[รีวิว] จัดสาย Copper และ Fiber ในองค์กรอย่างมีสไตล์ ดูแลรักษาง่าย ด้วยโซลูชันจาก Panduit และ Royaltec

การเติบโตของเทรนด์การใช้เทคโนโลยีและระบบ IT ของภาคธุรกิจองค์กร รวมถึงผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่ๆ ที่เริ่มลงทุนสร้าง Data Center ในไทยกันมากขึ้น ก็ทำให้การวางระบบ Network Infrastructure ทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา

และในครั้งนี้ เพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถวางรากฐานสำคัญของระบบ Network ภายในองค์กรได้อย่างมั่นคง ง่ายต่อการใช้งาน การดูแลรักษา และยังมีความสวยงาม ทางทีมงาน Panduit และ Royaltec จึงได้ให้เกียรติกับทีมงาน TechTalkThai ในการจัดทำ Review โซลูชันต่างๆ สำหรับการเดินสายทองแดง (Copper) และสายไฟเบอร์ออปติค (Fiber Optic) พร้อมระบบบริหารจัดการสายภายในองค์กร เพื่อให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ดีในการจัดการกับสายรับส่งข้อมูลเหล่านี้ ด้วยนวัตกรรมและการออกแบบจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกอย่าง Panduit เพื่อเป็นทางเลือกให้ธุรกิจองค์กรที่กำลังมีแผนในการวางระบบเดินสายเหล่านี้ใหม่กันครับ

รู้จักกับ Royaltec International ตัวแทนจำหน่ายของ Panduit เพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทยกว่า 20 ปี

ก่อนอื่นเลยทีมงาน TechTalkThai ขออนุญาตแนะนำถึง Royaltec International ผู้เอื้อเฟื้อสถานที่ในการรีวิวครั้งนี้ให้ทุกท่านได้รู้จักกันก่อนนะครับ

Royaltec ก่อตั้งมาเมื่อปี 1987 โดยเริ่มต้นธุรกิจในฐานะของผู้ผลิตท่อร้อยสายไฟยี่ห้อ RTI พร้อมจัดจำหน่าย จนธุรกิจได้เติบโตและขยายมาเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสาร พร้อมบริการครบวงจรตั้งแต่การ Consult, Design, Support มีลูกค้าในกลุ่มของธุรกิจโรงงานและการผลิต ธุรกิจก่อสร้าง ไปจนถึงกลุ่ม System Integrator ทั่วไทย ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงเกินกว่า 500 ล้านบาท

ปัจจุบันนี้ Royaltec เป็นตัวแทนจำหน่ายของ Panduit แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มีประสบการณ์การขายโซลูชันต่างๆ ของ Panduit ยาวนานกว่า 20 ปี รวมถึงมีคลังสินค้าที่จัดเก็บสินค้าของ Panduit เพื่อจัดจำหน่ายและสำรองสินค้าโดยเฉพาะ พร้อมส่งสินค้าได้ทันทีที่ลูกค้าต้องการ

สาเหตุที่ Royaltec เลือกที่จะนำ Panduit เข้ามาทำตลาดในไทยนั้น ก็เป็นเพราะจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมมากมายและผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดี มีทั้งคุณภาพจากการที่สินค้าทุกชิ้นผ่านการทำ QC ทั้ง 100% มีความทนทานใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานหลายปี และความง่ายดายในการติดตั้งและดูแลรักษาที่เกิดขึ้นจากการออกแบบผลิตภัณฑ์มาเป็นอย่างดี ทำให้ Royaltec สามารถนำเสนอโซลูชันที่มีความคุ้มค่าในระยะยาวแก่ภาคอุตสาหกรรมไทยได้

