คลอสเตอร์ อดีตเบียร์ของผู้นำฝ่ายค้านในวันนี้

บทความโดย ธีรภัทร เจริญสุข

ชื่อของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ผู้นำฝ่ายค้านจากพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ไปเมื่อไม่นานนี้ อาจไม่คุ้นกับผู้ติดตามข่าวธุรกิจในทุกวันนี้เท่าไรนัก

แต่กับคนวัยหลักสี่สิบขึ้นไป ถ้าพูดถึงสโลแกน “ความสุขที่ทุกคนดื่มได้” คงร้องอ๋อ

“เบียร์คลอสเตอร์” (Kloster Beer) สัญชาติเยอรมัน คือผลิตผลของการปลุกปั้นของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ในวัยหนุ่มฉกรรจ์

คลอสเตอร์ เบียร์พรีเมี่ยมจากเยอรมัน สังกัดบริษัทไทยอมฤตบริวเวอรี่ เป็นเบียร์ที่ทุกคนรู้จักแพร่หลายอันดับสองของประเทศไทย ในยุคที่ประเทศไทยมีแค่เบียร์สิงห์ให้ดื่ม

วัฒนธรรมลานเบียร์ของทุกวันนี้ ก็มีที่มาจากลานเบียร์คลอสเตอร์ ตรงสี่แยกปทุมวัน ซึ่งทุกวันนี้เป็นห้างสยามดิสคัฟเวอรี่

ถ้าไปถามคุณลุงคุณพ่อ อาจจะยังจำกันได้

ภาพขวด Kloster Beer ในอดีต – ภาพจาก Beer Coasters

คลอสเตอร์เบียร์ เคยถูกนำเข้ามาขายในเมืองไทยมาตั้งแต่ก่อนยุคสงครามโลก แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมนัก จนกระทั่ง “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยอมฤตบริวเวอรี่ ขอซื้อสิทธิ์จากบริษัทเบราเออไรเบ็คส์ของเยอรมัน มาผลิตเบียร์คลอสเตอร์ที่โรงเบียร์อมฤต ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพ

สมพงษ์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจดาวรุ่งในยุคนั้น เป็นลูกเขยของเจ้าสัว อุเทน เตชะไพบูลย์ ผู้เรืองอำนาจด้วยกลุ่มธุรกิจเตชะไพบูลย์และธนาคารศรีนคร รวมถึงผู้อุปถัมภ์ก่อตั้งมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตั้งเป้าหมายผลิตเบียร์ที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดจากเบียร์สิงห์ของบุญรอด บริวเวอรี่ แห่งตระกูลภิรมย์ภักดี ด้วยการเน้นคุณภาพเบียร์และวางตำแหน่งตลาดให้พรีเมียมกว่า หลังจากเบียร์อมฤตผลิตมาเป็นเวลานานแต่ก็ยังแย่งส่วนแบ่งตลาดไม่สำเร็จ

การผลิตเบียร์ ยังจะทำให้ธุรกิจน้ำเมาของเตชะไพบูลย์ ที่ครองสัมปทานโรงสุราบางยี่ขันและเหล้า “แม่โขง” ครบวงจรขึ้น

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย – ภาพจากพรรคเพื่อไทย

สมพงษ์ในวัยหนุ่ม ตระเวนชิมเบียร์ทั่วประเทศเยอรมัน เพื่อค้นหาสูตรเบียร์มาแข่งกับเบียร์สิงห์ และพยายามปลุกปั้นเบียร์อมฤตขึ้นมาสู้ แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งขอซื้อสิทธิ์เบียร์คลอสเตอร์มาผลิตเองได้ ด้วยความสัมพันธ์ฉันเพื่อนกับเจ้าของบริษัทเบราเออร์ไรเบ็คส์ (Brauerei Beck) ในเยอรมัน เจ้าของเบียร์แบรนด์ Beck’s ที่หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อเช่นกัน

นับแต่พ.ศ. 2518 จนถึง พ.ศ. 2534 เบียร์คลอสเตอร์ ภายใต้การนำของสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่ขึ้นเป็นประธานบริษัท คลอสเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประสบความสำเร็จในการทำตลาดอย่างยิ่ง ชนิดที่กล่าวกันว่า คลอสเตอร์เป็นเบียร์เยอรมัน ที่คนเยอรมันไม่รู้จัก แต่กลับดังในไทยและข้ามไปดังในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนแบ่งตลาด (Market share) ของคลอสเตอร์ในไทยเคยขึ้นสูงที่สุดถึง 10% ของตลาดเบียร์

ทั้งที่เคยประสบความสำเร็จขนาดนี้ แต่ “คลอสเตอร์เบียร์” ก็ต้องล้มหายตายจากไปจากตลาดน้ำเมาไทย

ไม่ใช่เพราะนักดื่มเสื่อมความนิยม แต่ด้วยศึกทางธุรกิจ การเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจ

เบียร์ Beck’s ของบริษัทแม่ Brauerei Beck & Co. – ภาพจาก Facebook Beck’s Beer

สงครามน้ำเมาแย่งชิงสัมปทานโรงสุราบางยี่ขัน และยี่ห้อ “แม่โขง” ระหว่างกลุ่มเตชะไพบูลย์ กับกลุ่มเถลิง-เจริญ ที่สิ้นสุดด้วยการรวมโรงเหล้าในปี พ.ศ. 2529 ทำให้ตระกูลเตชะไพบูลย์สูญเสียรายได้และกำไรในธุรกิจสุราเป็นอย่างมาก รวมถึงการแข่งขันระหว่างแม่โขง-หงส์ทอง ที่ทำให้ตลาดเหล้าสีสะเทือน ส่งผลไปถึงรายได้ของเตชะไพบูลย์ในภาพรวม ทั้งยังเพิ่มรอยร้าวในตระกูล ชนิดที่ว่า “ตั้วเสี่ย” อุเทน กับ “ซาเสี่ย” สุเมธ ไม่มองหน้าเหยียบเข้าตึกออฟฟิศของกันและกัน

ในปี 2533 คลอสเตอร์เบียร์ ใกล้หมดสัญญาเช่าใช้สิทธิ์ทางปัญญาผลิตเบียร์จากบริษัทเบราเออร์ไรเบ็คส์ จึงต่ออายุสัญญาด้วยการเพิ่มค่าเช่าใช้สิทธิ์เป็น 10% ของยอดขาย จากเดิมที่เคยจ่ายเพียง 5% เท่ากับต้นทุนเพิ่มขึ้นเท่าตัว

ในปี 2534 สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กระโดดเข้าเล่นการเมืองเต็มตัว ทิ้งเบียร์คลอสเตอร์ให้อยู่กับทายาทตระกูลเตชะไพบูลย์สายตรง คือวิมล เตชะไพบูลย์ ร่วมกับศิลป์ชัย ชัยสิทธิเวช นักการตลาดชั้นนำ ผู้คิดคำว่า “ความสุขที่ทุกคนดื่มได้” ที่ติดหูคนในยุคนั้น

ปี 2535 เกิดพฤษภาทมิฬ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สับขั้วย้ายข้างหลายครั้ง จนมาอยู่พรรคชาติพัฒนาและตั้ง “กลุ่ม 16” ในปี 2536 พร้อมข่าวลือตั้งพรรคประชารัฐ รองรับพลอากาศเอก ประเสริฐ โรจนนิล มาเล่นการเมือง ในจุดนั้น ภาพจำของสมพงษ์ ก็ไม่ใช่นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ริเริ่มผลิตเบียร์ท้าเจ้าวงการ แต่กลายเป็นนักการเมืองหัวหน้ากลุ่มที่เขี้ยวลากดินพร้อมจะพลิกขั้วย้ายข้างเสียแล้ว

และจุดจบก็มาถึง ในปี 2540 วิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้ธนาคารศรีนคร แกนหลักของธุรกิจเครือเตชะไพบูลย์ ล่มสลายลงพร้อมกับธุรกิจอื่นๆ บริษัทคลอสเตอร์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือธุรกิจของตระกูลเตชะไพบูลย์ ก็ถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ไปพร้อมกับสิทธิ์การผลิตที่ต่อสัญญากับทางเยอรมัน รวมถึงเครื่องหมายการค้าต่างๆ และตกมาอยู่ในกำมือของ “บุญรอด บริวเวอรี่” แห่งค่ายสิงห์ คู่แข่งในอดีตที่ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” เคยคิดจะเอาชนะ ได้อย่างน่าเจ็บใจ

และกลายเป็นว่า “เบียร์ช้าง” แห่งค่ายไทยเบฟ ซึ่งรบกันกับตระกูลเตชะไพบูลย์ในกรณีสงครามแม่โขง ใช้วิธี “ขายเหล้าพ่วงเบียร์” จนเอาชนะเบียร์สิงห์ได้ กลายเป็นเจ้าอาณาจักรสุราเมรัยของประเทศไทยและขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในที่สุด

เบียร์คลอสเตอร์ ที่เคยยิ่งใหญ่ เป็นที่รู้จักและเป็นความทรงจำของคนจำนวนมาก ก็ถูกกลืนหายไปบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของแบรนด์ในประเทศไทย เช่นเดียวกับบทบาททางธุรกิจของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ในอดีต

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/kloster-beer/

ป้องกันไม่ให้บัญชี Instagram ถูกแฮ็ก ด้วยการเปิดใช้ Two-Factor Authentication

Instagram ถือเป็นบริการโซเชียลที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และมีคนไทยใช้กันเป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้มีชื่อเสียง ดารา นักร้อง ฯลฯ และปัญหาที่เราพบได้บ่อยๆ ตามหน้าสื่อ คือ “บัญชี Instagram โดนแฮ็ก” (ไม่ว่าจะแฮ็กจริงหรือทำให้ดูเหมือนถูกแฮ็กก็ตาม)

ในฐานะที่ Blognone สนใจประเด็นเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ จึงขอนำเสนอ Howto ง่ายๆ ในการป้องกันบัญชี Instagram ของเรา

