรีมมิ่งยูทูปเป็นวีดีโอต่อเนื่อง ตั้งค่าความสว่างที่ 20% และระดับเสียง 20% เพื่อจำลองกับการใช้งานจริง ในการเล่น Video Playback ซึ่งผลที่ได้นั้น อยู่ที่ราวๆ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจัดว่าทำได้ดีพอสมควร กับแบตเตอรี่ประมาณนี้ ซึ่งหากได้รับการปรับจูนที่ดี รวมถึงการปิดแสงไฟ Backlit บนคีย์บอร์ด ก็น่าจะไปได้ถึง 6 ชั่วโมงแบบไม่ยาก ระยะเวลาในการทำงานนี้ ก็เท่ากับคุณออกไปใช้งานข้างนอกได้เกือบครึ่งวัน


Conclusion

MSI MODERN 15

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ MSI MODERN 15 โน๊ตบุ๊คทำงานสายพกพา ราคาเบาๆ เอาเป็นว่าถ้าคุณชื่นชอบโน๊ตบุ๊คสไตล์เรียบง่าย ได้พอร์ตเยอะ สเปคซีพียูแรงๆ พกพาสะดวก ก็ไปเลือกตามโมเดลที่มีให้ 3 รุ่นกันได้เลย เริ่มแค่ 25,990 บาทเท่านั้น ข้อดี ก็จะเป็นเรื่องที่เราได้พูดถึงตั้งแต่ต้นคลิป อาทิ จอใหญ่ กางจอได้ 180 องศา แถมยังเป็นแบบ Flip & Share ชาร์จไฟเร็วรองรับ PD พอร์ตมีเยอะ และน้ำหนักเบา จะมีเพียงข้อสังเกตุเล็กๆ ที่สำหรับแอดมินก้อ ก็ไม่ได้ติดเรื่องนี้นะ เพราะเข้าใจอยู่ว่า โน๊ตบุ๊คทำงานส่วนใหญ่ ที่ทำให้บางลง มักจะมาพร้อม RAM On-board ที่มีข้อจำกัดในการอัพเกรดเพิ่มภายหลัง ซึ่งถ้ามองถึงการทำงาน หรือการเรียนทั่วไป RAM 8GB ก็เพียงพอต่อการใช้งานได้แล้ว ส่วนถ้าใครที่งานหนัก เปิด Web browser ทีละหลายหน้า ทำงานพร้อมกันหลายโปรแกรม หรือต้องใช้งานร่วมกับไฟล์ขนาดใหญ่ แนะนำว่าแรม 16GB เหมาะที่สุด เพราะเพิ่มขึ้นมาจากรุ่นเล็กสุด ประมาณ 5 พันบาท แต่ก็ได้ซีพียูแรงขึ้น แรมเยอะขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้เรื่องของพอร์ต ก็มีให้เลือกใช้มากมาย แบตก็ใช้ได้ราวๆ 5-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณ รวมถึงประสิทธิภาพในหลายๆ ส่วนก็ออกมาในแนวที่คุ้มค่าใช้งานได้อย่างหลากหลาย และยังมี Windows 11 Home มาให้ใช้กับการรับประกันแบบ Global อีกด้วย

  • สเปคแรก ราคา 25,990 บาท สเปค Intel Core i5 gen 12, RAM 8GB
  • สเปคที่ 2 ราคา 28,990 บาท สเปค Intel Core i7 gen 12 RAM 8GB
  • สเปคที่ 3 ราคา 30,990 บาท เป็น Intel Core i7 gen 12 เช่นกัน แต่จะได้แรมเพิ่มขึ้นเป็น 16GB
  • ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้ รับประกัน 2 ปี โดยปีแรก ประกันแบบ Global ซึ่งหมายความว่า หากเราพกไปทำงานต่างประเทศ แล้วเครื่องเกิดมีปัญหา ก็สามารถนำ Modern15 เข้ารับบริการศูนย์ MSI ได้ที่ศูนย์บริการทุกที่ทั่วโลก