นอกจากนี้ Panduit เองก็ยังมี Supply Chain ทั่วโลกที่ดีเยี่ยม และมีศูนย์กระจายสินค้าอยู่ที่สิงคโปร์ ทำให้การบริหารจัดการ Supply Chain สำหรับแต่ละโครงการเป็นไปได้อย่างคล่องตัว แม้แต่ในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา Panduit ก็สามารถเคลื่อนย้ายสินค้าที่จำเป็นต้องติดตั้งเร่งด่วนในแต่ละโครงการมารอที่คลังสินค้าในสิงคโปร์ได้ และทันทีที่ลูกค้าเซ็นสัญญา Panduit ก็สามารถจัดส่งสินค้าเข้ามาในไทยได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้การติดตั้งเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที รับกับสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดที่ทุกธุรกิจต้องเร่งปรับตัว

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Royaltec สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://royaltec.com/en/home-en/

รีวิวโซลูชัน Fiber, Copper และ Cable Management จาก Panduit

ในการรีวิวครั้งนี้ ทางทีมงาน Panduit ได้ทำการแจกชุด Demo Kit ที่รวมตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Copper Systems พร้อมอธิบายถึงจุดเด่นหลากหลายประการของผลิตภัณฑ์ และนำตัวอย่างสินค้าในกลุ่ม Fiber Optics มาให้ได้รับชม อีกทั้งยังพาชมห้อง Data Center ที่แสดงถึงตัวอย่างการติดตั้งและเดินสายด้วยนวัตกรรมของ Panduit อีกด้วย

โดยผลิตภัณฑ์และโซลูชันของ Panduit ที่ทีมงาน TechTalkThai ได้สัมผัส รวมถึงได้รับ Demo Kit กลับมาทดลองใช้งาน พร้อมผลการรีวิว มีดังนี้

1. Panduit Category 6A 28 AWG Patch Cord

ผลิตภัณฑ์แรกที่เราได้รีวิวกันก่อนเลยก็คือ Panduit Category 6A 28 AWG Patch Cord ที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ซึ่งธุรกิจองค์กรหลายแห่งสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเห็นความแตกต่างจากสาย Copper อื่นๆ อย่างชัดเจน

ถึงแม้สเป็คของสายจะเป็น 28AWG เหมือนกัน แต่สาย 28AWG ของ Panduit นี้ก็มีขนาดที่เล็กมากกว่าสายของผู้ผลิตหลายๆ รายในตลาด ด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงแค่ 4.7 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้ตอนจับสัมผัสใช้งานก็รู้สึกได้ถึงความเล็กของสาย ในขณะที่สายยังดูมีความแข็งแรงทนทาน น่าใช้งาน อีกทั้งตอนเดินสายใช้งานจริงเป็นจำนวนมาก ก็จะมีพื้นที่ว่างเกิดขึ้นระหว่างสายมากกว่าเดิม ช่วยให้การระบายอากาศเป็นไปได้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะภายในตู้ Rack ที่มีความหนาแน่นสูง

อีกจุดสังเกตหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือหัวที่เป็นแบบ Tangle Free Latch ที่ออกแบบมาเพื่อความทนทานในการใช้งานเพิ่มเติม เพราะปกติเวลาเราใช้สาย LAN ไม่ว่าจะเป็นสเป็คใด เราก็มักจะพบกับปัญหาว่าเมื่อใช้ไประยะหนึ่ง เขี้ยวตรงหัวมักจะหักออกมาด้วยสาเหตุต่างๆ อย่างเช่น การเกี่ยวกันของสาย การดึงถอดเข้าออกบ่อยๆ และอื่นๆ ทำให้สุดท้ายถึงแม้ตัวสายจะยังไม่หมดอายุการใช้งาน แต่หัวที่หลวมนั้นก็อาจทำให้เกิด Downtime ในระดับ Port ได้

Tangle Free Latch จึงเป็นสิ่งที่เข้ามาตอบโจทย์นี้ ด้วยการออกแบบให้ปลายของเขี้ยวที่หัวสายมีการหักงอกลับไปยังตัวสาย ทำให้หัวสายไม่สามารถเกี่ยวกันเองได้อีกต่อไป ในขณะที่มุมของเขี้ยวเหล่านี้ก็ไม่ได้มีองศาที่สูงมากนัก ดังนั้นจึงมีการออกแรงกดที่น้อยลง และปลายเขี้ยวที่โค้งงอกลับไปยังตัวสายก็สามารถช่วยรับแรงได้อีกส่วนหนึ่ง ช่วยลดโอกาสการเสียหายของเขี้ยวเหล่านี้ลงได้ดีมาก