No Description

เสริมแกร่ง Instagram ด้วยรหัสชุดที่สอง

หลักการพื้นฐานของการป้องกันบัญชีออนไลน์ใดๆ ก็ตามคือ “รหัสผ่านไม่ใช่วิธียืนยันตัวตนที่ปลอดภัย” เพราะเราอาจใช้รหัสผ่านซ้ำกับเว็บอื่น หรือเผลอเปิดเผยรหัสผ่านให้คนรู้จัก/คนใกล้ชิดทราบ ดังนั้นการป้องกันบัญชีออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพคือการเปิดใช้ระบบล็อกอิน 2 ปัจจัย (two-factor authentication) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้บัญชีอีกชั้น ไม่ฝากชีวิตไว้กับรหัสผ่านเพียงอย่างเดียว

การเปิดระบบล็อกอิน 2 ชั้นถือเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัยมาก สถิติล่าสุดจากไมโครซอฟท์เมื่อไม่กี่วันก่อน ระบุว่าสามารถป้องกันการแฮ็กบัญชีได้ถึง 99.9%

เมื่อพูดถึงคำว่า “ระบบล็อกอิน 2 ปัจจัย” อาจดูเข้าใจยาก แต่ในชีวิตจริง เราใช้งานระบบล็อกอิน 2 ปัจจัยกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะในแอพกลุ่มการเงิน-ธนาคาร ที่มักต้องให้เรายืนยันรหัสผ่านจาก SMS หรือเราที่เรียกกันติดปากว่า OTP (ย่อมาจาก One-Time Password)

กรณีของ Instagram ก็เช่นกัน ตัวบริการ Instagram รองรับการล็อกอิน 2 ปัจจัยมาตั้งแต่ปี 2016 และผู้ใช้ทุกคนสามารถเปิดใช้งานได้ง่ายๆ จากในแอพเลย

วิธีการเปิด Two-Factor Authentication ใน Instagram

เปิดแอพ Instagram และเลือกปุ่มรูปคน (Profile) ของเราเองที่อยู่มุมขวาล่าง จากนั้นกดตรงปุ่ม 3 ขีดที่มุมขวาบน และเลือก Settings ที่มุมขวาล่างอีกทีหนึ่ง

No Description

เมื่อเข้ามายังหน้า Settings แล้วเลือก Security > Two-Factor Authentication

No Description

เจอหน้าจอรูปการไขกุญแจดังภาพ ในหน้าจอถัดไป เราสามารถตั้งค่าได้ว่าต้องการยืนยันตัวตนชั้นที่ 2 ด้วยวิธีไหน ระหว่างการยืนยันโค้ดจาก SMS (Text Message) หรือการใช้แอพช่วยยืนยันตัวตน (เช่น Google Authenticator)

ยืนยันตัวตนผ่าน SMS

เป็นวิธีที่ทุกคนคุ้นเคยเพราะใช้งาน SMS OTP กันเป็นประจำอยู่แล้ว หากเรากดเปิดใช้งานแบบ Text Message สิ่งที่ต้องทำมีเพียงรอรับ SMS จากเบอร์โทรศัพท์ที่เราตั้งค่าไว้ในบัญชี Instagram แล้วกรอกตัวเลข 6 หลัก เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว (ในอนาคตถ้าจะล็อกอิน Instagram ที่อื่นหรือในมือถือเครื่องอื่น ก็กรอกรหัสผ่านแล้วรอกรอกโค้ดจาก SMS เช่นกัน)

No Description

ยืนยันตัวตนผ่าน Authentication App

การยืนยันตัวตนผ่าน SMS ยังมีช่องโหว่ เพราะอาจถูกดักข้อความ SMS ระหว่างทางได้ (เป็นช่องโหว่ของระบบ SMS ที่เราไม่สามารถป้องกันได้เอง)

ผู้ที่กังวลเรื่องความปลอดภัยจริงๆ จึงมักใช้โค้ดจากแอพที่เรียกว่า Authentication ที่ปลอดภัยกว่า เพราะรหัสผ่านไม่ต้องวิ่งผ่านเครือข่าย SMS ของโอเปอเรเตอร์ แอพกลุ่มนี้มีให้เลือกใช้งานหลายตัว แต่ที่นิยมและมีความน่าเชื่อถือสูงคือ Google Authenticator ซึ่งเป็นแอพของกูเกิลเอง

ผู้ที่สนใจล็อกอินด้วยวิธีการนี้ จำเป็นต้องติดตั้งแอพ Google Authenticator ก่อน (มีทั้ง Android/iOS และสามารถใช้กับบริการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของกูเกิลได้ด้วย) สามารถอ่านวิธีการได้จาก เพิ่มความปลอดภัยให้บัญชี Google ด้วยการเปิดใช้ระบบล็อกอินสองชั้น

ชาว Blognone ส่วนใหญ่น่าจะมี Google Authenticator (หรือแอพลักษณะเดียวกัน) ใช้งานกันอยู่แล้ว ถ้ามีแอพพร้อมอยู่แล้วก็ไม่ยาก เพียงเลือกวิธีการยืนยันตัวตนใน Instagram เป็น Authentication App แล้วกด Next ระบบก็จะส่งโค้ดของ Instagram ให้เราเลือกบันทึกในแอพ Google Authenticator ทันที