Award

award new value

MSI MODERN 15 รุ่นนี้ เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มงานธุรกิจและใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี แม้จะไม่ได้มีดีไซน์ที่หวือหวา หรือฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยแบบสุดๆ แต่เรื่องของฟังก์ชั่นพื้นฐานในการใช้งานมีอยู่อย่างครบครัน คุณจะได้หน้าจอขนาดใหญ่ และกางได้ 180 องศา ที่ Flip หน้าจอได้ แชร์หน้าจอก็สะดวก ได้แรม 16GB และมีซีพียู Intel Core i7 มาอีกด้วย ในราคา 30,990 บาทเท่านั้น และถ้าหากคุณไม่ได้เน้นความเร็วแรงมากนัก ใช้งานเอกสารพื้นฐาน เทรดหุ้น เรียนออนไลน์ หรือใช้เป็นเครื่องกลาง สำหรับทุกคนภายในบ้าน รุ่นที่เป็น Core i5 และแรม DDR4 8GB ก็เพียงพอแล้ว ความแข็งแรงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ แบตก็ใช้ได้นานพอสมควร ในงบประมาณเท่านี้ เราถือว่าค่อนข้างคุ้มค่าน่าสนใจไม่น้อยเลย

from:https://notebookspec.com/web/676081-msi-modern-15-b12m-i7-ram16

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค Intel, nVIDIA, AMD 2022 เล่นเกม ทำงาน ทำกราฟิก รุ่นไหนปัง!

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค 2022 เล่นเกม ทำงาน มีรุ่นไหนบ้าง Intel, nVIDIA หรือ AMD เลือกแบบไหน เช็คอย่างไร

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอโน๊ตบุ๊คปัจจุบัน มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น รองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การทำงาน ไปจนถึงเล่นเกม และมีให้เลือกเกือบทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็น Intel, nVIDIA หรือ AMD ก็ตาม แต่ละค่ายก็มีเอกลักษณ์ที่ต่างกันออกแบบ ขึ้นอยู่กับโน๊ตบุ๊คที่เลือกใช้ด้วย เพราะบางรุ่นก็มาในแบบติดตั้งในซีพียู ที่เรียกว่า Integrate graphic หรือ iGPU และอีกแบบก็เป็นกราฟิกแยกหรือ Discrete Graphic ซึ่งจะมีในเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแบบจริงจัง เพียงแต่เพิ่มรุ่นที่เป็นกราฟิกสำหรับโน๊ตบุ๊คบางเบา หรือโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสิทธิภาพที่ดี แต่ประหยัดพลังงาน ไม่เพียงแค่นั้น การเลือกใช้งานการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ยังมีเรื่องของ สเปค รุ่น และฟีเจอร์ ที่จะช่วยให้งานของคุณไหลลื่นมากขึ้น เช่น MUX Switch, e-GPU, Ray tracing หรือ AMD FSR และ nVIDIA DLSS รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักไปพร้อมๆ กันครับ

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ Intel, nVIDIA, AMD


การ์ดจอโน๊ตบุ๊คมีกี่แบบ

สำหรับโน๊ตบุ๊ค ก็ไม่ได้ต่างไปจากพีซีตั้งโต๊ะหรือเดสก์ทอปพีซีมากมายนัก เพราะการ์ดจอจะมีทั้งบนซีพียู ที่เรียกว่า Integrate Graphic หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า การ์ดจอออนบอร์ด ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งบนตัวซีพียู และอีกแบบจะเรียกว่าการ์ดจอแยก หรือ Discrete Graphic และทั้ง 2 แบบนี้ ก็มีความแตกต่าง ทั้งในแง่ของการติดตั้งและการใช้งาน โดยการ์ดจอบนซีพียู จะเป็นการเริ่มต้นใช้งานของโน๊ตบุ๊คพื้นฐานทั่วไป ซึ่งมีอยู่บนโน๊ตบุ๊คทุกรุ่น เพราะติดกับซีพียูโมบายมาทุกรุ่น แต่การ์ดจอแยก จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้านนั้นๆ เช่น การเล่นเกมบนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค หรือการทำงานบนโน๊ตบุ๊ค Workstation นั่นเอง