Panduit Category 6A 28 AWG Patch Cord เหล่านี้มีให้เลือกใช้งานด้วยกันมากถึง 10 สี ช่วยให้การจัดสายมีความเป็นระเบียบขึ้นมากๆ และยังสามารถใช้ตกแต่งออฟฟิศพื้นที่ส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสีที่สวยมากๆ คือสีชมพู แนะนำว่าให้ลองสั่งไปใช้ดูครับ

ในแง่ของการใช้งาน สาย Panduit Category 6A 28 AWG Patch Cord นี้มีให้เลือกได้หลายขนาด โดยระยะที่สั้นที่สุดคือ 20 เซนติเมตรเท่านั้น โดยตัวสายรองรับการรับส่งข้อมูลได้เต็มประสิทธิภาพ และยังรองรับ PoE ได้ถึุงระดับ PoE++ ทั้งหมด ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย อีกทั้งสายทุกเส้นยังผ่านการ QC จากโรงงานมาโดยตรง ทำให้มั่นใจได้ว่าสายเหล่านี้จะสามารถถูกนำไปติดตั้งใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาทดสอบคุณภาพสายซ้ำซ้อนหน้างานอีกต่อไป

ทีมงาน Panduit เล่าว่าสาย 28AWG Patch Cord นี้ขายดีมากๆ ในประเทศไทย เพราะธุรกิจหลายแห่งที่ต้องเริ่มมีการขยับขยายระบบเครือข่าย และมีการติดตั้งตู้จุดพักสายหรือติดตั้งอุปกรณ์ตามพื้นที่ต่างๆ ภายในออฟฟิศหรือโรงงานกันมากขึ้น ก็ต้องมองหาสาย Patch Cord ที่ดี จัดสายง่าย และประหยัดพื้นที่สำหรับใช้งานในตู้ Patch Panel และตู้ Distribution ซึ่งสายของ Panduit ก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีมาก ทำให้ออฟฟิศหลายแห่งที่อาจเคยต้องใช้พื้นที่หลาย Rack Unit ในการติดตั้งอุปกรณ์เพียงแค่ไม่กี่ชิ้นเพราะองศาการโค้งงอของสายแบบเดิมๆ นั้นทำได้ไม่ดีมาก สามารถลดพื้นที่เหลือเพียงแค่ 2U ได้เพราะสาย Patch Cord มีระยะที่สั้น และโค้งงอได้ดี ทำให้เก็บงานได้ค่อนข้างเป็นระเบียบ

สำหรับการทดลองใช้งานจริงโดยทีมงาน TechTalkThai นั้น ก็ได้มีการทดสอบใช้งานกับอุปกรณ์ Wireless Access Point ชั้นนำรายหนึ่งเพื่อให้บริการ Wi-Fi ในพื้นที่ทดสอบ ก็พบว่าจุดเด่นเรื่องของการเดินสายง่ายและโค้งงอได้ง่ายนี้ถือเป็นข้อดีมากๆ ที่ทำให้การ Setup ระบบเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องกังวลกับความยาวของสายที่มากจนเกินไปซึ่งอาจทำให้พื้นที่ติดตั้งรกได้ ในขณะที่ประสิทธิภาพของการรับส่งข้อมูลนั้นก็สามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนการเสียบหรือถอดสายจาก Port ต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยระหว่างที่เสียบเอาไว้ก็มีความแข็งแรงมากๆ มั่นใจได้ว่าสายจะไม่หลุดออกมาจาก Port โดยไม่ตั้งใจได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ก็เลยใช้เป็นสายหลักสำหรับการทดสอบอุปกรณ์ IT หรือโซลูชันต่างๆ ไปเรียบร้อยแล้วครับ

สำหรับผู้ที่สนใจลองเข้าไปเลือกซื้อสายกันได้ที่ https://shopee.co.th/royaltec_international นะครับ