No Description

จากนั้นเราก็กรอกโค้ด 6 ตัวของ Instagram ที่ได้จาก Google Authenticator กลับมายัง Instagram ก็เรียบร้อย

เมื่อเปิดระบบ Two-Factor Authentication ครบหมดแล้วก็จะเห็นหน้าจอดังภาพ

No Description

เท่านี้ก็ถือว่าบัญชี Instagram ของเราแข็งแกร่ง ปลอดภัยจากกรณีการถูกแฮ็กบัญชีแล้ว ต่อให้คนอื่นรู้รหัสผ่านของเราก็ไม่สามารถล็อกอินได้ เพราะต้องมากรอกโค้ดยืนยันตัวตนจาก SMS/Authenticator อีกชั้นหนึ่ง (เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นการจงใจแฮ็กบัญชีตัวเอง ที่คงไม่มีระบบอะไรป้องกันได้)

เปิดใช้ Two-Factor Authentication กับบัญชีออนไลน์อื่นๆ

ปัจจุบันบัญชีออนไลน์ของบริษัทใหญ่ๆ ของรับ Two-Factor Authentication กันหมดแล้ว สามารถอ่านวิธีการได้จากบทความซีรีส์นี้

from:https://www.blognone.com/node/111630

แนะนำ 5 Notebook จาก Acer รุ่นใหม่ใช้ SSD ราคาเริ่ม 15,990 บาท รุ่นไหนดีที่สุด แรงสุด คุ้มค่าค่าที่สุด

ช่วงนี้หลายๆ แบรนด์ มีการนำเสนอโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ออกมามากมาย สำหรับแบรนด์ Acer เองก็มีอยู่หลากหลายรุ่นด้วยกัน โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำคัดเลือกฟันธงการเลือกซื้อ Acer Notebook กันในงบประมาณ 20,000 บาท ว่ามีรุ่นไหนน่าซื้อน่าสนใจกันบ้าง ซึ่งมีให้เลือกทั้งรุ่นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 ตระกูล U/H ตัวแรง หรือ AMD Ryzen 3000 Series ตระกูล U ที่ได้ทั้งประสิทธิภาพและความคุ้มค่า รวมไปถึงบางรุ่นก็ได้การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA ที่เล่นเกมได้ลื่นไหล

ทั้งนี้ทั้งนั้นโน้ตบุ๊ค Acer รุ่นใหม่ทุกรุ่นที่แนะนำ ต้องมาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 8GB เป็นมาตรฐาน และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 ที่ใช้งานได้ลื่นไหล (บางรุ่นอาจจจะอัพเกรดเพิ่ม HDD ได้ภายหลัง) นอกจากนี้หน้าจอต้องเป็นความละเอียดแบบ Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สวยงามเนียนตา และปิดท้ายด้วยระบบปฏิบัิตการ Windows 10 แท้ ใช้งานได้ทันทีที่เปิดเครื่องครั้งแรก ในราคาเริ่มต้นที่ 15,990 บาท จนไปถึงประมาณ 20,000 บาทต้นๆ แบ่งเป็น 5 รุ่นดังต่อไปนี้

1. Acer Aspire 3 A315-55G-550G ราคา 15,990 บาท

Acer Aspire 3 A315-55 รุ่นนี้จัดได้เป็นโน้ตบุ๊คที่เน้นในเรื่องของความครบครันคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายงบหมื่นบาทกลางๆ ด้านการออกแบบดีไซน์ของ Acer Aspire 3 A315 รุ่นนี้จะมาในสไตล์เรียบๆ ได้หน้าจอแบบขอบจอบาง โดยลักษณะรวมแล้วเป็นสีดำแบบด้านและมีลักษณะพื้นผิวแบบเรียบๆ แต่ดูดี มาพร้อมสเปกและประสิทธิภาพการใช้งานที่ครบครัน ด้วยงบประมาณในเลือกซื้อที่ไม่แพงจนเกินไป ด้านการออกแบบดีไซน์ใหม่นี้จะมาในสไตล์เรียบง่าย แต่มีความสวยงาม โดดเด่นจากการที่เป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอขนาด 15.6″ ที่มีน้ำหนักเพียง 1.9 กิโลกรัมเท่านั้นเอง

ได้สเปกเป็นชิป Intel Core i5-8265U (Whisky Lake) ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.6 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.9 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel UHD Graphics 620 ที่ติดมาในซีพียูจาก Intel พร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce  MX230 ที่แรงพอเล่นเกมออนไลน์ได้บ้าง มาพร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 ที่เพียงพอ สนับสนุนการทำงานลื่นไหลด้วย SSD ความจุ 256GB ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใช้งานได้ทันทีตั้งแต่เปิดเครื่องในครั้งแรก กับราคาเพียง 15,990 บาท ถือว่าราคาถูกมากๆ ทีเดียว