Advertisementavw
การ์ดจอบนซีพียู การ์ดจอแยก
ประสิทธิภาพ การทำงานทั่วไป เล่นเกมหรือทำงานเป็นหลัก
การใช้พลังงาน ใช้พลังงานน้อย ใช้พลังงานสูง
แชร์ทรัพยากร แชร์แรมระบบ มี VRAM แยก
การระบายความร้อน ใช้ชุดระบายความร้อนปกติ เพิ่มชุดระบายความร้อน
ค่าใช้จ่าย ขึ้นกับ Position ของโน๊ตบุ๊ค ขึ้นกับชิปกราฟิกที่เพิ่มเข้ามา

การ์ดจอออนบอร์ด: เป็นการ์ดจอในเบื้องต้น ที่ติดตั้งรวมเข้ามาในซีพียูแล้ว ใช้ในการแสดงผล และประมวลผลกราฟิกระดับพื้นฐาน รองรับการทำงาน ดูหนัง เปิดไฟล์เอกสาร และการเล่นเกมแบบง่ายๆ ได้อย่างครบครัน โดยจะใช้ทรัพยากร อย่างเช่น แรม ร่วมกับแรมของระบบ (Share memory) จึงเหมาะกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นประสิทธิภาพด้านกราฟิกหรือการเล่นเกมที่หนัก แต่ก็ใช้งานได้ดี ขึ้นอยู่กับความสามารถของกราฟิกบางรุ่น แต่ที่โดดเด่นคือ ใช้พลังงานน้อยลง ไม่ต้องดีไซน์ระบบระบายความร้อนมากนัก และยังพกพาสะดวก เราจึงเห็นกราฟิกรูปแบบนี้ ได้ตั้งแต่โน๊ตบุ๊คราคาประหยัด สำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งาน ไปจนถึงโน๊ตบุ๊คบางเบา และใช้ในงานธุรกิจ และไลฟ์สไตล์ ที่ต้องการประหยัดพลังงาน ใช้ได้นาน ไม่ต้องชาร์จบ่อยอีกด้วย มีด้วยกันหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Intel หรือ AMD ก็ตาม

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอแยก: จะเป็นการ์ดจอที่เสริมเข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้งาน โดยเฉพาะกับการเล่นเกม และโน๊ตบุ๊คทำงานเฉพาะทาง นอกเหนือจากการ์ดจอ Integrate ที่อยู่บนซีพียู ซึ่งจะเป็นชิปกราฟิก GPU ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามาบนโน๊ตบุ๊ค รวมถึงการเพิ่ม VRAM แยกต่างหาก ไม่ต้องแชร์แรมระบบ ทำให้ได้พลังในการเล่นเกมหรือทำงานเฉพาะทางที่สูงมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้พลังงานที่มากกว่า และต้องการชุดระบายความร้อนที่ดี ซึ่งบางครั้งก็ส่งผลต่อมิติของโน๊ตบุ๊ค ที่ต้องมีความหนาและหนักมากขึ้นนั่นเอง รวมถึงราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย มีให้เลือกทั้ง AMD Radeon Graphic และ nVIDIA GeForce หรือ Quadro เป็นต้น


MUX Switch คือ?

เมื่อมีทั้งการ์ดจอออนบอร์ด บนซีพียู และมีการ์ดจอแยกอยู่ด้วย แล้วแบบนี้ระบบจะงงมั้ย เวลาที่ทำงานหรือเล่นเกม โดยในอดีตระบบจะสลับการทำงานให้อัตโนมัติ เมื่อเข้าสู่การเล่นเกมตามเงื่อนไข แต่ก็มีบางครั้งที่เราต้องเข้าไปกำหนดค่าใน Driver ของการ์ดจอ เพื่อให้ระบบสลับการทำงานของชิปกราฟิกให้รวดเร็ว และถูกต้อง ซึ่งก็ดูจะวุ่นวายอยู่เหมือนกัน แต่ในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีและการปรับปรุงฟีเจอร์เข้ามา เพื่อให้ระบบจัดการกราฟิกได้ง่ายขึ้น