2. Panduit Opti-Core® LC Uniboot Pull-Boot Duplex Fiber Optic Patch Cords

นวัตกรรมในฝั่งของสาย Fiber จาก Panduit เองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยสาย Panduit Opti-Core® LC Uniboot Pull-Boot Duplex Fiber Optic Patch Cords นี้จะมาพร้อมกับหัวแบบ Panduit Duplex LC Uniboot Pull-Boot Connector ที่จะช่วยให้การดูแลรักษาเปลี่ยนแปลงแก้ไขการเชื่อมต่อ Fiber Optic เป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ลดความผิดพลาดหน้างานได้เป็นอย่างดี

Panduit Duplex LC Uniboot Pull-Boot Connector มีขนาดหัวที่เล็ก ช่วยให้การติดตั้งเป็นระเบียบ ระบายอากาศได้ดี การจัดการทำได้ง่าย และลดโอกาสผิดพลาดที่จะไปโดนหัวสายอื่นๆ และส่งผลกระทบต่อการรับส่งข้อมูล

ในการถอดสายออกจาก Port ตัว Panduit Duplex LC Uniboot Pull-Boot Connector นี้จะใช้แนวคิดแบบ Pull-Boot แตกต่างจากสายแบบเดิมๆ ที่เราต้องกดด้านบนหัวสายก่อนที่จะออกแรงดึงในแนวนอนเพื่อดึงสายออกมาจาก Port แต่การออกแบบแบบ Pull-Boot นี้ ตัวหัวสายจะมีตัวล็อค 2 Step อยู่ เราสามารถดึงตรง Boot ในแนวนอนก่อนเพื่อให้หัวสายขยับผ่านเป็น Step แรก ก่อนที่จะออกแรงดึงเพื่อดึงสายออกจาก Port ใน Step ถัดมา

วิธีการนี้จะช่วยให้การถอดสายจากในตู้เป็นไปได้ง่ายขึ้นมาก เพราะโดยทั่วไปสายเหล่านี้มักถูกติดตั้งอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากจนแน่น การต้องออกแรงกดด้านบนแล้วดึงนั้นจึงอาจส่งผลกระทบต่อสายที่อยู่โดยรอบได้ ดังนั้นการมี Pull-Boot เข้ามาช่วยจึงทำให้งานตรงนี้ง่ายและมีความเสี่ยงน้อยลง ในขณะที่ Panduit Duplex LC Uniboot Pull-Boot Connector เองก็มีขนาดที่เล็ก ทำให้พื้นที่เชื่อมต่อสายในส่วนนี้มีระเบียบมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้ โดยทั่วไปในการเดินสายระบบ Fiber นั้นก็ต้องมีการคำนึงถึง Polarity ของสัญญาณ ซึ่งหัวของสายนี้ก็สามารถเปลี่ยน Polarity หน้างานได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ เพิ่มเติม ด้วยการดึง Housing, หมุน Connector, หมุนหัวสาย แล้วค่อยเลื่อน Housing กลับเข้าตำแหน่งเดิมไป ซึ่งตรงหัวก็จะมีสัญลักษณ์สีทำให้เราเข้าใจได้ง่ายว่าหัวข้างไหนเป็น Polarity แบบ A หรือ B อยู่ ก็จะทำให้การจัดการเดินสายหน้างานง่ายขึ้น และสายเดิมสามารถนำไปใช้สำหรับงานต่างๆ ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นครับ

Panduit Opti-Core® LC Uniboot Pull-Boot Duplex Fiber Optic Patch Cords มีให้เลือกใช้ทั้งสำหรับ Singlemode และ Multimode ได้ตามต้องการ โดยสำหรับใครที่อาจจะยังไม่เห็นภาพ ทาง Panduit มีคลิปให้รับชมเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นดังนี้ครับ

ทีมงาน Panduit ระบุว่าธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ในไทยนั้นเริ่มใช้งาน Panduit Opti-Core® LC Uniboot Pull-Boot Duplex Fiber Optic Patch Cords มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้การดูแลรักษาระบบ Fiber เป็นไปได้อย่างง่ายดาย และลดความผิดพลาดในการถอดเปลี่ยนสายหน้างานลงได้เป็นอย่างดี