2. Acer Aspire 3 A315-42-R84Q ราคา 18,990 บาท

วัสดุตัวเครื่องของ Acer Aspire 3 A315-42 ใช้เป็นพลาสติกเกรดสูงตามสมัยนิยม งานประกอบโดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียว เทียบแล้วทำได้ดีพอๆ กับรุ่นก่อนหน้า เรียกได้ว่ารูปลักษณ์ของเครื่องนั้นเหมาะสมกับราคาที่ให้มา ซึ่งรูปทรงของ Acer Aspire 3 A315-42 อาจจะไม่ใช้สายบางเบามากมายอะไร ด้วยหน้าจอขนาด 15.6″ แบบขอบจอบาง โดยมีน้ำหนักที่ 2.1 กิโลกรัม ก็นำไปใช้งานจริงในเรื่องของการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้แบบสบายๆ อยู่ เหมาะกับคนที่เน้นคุ้มค่าใช้งานมันทุกรูปแบบ

โดยเป็นการอัพเดทสเปคภายในเริ่มต้นเป็น AMD Ryzen 7 3700U ตัวแรง ความเร็ว 2.3 – 40 GHz ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด พร้อมการ์ดจอออนบอร์ด AMD Radeon RX Vega 10 ที่รองรับทุกๆ การใช้งานตามมาตรฐาน ซึ่งพอจะเล่นเกมได้ในระดับนึง ส่วนแรมก็ได้มา 8GB ซึ่งพอใช้งานได้ ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe ที่ความจุ 512GB สำรองไฟล์ต่างๆ ได้อย่างสบายๆ หน้าจอ 15.6″ที่ 1920 x 1080 พิกเซล Full HD  นับว่าคุ้มค่าจริงๆ กับราคาเพียง 18,990 บาท ได้ Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที นับว่าเป็นโน้ตบุ๊คที่มีค่าตัวไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของชิปประมวลผล

3. Acer Nitro 5 AN515-52-53TU ราคา 19,990 บาท

Acer Nitro 5 รุ่นปี 2019 เหมาะกับคนเน้นเล่นเกมเป็นหลัก ได้สเปกเป็น i5-8300H + GTX 1050 พร้อมได้ RAM 8GB + SSD 512GB ราคาเพียง 19,990 บาท สเปกแรงพอตัว เล่นเกมลื่นไหล นับว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจสำหรับการเลือกซื้อ Gaming Notebook แม้การออกแบบดีไซน์จะเป็นแบบรุ่นก่อนหน้า รวมไปถึงสเปกก็ไม่ได้ใหม่ล่าสุด แต่โดยรวมแล้วถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาไม่ถึง 20,000 บาท สมกับที่ได้ Best Value Gaming Notebook ในช่วงต้นปี 2019 ที่ผ่านมา ที่สำคัญยังได้ประกันเทพๆ แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน 3 ปี พร้อมซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง รวมถึงมีเครื่องสำรองใช้งานระหว่างซ้อมอีกด้วย

สำหรับ Acer Nitro 5 รุ่นนี้ (Acer Nitro 5 AN515-52) ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล​อย่าง Intel Core i5-8300H ความแรงที่ได้ใกล้เคียงกับ Core i5-9300H รุ่นปัจจุบัน จับคู่มากับการ์ดจอรุ่นยอดนิมยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (4GB GDDR5 ) ซึ่งดีกว่ารุ่นล่าสุดในแง่ของแรมภายใน เน้นความแรงและคุ้มค่าเป็นหลัก สเปกอื่นๆ อย่างหน่วยความจำแรมได้มาเลยที่ 8GB DDR4 ส่วนที่เก็บข้อมูลก็ติดตั้งมาเลยแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อมอัพเกรดเพิ่ม  HDD 2.5″ ได้ภายหลังด้วย

4. Acer Aspire 5-A515-54G-5362 ราคา 20,990 บาท

สำหรับ Acer Aspire 5-A515 ในเรื่องของการดีไซน์มีปรับดีไซน์ใหม่ พร้อมสีสันให้เลือกคือสีเงินและสีดำ ตามยุคสมัยของโน้ตบุ๊คปี 2019 ที่เน้นมิติตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ด้วยขอบหน้าจอที่บางลง พร้อมตัวเครื่องมีความบางที่ 17.95 มิลลิเมตร ที่ความเบาเพียง 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น โดยใช้วัสดุประกอบหลักเป็นพลาสติกและโลหะซึ่งทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง และบางดูเผินๆ ก็แอบคล้าย Acer Swift 3 / Swift 5 เหมือนกัน ต่างกันแค่ลดความเป็น Ultrabook ลงให้ดูเป็นโน้ตบุ๊คทำงานมากกว่า ซึ่งส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วเรียบง่าย ไม่หวือวา ไม่สะดุดตาหนัก

Acer Aspire 5-A515 ได้สเปกเป็นชิป Intel Core i5-8265U (Whisky Lake) ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.6 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.9 GHz พร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce  MX250 มาพร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 ที่เพียงพอ สนับสนุนการทำงานลื่นไหลด้วย SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10  ทั้งการทำงานต่างๆ บันเทิงดูหนังฟังเพลง รวมไปถึงการเล่นเกมออนไลน์ เครื่องนี้สามารถใช้งานได้ดีเลยทีเดียวเหมาะสมกับราคาที่ได้ ซึ่งสามารถใช้งานทั่วๆ ไปได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากเอาจะไปเล่นเกมหนักๆ ตัดต่อวิดีโอก็คงจะไม่ไหวนัก ส่วนเกมที่กินสเปคไม่มากอย่าง DOTA 2, Overwatch, Fifa Online หรือ CS:GO ก็เล่นได้ลื่นไหลหายห่วง