ASUS MUX
source: ASUS

MUX หรือ Multiplexer ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการจัดการระบบการทำงานของกราฟิก iGPU หรือเป็นชิปที่ Integrate อยู่บนซีพียู เพื่อที่จะควบคุมการแสดงผล ให้ปิดการทำงานของ iGPU เมื่อการ์ดจอแยกทำงาน (Discrete Graphic) ทำให้การตอบสนองรวดเร็วขึ้น ลด Latency ที่จะเกิดขึ้นในการแสดงผล และปิดการทำงานของ iGPU ไป เพื่อให้การ์ดจอแยกทำงานได้เต็มที่ ส่งผลดีต่อการเล่นเกม แต่ก็ทำให้มีการใช้พลังงานมากขึ้น ในปัจจุบัน MUX Switch ติดตั้งอยู่บนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น เช่น ASUS ROG, Dell G16 และ MSI Titan GT77 เป็นต้น


การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ดูตรงไหน

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

การเช็ครุ่นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค มีด้วยกันหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ฟังก์ชั่นบน Windows ไปจนถึงการติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม แต่แบบไหนจะดีกว่ากัน คงต้องบอกว่า ถ้าเป็นฟังก์ชั่นเดิมๆ บนโน๊ตบุ๊ค ก็จะดูได้เพียงระดับหนึ่ง การจะลงรายละเอียด เช่น ข้อมูลภายในของตัวการ์ดจอ หรือจะ Monitor hardware ก็ทำได้ยาก การใช้โปรแกรมมาเสริม ก็ทำให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น จะดูเรื่องของความร้อน รอบพัดลม แรงดันไฟ ไปจนถึงสัญญาณนาฬิกา หรือบางโปรแกรมก็เช็ตได้ด้วยว่า เฟรมเรตในการเล่นเกมดีแค่ไหน ใช้งานก็ง่าย ไม่ซับซ้อน

DirectX Diagnostic: เป็นวิธีที่ดูการ์ดจอได้ค่อนข้างง่าย มีขั้นตอนอยู่ 2-3 สเตป ทำตามนี้ได้เลยครับ เริ่มด้วยกดปุ่ม Win+R, จากนั้นพิมพ์ dxdiag ในช่องว่าง แล้วกด Enter จะมีหน้าต่าง DirectX Diagnostic Tool ขึ้นมา ให้ไปดูที่แท็ป Display ได้เลย

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

Advance Display: ให้เข้าไปที่ Settings แล้วเลือก System จากนั้นเลื่อนมาด้านล่าง เลือกที่ Advance Display จะมีชื่อของ Display Adaptor ปรากฏให้เห็น

Device Manager: เป็นวิธีที่ง่ายเลยทีเดียว หากเป็น Windows 11 ให้คลิ๊กขวาที่โลโก้ Windows จากนั้นเลือก Device Manager แล้วเลือกที่ Display Adaptor ก็จะบอกรุ่นของการ์ดจอให้เห็น

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

CPUz: เป็นโปรแกรมที่ต้องดาวน์โหลดมาเพิ่มจาก ที่นี่ เมื่อติดตั้งแล้ว ให้เข้าไปที่แท็ป Graphic จะบอกรายละเอียดของการ์ดจอให้ได้ทราบ ละเอียดกว่าบน Device Manager