ในการทดลองใช้งานจริง การถอดสายออกจาก Port ด้วย Pull-Boot นี้ถือว่าง่ายมากๆ และการที่ Panduit ออกแบบตรงนี้ให้มี 2 Step ก็ช่วยให้เราไม่ทำสายหลุดออกจาก Port โดยไม่ตั้งใจ ช่วยให้การติดตั้งใช้งานโดยทั่วไปยังแข็งแรงทนทานอยู่มาก

ส่วนการเปลี่ยน Polarity นั้นตอนแรกที่ทดสอบก็จะงงเล็กน้อยและไม่กล้าออกแรงดึงเยอะ แต่พอลองจนทำเป็นแล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้ยากอะไร และยังสนุกดีด้วยครับ

3. PanMPO Connectors

สำหรับธุรกิจองค์กรที่กำลังมองไปถึงการอัปเกรดระบบเครือข่ายไปถึงระดับ 40GbE หรือ 100GbE นั้น ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพิจารณาถึงการใช้งาน MPO Connector ซึ่ง Panduit ก็มีโซลูชัน PanMPO Connectors ที่จะช่วยให้การวางแผนอัปเกรดความเร็วระบบเครือข่ายเหล่านี้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น และลดความซับซ้อนในการออกแบบระบบเครือข่ายลงไปได้มากทีเดียว

โดยทั่วไปแล้วการออกแบบระบบเครือข่าย Fiber ที่ใช้หัว MPO นี้ จะมีความซับซ้อนในแง่ของการออกแบบว่าจะต้องใช้หัวแต่ละข้างเป็น Gender (Male/Female) และ Polarity (Key-Up/Key-Down) อย่างไรบ้างสำหรับแต่ละส่วน เพื่อให้การเชื่อมต่อสายทั้งหมดสามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ซึ่งในกรณีที่ระบบซับซ้อนมากๆ ก็อาจต้องมีการสั่งสาย MPO ที่มีหัวในรูปแบบต่างๆ ผสมผสานกันมากถึง 6 รูปแบบ

ความซับซ้อนนี้อาจส่งผลให้เกิดการออกแบบระบบที่ผิดพลาด, การสั่งซื้อสายและหัวที่ผิดพลาด ไปจนถึงการติดตั้งหน้างานที่ผิดพลาดได้ อีกทั้งผู้ดูแลระบบก็ต้องมีการสำรองสายมากถึง 6 รูปแบบเพื่อรับมือกับปัญหาที่อาจคาดไม่ถึงเหล่านี้

เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Panduit จึงได้ทำการพัฒนา PanMPO Connectors ขึ้นมา ซึ่งเป็นหัว MPO ที่สามารถเปลี่ยน Gender ทั้งแบบ Male/Female และ Polarity แบบ Key-Up/Key-Down ได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ดังนั้นในการติดตั้งหน้างาน ผู้ติดตั้งจึงสามารถปรับหัวให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ด้วยตนเอง เพียงแค่ทำความสะอาดก่อนใช้งานก็สามารถใช้ได้ทันที และในการสำรองสาย ก็สามารถสำรองเฉพาะสายที่ใช้ PanMPO เอาไว้ได้ ไม่ต้องสำรองสายมากถึง 6 รูปแบบอย่างในอดีตอีก โดยทาง Panduit ได้จัดทำคลิปแสดงวิธีการเปลี่ยน Gender และ Polarity เอาไว้ดังนี้ครับ

ตัวสายจะมาแบบสำเร็จรูปให้พร้อมใช้งาน โดยรองรับทั้งสาย OS2, OM3, OM4 ในรูปแบบ Trunks, Harnesses, Interconnects และ Reference Cords ดังนั้นในการติดตั้งใช้งานจึงสามารถเดินสาย ปรับประเภทหัว และเชื่อมต่อใช้งานได้ทันที ทำให้การติดตั้งหน้างานเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