5. Acer Swift 3-SF314-56G-599R ราคา 21,990 บาท

Acer Swift 3 (SF314-56G) ใช้วัสดุประกอบหลักเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์คุณภาพดี มีให้เลือก 3 สีสันคือ สีชมพู Sakura Pink, สีน้ำเงิน Stellar Blue และสีแดง Lava Red โดยทั้งตัวเครื่องให้ความบางเบาแต่แข็งแรง เรียกได้ว่าได้รับการพัฒนาต่อยอดจากโน้ตบุ๊คบางเบาของทาง Acer ได้เป็นอย่างดีที่มาพร้อมราคาที่คุ้มค่า ส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าราคาไปมาก โดยมาพร้อมกับบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.35 กิโลกรัมเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอขนาด 14 นิ้ว แต่ตัวเครื่องเทียบเท่ากับรหน้าจอ 13.3″ อย่างรุ่นก่อนๆ ที่บางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง เหมาะกับคนที่เน้นพกพา เน้นสวยงาม พรีเมียม

ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-8265U (Whisky Lake) ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.6 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.9 GHz ส่วนการ์ดจอออนอบร์ดก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel UHD Graphics 620 ที่ติดมาในชิปประมวลจาก Intel พร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce  MX250 ที่แรงระดับ GTX 950M ทำให้พอเล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ แต่ให้ความร้อนที่น้อย มาพร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 ที่เพียงพอ สนับสนุนการทำงานลื่นไหลด้วย SSD ความจุ 256GB ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใช้งานได้ทันทีตั้งแต่เปิดเครื่องในครั้งแรกmกับราคาเพียง 21,990 บาท ถือว่าไม่แพงเลย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับบทความนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีของคนที่กำลังหาซื้อโน้ตบุ๊คอยู่พอดี สามารถเลือกซื้อได้ตามงบประมาณกันได้เลย ซึ่งที่คัดมาแล้ว 5 รุ่นจัดได้ว่าดีที่สุด แรงสุด คุ้มค่าค่าที่สุด ของทาง Acer กันแล้วล่ะ

from:https://notebookspec.com/recommend-5-model-acer-price-start-15990-baht-sep-2019/491720/

Apple ประกาศเปลี่ยนหน้าจอ Apple Watch Series 2 และ 3 ฟรี กรณีร้าวเป็นแนวตามขอบหน้าปัด

แอปเปิลประกาศโปรแกรมรับเปลี่ยนหน้าจอ Apple Watch Series 2 และ Series 3 ให้ฟรี จากปัญหาหน้าจอร้าว

อย่างไรไม่ใช่ว่าใครจอร้าวจะไปขอเปลี่ยนได้ เพราะแอปเปิลชี้แจงลักษณะปัญหานี้ว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้ยากมาก (very rare) โดยรอยร้าวจะเกิดเป็นเส้นตามแนวขอบหน้าจอ พบในรุ่นกรอบอลูมิเนียมเฉพาะใน Series 2 และ 3 การร้าวจะเริ่มที่ด้านหนึ่งแล้วค่อย ๆ ขยายเป็นแนวยาวรอบเครื่อง (ดูรูประกอบ)

หากลูกค้าพบอาการหน้าจอร้าวในแบบดังกล่าว สามารถขอเปลี่ยนหน้าจอใหม่ที่ศูนย์ AASP หรือ Apple Store ได้ฟรี

ที่มา: แอปเปิล

alt="Apple Watch"

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/111629

ฝาลังอิชิตัน ลุ้นรถ รวยทอง ภาค 2 มูลค่า 7 ล้านบาท

กิจกรรม อิชิตันยกลัง ลุ้นรถ ลุ้นทองคำ ภาค 2 กลับมาอีกครั้ง กับการให้ส่งฝาลังส่วนข้าง ของลังอิชิตัน และเย็นเย็น เพื่อลุ้นรางวัลใหญ่ รถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ จำนวน 4 คัน และของคำหนัก 1 บาท อีกกว่า 80 รางวัล รวมมูลค่าแล้วกว่า 7,258,000 บาท

รายละเอียดการร่วมสนุก

วิธีที่หนึ่ง ตัดชิ้นส่วนคูปองสินค้าอิชิตัน และเย็นเย็น

  • เขียนชื่อ – นามสกุล หรือชื่อร้าน(ถ้ามี) พร้อม ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ด้วยลายมือเท่านั้น โดย ส่งชิ้นส่วนคูปองมายังตู้ ปณ. บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ปณ. 1 ปณศ.พระโขนง กรุงเทพฯ 10110
  • หรือสามารถหย่อนชิ้นส่วนคูปองในกล่องรับชิ้น ส่วนกับร้านค้าที่ร่วมรายการ และแมคโครทุกสาขา

วิธีที่สอง สะสมชิ้นส่วนข้างลัง อิชิตัน และเย็นเย็น จำนวน 40 ชิ้น

เพื่อแลกรับเสื้อยืดจำนวน 1 ตัว กับร้านค้าที่ ร่วมรายการ และส่งชิ้นส่วนมายังตู้ ปณ. บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ปณ. 1 ปณศ.พระโขนง กรุงเทพฯ 10110