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

GPUz: แต่ถ้าต้องการรายละเอียด ชนิดที่เห็นข้อมูลสำคัญ เช่น สัญญาณนาฬิกา, Shader, Memory speed หรือเฟิรมแวร์ ไบออส แนะนำโปรแกรมนี้ ดาวน์โหลดได้ ที่นี่ โดยเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว เข้าไปในหน้าแรก Graphic Card ตรงนี้จะให้ข้อมูลต่างๆ ของการ์ดจอโน๊ตบุ๊คได้อย่างครบถ้วน และยังใช้งานร่วมกับการ์ดจอออนบอร์ด และการ์ดจอแยก ไม่ว่าจะเป็น Intel, nVIDIA หรือ AMD ก็ตาม มีการอัพเดตข้อมูลสดใหม่อยู่เสมอ


e-GPU การ์ดจอต่อภายนอก

โน๊ตบุ๊คก็ฝังบอร์ดมาเช่นกัน การอัพเกรดก็แทบจะทำไม่ได้ เช่นเดียวกับซีพียู แต่ปัจจุบันก็ยังพอมีทางออกอยู่บ้าง เช่น การใช้การ์ดจอต่อภายนอกหรือ e-GPU ที่เป็น Box ใส่การ์ดจอต่อภายนอก ซึ่งใช้การ์ดจอพีซีปกติได้เลย เพียงแต่ข้อจำกัดจะอยู่ที่ โน๊ตบุ๊คที่คุณใช้จะต้องมีพอร์ต Thunderbolt รวมถึงการซื้อ Box สำหรับ e-GPU ไม่ได้ถูกราคาใกล้หลักหมื่น ส่วนเลือกการ์ดจอแรงแค่ไหน ราคาก็จะสูงตามไปด้วย นั่นก็ทำให้สายเกม เลือกซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวแรงๆ ไปเลย จะได้จบในทีเดียว และค่าใช้จ่ายถูกกว่า

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ กราฟิก GPU บนโน๊ตบุ๊คนั้น จะมีให้ 2 แบบคือ รุ่นปกติ และรุ่นประหยัดพลังงาน เช่น nVIDIA GeForce ในซีรีส์ของ Max-Q ที่จะถูกปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานอยู่ด้วย โดยจะดรอปความเร็วและฟีเจอร์บางส่วนลงจากรุ่นปกติ เพื่อให้โน๊ตบุ๊คในกลุ่มบางเบาหรือกึ่งทำงาน ที่ต้องการการ์ดจอแยกได้สามารถพกพาและใช้งานได้ดียิ่งขึ้น


การ์ดจอ Intel

Graphic Max.frequency EU
Intel Core i3-1115G4 Intel UHD Graphic 1.25GHz 48
Intel Core i5-1145G7 Intel Iris Xe Graphic 1.30GHz 80
Intel Core i7-1195G7 Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i7-11600H Intel UHD Graphic 1.45GHz 32
Intel Core i9-11900H Intel UHD Graphic 1.45GHz 32
Intel Core i3-1210U Intel UHD Graphic 850MHz 64
Intel Core i5-1235U Intel Iris Xe Graphic 1.20GHz 80
Intel Core i5-1250P Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 80
Intel Core i5-1240P Intel Iris Xe Graphic 1.30GHz 80
Intel Core i7-1260P Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i7-12700H Intel Iris Xe Graphic 1.40GHz 96
Intel Core i9-12900H Intel Iris Xe Graphic 1.45GHz 96
Intel Core i9-12900HX Intel UHD Graphic 1.55GHz 96

Intel Graphic: การ์ดจอโน๊ตบุ๊คจากทาง Intel จะเป็นแบบ Integrate มากับซีพียูที่เป็นแบบเดสก์ทอปและโน๊ตบุ๊ค โดยจะมีให้ใช้งานอยู่ 2 เวอร์ชั่นด้วยกัน ประกอบด้วย Intel Iris Xe Graphic และ Intel UHD Graphic ไม่ว่าจะเป็นซีพียู Intel Gen 11 ที่เป็นแบบ G series เช่น Core i3-1115G4 หรือจะเป็น U series และ H series ไปจนถึง HX series ก็ต่างมีกราฟิกมาในตัวเช่นเดียวกัน โดยในรุ่น G1/G4 และ G7 ตามรหัสต่อท้ายของซีพียู Intel Gen 11 เช่น Intel Core i3-1115G4 หรือ Intel Core i5-1135G7 เป็นต้น โดยจะต่างกันทั้งในเรื่องความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงสุดและ Execution Units รวมถึงการเชื่อมต่อของ PCIe จากตัวอย่างในตารางด้านบนนี้ จะมีข้อมูลบางส่วน จะเห็นได้ชัดว่า แม้บางครั้ง จะเป็นซีพียูในระดับเดียวกัน แต่ก็มีกราฟิก 2 โมเดล ดังนั้นการเลือกใช้ก็คงต้องพิจารณาในส่วนนี้ด้วย หากเน้นไปที่การใช้โน๊ตบุ๊คแบบไม่มีการ์ดจอแยก และทั้งหมดจะเป็นการแชร์หน่วยความจำหลักของระบบมาใช้อัตโนมัติ