4. Panduit HD Flex Fiber Cabling System

การบริหารจัดการสายภายใน Data Center ถือเป็นอีกโจทย์สำคัญสำหรับฝ่าย IT ของภาคธุรกิจองค์กร และธุรกิจด้านระบบ Data Center หรือ Cloud ซึ่งแนวโน้มในปัจจุบันที่ธุรกิจหลายแห่งกำลังพบอยู่ในทุกวันนี้ ก็คือการเติบโตอย่าวรวดเร็วของระบบ IT และ Network ในขณะที่พื้นที่ของ Data Center นั้นยังคงมีเท่าเดิม การใช้พื้นที่ภายใน Data Center ให้คุ้มค่าสูงสุดจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา ในขณะที่ความง่ายดายในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสาย ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสียหายจาก Downtime ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันได้เช่นกัน

Panduit HD Flex Fiber Cabling System จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้โดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นดังต่อไปนี้

  • Side Trunk Cable Management เข้าถึงและจัดการสายได้จากบริเวณด้านข้างของตู้ ช่วยให้การเพิ่มสาย หรือการเปลี่ยนแปลงสายเดิมเป็นไปได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
  • Front & Back Cassette Accessibility สามารถติดตั้ง Cassette ที่ต้องการได้ทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงมี Split Tray ให้เลือกใช้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบและการทำงาน รองรับการอัปเกรดความเร็วเครือข่ายจาก 10GbE ไปสู่ 40GbE/100GbE ได้ตามต้องการ
  • Convertibility สามารถเปลี่ยน Enclosure และ Panel เพื่อรองรับ 6-port/12-port Cassette และ Adapter ได้ ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรมระบบเครือข่าย, โครงสร้างระบบ Fiber, การใช้งานแบบ Duplex และ Parallel ได้อย่างอิสระ

ภายในขนาด Rack เพียง 1U Panduit HD Flex Fiber Cabling System สามารถรองรับได้ถึง 144 – 1728 Fiber Core เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการติดตั้งใช้งาน

นอกจากนี้ยังมีฝาสำหรับปิดให้เรียบร้อย และป้องกันไม่ให้สายส่วนนี้ได้รับผลกระทบจากการจัดการสายส่วนอื่นๆ ด้วยครับ

5. Panduit Patchrunner™2 Enhanced Vertical Cable Manager & Panduit Netkey

อีกหนึ่งโซลูชันที่ทีมงาน Panduit ได้พาเราเดินชมก็คือ Panduit PatchRunner ที่เป็นตู้สำหรับบริหารจัดการการ Patch สายโดยเฉพาะ รองรับได้ทั้งสาย Copper และ Fiber ในหนึ่งเดียว มีทั้งการติดตั้ง Panduit Patch Panel และ Panduit HD Flex เอาไว้เรียบร้อยทำให้เห็นภาพการใช้งานได้ชัดเจน

จุดหนึ่งที่ชัดเจนคือการบริหารจัดการสายจากด้านข้างของตู้ โดยมีจุดรับสายและเดินสายอย่างเป็นระเบียบ ช่วยรับน้ำหนักของสายก่อนที่จะเดินเข้าไปยัง Patch Panel หรือ HD Flex ได้เป็นอย่างดี

สำหรับ Patch Panel ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นั้นจะเป็น Patch Panel แบบ Angle ที่ทำมุมเอียงเล็กน้อยเพื่อให้ง่ายต่อการเดินสาย ลดองศาความโค้งงอของสาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของสาย และช่วยให้การจัดการสายเป็นไปได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ ภายในตู้ก็ยังมีการติดตั้งเครื่องมือเสริมเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติมจากโซลูชัน Panduit Netkey เพื่อให้เห็นถึงการใช้งานในรายละเอียดเล็กๆ ที่ Panduit ได้คิดเอาไว้ให้ เช่น

ตัวล็อคสาย LAN ที่สามารถล็อคสายเข้าไว้กับ Patch Panel ได้ และจะถอดออกได้ด้วยกุญแจเฉพาะเท่านั้น ช่วยให้สายสำคัญที่เดินเอาไว้ไม่หลุดหรือถูกถอดออกโดยไม่ตั้งใจได้

หัวปิดพอร์ต LAN สำหรับปิดพอร์ตที่ยังไม่ใช้เอาไว้ให้ฝุ่นไม่เข้า เพื่อรักษาคุณภาพของแต่ละพอร์ตเอาไว้ให้มั่นใจถึงความสะอาดในยามที่จำเป็นต้องใช้งาน