  • จับรางวัล ครั้งที่ 1 (25 ก.ย. 2562) : หมดเขตรับชิ้นส่วน 20 ก.ย. 2562 / ประกาศผล 27 ก.ย. 2562
  • จับรางวัล ครั้งที่ 2 (25 ต.ค. 2562) : หมดเขตรับชิ้นส่วน 20 ต.ค. 2562 / ประกาศผล 27 ต.ค. 2562
  • จับรางวัล ครั้งที่ 3 (25 พ.ย. 2562) : หมดเขตรับชิ้นส่วน 20 พ.ย. 2562 / ประกาศผล 27 พ.ย. 2562
  • จับรางวัล ครั้งที่ 4 (25 ธ.ค. 2562) : หมดเขตรับชิ้นส่วน 20 ธ.ค. 2562 / ประกาศผล 27 ธ.ค. 2562

from:http://www.9tana.com/node/fha-lang-ichitan/

Samsung Galaxy A90 5G ถูกปล่อยภาพหลุดออกมาแล้ว

สมาร์ทโฟน Galaxy A90 ถูกลือมาอย่างยาวนาน ก่อนที่ Samsung จะออก Galaxy A series ในปีนี้ แล้วกำลังทำซ้ำด้วยการต่อท้าย s เข้าไป แต่ Galaxy A90 ยังไม่ได้รับการเปิดตัวอย่างทางการ อย่างไรก็ตาม Galaxy A90 ยังอยู่ในแผนของ Samsung ต่อไป และมันจะเป็นสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดของ Galaxy A series ในปีนี้

ภาพหลุดล่าสุดของ Samsung Galaxy A90 ยืนยันว่าจะเปิดตัวภายในปี 2019 อย่างแน่นอน โดยใช้รหัสรุ่น SM-A908N รองรับเครือข่าย 5G มาพร้อมกล่องหลัง 3 ตัว และกล้องเซลฟี่วางอยู่ในรอยบอกรูปตัวยู ซึ่ง Samsung เรียกว่า Infinity-U Display

แหล่งข่าวเชื่อว่า Samsung Galaxy A90 จะมาพร้อมจอแสดงผล FullHD+ Super AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล กล้องมุมกว้างพิเศษ 8 ล้านพิกเซล กล้องจับระยะชัดลึก 5 ล้านพิกเซล และคาดว่าจะมาพร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 855 ซึ่งเป็นชิปรุ่นเดียวกับที่พบในเรือธง Galaxy S10 series

ที่มา – Gizchina
https://www.flashfly.net/wp/264984

from:https://www.flashfly.net/wp/264984

VMware ทุ่มเงินกว่า 4.8 พันล้านเหรียญฯ ซื้อกิจการ Pivotal และ Carbon Black

VMware กล่าวระหว่างการแถลงผลการดำเนินงานช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตนเองมีแผนที่จะใช้เงินลงทุนกว่า 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัทพัฒนาคลาวด์ Pivotal และผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยชื่อ Carbon Black

โดยแยกเป็นเงินจำนวน 2.7 พันล้านเหรียญฯ สำหรับบริษัท Pivotal และเทคโนโลยีพัฒนาคลาวด์แบบไฮบริดจ์ Cloud Foundry และอีก 2.1 พันล้านเหรียญสำหรับบริษัทด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย Carbon Black

ซึ่งสำหรับ Carbon Black นั้นจะรวมถึงผลิตภัณฑ์ Predictive Security Cloud และซอฟต์แวร์ความปลอดภัยสำหรับเอนด์พอยต์ตัวอื่นด้วย สำหรับตัวเลขที่ระบุนี้คำนวณจากมูลค่าขององค์กรที่มีการตกลงกันไว้ แต่ราคาที่จะซื้อจริงอาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย

VMware มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับสองบริษัทดังกล่าว โดยเทคโนโลยีของ Carbon Black ก็อยู่เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยสำหรับเอนด์พอยต์ AppDefense ของ VMware ขณะที่ Pivotal ก็มีความสัมพันธ์ตั้งแต่สมัย VMware และ Dell ที่เป็นบริษัทแม่ ซึ่งแตกออกมาเป็น Pivotal เมื่อปี 2013

ที่มา : Networkworld

from:https://www.enterpriseitpro.net/vmware-spends-4-8b-to-grab-pivotal-carbon-black/

หลุดภาพกล่อง Galaxy A90 5G เผยหน้าจอ Infinity-U, กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมข้อมูลสเปคบางส่วน

ลือกันมานานแสนนาน เกี่ยวกับมือถือรุ่นท็อปซีรีส์ Galaxy A อย่าง Galaxy A90 ซึ่งคาดว่ามันจะเป็นมือถือรองรับระบบ 5G ที่มีราคาย่อมเยาลงมาจาก Galaxy S10 5G และ Note 10 5G ซึ่งล่าสุดก็ได้มีภาพหลุดของกล่องใส่มือถือรุ่นดังกล่าวออกมาให้เห็นหน้าตากันแล้ว รวมถึงยังมีสเปคคร่าวๆ ที่อยู่ข้างหลังกล่องอีกด้วย