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

ถ้ามองกันที่โครงสร้างสถาปัตยกรรม Iris Xe Graphic จะมีความทันสมัย และความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงกว่า รวมถึง CUs จำนวนมากกว่ากราฟิกรุ่นที่ผ่านๆ มาของ Intel โดยเริ่มต้นเปิดตัว Iris Xe ครั้งแรกบนซีพียู Intel Gen 11 ประมาณปี 2020 ซึ่ง Iris Xe Graphic บนซีพียู Intel Gen 12 จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมทั้งใน EUs และสัญญาณนาฬิกา มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมฟีเจอร์นหลายส่วนเข้ามา เช่น การเล่นเกมบนความละเอียดสูง 1080p @60fps. และ Ai ใหม่ ใช้พลังงานต่ำ รองรับ Intel Quick Sync แปลงไฟล์วีดีโอได้เร็วยิ่งขึ้น รองรับ API ใหม่ๆ ได้ดี รวมถึง OpenCL ด้วย

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
source: Laptopmedia

ส่วน Intel UHD Graphic เป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ที่มาพร้อมกับซีพียู Intel เช่นเดียวกัน และได้รับการปรับปรุงมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว ล่าสุดกับซีพียู Intel Gen 12 จะมาพร้อม UHD Graphic 770 ที่มี CUs มากถึง 32 ชุดด้วยกัน ในส่วนของ UHD Graphic เอง แม้ว่าอาจจะดูมีอายุอานามมาพอสมควร แต่ก็ได้รับการปรับปรุงมาตลอด ทำให้มีฟีเจอร์ต่างๆ แทบไม่ต่างไปจาก Iris Xe Graphic อย่างไรก็ดี หากมองไปที่รายละเอียดในตาราง จะเห็นได้ว่า execution units และสัญญาณนาฬิกาของ Iris Xe Graphic นั้นสูงกว่า UHD Graphic ดังนั้นประสิทธิภาพที่ได้ ก็ดูจะน้อยกว่ากันพอสมควร


การ์ดจอ nVIDIA

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊คของทาง nVIDIA จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ซีรีส์ หลักๆ คือ GeForce MX ซึ่งเป็นน้องเล็กสุดของการ์ดจอแยกบนโน๊ตบุ๊ค ซึ่งเน้นไปที่การทำงานเป็นหลัก โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านกราฟิกได้ดีกว่าการ์ดจอ iGPU ที่อยู่บนซีพียูพื้นฐาน ส่วนที่เป็น GeForce GTX จะเป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค สำหรับเกมเมอร์ในระดับเริ่มต้น ซึ่งให้ประสิทธิภาพทั้งด้านการทำงาน และการเล่นเกมได้ดีพอสมควร ใอยู่ในโน๊ตบุ๊คราคาไม่สูงเกินไป และรุ่นพี่ใหญ่ท็อปสุด ก็จะเป็นการ์ดจอในตระกูล GeForce RTX ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มของฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ได้ และมีอยู่ด้วยกันหลายโมเดลในปัจจุบัน ประสิทธิภาพจะเหนือกว่า GeForce GTX และฟีเจอร์อีกหลายอย่างที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา เช่น การสนับสนุน DLSS หรือ Ray tracing เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การเล่นเกมไหลลื่น และมีความสวยงามมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาโน๊ตบุ๊ค ที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน จึงเหมาะกับเกมเมอร์ ที่เล่นเกมจริงจัง และยังพกพาไปเล่นข้างนอกได้อีกด้วย