6. Panduit Modular Plug Terminated Link

โซลูชันนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่กำลังมีแผนเดินสาย LAN ในองค์กรใหม่เพื่อรับอุปกรณ์ PoE จำนวนมากโดยเฉพาะ เพราะหากจะเดินสายให้ถูกต้องตรงตามมาตรฐานแล้ว การใช้โซลูชันนี้ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมาก

โดยทั่วไปแล้วการเดินสายสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ PoE นั้น มักจะเป็นการเดินสายแบบถาวรแบบ Direct Connect ไปยังอุปกรณ์ที่มักไม่ค่อยมีการเคลื่อนย้ายมากนัก เช่น Wireless Access Point, กล้องวงจรปิด, Sensor, ไฟ LED, Access Control หรือจอ Digital Display การเดินสายลักษณะนี้จึงไม่จำเป็นต้องเดินผ่าน Patch Panel หรือใช้ Patch Cord โดยมักต้องเดินสายตามเพดานหรือกำแพงสูง และเดินสายเชื่อมต่อทิ้งไว้โดยไม่ต้องไปทำการปรับแต่งแก้ไขในภายหลังอีก

Panduit Modular Plug Terminated Link หรือ MPTL เป็นสาย Copper ที่ปลายข้างหนึ่งเป็นตัวผู้ และปลายข้างหนึ่งเป็นตัวเมีย ซึ่งสามารถเข้าหัวสายหน้างานได้โดยง่ายอย่างแข็งแรงและมั่นคง เพื่อให้การเดินสายจาก PoE Switch ไปยังปลายทางนั้นตรงตามมาตรฐานการเดินสายสำหรับ PoE และมีการรับส่งสัญญาณรวมถึงพลังงานด้วยประสิทธิภาพที่ดี

สำหรับหัวของ MPTL นี้จะมีให้เลือกทั้งแบบหัวตรง และหัวหักมุม เพื่อให้เหมาะต่อการเดินสายไปยังจุดต่างๆ โดยไม่เกิดองศาการโค้งงอที่มากเกินไปในการใช้งาน และเดินในมุมแคบอย่างเช่นจุดติดตั้งอุปกรณ์ Wireless Access Point หรือ IoT ที่ต้องการได้ ซึ่งทาง Panduit ก็จะมีชุดเครื่องมือสำหรับการเข้าหัวเหล่านี้ให้โดยเฉพาะ โดยหัวจะแยกเป็น 2 ชิ้นให้พร้อมนำมาประกอบเข้ากันได้อย่างแข็งแรง

7. Panduit Signs, Labels & Identification

สุดท้ายก็คืออีกโซลูชันขายดีจาก Panduit เช่นกัน ซึ่งจะเป็นโซลูชันสำหรับการติดป้ายระบุให้กับสายต่างๆ ที่มีให้ครบตั้งแต่อุปกรณ์สำหรับพิมพ์ป้าย, Tag สำหรับคล้องสายเอาไว้เพื่อไม่ให้ป้ายหลุด และอื่นๆ อีกมากมาย

 

ในส่วนนี้มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากครับ แนะนำว่าลองเข้าไปดูได้ที่ https://www.panduit.com/en/products/signs-labels-identification.html เพื่อให้เห็นภาพกันได้เลย

สนใจโซลูชัน Panduit ติดต่อทีมงาน Panduit ประเทศไทยได้ทันที

สำหรับธุรกิจองค์กรที่มีแผนจะเดินสาย Copper หรือ Fiber ใหม่ หรือมีโครงการในการวางระบบเดินสายสื่อสารใหม่ภายในอาคาร สามารถติดต่อทีมงาน Panduit เพื่อสอบถามรายละเอียด หรือออกแบบระบบสายโดยทีมงานมืออาชีพได้ทันทีที่

หรือสามารถเยี่ยมชม Facebook Fan Page ได้ที่ Panduit Thailand

from:https://www.techtalkthai.com/review-copper-and-fiber-management-with-panduit-and-royaltec/