เริ่มจากภาพกล่องด้านหน้าที่เผยโฉมหน้าตาของ Galaxy A90 5G รุ่นนี้กันซักที จากตอนแรกที่มีข่าวลือออกมาว่ามันอาจจะมีดีไซน์แบบกล้องป๊อปอัพ หรืออาจจะใช้การสไลด์ตัวเครื่องเหมือนกับ Galaxy A80 แต่สุดท้ายแล้ว Gaalxy A90 กลับใช้ดีไซน์ง่ายๆ ด้วยหน้าจอแบบ Infinity-U สำหรับวางกล้องเซลฟี่ ด้านหลังมีกล้อง 3 ตัว + แฟลช วางเป็นแนวตั้งอยู่ที่ริมซ้ายบน นูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย

มีดีไซน์ขอบเครื่องโค้งมนสีเงินมันวาว และมีฝาหลังที่เหมือนจะเป็นสีแบบ Two-Tone ขาวเทา ด้านขวามีปุ่ม Power และปุ่มปรับเสียง

กล่องด้านหลังมีสเปคคร่าวๆ ของ Galaxy A90 5G บอกเอาไว้ โดยรุ่นนี้มีความจุอยู่ที่ 128GB (คาดว่าจะมีรุ่นที่ความจุเยอะกว่านี้ด้วย), RAM 6GB, หน้าจอ Infinity-U แบบ sAMOLED ความละเอียด FHD+, กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องความละเอียด 48MP + 5MP + 8MP, กล้องหน้า 32MP, รองรับชาร์จไว 25W และใช้ CPU Octa Core ที่ตามข้อมูลก่อนหน้านี้บอกว่าจะเป็น Snapdragon 855

ลองได้มีภาพกล่องพร้อมสเปคบางส่วนหลุดออกมาขนาดนี้แล้ว คาดว่าอีกไม่นานเราน่าจะได้เห็นข้อมูลอื่นๆ ทะยอยหลุดตามออกมาอีกเรื่อยๆ แน่นอนครับ

 

ที่มา : Slashleak, OnLeaks

from:https://droidsans.com/galaxy-a90-5g-retail-box-leaked/

ดูบอลสด ลิเวอร์พูล พบ เบิร์นลี่ย์ ช่องทรูพรีเมียร์ฟุตบอล HD 1

โปรแกรมการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2019-2020 คืนนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 8 คู่ สำหรับแฟนลิเวอร์พูล ช่องทรูพรีเมียร์ฟุตบอล HD 1 ถ่ายทอดสดการบุกไปเยือน เบิร์นลี่ย์ เวลา 23:30 น. ตามเวลาประเทศไทย สามารถรับชมได้ทางช่อง 600 กล่องทรูวิชชั่น หรือผ่านแอพ True ID และกล่อง True ID TV

รายชื่อ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

เบิร์นลีย์ : นิค โปป, แมธทิว ลอว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, อีริค ปีเตอร์ส, แจฟ เฮนดริกซ์, แจ็ค ค็อร์ก, แอชลีย์ เวสต์วูด, ดไวท์ แมคนีล, แอชลีย์ บาร์นส์, คริส วูด

ลิเวอร์พูล : อาเดรียน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์, ฟาบินโญ, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์

from:http://www.9tana.com/node/epl-2019-burnley-liverpool/

ชมภาพเรนเดอร์ OnePlus 7T Pro และ 7T Pro McLaren Edition ดีไซน์ไม่ต่างจากรุ่น 7 Pro มากนัก

Steve Hemmerstoffer เจ้าของบัญชี Twitter @OnLeaks ร่วมกับเว็บไซต์ 91Mobiles ปล่อยภาพเรนเดอร์ของสมาร์ทโฟนเรือธง OnePlus 7T Pro ออกมาแล้ว พร้อมด้วยรุ่นพิเศษ OnePlus 7T Pro McLaren Edition ซึ่งนับเป็นรุ่นที่ 2 ถัดจาก OnePlus 6T McLaren Edition ที่เปิดตัวในปีที่แล้ว

Steve Hemmerstoffer เคยปล่อยภาพเรนเดอร์ของ OnePlus 7T ออกมาให้ชมกันแล้ว ซึ่งมีดีไซน์ที่แตกต่างไปจาก OnePlus 7 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกล้องหลัง แต่สำหรับภาพเรนเดอร์ OnePlus 7T Pro ยังมีส่วนคล้ายกับ OnePlus 7 Pro ทั้งตำแหน่งกล้องหลัง และกล้องเซลฟี่แบบป๊อปอัพ

แหล่งข่าวคาดว่า OnePlus 7T Pro และ 7T Pro McLaren Edition จะมาพร้อมจอแสดงผล Fluid AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรช 90Hz พร้อมฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ

คาดว่า OnePlus 7T และ OnePlus 7T Pro จะได้รับการเปิดตัวในวันที่ 26 กันยายนนี้

ที่มา – 91Mobiles
https://www.flashfly.net/wp/264975

from:https://www.flashfly.net/wp/264975