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
RTX 3050 2048 1.74GHz 4GB GDDR6 128-bit
RTX 3050 Ti 2560 1.69GHz 4GB GDDR6 128-bit
RTX 3060 3840 1.70GHz 6GB GDDR6 192-bit
RTX 3070 5120 1.62GHz 8GB GDDR6 256-bit
RTX 3070 Ti 5888 1.48GHz 8GB GDDR6 256-bit
RTX 3080 Ti 7424 1.59GHz 16GB GDDR6 256-bit

ที่มา: GeForce RTX

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
GTX 1650 1024 1560 4GB GDDR6 128-bit
GTX 1650 Ti 1024 1485 4GB GDDR6 128-bit
GTX 1660 Ti 1536 1590 6GB GDDR6 192-bit

ที่มา: GeForce GTX

Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
MX330 384 1.59GHz 2GB GDDR5 64 bit
MX350 640 1.46GHz 2GB GDDR5 64 bit
MX450 896 930MHz 2GB GDDR6 64 bit

Max-Q คืออะไร

เป็นรหัสที่ต่อท้ายการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ให้ทราบการ์ดจอรุ่นนั้นๆ จะถูกลดทอนบางสิ่งลง เพื่อให้สามารถติดตั้งบนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งรุ่นใหม่ ที่มีขนาดบางลงได้ โดยไม่ทำให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป และลดการใช้พลังงานได้มากขึ้นและไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ จากการ์ดจอรุ่นปกติมากนัก โดยสเปคที่จะถูกลดลง เช่น สัญญาณนาฬิกาของ GPU และค่าการใช้พลังงาน TGP โดย ประสิทธิภาพของตัว Max-Q แทบไม่ต่างจากรุ่นปกติ และยังได้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น Ray Tracing ที่มีอยู่ในการ์ดจอปกติของเครื่องพีซี ก็ถูกนำมาไว้ในการ์ดจอของโน๊ตบุ๊ค

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่า nVIDIA จะไม่ได้ใส่คำว่า Max-Q ต่อท้ายผลิตภัณฑ์บนการ์ดจอโน๊ตบุ๊คที่เป็น GeForce 30 series แต่จะให้ทางผู้ผลิตโน๊ตบุ๊ค แจ้งข้อมูลในรูปแบบของค่าการใช้พลังงานกราฟิก TGP แทน โดยในส่วนของ Max-Q นั้น จะมีค่า TGP น้อยกว่าการ์ดจอในรุ่นปกติ รวมถึงค่า Base clock/ Boost clock ก็น้อยตามลงไปด้วย แต่ CUDA core และ VRAM ยังเท่ากัน


การ์ดจอ AMD

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค Radeon 600M series นั้น มาพร้อมกับซีพียู AMD Ryzen 6000 series อยู่บนซีพียูที่ใช้โค๊ตเนม Rembrandt หรือ Zen3+ รุ่นใหม่ เป็นกราฟิกแบบ Integrate ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2022 ที่ผ่านมา และถือว่าเป็นกราฟิกที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะให้ประสิทธิภาพแรงใกล้เคียงกับการ์ดจอแยก แม้ว่าจะเป็นการแชร์หน่วยความจำจากระบบก็ตาม ซึ่งมีด้วยกัน 2 รุ่นคือ Radeon 660M และ 680M โดยชูฟีเจอร์สำคัญอย่าง FidelityFX Super Resolution ที่ช่วยในการอัพสเกลภาพให้มีความละเอียดสูงขึ้น แบบไม่ส่งผลกระทบต่อเฟรมเรต เพราะฉะนั้นใครที่เล่นเกมที่รองรับ FSR นี้ ก็จะสามารถเล่นได้ลื่นบนภาพที่มีความละเอียดมากขึ้นนั่นเอง

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
Graphic CUDA Boost clock Memory Memory Interface
Radeon 660M 384 1.90GHz Share system
Radeon 680M 640 1.46GHz Share system

สำหรับการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค AMD 6000 series นั้น เป็นการ์ดจอที่ถูกออกแบบมาเพื่อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะ และเป็นการ์ดจอแยก ที่ให้ประสิทธิภาพสูง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกันคือ 6000M เป็นกราฟิกที่เน้นสำหรับการเล่นเกมแบบจริงจัง ด้วยขุมพลังที่อัดแน่นมาให้กับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น สัญญาณนาฬิกา VRAM หรือค่า TGP ก็ตาม ส่วน 6000S นั้น จะลดทอนบางอย่างลง เพื่อให้เหมาะกับโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีความบางเบา สำหรับเกมเมอร์แบบพกพา ประหยัดพลังงานมากขึ้น แต่ยังคงความแรงไว้ได้ใกล้เคียงกับ 6000M โดยทั้งคู่ใช้โครงสร้างจาก RDNA2 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญต่างๆ เช่น AMD Advantage, FidelityFX, Infinity Cache และ Ray tracing เป็นต้น เป็นการ์ดจอโน๊ตบุ๊คที่น่าจับตามอง สำหรับคอเกมในเวลานี้

การ์ดจอโน๊ตบุ๊ค
Graphic CUs Game clock Memory Memory type
Radeon 5300M 22 1.18GHz 3GB GDDR6
Radeon 5500M 22 1.48GHz 4GB GDDR6
Radeon 5600M 36 1.19GHz 6GB GDDR6
Radeon 5700M 36 1.62GHz 8GB GDDR6
Radeon 6600S 28 1.80GHz 4GB GDDR6
Radeon 6700S 28 1.90GHz 8GB GDDR6
Radeon 6800S 32 1.97GHz 8GB GDDR6
Radeon 6300M 12 1.58GHz 2GB GDDR6
Radeon 6500M 16 2.19GHz 4GB GDDR6
Radeon 6600M 28 2.17GHz 8GB GDDR6
Radeon 6700M 36 2.3GHz 10GB GDDR6
Radeon 6800M 40 2.3GHz 12GB GDDR6

ข้อมูลเพิ่มเติม: AMD Radeon RX


Conclusion

สุดท้ายนี้การเลือกใช้งานการ์ดจอโน๊ตบุ๊ค ก็คงต้องดูตามรูปแบบการใช้งานของแต่ละบุคคล และงบประมาณที่มี เพราะในกรณีที่คุณแค่ทำงาน และความบันเทิงเล็กน้อย หรือจะเล่นเกมเบาๆ ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก โน๊ตบุ๊คที่มีการ์ดจอออนบอร์ด หรือ iGPU หลายรุ่นก็ตอบโจทย์คุณได้ ในงบประมาณที่ไม่แพงมากนัก หมื่นต้นๆ ก็มีให้เห็น แต่ถ้าคุณเน้นที่การเล่นเกม คุณอาจจะเริ่มต้นด้วย GTX1650Ti หรือ RTX3050 ก็ดูจะเหมาะสม เพราะเริ่มที่ 2 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น หรืออาจจะสูงกว่านี้ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่นด้วย เช่น ซีพียู หรือว่าแรมที่ใช้ เพราะถ้าเป็นเซ็ตใหม่อย่าง Intel Gen 12 และใช้ DDR5 ราคาก็จะเพิ่มขึ้น รวมถึงความพรีเมียมของโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นๆ

NBS MSI

แต่ถ้าคุณชื่นชอบในการเล่นเกม และเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ ที่ยังชีวิตด้วยเฟรมเรต กระตุกไม่ได้ แร๊คก็ไม่ควร การ์ดจอแยก RTX3070, RTX3080Ti หรือจะเป็น Radeon RX6700M หรือ RX6800M ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และพาคุณไปให้สุดกับเกม ที่ให้ความสวยงามของเกม ได้มากกว่าเฟรมเรตอีกด้วย แต่อาจจะเคาะราคาไปเกือบแสนบาท หรือมากกว่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าน่าสนใจ

from:https://notebookspec.com/web/670670-graphic-card-notebook-2022